
หลังการซื้อซองประมูลพัฒนาเมืองการบินอู่ตะเภา สนามแข่งขันแห่งนี้ก็เงียบสงัดเหมือนอยู่ในเมืองลับแล ไม่มีข่าวอะไรเล็ดลอดออกมาให้ชาวประชาได้รู้เลยว่า ทำอะไรกันไปถึงไหนแล้ว
แต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กลับมีข่าวฮือฮาให้คึกคักสมกับที่รอคอยกันมานาน ทั้งข่าว ซีพีตกม้าตาย, บีทีเอสเล่นเล่ และแกรนด์กระทืบซ้ำ จากกรณีที่กลุ่มบีทีเอส ถ่ายภาพร้องเรียนว่า กลุ่มซีพีต้องตกม้าตายกลางทาง เพราะส่งกล่องเอกสารการประมูลกล่องที่ 2 และ 3 ไม่ทันเวลา จนทางซีพีต้องวิ่งไปซบอกศาลปกครอง
ต่อมาทางคุณสวัสดิ์ หอรุ่งเรือง ประธานกลุ่มแกรนด์ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อ เหมือนกระทืบแผลซีพีให้ช้ำเข้าไปอีกว่า เห็นกะตาซีพีมาช้าจริง และยอมรับว่า ตนเองสนใจทำโครงการนี้ มาตั้งแต่สมัยสงครามเวียดนาม ...แหมลุงพอเห็นคู่แข่งเพลี่ยงพล้ำ ก็กะกระทืบซ้ำให้จมธรณีเชียวนะ นี่กะให้ฝันตั้งแต่สมัยสงครามเป็นจริงทันทีเลยใช่มั้ยเนี่ย 😊
ว่ากันในเรื่องของการขนส่งเอกสาร คุณสุจิตต์ เชาว์ศิริกุล รองผู้ว่าฯ รฟท. ได้ให้ความเห็นว่า กรณีการยื่นซองประมูลโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินนั้น มีเอกสารจำนวนมาก แต่พื้นที่การจัดเก็บและการขนส่งมีข้อจำกัด แม้คณะกรรมการกำหนดระยะเวลาให้ไม่เกิน 15.00 น. แต่ก็อนุญาตให้ขนกล่องเอกสารทั้งหมดภายหลังพ้นระยะเวลาที่กำหนดได้
แต่ในส่วนของกองทัพเรือกลับยืนยันแข็งขันว่าทำตาม RFP ไม่ใช่แค่เป็นเพียงวิสัยธรรมชาติของทหารเรือ ที่ตรงเผงยิ่งกว่าไม้บรรทัดอย่างเดียว แต่สำคัญกว่านั้นคือกลัวว่าจะถูกอีกสองกลุ่มฟ้องร้องเอานั่นเอง แม้ระหว่างทางซีพีจะโทรมาแจ้งแล้วก็ตาม
ประเด็นการขนเอกสารยังไม่ทันจบ แต่มีเรื่องใหม่น่าสนใจกว่า เพราะข่าวล่าสุดที่เชื่อถือได้หลุดออกมาว่า
คณะกรรมการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกกำลังจะประกาศผู้ผ่านคุณสมบัติซอง 1 ซึ่งปรากฏว่า มีกลุ่มตกรอบ เนื่องจากพันธมิตรจากอินเดียคุณสมบัติไม่ครบตามเกณฑ์ และบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นบริษัทหลักในกลุ่มนั้น ไม่ได้ซื่อซองประมูล ผิดเงื่อนไขในทีโออาร์ไปเต็ม ๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้หากข่าวนี้เป็นจริง ก็เรืยกได้ว่า กรรมสนองทันตาเห็น ตามสุภาษิตไทยที่ว่า ไม้ล้มข้ามได้ แต่คนล้มอย่าข้าม ยิ่งในการทำธุรกิจ ยิ่งไม่ควรเห็นใครเป็นศัตรู แต่ต้องเรียนรู้เพื่อเป็นพันธมิตรกับทุกฝ่าย ...อ้อ อันนี้ไม่เกี่ยว 😊
เมื่อเหลือแค่สองกลุ่ม ขณะที่กลุ่มหนึ่งอาการร่อแร่ ต้องรอมติศาลปกครอง ดังนั้นจึงดูเหมือนว่า มีอยู่กลุ่มหนึ่งแทบจะตีปีกพรึ่บ ๆ กันเลยทีเดียว แต่ก็อย่าเพิ่งวางใจนัก เพราะเกมอาจไม่ง่ายอย่างที่คิด อาจมีพลิกได้อีก เนื่องจากก่อนหน้านี้ก็เหมือนจะมีชนักติดหลังนิด ๆ ในเรื่องการเสนอชื่อสนามบินญี่ปุ่นเข้ามาภายหลัง จุดนี้จะเป็นการเอื้อกันเกินไปหรือไม่ จะมีใครเอามาหักล้างเรื่องความยุติธรรมเท่าเทียมหรือเปล่า หรืออาจจะมีเหตุอื่นที่ทำให้เกมนี้จบแบบตายกันหมด จนต้องเปิดประมูลกันใหม่หรือไม่ ต้องอดใจรออีกแพร้บ เอาใจช่วยกองทัพเรือที่ต้องทำงานหนัก ให้ความเป็นกลางและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยเฉพาะผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลักสำคัญ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ภาพจาก MGRONLINE และ thaipublica
