Review SilapART Wellness & Spa แช่ออนเซน พร้อม Fitness และน้ำชายามบ่ายสุดฟิน

โรงแรม แกรนด์ เมอร์เคียว กรุงเทพ ฟอร์จูน ได้เปิดตัวสปาและออนเซ็นสุดหรู SilapART Wellness & Spa ซึ่งตั้งอยู่บนชั้นที่ 12 ของโรงแรม ซึ่งมีคอนเซปคือสปาของที่นี่จะเป็นโอเอซิส ในบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติท่ามกลางกลิ่นอายความเป็นศิลปะ เหมาะสำหรับผ่อนคลาย และออกกำลังกายไปได้ในตัว ซึ่งสปาแห่งนี้เปิดตัวเมื่อเดือน มีนาคม 2019 ยังใหม่มากๆ ดังนั้นเลยมาทำรีวิวให้เพื่อนๆชมครับว่าที่นี่บรรยากาศเป็นอย่างไร ดีมากน้อยแค่ไหน
SilapART อ่านว่า ศิลปะอาร์ต มีให้บริการในหลายรูปแบบ ทั้งออนเซน สปา Fitness ซึ่งบางแพ๊คเกจสามารถจองผ่าน Gowabi ได้เลย และในอนาคตคาดว่าหลายๆบริการน่าจะสามารถจองผ่าน Gowabi ได้ครบครับ หากจองครั้งแรกอย่าลืมใส่ Code kckbuctj-3789050 เพื่อรับส่วนลดเพิ่มเติม 100 บาทนะครับ
วันนี้ผมได้รับเชิญมาให้รีวิวแพ๊คเกจ Onsen & High Tea ในชุดจะรวมชุด High Tea น้ำชายามบ่ายและเครื่องดื่มด้วย และเพื่อให้ได้เห็นในภาพรวมจะมารีวิว Fitness และสปาของที่นี่พร้อมกันด้วยครับ เป็นยังไงมาชมกันครับ
ก่อนจะไปชมรีวิวขอฝากกลุ่ม Japanese Club Thailand สำหรับเพื่อน ๆ ที่สนใจและชอบท่องเทียวแบบญี่ปุ่นในประเทศไทย สามารถเข้ามาชมกลุ่มกันได้ครับ
https://www.facebook.com/groups/onsenthailand

SilapART Wellness & Spa อยู่ที่ชั่น 12 ของโรงแรม แกรนด์ เมอร์เคียว กรุงเทพ ฟอร์จูน ถ้าขับรถมาก็จอดในที่จอดรถของโรงแรมได้เลยครับ หากนั่งรถไฟฟ้าก็ให้ใช้รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ลงสถานี พระราม9 แล้วก็จะถึงโรงแรมเลยครับ ถือว่าเดินทางสะดวกมาก

ขึ้นมาชั้น 12 ก็จะถึงที่สปาเลยครับ บรรยากาศตกแต่งด้วยแสงโทนธรรมชาติ พร้อมวัสดุที่ดูเป็นธรรมชาติทุกอย่างครับทั้งไม้และหิน หรูหราและดูผ่อนคลายไปในตัว

พาชมบรรยากาศโดยรอบก่อนนะครับ ส่วนนี้ก็จะเป็นโซนนังพัก หรือพูดคุย พักผ่อน หลังจากทำสปา หรือหลังจากเล่น Fitness มาก็มานั่งพักจิบน้ำชาที่นี่ได้ครับ

ส่วนของสระว่ายน้ำ ที่นี่ใช้สระว่ายน้ำระบบเกลือ เป็นสระกลางแจ้ง ขนาดไม่ใหญ่นักพอว่ายออกกำลังกายได้ ว่ายน้ำพักผ่อนได้ แต่เล็กไปสำหรับการว่ายจริงจังครับ ซึ่งขนาดสระก็ดูจากรูปได้เลยครับ ถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐานตามโรงแรมหรูทั่วไปครับ

ข้างๆที่นั่งพักจะมีสวนทางเดินครับ ถ้าตอนเย็นๆมานั่งรับลมนี่ท่าทางจะดีไม่น้อยครับ ต้นไม้อาจจะยังดูเล็กอยู่เพราะที่นี่เพิ่งเปิดตัวไปแค่ไม่ถึง 2 เดือน ในอนาคตน่าจะต้นใหญ่กว่านี้ครับจะยิ่งดูร่มรื่นมากขึ้น

