สวัสดีค่ะ เราอายุ 28 ปี เป็นผู้หญิงธรรมดาทั่วๆไป เดิมทีเป็นคนช่างคุย ติดตลกไปทางกวนตีน
หน้าตาไม่ได้สะสวยอะไร อารมณ์เหมือนไทยหลังอานสีมะขามหนะค่ะ ดูเข้มๆดุๆ แต่ก็สวยในแบบไทยหลังอานหนะ
จริงๆแล้วด้วยส่วนสูงเกินมาตรฐานชายไทย 180cm รูปร่าง และการแต่งตัว....มักจะมีคนคิดว่าเป็นผู้ชาย
ค่ะ เป็นผู้ชาย ไม่ใช่ทอมนะ ที่โรงงานเวลาเราลงไลน์ผลิต ยังมีคนคิดว่าเราเป็นผู้ชายผมยาวเลย
ทำงานเป็นสาวโรงงาน (จริงๆก็เป็น RD ทางฝั่งวิศวะหละนะ) เรียนจบ มีการศึกษา มีบ้าน มีรถ
ชีวิตไม่ได้ลำบากอะไรค่ะ ออกแนวเป็นคนมองโลกแง่ดี เล่นเกมส์เก่ง ดูหนังเก่ง มีงานอดิเรก
คือชีวิตเราเป็นคนปรกติอย่างที่สุดค่ะ เคยเป็นคน Active อยู่คนเดียวก็ได้ ค่อนข้างมั่นคงและมีความเป้นตัวของตัวเอง
ปัญหาชีวิตก็มีบ้าง แต่ก็เป็นคนแบบ "ก็มาดิคร้าบบ" แต่ แกร่ง ลุย ทุกอุปสรรค ยิ่งกว่ารถกระบะ
เรียกว่าเป็นคนที่โตเป็นไม้ยืนต้น ไม่ต้องพึ่งพาใคร ยังไม่มีลูกมีผัว ไม่มีภาระใดๆหนะค่ะ
เคยมีแฟนคนแรก เป็นความสัมพันธ์แบบแยกแยะไม่ออกว่าอะไรผิดอะไรถูก โอ้ยยย ชั้นรักของชั้นคนนี้ คบกัน 10 กว่าปี
จริงๆพอโตมาเราก็รู้ค่ะ ว่าเค้าไม่ใช่คนดีอะไรเท่าไหร่หรอก แต่มันก็ผูกพันธ์ว่าโตมาด้วยกัน เคยเขียนกระทู้ถึงเค้าอยู่เหมือนกัน
แต่ตัวเราเองตอนนั้นก็ยังเด็กและทำอะไรโง่ๆเยอะ ความสัมพันธ์นั้นจบเพราะวันนึงเค้าหายไป ติดต่อไม่ได้ และเราก็กำลังเรียน
ย้ายข้างย้ายของออกจากหอพัก หายไปเลย เราเลยได้แค่รอเค้าโทรกลับมาหา ถึงมารู้ว่า อ่อ ยังมีชีวิตอยู่นะ
แล้วก็หายไปอีก รู้ตัวอีกทีคือเค้าโทรมาบอกว่า "อื้อ พี่แต่งงาน มีเมียแล้ว มีลูกแล้วนะ" หะ.... อะไรว๊ะ???