ข่าวจากสื่อต่าง ๆ
จับตา ใครบ้างจะตกม้าตาย ในสนามประมูลเมืองการบินอู่ตะเภา
แต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กลับมีข่าวฮือฮาให้คึกคักสมกับที่รอคอยกันมานาน ทั้งข่าว ซีพีตกม้าตาย, บีทีเอสเล่นเล่ และแกรนด์กระทืบซ้ำ จากกรณีที่กลุ่มบีทีเอส ถ่ายภาพร้องเรียนว่า กลุ่มซีพีต้องตกม้าตายกลางทาง เพราะส่งกล่องเอกสารการประมูลกล่องที่ 2 และ 3 ไม่ทันเวลา จนทางซีพีต้องวิ่งไปซบอกศาลปกครอง
ต่อมาทางคุณสวัสดิ์ หอรุ่งเรือง ประธานกลุ่มแกรนด์ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อ เหมือนกระทืบแผลซีพีให้ช้ำเข้าไปอีกว่า เห็นกะตาซีพีมาช้าจริง และยอมรับว่า ตนเองสนใจทำโครงการนี้ มาตั้งแต่สมัยสงครามเวียดนาม ...แหมลุงพอเห็นคู่แข่งเพลี่ยงพล้ำ ก็กะกระทืบซ้ำให้จมธรณีเชียวนะ นี่กะให้ฝันตั้งแต่สมัยสงครามเป็นจริงทันทีเลยใช่มั้ยเนี่ย 😊
ว่ากันในเรื่องของการขนส่งเอกสาร คุณสุจิตต์ เชาว์ศิริกุล รองผู้ว่าฯ รฟท. ได้ให้ความเห็นว่า กรณีการยื่นซองประมูลโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินนั้น มีเอกสารจำนวนมาก แต่พื้นที่การจัดเก็บและการขนส่งมีข้อจำกัด แม้คณะกรรมการกำหนดระยะเวลาให้ไม่เกิน 15.00 น. แต่ก็อนุญาตให้ขนกล่องเอกสารทั้งหมดภายหลังพ้นระยะเวลาที่กำหนดได้
แต่ในส่วนของกองทัพเรือกลับยืนยันแข็งขันว่าทำตาม RFP ไม่ใช่แค่เป็นเพียงวิสัยธรรมชาติของทหารเรือ ที่ตรงเผงยิ่งกว่าไม้บรรทัดอย่างเดียว แต่สำคัญกว่านั้นคือกลัวว่าจะถูกอีกสองกลุ่มฟ้องร้องเอานั่นเอง แม้ระหว่างทางซีพีจะโทรมาแจ้งแล้วก็ตาม
ประเด็นการขนเอกสารยังไม่ทันจบ แต่มีเรื่องใหม่น่าสนใจกว่า เพราะข่าวล่าสุดที่เชื่อถือได้หลุดออกมาว่า
คณะกรรมการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกกำลังจะประกาศผู้ผ่านคุณสมบัติซอง 1 ซึ่งปรากฏว่า มีกลุ่มตกรอบ เนื่องจากพันธมิตรจากอินเดียคุณสมบัติไม่ครบตามเกณฑ์ และบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นบริษัทหลักในกลุ่มนั้น ไม่ได้ซื่อซองประมูล ผิดเงื่อนไขในทีโออาร์ไปเต็ม ๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เมื่อเหลือแค่สองกลุ่ม ขณะที่กลุ่มหนึ่งอาการร่อแร่ ต้องรอมติศาลปกครอง ดังนั้นจึงดูเหมือนว่า มีอยู่กลุ่มหนึ่งแทบจะตีปีกพรึ่บ ๆ กันเลยทีเดียว แต่ก็อย่าเพิ่งวางใจนัก เพราะเกมอาจไม่ง่ายอย่างที่คิด อาจมีพลิกได้อีก เนื่องจากก่อนหน้านี้ก็เหมือนจะมีชนักติดหลังนิด ๆ ในเรื่องการเสนอชื่อสนามบินญี่ปุ่นเข้ามาภายหลัง จุดนี้จะเป็นการเอื้อกันเกินไปหรือไม่ จะมีใครเอามาหักล้างเรื่องความยุติธรรมเท่าเทียมหรือเปล่า หรืออาจจะมีเหตุอื่นที่ทำให้เกมนี้จบแบบตายกันหมด จนต้องเปิดประมูลกันใหม่หรือไม่ ต้องอดใจรออีกแพร้บ เอาใจช่วยกองทัพเรือที่ต้องทำงานหนัก ให้ความเป็นกลางและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยเฉพาะผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลักสำคัญ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้