ไทม์ไลน์ การย้ายทีมของ อเล็กซิส เริ่มจากช่วงซัมเมอร์ หลังเหลือสัญญาปีเดียวกับอาเซน่อล ตอนนั้นมีคาวว่าสองทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์ ส่งเทียบเชิญมาร่วมทีม ด้วยค่าตัวสูงถึง 50 ล้านปอนด์
ไม่ว่าจะเหตุผลกลใด อเล็กซิส ไม่ได้ย้ายทีมและอยู่ช่วยทีมต่อไปอีก เบื้องต้นคาดว่าก็คงหมดสัญญา แต่ก็กลายเป็นว่าอเล็กซิส ตัดสินใจย้ายทีมช่วงตลาดหน้าหนาว ด้วยค่าตัวที่ประเมินค่าไม่ได้
ที่บอกว่าประเมินค่าไม่ได้ เพราะหนึ่งในสัญญาคือ ต้องส่ง มาร์คิตยาน สลับขั้วไป ซึ่งตอนที่มาร์คิตยาน ย้ายทีมมา มีค่าตัวที่ 26.3 ล้านปอนด์ ด้วยสัญญายาว 5 ปี เฉลี่ยปีละ 5.3 ล้านปอนด์โดยประมาณ เวลาผ่านไปประมาณ 2 ปีครึ่ง ค่าตัวของมาคิตยาน จาก 26.3 ล้านปอนด์ จึงเหลือเพียง 13.15 ล้านปอนด์
เท่ากับว่าค่าตัวของ อเล็กซิส ซานเชส มีค่าตัวประมาณ 13 ล้านปอนด์ บวกด้วยสัญญาอีก 4 ปี ซึ่งค่าตัวถือว่าถูกมาก เมื่อเทียบกับค่าตัวเมื่อช่วงซัมเมอร์ สโมสรซึ่งนำโดย เอ็ด วู้ดเวิร์ด ก็จัดการประเคนค่าเหนื่อย ที่ว่ากันว่าแพงที่สุดในสโมรสร คือ 500,000 ปอนด์ ต่อสัปดาห์ บวกกับถ้าได้ลงสนาม จะเพิ่มอีก 75,000 ปอนด์ โดยทำลายทุกประเพณีของสโมสร
ถ้าอยากรู้ว่าในระยะเวลา 4 ปีของเจ้าตัว จะต้องเอา 575,000 ปอนด์ คูณด้วย 52 เดือน แล้วคูณด้วย 4 ปี ซึ่งเท่ากับ 120 ล้านปอนด์ ยังไม่รวมออปชั่นอื่นอีกต่างหาก
ก่อนหน้านี้นักเตะที่ค่าเหนื่อยแพงที่สุดของยูไนเต็ดคือ 300,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ของเวยน์ รูนีย์ และตามมาด้วยพอล ปอกบา ที่ย้ายมาร่วมทีมด้วยค่าตัว 88 ล้านปอนด์
นั่นหมายความว่า ถ้าส่งอเล็กซิส ลงสนามในสัปดาห์นั้น จะมีเงินโอนเข้าบัญชีของดาวเตะทีมชาติชิลี 575,000 ปอนด์เลยทีเดียว คิดเป็นเงินไทยก็แค่ 23,575,000 บาทเท่านั้น เพียงแค่ขับรถไปสนามบอล ในวันจันทร์ อเล็กซิส จะได้ค่าจ้าง 3.3 ล้านบาท !!! ครับ
แต่พอเราดูนักเตะคนอื่นในทีม อย่างพอล ปอกบา ที่เป็นหัวใจในแดนกลาง ต้องเล่นสองสัปดาห์ ถึงมีค่าเหนื่อยเท่าอเล็กซิส ขณะที่ดาบิด เด เกอา ต้องเซฟพัลวัน ยังมีค่าเหนือยที่ 200,000 ต่อสัปดาห์โดยประมาณ
เวลาผ่านไป อะไรเกิดขึ้น ก็คือนักเตะในทีมที่วิ่งเป็นม้าศึกในสนาม แต่ไม่ได้รับค่าเหนื่อยมหาศาลอย่างอเล็กซิส สปิริตในทีมก็พังครืนลงมา แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้
เอเรร่า มาต้า จ่อย้ายทีมในช่วงซัมเมอร์นี้ จริงอยู่อาจจะเป็นเพราะถึงเวลาที่ต้องถ่ายเลือดใหม่แล้ว หลังจากที่เฟอร์กี้ วางมือไปแล้ว 6 ปี แต่... ถ้าสปิริตในทีมยังเสียแบบนี้อีกต่อไป อย่าว่าแต่ปีหน้าเลย อีก 5-6 ปี หรือ 10 ปีจากนี้ไป แมนฯยูฯ ก้ไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิม เป็นได้แค่ ลุ้นท๊อปโฟร์ เข้ารอบบอลถ้วยก็ตกรอบ สุดท้ายก็วนกลับมาใหม่ในฤดูกาลถัดไป พร้อมกับบอกว่า