เป็นการเลิกแบบ ก็ไม่เท่าไหร่....เจ็บๆคันๆ ไม่ได้เกลียดกันหลังจากนั้น แค่เข้าใจว่า คุณมีทางของคุณแล้ว
จากนั้นเค้าก็ยังโทรมาเราก็ไม่ค่อยจะรับหรอกค่ะ รับก็ อือ อ่า อ่าาา แม่เป็นไงบ้าง อืมมม อ่าาา เอออ เค บาย
แฟนคนที่ 2 ที่เพิ่งเลิก คบกัน 2 ปีนิดๆ เป็นผู้ชายที่เข้ามาตอนที่ชีวิตเรากำลังพีคๆมากเรื่องงาน ช่วงที่เรารู้สึกว่า
เราอยุ่บนจุดสูงสุดของโลก จะทำอะไรก็ได้ มีคนนั้นคนนี้ดีกว่าเค้ามากมาย แต่ความรู้สึกกับคนนี้บอกว่า
"คนนี้แหละใช่ เป็นคำตอบที่เราพอใจที่สุด" มันมาพร้อมความรู้สึกว่า "นี่จะต้องถึงจุดจบเข้าซักวัน....มันจะไม่ยั่งยืน"
แล้วไงหละ? Whatever It takes ดังคำของกัปตันอเมริกาผู้มีก้นอันเด้งงอน
เราเลยรักเค้าไปเรื่อยๆ มากขึ้นทีละนิดๆ ยอมขอโทษได้ เราเสียสละนิสัยบางอย่างในตัวเราให้เค้าได้
เป็นคนแบบที่หวังว่า ต่อให้โอกาสจะ Happy Ending มี 1 ใน 14 ล้าน และชั้นไม่ใช่ Superhero
ตอนจบทุกคนจะไม่ได้กลับไปหาครอบครัวอย่างมีความสุข แต่เราก็แอบให้เค้าเป็นจุดเซฟของเรา เป็นคนที่เราอยากกลับบ้านไปเจอ
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ชั้นไลน์หาเธอ และรับรู้ว่าภายในวันนี้ ภายในไม่กี่ชั่วโมง ข้อความเหล่านั้นจะถูกอ่าน
แม้เธอไม่เข้าใจ....แต่เธอจะบอกว่าชั้นไม่เป็นไร และชั้นจะผ่านมันไปได้
ตลกมั๊ยหละ รู้ดีว่ามันจะผ่านไปได้ แต่อยากได้กำลังใจจากเค้าอยู่ดี .......เหอะๆๆ
แต่ก็นั่นแหละค่ะ รักนะ3000
((เอื้อมมือไปจิ้มเครื่องฉายโฮโลแกรม))
ตอนจบเราก็เลิกกันเมื่อต้นเดือนมีนาคมด้วยเรื่องที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นเอาซะเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้คืนวันเสาร์ ที่2 มีนา เราเล่น ROV ด้วยกัน เกิดอาการง้องแง้งๆนิดๆ แล้วเค้าก็หัวร้อน บอกเลิกเรา
(อ่าาา อารมณ์เด็กๆจริงๆนะเนี้ย 25 มีการมีงานทำแล้วนะคุณ เราก็คิดว่า เออ ไว้ค่อยง้อ....มันยังงี่เง่าอยู่ รอมันใจเย็นก่อน)
แล้วก็บล๊อคเบอร์ บล๊อคไลน์ บล๊อคเฟสกันไป เช้าวันอาทิตย์ เราก็เก็บบ้านตามปกติ แอบหงุดหงิดใจเรื่องเมื่อคืนนิดหน่อย
แต่สาบานได้ค่ะ อยู่ๆเรานึกครึ้มอะไรซักอย่างว่า "แม่แฟนคนแรกป่านนี้จะเป็นยังไง" เพราะแกเป็นมะเร็งที่ช่องท้องมาหลายปีแล้ว
ทุกครั้งที่แฟนเก่าเราทักมา เราจะถามเค้าแค่ว่า แม่หละ แค่นั้นค่ะ ไม่เคยถามอย่างอื่นเลย
เราเคยอยุ่กับแฟนคนแรกที่บ้านเค้าสมัยเรียน แม่เค้าก็รักและดูแลเราดีมาก ดีกว่าลูกแท้ๆอีก เค้าแอบหวังอยากให้เราแต่งงานกับลูกชายเค้า
แล้วสืบทอดร้านอาหารค่ะ เพราะงั้นสูตรกับข้าวในบ้าน แม่สอนเราแค่คนเดียว ลูกสาวแท้ๆยังไม่สอนเลย เราเลยทักเฟสไปหาแฟนคนแรก
เราได้รู้ข่าวว่าแม่เพิ่งเข้ารพ. เมื่อคืน เป็นไม้ใกล้ฝั่งเต็มที เราเองก็ตกใจเลยถามว่าเค้าอยู่รพ ไหน จะไปเยี่ยม
แต่เดินทางไปได้ครึ่งทาง แฟนเก่าเราบอกว่า เนี้ยกลับมาบ้านแล้ว มาคุยกันที่บ้าน......