เนื่องจากที่นี่มี Fitness ด้วย และถ้าเพื่อนๆจองแพ๊คเกจ Onsen and Relaxing Day ก็จะสามารถใช้ Fitness ได้ด้วยครับ บรรยากาศในห้องก็ดูสบายตาโปร่งโล่ง มองเห็นต้นไม้ด้านนอกและมองเห็นสระว่ายน้ำครับ ขนาดห้องปานกลาง ไม่ใหญ่มาก แต่เนื่องจากผู้ใช้บริการมีไม่เยอะจึงเล่นได้สบายๆครับไม่ต้องแย่งกันเล่น

ที่นี่อุปกรณ์ค่อนข้างครบครันเลยทีเดียวครับ ใครที่อยากสปาและออกกำลังกายด้วยในที่เดียวนี่เหมาะมาก
โซน Weight Training มีอุปกรณ์ Machine บริหารได้หลายส่วน มีบาร์ยกน้ำหนัก และมีโซน Free Weight และเก้าอี้สำหรับ Body Weight ให้เล่นด้วยครับ
โซน Cardio ก็มีเครื่องวิ่ง เครื่องปั่นจักรยาน และเครื่องจักรยานอากาศครบครับจำนวนหลายเครื่องครับ
มีห้อง Studio สำหรับ Group Exercise ด้วยนะครับ มีตารางบอกว่าวันไหนสอนคลาสอะไรบ้าง

เล่น Fitness เสร็จแล้วมาแช่ออนเซนคลายกล้ามเนื้อต่อได้เลยครับ ล๊อคเกอร์ที่นี่ก็ออกแบบแนวญี่ปุ่น ทำจากไม้ ดูสบายตาดีครับ ขนาดของช่อง Locker ปานกลาง ใส่สัมภาระได้อย่างไม่แน่นจนเกินไป แขวนเสื้อได้ครับ

วันนี้ผมจองออนเซนและสปาด้วย ชุดที่ได้มาก็มี 4 อย่างคือ 1.รองเท้าสาน 2.ผ้าเช็ดตัว 3.ชุดสำหรับนวดสปา 4.กางเกงในแบบใช้ครั้งเดียวสำหรับสปา

บรรยากาศของ Locker ครับ ทุกอย่างดูใหม่มากๆ

มีน้ำให้ดื่มครับ กดได้เลยทั้งน้ำเย็นหรือน้ำร้อน

ห้องอาบน้ำฝักบัวครับ ในห้องจะมีสบู่ให้ แต่ยังไม่เห็นแชมพูนะครับ ห้องอาบน้ำกว้างสบายมาก กว้างกว่าพวกห้องตาม Fitness แบรนดังตามห้างประมาณ 2 เท่าตัวครับ

อ่านกฏการใช้ออนเซนก่อนครับ หลักๆก็เหมือนออนเซนทั่วไป อาบน้ำให้สะอาดก่อนลง ห้ามนำผ้าเช็ดตัวลง แต่ที่นี่อนุญาติให้ใส่ชุดว่ายน้ำ หรือกางเกงในสปาที่แบบใช้ครั้งเดียวทิ้งลงได้ครับ (กางเกงในปกติลงไม่ได้นะครับเพื่อความสะอาด)

ที่อาบน้ำก่อน Onsen มีให้อาบ 3 ช่องครับ มีสบู่ให้ พร้อมเก้าอี้ไม้แบบญี่ปุ่น

บรรยากาศของบ่อ Onsen ในช่วงกลางวันครับ ที่นี่บ่อแช่ค่อนข้างใหญ่พอสมควรเลย ช่ได้หลายคน อุณหภูมิของน้ำอยู่ประมาณ 40-41องศาครับ ซึ่งอยู่ในระดับปานกลางออกไปทางร้อนนิดๆ ข้างๆบ่อเราสามารถเปิดม่านไปชมวิวได้ถ้าต้องการครับ ที่นี่เราสามารถใส่ชุดว่ายน้ำลงบ่อได้นะครับ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการมาแช่กับเพื่อนๆ แช่ได้ไม่ต้องอายกัน