"ปีหน้าค่อยว่ากันใหม่"
Mourinho & Alexi$ "เหตุผลของคนหมดใจ"
ไม่ว่าจะเหตุผลกลใด อเล็กซิส ไม่ได้ย้ายทีมและอยู่ช่วยทีมต่อไปอีก เบื้องต้นคาดว่าก็คงหมดสัญญา แต่ก็กลายเป็นว่าอเล็กซิส ตัดสินใจย้ายทีมช่วงตลาดหน้าหนาว ด้วยค่าตัวที่ประเมินค่าไม่ได้
ที่บอกว่าประเมินค่าไม่ได้ เพราะหนึ่งในสัญญาคือ ต้องส่ง มาร์คิตยาน สลับขั้วไป ซึ่งตอนที่มาร์คิตยาน ย้ายทีมมา มีค่าตัวที่ 26.3 ล้านปอนด์ ด้วยสัญญายาว 5 ปี เฉลี่ยปีละ 5.3 ล้านปอนด์โดยประมาณ เวลาผ่านไปประมาณ 2 ปีครึ่ง ค่าตัวของมาคิตยาน จาก 26.3 ล้านปอนด์ จึงเหลือเพียง 13.15 ล้านปอนด์
เท่ากับว่าค่าตัวของ อเล็กซิส ซานเชส มีค่าตัวประมาณ 13 ล้านปอนด์ บวกด้วยสัญญาอีก 4 ปี ซึ่งค่าตัวถือว่าถูกมาก เมื่อเทียบกับค่าตัวเมื่อช่วงซัมเมอร์ สโมสรซึ่งนำโดย เอ็ด วู้ดเวิร์ด ก็จัดการประเคนค่าเหนื่อย ที่ว่ากันว่าแพงที่สุดในสโมรสร คือ 500,000 ปอนด์ ต่อสัปดาห์ บวกกับถ้าได้ลงสนาม จะเพิ่มอีก 75,000 ปอนด์ โดยทำลายทุกประเพณีของสโมสร
ถ้าอยากรู้ว่าในระยะเวลา 4 ปีของเจ้าตัว จะต้องเอา 575,000 ปอนด์ คูณด้วย 52 เดือน แล้วคูณด้วย 4 ปี ซึ่งเท่ากับ 120 ล้านปอนด์ ยังไม่รวมออปชั่นอื่นอีกต่างหาก
ก่อนหน้านี้นักเตะที่ค่าเหนื่อยแพงที่สุดของยูไนเต็ดคือ 300,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ของเวยน์ รูนีย์ และตามมาด้วยพอล ปอกบา ที่ย้ายมาร่วมทีมด้วยค่าตัว 88 ล้านปอนด์
นั่นหมายความว่า ถ้าส่งอเล็กซิส ลงสนามในสัปดาห์นั้น จะมีเงินโอนเข้าบัญชีของดาวเตะทีมชาติชิลี 575,000 ปอนด์เลยทีเดียว คิดเป็นเงินไทยก็แค่ 23,575,000 บาทเท่านั้น เพียงแค่ขับรถไปสนามบอล ในวันจันทร์ อเล็กซิส จะได้ค่าจ้าง 3.3 ล้านบาท !!! ครับ
แต่พอเราดูนักเตะคนอื่นในทีม อย่างพอล ปอกบา ที่เป็นหัวใจในแดนกลาง ต้องเล่นสองสัปดาห์ ถึงมีค่าเหนื่อยเท่าอเล็กซิส ขณะที่ดาบิด เด เกอา ต้องเซฟพัลวัน ยังมีค่าเหนือยที่ 200,000 ต่อสัปดาห์โดยประมาณ
เวลาผ่านไป อะไรเกิดขึ้น ก็คือนักเตะในทีมที่วิ่งเป็นม้าศึกในสนาม แต่ไม่ได้รับค่าเหนื่อยมหาศาลอย่างอเล็กซิส สปิริตในทีมก็พังครืนลงมา แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้
เอเรร่า มาต้า จ่อย้ายทีมในช่วงซัมเมอร์นี้ จริงอยู่อาจจะเป็นเพราะถึงเวลาที่ต้องถ่ายเลือดใหม่แล้ว หลังจากที่เฟอร์กี้ วางมือไปแล้ว 6 ปี แต่... ถ้าสปิริตในทีมยังเสียแบบนี้อีกต่อไป อย่าว่าแต่ปีหน้าเลย อีก 5-6 ปี หรือ 10 ปีจากนี้ไป แมนฯยูฯ ก้ไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิม เป็นได้แค่ ลุ้นท๊อปโฟร์ เข้ารอบบอลถ้วยก็ตกรอบ สุดท้ายก็วนกลับมาใหม่ในฤดูกาลถัดไป พร้อมกับบอกว่า
"ปีหน้าค่อยว่ากันใหม่"