เราก็ร้อนใจ คิดว่าเฮ้ย เรื่องมันสำคัญ เราอยากคุยต่อหน้า บ้านหลังนั้นไม่ได้มีแฟนคนแรกแค่คนเดียว แต่มีพี่น้องเค้าอยุ่ด้วย
อย่างน้อยๆก็อยากไปแสดงน้ำใจว่า เคยอาศัยชายคาเค้าอยู่ เวลาต้องสูญเสีย เราก็เสียใจเหมือนกัน....... เหอะ...โลกสวยสิ้นดี.....
เพราะเมื่อจังหวะและโอกาสมันเข้ามา......
ด้วยความไว้ใจ และโลกสวยเกินไปว่า อย่างน้อยๆ แม่เค้าก็จะตายแล้ว ลูกเมียก็มีแล้ว ไม่คิดว่าจะโดนทำอะไรอกุศลใส่แบบนั้น.......
วันนั้นกลับบ้านด้วยความรู้สึกโลกพังมาก โทรหาแฟนไม่ติดเพราะเค้าบล๊อคเบอร์เราไป รู้ว่าต้องไปแจ้งความ แต่ตอนนั้นทำอะไรไม่ไหวค่ะ
.....ไม่ไหวเลย....เราโทรหาเพื่อนสนิท ร้องไห้หนักมาก รู้ทั้งรู้ว่าเนี้ย ต้องไปโรงพยาบาลนะ อย่าล้างตัวนะ เพื่อจะเก็บหลักฐานไว้
แต่ทำอะไรไม่ได้เลย.... ตอนนี้มองย้อนกลับไปก็งงเหมือนกันว่าทำไมทำไม่ได้ทั้งๆที่ตัวเองคิดได้เป็นขั้นเป็นตอน
เราโทรหาเพื่อนสนิท เพื่อนก็รีบมาหาเราที่บ้านทั้งๆที่ดึกมากแล้ว เพื่อนโทรหาแฟนให้ บอกว่าเราเจอเรื่องอะไรแย่ๆมา ช่วยพูดกับเราดีๆนะ
พอเขาโทรมา เราร้องไห้เล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น เค้าถามเราว่า "แล้วมิงไม่คิดบ้างเหรอว่ามันจะทำอะไร มิงไปบ้านมันเองทำไมหละ"
ตอนนั้นเรารู้สึกแบบ โธ่นังโง่เอ้ย ไปทำไม เพื่ออะไร จะสงสารทำไม รู้สึกว่าตัวเองโง่มาก โลกสวยไร้สติจริงๆ ทำไมไว้ใจคนแบบนั้น
เค้าพยายามเอาเรื่อง จะแจ้งความ แต่หลักฐานมันอ่อนเพราะสุดท้ายคืนนั้นเราก็อาบน้ำ
เราเข้าใจว่านี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก แฟนเราเป็นคนดี เรารุ้ว่าเค้าก็รักเรา แต่คนดีไม่จำเป็นต้องรับได้ทุกอย่าง
คววามสัมพันธ์ครั้งนี้จึงจบลงค่ะ เราไม่มีหน้าไปแก้ตัว ขอโอกาส อะไรกับเค้าทั้งนั้น มันจบแค่นี้แหละ ภายในไม่ถึง 24 ชม. หลังจากบอกรักกัน
นับจากเกิดเรื่องไป 1 อาทิตย์ เราถูกตัดขาดการติดต่อจากเค้า จำที่เราบอกได้มั๊ยคะ
ว่าตอนก่อนหน้านี้ เรารู้สึกเหมือนอยุ่บนจุดสูงสุดของโลก ตอนนั้นเรารุ้สึกเหมือนถูกยิงแล้วตกลงมาจากจุดนั้น
ลงไปในเหวที่มืดที่สุด ลึกที่สุด ต่ำที่สุดของโลกเหมือนกัน ถ้ามีอะไรที่มืดมน เหน็บหนาว และกดดันกว่า Challenger Deep ก็คงเป็นเราในตอนนั้นหละค่ะ