ช่วงกลางคืนจะมีเปิดไฟใต้บ่อครับ ลืมบอกไปว่าบ่อที่นี่เค้าจะใช้การหมุนเวียนน้ำอยู่ข้างใต้บ่อครับ น้ำเหมือนจะนิ่งๆแต่มีการหมุนเวียนตลอดเวลาครับ และน้ำสะอาด ไม่มีตะกอนแต่อย่างใดบ่อแช่มีเพียงบ่อเดียวครับ แนะนำให้แช่และสลับกับการอาบน้ำเย็นเพื่อความสบายตัวครับ

ห้อง Sauna ของที่นี่สะอาดและใหม่มากๆครับ เนื่องจากเพิ่งเปิดและไม่ค่อยมีลูกค้ามาใช้มากนัก อุณหภูมิเราสามารถปรับตั้งค่าเองได้เลยว่าต้องการเท่าไหร่ จะมีเครื่องให้ Set อยู่บริเวณหน้าห้องครับ

วันนี้ผมได้จองแพ๊คเกจนวดไว้ด้วยหลังจากแช่ออนเซน ซึ่งก่อนนวดทางสปาจะมี Welcome Drink ให้ดื่มครับ ซึ่งเป็นชากลีบดอกบัวอบควันเทียน กลิ่นควันเทียนหอมมากๆครับ ชารสชาติหอมหวานได้กลิ่นดอกบัวเบาๆ ดื่มแล้วผ่อนคลายดีครับ และมีผ้าเย็นมาให้ด้วยอีก 1 ผืน

หลังจากอื่มชาเสร็จก็ไปในโซนสปากันต่อเลยครับ รูปนี้เป็นบรรยากาศโซฟานั่งเล่นโซนสปา เราสามารถบอกความต้องการได้ว่าอยากให้เน้นนวดบริเวณใด น้ำหนักแรงหรือเบามือเท่าไหร่ แจ้งเจ้าหน้าที่ตอนพูดคุยกันตรงนี้ได้เลย

สำหรับใครที่จองนวดเท้า ก็จะได้นวดอยู๋ในบริเวณนี้ครับ ชมวิวสวนดาดฟ้าของทางสปา แอร์เย็นสบายครับที่นี่เปิดแอร์เต็มทุกห้องตลอดแม้จะมีลูกค้ามาหรือไม่ก็ตามครับ

โซนสำหรับนวดไทย จะเป็นฟูกปูกับพื้น และมีผ้าม่านกั้นเพื่อความส่วนตัวครับ ห้องมีหน้าต่างขนาดใหญ่มองเห็นวิวสวนดาดฟ้าเช่นกันครับ แอร์เย็นสบายมาก

สำหรับใครที่จองเป็นแบบนวดที่ใช้น้ำมันก็จะมีห้องนวดแยกต่างหากให้ครับ ห้องแยกจะมีฝักบัวอาบน้ำและอ่างล้างมือในตัวครับ ตกแต่งโดยเน้นวัสดุประเภทไม้เพื่อให้รู้สึกผ่อนคลาย

ที่นี่จะมีห้องเตียงคู่สำหรับนวดแบบ Couple ด้วยนะครับ ใครที่อยากมานวดกับแฟนพร้อมๆกันก็สามารถจองห้องเตียงคู่ได้เลย ห้องนี้จะมีทั้งฝักบัวและอ่างอาบน้ำครับ

วันนี้ผมได้จองนวด Signature ของสปามาครับ โดยเลือกแบบ Ayurvedic Abhyanga Massage ซึ่งจะนวดตัวโดยใช้น้ำมันมะพร้าวแบบอุ่น และปิดท้ายด้วยการนวดศีรษะเพื่อความผ่อนคลายครับ ขณะนวดจะมีกางเกงชั้นในสปา ให้ใส่ครับ ไม่เขินแน่นอน
พนักงานนวดที่นี่สุภาพมากครับ บริการดีมากๆ และใจเย็นมีการอธิบายขั้นตอนการนวดอย่างดีครับ ถือว่ายอดเยี่ยมตามแบบสปาหรูเลยละครับ
นอกจากนี้ที่นี่เค้ายังเด่นเรื่องการนวดแบบ นักรบไทยโบราณ หรือ Thai Warrior Massage ซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นครั้งแรกในศตวรรษที่ 13 ประกอบด้วยเทคนิคโบราณที่เรียกว่า ฤาษีดัดตน เป็นการผสมผสานระหว่างท่าโยคะและท่านวดนักรบโบราณ โดยวัฒนธรรมดั้งเดิมนี้ได้รับการวิจัยและฝึกฝนมา เพื่อมอบประสบการณ์การนวดที่ไม่เหมือนใครและน่าจดจำ (แต่ผมไม่ได้เลือกอันนี้นะครับ วันนี้อยากผ่อนคลายชิวๆมากกว่า ยังไม่อยากทำท่าโยคะเท่าไหร่ครับ55)