เราลางานไป 3 วัน เผชิญกับอาการเบสิคของคนอกหัก น้ำหนักลดไป 10 กิโลภายในอาทิตย์แรก
นอนไม่หลับ ผวาตื่นขึ้นมาบ่อยๆ และร้องไห้แบบมาราธอน พยายามอยากคุยกับเค้า อยากได้กำลังใจจากเค้า
แม้จะเข้าใจว่าเราต้องไหว แต่ก็ยังขอร้องให้เค้าอยุ่ก่อน....ให้เราไหวกว่านี้ค่อยไปได้มั๊ย
คิดว่าเรื่องนี้ก็ทำร้ายเค้าพอๆกัน......เค้าเลยไม่อยู่ต่อค่ะ ไม่เลยอีกซักวินาทีเดียว
เรากลับไปทำงานกับอาการใหม่ที่เพิ่งเคยเกิดคือ เรารู้สึกอึดอัดเวลาคุยกับคนแปลกหน้าอย่างลูกค้า ซัพพลายเออร์ในห้องประชุมปิด ความรู้สึกอยากจะกรีดร้อง ออกไปจากห้อง อึดอัดเวลาต้องเข้าใกล้ใครที่เราไม่สนิท ทั้งที่แต่ก่อนเฟรนด์ลี่มาก เรารู้ตัวเลยว่าตัวเองเริ่มหลบตาคน ไม่อยากสบตาใคร แต่ละวันผ่านไปช้าและเหนื่อยมาก แค่พยายามโฟกัสกับงานก็เหนื่อยเหลือเกินแล้ว
เราเคยขับรถกลับบ้านพร้อมความรู้สึกภูมิใจว่า วันนี้ชั้นทำอะไรสำเร็จบ้าง พรุ่งนี้ชั้นจะทำอะไร มีรายละเอียดงานแบบไหนที่ชั้นต้องระวัง
เดี๋ยวจะกลับบ้าน อาบน้ำ กินข้าว คุยกับแฟนนะ คิดถึงอมยิ้ม ร้องเพลงเล่น กลายเป็น ช่วงเวลาขับรถกลับบ้าน เราร้องไห้พรั่งพรูทุกวัน
รู้สึกว่าทำงานไม่ดี ไม่สำเร็จ มันควรดีกว่านี้ มันเหนื่อย มันทำไมทำไม่ได้แบบเมื่อก่อน พอถึงจุดเราจะคิดถึงเค้า แล้วก็ร้องไห้ พร้อมกับโกรธตัวเองว่า
จะคิดทำไม เค้าไม่กลับมาแล้ว.....ไม่มีวันกลับมาแล้ว ไม่เหมือนเดิมแล้ว
เวลาผ่านไป 1 เดือน เราเจอเค้าโดยบังเอิญ ทำได้แค่มองค่ะ ช่วงเวลาแว้บสั้นๆ ไม่ถึง 3 นาทีที่เห็นเค้าวิ่งขึ้นรถเมล์
เราพยายามข่มใจอย่าเข้าไปแตะต้องเค้าอีกนะ แต่สุดท้ายก็หาวิธีโทรไปจนได้ทั้งๆที่น้ำเสียงเค้ารำคาญ ไม่อยากคุย
เรารู้ตอนนั้นเองว่าเค้ามีคนคุยใหม่แล้วหลังจากเลิกกับเราไปไม่กี่อาทิตย์ มันอาจจะไม่ได้ยากขนาดนั้นสำหรับคนทั่วไปก็ได้แหะ เราเลยวางสาย
เค้าโทรกลับหาเราคืนนั้น แต่ก็แค่เพราะเมา แล้วมีอารมณ์เฉยๆ
เหอๆ รู้สึกไร้ค่าสิ้นดี......โทรมาแค่เพราะเรื่องนี้เอง
เวลาผผ่านไปสองเดือนนับจากเรื่องทั้งหมด
เรารู้สึกเหมือนตัวเองที่เรารู้จักตายไปแล้ว เราจำไม่ได้ว่าความสุขครั้งสุดท้ายคืออะไรนะ วาเลนไทน์ที่กลับบ้านกับแฟนเก่า?
ความรู้สึกปลอดภัยเป็นยังไงนะ? เรารู้สึกไร้ค่า เหมือนใครจะทำอะไรกับเราก็ได้ เราจะคิดอะไร รู้สึกอะไรยังไงก็ไม่ต้องสนใจ
รู้สึกเหมือนเป้นคนผิดตลอดเวลาที่รนหาที่เอง..... เหมือนหมาตัวนึงที่เค้าเอาไปปล่อยวัด
ไม่รู้ว่าทำอะไรไปเพื่ออะไร ทำแล้วได้อะไร เงินเดือนไว้กิน จ่ายหนี้ แค่นั้นหรอ?? งานอดิเรกใดๆไม่เคยทำให้เรารู้สึกมีความสุขกับมันอีกแล้ว
การออกไปข้างนอก อยู่กับเพื่อน พบปะพูดคุย ไม่เคยบรรเทาความรู้สึกเหมือนมีหลุมลึกๆในใจ
มันเหมือนเศร้าตลอดเวลา เราพยายามค้นหาความหมายของตัวเอง.....มันแค่หาไม่เจอ
มันเคยตระหนักรับรู้ตัวเองตลอดเวลา แต่วันนี้มันแค่หาไม่เจอ ไม่รุ้สึก
เหมือนไม่มีเป้าหมาย ไม่มีจุดมุ่งหมายอะไรทั้งนั้น ต่อให้อยากหนี ก็ไม่รุ้จะหนีไปไหน หนีเพื่ออะไร
ไม่รู้จะทำอะไรไปทำไม ไม่มีอะไรที่อยากทำอะไรเพื่อตัวเอง หรือเพื่อใครซักคนที่เรารัก
มันแค่ว่างเปล่า...... เป็นอะไรว่างๆ เคว้งๆ เราอธิบายความรู้สึกทั้งหมดนี้ไม่ถูก
มันว่างเปล่าแบบนั้นเลย......
แต่ถึงบรรทัดนี้ที่พิมพ์น้ำตามันก็ไหลออกมาเรื่อยๆ
เมื่อวานเรากลับบ้าน รู้สึกว่างานที่ทำ เราทำมันได้ไม่ดีเลย เราอยากลาออกจากงาน เหมือนอยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์กับบริษัท
คิดไปเรื่อยๆ จนถึงจุดที่คิดว่า "ตายตอนนี้ก็ได้นะ แค่แป๊บเดียว" ......นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราคิดแบบนี้
บอกตรงๆเรากลัว....กลัวว่าถ้ามันข้ามเส้นบางๆระหว่างนั้นไปหละ
เรารู้ว่าเราต้องรักตัวเองมากๆ มองเห็นคุณค่าของตัวเอง ออกไปเปิดโลก เปลี่ยนสภาพแวดล้อม คุยกับเพื่อน มองดูผู้คน
เราต้องหาความสุขของตัวเองใหม่ให้เจอ ต้องอยุ่ให้ได้ ต้องมีความสุข
แต่เฮ้ยคุณ.......การมีความสุขกับชีวิตปกติธรรมดาเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ง่ายๆเลย เรายังแปลกใจว่าเมื่อก่อนทำได้ยังไงหนะ
ขอแนวทางในการผ่านพ้นตรงนี้ไปหน่อยค่ะ.....เราจนปัญญาแล้วจริงๆ
ผู้หญิงเก่งๆ เค้าฟื้นตัวหลังจากสูญเสียอะไรๆไปยังไงกันคะ?