นวดเสร็จมารีวิวเกี่ยวกับอาหารกันต่อครับ สำหรับท่านที่จองแพ๊คเกจแบบ Onsen and High Tea จะได้รับขนมและน้ำชา ส่วนแพ๊คเกจ Onsen and Dine จะได้รับปอเปี้ยสดเพียงอย่างเดียว ไม่มีขนมครับ วันนี้ถ่ายรูปมาให้ชมทั้งคู่ครับ

รูปนี้คือขนมต่างๆที่ให้มาในชุด High Tea ครับ เยอะพอสมควร กินอิ่มได้มื้อนึงเลยละครับ ประกอบด้วย บราวนี่ มาการอง ขนมหม้อแกง ทาร์ตไข่ และปอเปี้ยครับ

Spring Roll ที่นี่ทำออกมาแนว Healthy มากๆครับ ผักและสมุนไพรมาเต็ม กลิ่นหอมขึ้นจมูกชัดเจนเมื่อรับประทานเข้าไป มีเนื้อกุ้งและปูมาให้ โดยรวมถือว่าอร่อยและดีต่อสุขภาพมากๆครับ ใครที่ชอบรับประทานผักน่าจะชอบมากๆ

ต่อมาดูที่ มาการอง ให้มา3แบบครับ รสชาติแตกต่างกัน อร่อยทุกแบบ รสออกไปในทางหวานครับ ตัวเปลือกนอกกรอบพอสมควร เนื้อมาการองอาจจะกลวงไปนิดนึง แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ใช้ได้ครับ ไส้รสชาติหอมหวานครับ
[SR] Review SilapART Wellness & Spa แช่ออนเซน พร้อม Fitness และน้ำชายามบ่ายสุดฟิน
โรงแรม แกรนด์ เมอร์เคียว กรุงเทพ ฟอร์จูน ได้เปิดตัวสปาและออนเซ็นสุดหรู SilapART Wellness & Spa ซึ่งตั้งอยู่บนชั้นที่ 12 ของโรงแรม ซึ่งมีคอนเซปคือสปาของที่นี่จะเป็นโอเอซิส ในบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติท่ามกลางกลิ่นอายความเป็นศิลปะ เหมาะสำหรับผ่อนคลาย และออกกำลังกายไปได้ในตัว ซึ่งสปาแห่งนี้เปิดตัวเมื่อเดือน มีนาคม 2019 ยังใหม่มากๆ ดังนั้นเลยมาทำรีวิวให้เพื่อนๆชมครับว่าที่นี่บรรยากาศเป็นอย่างไร ดีมากน้อยแค่ไหน
SilapART อ่านว่า ศิลปะอาร์ต มีให้บริการในหลายรูปแบบ ทั้งออนเซน สปา Fitness ซึ่งบางแพ๊คเกจสามารถจองผ่าน Gowabi ได้เลย และในอนาคตคาดว่าหลายๆบริการน่าจะสามารถจองผ่าน Gowabi ได้ครบครับ หากจองครั้งแรกอย่าลืมใส่ Code kckbuctj-3789050 เพื่อรับส่วนลดเพิ่มเติม 100 บาทนะครับ
วันนี้ผมได้รับเชิญมาให้รีวิวแพ๊คเกจ Onsen & High Tea ในชุดจะรวมชุด High Tea น้ำชายามบ่ายและเครื่องดื่มด้วย และเพื่อให้ได้เห็นในภาพรวมจะมารีวิว Fitness และสปาของที่นี่พร้อมกันด้วยครับ เป็นยังไงมาชมกันครับ
ก่อนจะไปชมรีวิวขอฝากกลุ่ม Japanese Club Thailand สำหรับเพื่อน ๆ ที่สนใจและชอบท่องเทียวแบบญี่ปุ่นในประเทศไทย สามารถเข้ามาชมกลุ่มกันได้ครับ https://www.facebook.com/groups/onsenthailand