หน้าตาไม่ได้สะสวยอะไร อารมณ์เหมือนไทยหลังอานสีมะขามหนะค่ะ ดูเข้มๆดุๆ แต่ก็สวยในแบบไทยหลังอานหนะ
จริงๆแล้วด้วยส่วนสูงเกินมาตรฐานชายไทย 180cm รูปร่าง และการแต่งตัว....มักจะมีคนคิดว่าเป็นผู้ชาย
ค่ะ เป็นผู้ชาย ไม่ใช่ทอมนะ ที่โรงงานเวลาเราลงไลน์ผลิต ยังมีคนคิดว่าเราเป็นผู้ชายผมยาวเลย
ทำงานเป็นสาวโรงงาน (จริงๆก็เป็น RD ทางฝั่งวิศวะหละนะ) เรียนจบ มีการศึกษา มีบ้าน มีรถ
ชีวิตไม่ได้ลำบากอะไรค่ะ ออกแนวเป็นคนมองโลกแง่ดี เล่นเกมส์เก่ง ดูหนังเก่ง มีงานอดิเรก
คือชีวิตเราเป็นคนปรกติอย่างที่สุดค่ะ เคยเป็นคน Active อยู่คนเดียวก็ได้ ค่อนข้างมั่นคงและมีความเป้นตัวของตัวเอง
ปัญหาชีวิตก็มีบ้าง แต่ก็เป็นคนแบบ "ก็มาดิคร้าบบ" แต่ แกร่ง ลุย ทุกอุปสรรค ยิ่งกว่ารถกระบะ
เรียกว่าเป็นคนที่โตเป็นไม้ยืนต้น ไม่ต้องพึ่งพาใคร ยังไม่มีลูกมีผัว ไม่มีภาระใดๆหนะค่ะ
เคยมีแฟนคนแรก เป็นความสัมพันธ์แบบแยกแยะไม่ออกว่าอะไรผิดอะไรถูก โอ้ยยย ชั้นรักของชั้นคนนี้ คบกัน 10 กว่าปี
จริงๆพอโตมาเราก็รู้ค่ะ ว่าเค้าไม่ใช่คนดีอะไรเท่าไหร่หรอก แต่มันก็ผูกพันธ์ว่าโตมาด้วยกัน เคยเขียนกระทู้ถึงเค้าอยู่เหมือนกัน
แต่ตัวเราเองตอนนั้นก็ยังเด็กและทำอะไรโง่ๆเยอะ ความสัมพันธ์นั้นจบเพราะวันนึงเค้าหายไป ติดต่อไม่ได้ และเราก็กำลังเรียน
ย้ายข้างย้ายของออกจากหอพัก หายไปเลย เราเลยได้แค่รอเค้าโทรกลับมาหา ถึงมารู้ว่า อ่อ ยังมีชีวิตอยู่นะ
แล้วก็หายไปอีก รู้ตัวอีกทีคือเค้าโทรมาบอกว่า "อื้อ พี่แต่งงาน มีเมียแล้ว มีลูกแล้วนะ" หะ.... อะไรว๊ะ???
เป็นการเลิกแบบ ก็ไม่เท่าไหร่....เจ็บๆคันๆ ไม่ได้เกลียดกันหลังจากนั้น แค่เข้าใจว่า คุณมีทางของคุณแล้ว
จากนั้นเค้าก็ยังโทรมาเราก็ไม่ค่อยจะรับหรอกค่ะ รับก็ อือ อ่า อ่าาา แม่เป็นไงบ้าง อืมมม อ่าาา เอออ เค บาย
แฟนคนที่ 2 ที่เพิ่งเลิก คบกัน 2 ปีนิดๆ เป็นผู้ชายที่เข้ามาตอนที่ชีวิตเรากำลังพีคๆมากเรื่องงาน ช่วงที่เรารู้สึกว่า
เราอยุ่บนจุดสูงสุดของโลก จะทำอะไรก็ได้ มีคนนั้นคนนี้ดีกว่าเค้ามากมาย แต่ความรู้สึกกับคนนี้บอกว่า
"คนนี้แหละใช่ เป็นคำตอบที่เราพอใจที่สุด" มันมาพร้อมความรู้สึกว่า "นี่จะต้องถึงจุดจบเข้าซักวัน....มันจะไม่ยั่งยืน"
แล้วไงหละ? Whatever It takes ดังคำของกัปตันอเมริกาผู้มีก้นอันเด้งงอน
เราเลยรักเค้าไปเรื่อยๆ มากขึ้นทีละนิดๆ ยอมขอโทษได้ เราเสียสละนิสัยบางอย่างในตัวเราให้เค้าได้
เป็นคนแบบที่หวังว่า ต่อให้โอกาสจะ Happy Ending มี 1 ใน 14 ล้าน และชั้นไม่ใช่ Superhero
ตอนจบทุกคนจะไม่ได้กลับไปหาครอบครัวอย่างมีความสุข แต่เราก็แอบให้เค้าเป็นจุดเซฟของเรา เป็นคนที่เราอยากกลับบ้านไปเจอ
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ชั้นไลน์หาเธอ และรับรู้ว่าภายในวันนี้ ภายในไม่กี่ชั่วโมง ข้อความเหล่านั้นจะถูกอ่าน
แม้เธอไม่เข้าใจ....แต่เธอจะบอกว่าชั้นไม่เป็นไร และชั้นจะผ่านมันไปได้
ตลกมั๊ยหละ รู้ดีว่ามันจะผ่านไปได้ แต่อยากได้กำลังใจจากเค้าอยู่ดี .......เหอะๆๆ
แต่ก็นั่นแหละค่ะ รักนะ3000
((เอื้อมมือไปจิ้มเครื่องฉายโฮโลแกรม))
ตอนจบเราก็เลิกกันเมื่อต้นเดือนมีนาคมด้วยเรื่องที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นเอาซะเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
นับจากเกิดเรื่องไป 1 อาทิตย์ เราถูกตัดขาดการติดต่อจากเค้า จำที่เราบอกได้มั๊ยคะ
ว่าตอนก่อนหน้านี้ เรารู้สึกเหมือนอยุ่บนจุดสูงสุดของโลก ตอนนั้นเรารุ้สึกเหมือนถูกยิงแล้วตกลงมาจากจุดนั้น
ลงไปในเหวที่มืดที่สุด ลึกที่สุด ต่ำที่สุดของโลกเหมือนกัน ถ้ามีอะไรที่มืดมน เหน็บหนาว และกดดันกว่า Challenger Deep ก็คงเป็นเราในตอนนั้นหละค่ะ
เราลางานไป 3 วัน เผชิญกับอาการเบสิคของคนอกหัก น้ำหนักลดไป 10 กิโลภายในอาทิตย์แรก
นอนไม่หลับ ผวาตื่นขึ้นมาบ่อยๆ และร้องไห้แบบมาราธอน พยายามอยากคุยกับเค้า อยากได้กำลังใจจากเค้า
แม้จะเข้าใจว่าเราต้องไหว แต่ก็ยังขอร้องให้เค้าอยุ่ก่อน....ให้เราไหวกว่านี้ค่อยไปได้มั๊ย
คิดว่าเรื่องนี้ก็ทำร้ายเค้าพอๆกัน......เค้าเลยไม่อยู่ต่อค่ะ ไม่เลยอีกซักวินาทีเดียว
เรากลับไปทำงานกับอาการใหม่ที่เพิ่งเคยเกิดคือ เรารู้สึกอึดอัดเวลาคุยกับคนแปลกหน้าอย่างลูกค้า ซัพพลายเออร์ในห้องประชุมปิด ความรู้สึกอยากจะกรีดร้อง ออกไปจากห้อง อึดอัดเวลาต้องเข้าใกล้ใครที่เราไม่สนิท ทั้งที่แต่ก่อนเฟรนด์ลี่มาก เรารู้ตัวเลยว่าตัวเองเริ่มหลบตาคน ไม่อยากสบตาใคร แต่ละวันผ่านไปช้าและเหนื่อยมาก แค่พยายามโฟกัสกับงานก็เหนื่อยเหลือเกินแล้ว
เราเคยขับรถกลับบ้านพร้อมความรู้สึกภูมิใจว่า วันนี้ชั้นทำอะไรสำเร็จบ้าง พรุ่งนี้ชั้นจะทำอะไร มีรายละเอียดงานแบบไหนที่ชั้นต้องระวัง
เดี๋ยวจะกลับบ้าน อาบน้ำ กินข้าว คุยกับแฟนนะ คิดถึงอมยิ้ม ร้องเพลงเล่น กลายเป็น ช่วงเวลาขับรถกลับบ้าน เราร้องไห้พรั่งพรูทุกวัน