SilapART Wellness & Spa อยู่ที่ชั่น 12 ของโรงแรม แกรนด์ เมอร์เคียว กรุงเทพ ฟอร์จูน ถ้าขับรถมาก็จอดในที่จอดรถของโรงแรมได้เลยครับ หากนั่งรถไฟฟ้าก็ให้ใช้รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ลงสถานี พระราม9 แล้วก็จะถึงโรงแรมเลยครับ ถือว่าเดินทางสะดวกมาก
ขึ้นมาชั้น 12 ก็จะถึงที่สปาเลยครับ บรรยากาศตกแต่งด้วยแสงโทนธรรมชาติ พร้อมวัสดุที่ดูเป็นธรรมชาติทุกอย่างครับทั้งไม้และหิน หรูหราและดูผ่อนคลายไปในตัว
พาชมบรรยากาศโดยรอบก่อนนะครับ ส่วนนี้ก็จะเป็นโซนนังพัก หรือพูดคุย พักผ่อน หลังจากทำสปา หรือหลังจากเล่น Fitness มาก็มานั่งพักจิบน้ำชาที่นี่ได้ครับ
ส่วนของสระว่ายน้ำ ที่นี่ใช้สระว่ายน้ำระบบเกลือ เป็นสระกลางแจ้ง ขนาดไม่ใหญ่นักพอว่ายออกกำลังกายได้ ว่ายน้ำพักผ่อนได้ แต่เล็กไปสำหรับการว่ายจริงจังครับ ซึ่งขนาดสระก็ดูจากรูปได้เลยครับ ถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐานตามโรงแรมหรูทั่วไปครับ
ข้างๆที่นั่งพักจะมีสวนทางเดินครับ ถ้าตอนเย็นๆมานั่งรับลมนี่ท่าทางจะดีไม่น้อยครับ ต้นไม้อาจจะยังดูเล็กอยู่เพราะที่นี่เพิ่งเปิดตัวไปแค่ไม่ถึง 2 เดือน ในอนาคตน่าจะต้นใหญ่กว่านี้ครับจะยิ่งดูร่มรื่นมากขึ้น
เนื่องจากที่นี่มี Fitness ด้วย และถ้าเพื่อนๆจองแพ๊คเกจ Onsen and Relaxing Day ก็จะสามารถใช้ Fitness ได้ด้วยครับ บรรยากาศในห้องก็ดูสบายตาโปร่งโล่ง มองเห็นต้นไม้ด้านนอกและมองเห็นสระว่ายน้ำครับ ขนาดห้องปานกลาง ไม่ใหญ่มาก แต่เนื่องจากผู้ใช้บริการมีไม่เยอะจึงเล่นได้สบายๆครับไม่ต้องแย่งกันเล่น
ที่นี่อุปกรณ์ค่อนข้างครบครันเลยทีเดียวครับ ใครที่อยากสปาและออกกำลังกายด้วยในที่เดียวนี่เหมาะมาก
โซน Weight Training มีอุปกรณ์ Machine บริหารได้หลายส่วน มีบาร์ยกน้ำหนัก และมีโซน Free Weight และเก้าอี้สำหรับ Body Weight ให้เล่นด้วยครับ
โซน Cardio ก็มีเครื่องวิ่ง เครื่องปั่นจักรยาน และเครื่องจักรยานอากาศครบครับจำนวนหลายเครื่องครับ
มีห้อง Studio สำหรับ Group Exercise ด้วยนะครับ มีตารางบอกว่าวันไหนสอนคลาสอะไรบ้าง
เล่น Fitness เสร็จแล้วมาแช่ออนเซนคลายกล้ามเนื้อต่อได้เลยครับ ล๊อคเกอร์ที่นี่ก็ออกแบบแนวญี่ปุ่น ทำจากไม้ ดูสบายตาดีครับ ขนาดของช่อง Locker ปานกลาง ใส่สัมภาระได้อย่างไม่แน่นจนเกินไป แขวนเสื้อได้ครับ
วันนี้ผมจองออนเซนและสปาด้วย ชุดที่ได้มาก็มี 4 อย่างคือ 1.รองเท้าสาน 2.ผ้าเช็ดตัว 3.ชุดสำหรับนวดสปา 4.กางเกงในแบบใช้ครั้งเดียวสำหรับสปา
บรรยากาศของ Locker ครับ ทุกอย่างดูใหม่มากๆ
มีน้ำให้ดื่มครับ กดได้เลยทั้งน้ำเย็นหรือน้ำร้อน
ห้องอาบน้ำฝักบัวครับ ในห้องจะมีสบู่ให้ แต่ยังไม่เห็นแชมพูนะครับ ห้องอาบน้ำกว้างสบายมาก กว้างกว่าพวกห้องตาม Fitness แบรนดังตามห้างประมาณ 2 เท่าตัวครับ
อ่านกฏการใช้ออนเซนก่อนครับ หลักๆก็เหมือนออนเซนทั่วไป อาบน้ำให้สะอาดก่อนลง ห้ามนำผ้าเช็ดตัวลง แต่ที่นี่อนุญาติให้ใส่ชุดว่ายน้ำ หรือกางเกงในสปาที่แบบใช้ครั้งเดียวทิ้งลงได้ครับ (กางเกงในปกติลงไม่ได้นะครับเพื่อความสะอาด)
ที่อาบน้ำก่อน Onsen มีให้อาบ 3 ช่องครับ มีสบู่ให้ พร้อมเก้าอี้ไม้แบบญี่ปุ่น
บรรยากาศของบ่อ Onsen ในช่วงกลางวันครับ ที่นี่บ่อแช่ค่อนข้างใหญ่พอสมควรเลย ช่ได้หลายคน อุณหภูมิของน้ำอยู่ประมาณ 40-41องศาครับ ซึ่งอยู่ในระดับปานกลางออกไปทางร้อนนิดๆ ข้างๆบ่อเราสามารถเปิดม่านไปชมวิวได้ถ้าต้องการครับ ที่นี่เราสามารถใส่ชุดว่ายน้ำลงบ่อได้นะครับ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการมาแช่กับเพื่อนๆ แช่ได้ไม่ต้องอายกัน
ช่วงกลางคืนจะมีเปิดไฟใต้บ่อครับ ลืมบอกไปว่าบ่อที่นี่เค้าจะใช้การหมุนเวียนน้ำอยู่ข้างใต้บ่อครับ น้ำเหมือนจะนิ่งๆแต่มีการหมุนเวียนตลอดเวลาครับ และน้ำสะอาด ไม่มีตะกอนแต่อย่างใดบ่อแช่มีเพียงบ่อเดียวครับ แนะนำให้แช่และสลับกับการอาบน้ำเย็นเพื่อความสบายตัวครับ
ห้อง Sauna ของที่นี่สะอาดและใหม่มากๆครับ เนื่องจากเพิ่งเปิดและไม่ค่อยมีลูกค้ามาใช้มากนัก อุณหภูมิเราสามารถปรับตั้งค่าเองได้เลยว่าต้องการเท่าไหร่ จะมีเครื่องให้ Set อยู่บริเวณหน้าห้องครับ
วันนี้ผมได้จองแพ๊คเกจนวดไว้ด้วยหลังจากแช่ออนเซน ซึ่งก่อนนวดทางสปาจะมี Welcome Drink ให้ดื่มครับ ซึ่งเป็นชากลีบดอกบัวอบควันเทียน กลิ่นควันเทียนหอมมากๆครับ ชารสชาติหอมหวานได้กลิ่นดอกบัวเบาๆ ดื่มแล้วผ่อนคลายดีครับ และมีผ้าเย็นมาให้ด้วยอีก 1 ผืน
หลังจากอื่มชาเสร็จก็ไปในโซนสปากันต่อเลยครับ รูปนี้เป็นบรรยากาศโซฟานั่งเล่นโซนสปา เราสามารถบอกความต้องการได้ว่าอยากให้เน้นนวดบริเวณใด น้ำหนักแรงหรือเบามือเท่าไหร่ แจ้งเจ้าหน้าที่ตอนพูดคุยกันตรงนี้ได้เลย
สำหรับใครที่จองนวดเท้า ก็จะได้นวดอยู๋ในบริเวณนี้ครับ ชมวิวสวนดาดฟ้าของทางสปา แอร์เย็นสบายครับที่นี่เปิดแอร์เต็มทุกห้องตลอดแม้จะมีลูกค้ามาหรือไม่ก็ตามครับ
โซนสำหรับนวดไทย จะเป็นฟูกปูกับพื้น และมีผ้าม่านกั้นเพื่อความส่วนตัวครับ ห้องมีหน้าต่างขนาดใหญ่มองเห็นวิวสวนดาดฟ้าเช่นกันครับ แอร์เย็นสบายมาก
สำหรับใครที่จองเป็นแบบนวดที่ใช้น้ำมันก็จะมีห้องนวดแยกต่างหากให้ครับ ห้องแยกจะมีฝักบัวอาบน้ำและอ่างล้างมือในตัวครับ ตกแต่งโดยเน้นวัสดุประเภทไม้เพื่อให้รู้สึกผ่อนคลาย
ที่นี่จะมีห้องเตียงคู่สำหรับนวดแบบ Couple ด้วยนะครับ ใครที่อยากมานวดกับแฟนพร้อมๆกันก็สามารถจองห้องเตียงคู่ได้เลย ห้องนี้จะมีทั้งฝักบัวและอ่างอาบน้ำครับ
วันนี้ผมได้จองนวด Signature ของสปามาครับ โดยเลือกแบบ Ayurvedic Abhyanga Massage ซึ่งจะนวดตัวโดยใช้น้ำมันมะพร้าวแบบอุ่น และปิดท้ายด้วยการนวดศีรษะเพื่อความผ่อนคลายครับ ขณะนวดจะมีกางเกงชั้นในสปา ให้ใส่ครับ ไม่เขินแน่นอน
พนักงานนวดที่นี่สุภาพมากครับ บริการดีมากๆ และใจเย็นมีการอธิบายขั้นตอนการนวดอย่างดีครับ ถือว่ายอดเยี่ยมตามแบบสปาหรูเลยละครับ
นอกจากนี้ที่นี่เค้ายังเด่นเรื่องการนวดแบบ นักรบไทยโบราณ หรือ Thai Warrior Massage ซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นครั้งแรกในศตวรรษที่ 13 ประกอบด้วยเทคนิคโบราณที่เรียกว่า ฤาษีดัดตน เป็นการผสมผสานระหว่างท่าโยคะและท่านวดนักรบโบราณ โดยวัฒนธรรมดั้งเดิมนี้ได้รับการวิจัยและฝึกฝนมา เพื่อมอบประสบการณ์การนวดที่ไม่เหมือนใครและน่าจดจำ (แต่ผมไม่ได้เลือกอันนี้นะครับ วันนี้อยากผ่อนคลายชิวๆมากกว่า ยังไม่อยากทำท่าโยคะเท่าไหร่ครับ55)
นวดเสร็จมารีวิวเกี่ยวกับอาหารกันต่อครับ สำหรับท่านที่จองแพ๊คเกจแบบ Onsen and High Tea จะได้รับขนมและน้ำชา ส่วนแพ๊คเกจ Onsen and Dine จะได้รับปอเปี้ยสดเพียงอย่างเดียว ไม่มีขนมครับ วันนี้ถ่ายรูปมาให้ชมทั้งคู่ครับ
รูปนี้คือขนมต่างๆที่ให้มาในชุด High Tea ครับ เยอะพอสมควร กินอิ่มได้มื้อนึงเลยละครับ ประกอบด้วย บราวนี่ มาการอง ขนมหม้อแกง ทาร์ตไข่ และปอเปี้ยครับ
Spring Roll ที่นี่ทำออกมาแนว Healthy มากๆครับ ผักและสมุนไพรมาเต็ม กลิ่นหอมขึ้นจมูกชัดเจนเมื่อรับประทานเข้าไป มีเนื้อกุ้งและปูมาให้ โดยรวมถือว่าอร่อยและดีต่อสุขภาพมากๆครับ ใครที่ชอบรับประทานผักน่าจะชอบมากๆ
ต่อมาดูที่ มาการอง ให้มา3แบบครับ รสชาติแตกต่างกัน อร่อยทุกแบบ รสออกไปในทางหวานครับ ตัวเปลือกนอกกรอบพอสมควร เนื้อมาการองอาจจะกลวงไปนิดนึง แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ใช้ได้ครับ ไส้รสชาติหอมหวานครับ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้