รู้สึกว่าทำงานไม่ดี ไม่สำเร็จ มันควรดีกว่านี้ มันเหนื่อย มันทำไมทำไม่ได้แบบเมื่อก่อน พอถึงจุดเราจะคิดถึงเค้า แล้วก็ร้องไห้ พร้อมกับโกรธตัวเองว่า
จะคิดทำไม เค้าไม่กลับมาแล้ว.....ไม่มีวันกลับมาแล้ว ไม่เหมือนเดิมแล้ว
เวลาผ่านไป 1 เดือน เราเจอเค้าโดยบังเอิญ ทำได้แค่มองค่ะ ช่วงเวลาแว้บสั้นๆ ไม่ถึง 3 นาทีที่เห็นเค้าวิ่งขึ้นรถเมล์
เราพยายามข่มใจอย่าเข้าไปแตะต้องเค้าอีกนะ แต่สุดท้ายก็หาวิธีโทรไปจนได้ทั้งๆที่น้ำเสียงเค้ารำคาญ ไม่อยากคุย
เรารู้ตอนนั้นเองว่าเค้ามีคนคุยใหม่แล้วหลังจากเลิกกับเราไปไม่กี่อาทิตย์ มันอาจจะไม่ได้ยากขนาดนั้นสำหรับคนทั่วไปก็ได้แหะ เราเลยวางสาย
เค้าโทรกลับหาเราคืนนั้น แต่ก็แค่เพราะเมา แล้วมีอารมณ์เฉยๆ
เหอๆ รู้สึกไร้ค่าสิ้นดี......โทรมาแค่เพราะเรื่องนี้เอง
เวลาผผ่านไปสองเดือนนับจากเรื่องทั้งหมด
เรารู้สึกเหมือนตัวเองที่เรารู้จักตายไปแล้ว เราจำไม่ได้ว่าความสุขครั้งสุดท้ายคืออะไรนะ วาเลนไทน์ที่กลับบ้านกับแฟนเก่า?
ความรู้สึกปลอดภัยเป็นยังไงนะ? เรารู้สึกไร้ค่า เหมือนใครจะทำอะไรกับเราก็ได้ เราจะคิดอะไร รู้สึกอะไรยังไงก็ไม่ต้องสนใจ
รู้สึกเหมือนเป้นคนผิดตลอดเวลาที่รนหาที่เอง..... เหมือนหมาตัวนึงที่เค้าเอาไปปล่อยวัด
ไม่รู้ว่าทำอะไรไปเพื่ออะไร ทำแล้วได้อะไร เงินเดือนไว้กิน จ่ายหนี้ แค่นั้นหรอ?? งานอดิเรกใดๆไม่เคยทำให้เรารู้สึกมีความสุขกับมันอีกแล้ว
การออกไปข้างนอก อยู่กับเพื่อน พบปะพูดคุย ไม่เคยบรรเทาความรู้สึกเหมือนมีหลุมลึกๆในใจ
มันเหมือนเศร้าตลอดเวลา เราพยายามค้นหาความหมายของตัวเอง.....มันแค่หาไม่เจอ
มันเคยตระหนักรับรู้ตัวเองตลอดเวลา แต่วันนี้มันแค่หาไม่เจอ ไม่รุ้สึก
เหมือนไม่มีเป้าหมาย ไม่มีจุดมุ่งหมายอะไรทั้งนั้น ต่อให้อยากหนี ก็ไม่รุ้จะหนีไปไหน หนีเพื่ออะไร
ไม่รู้จะทำอะไรไปทำไม ไม่มีอะไรที่อยากทำอะไรเพื่อตัวเอง หรือเพื่อใครซักคนที่เรารัก
มันแค่ว่างเปล่า...... เป็นอะไรว่างๆ เคว้งๆ เราอธิบายความรู้สึกทั้งหมดนี้ไม่ถูก
มันว่างเปล่าแบบนั้นเลย......
แต่ถึงบรรทัดนี้ที่พิมพ์น้ำตามันก็ไหลออกมาเรื่อยๆ
เมื่อวานเรากลับบ้าน รู้สึกว่างานที่ทำ เราทำมันได้ไม่ดีเลย เราอยากลาออกจากงาน เหมือนอยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์กับบริษัท
คิดไปเรื่อยๆ จนถึงจุดที่คิดว่า "ตายตอนนี้ก็ได้นะ แค่แป๊บเดียว" ......นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราคิดแบบนี้
บอกตรงๆเรากลัว....กลัวว่าถ้ามันข้ามเส้นบางๆระหว่างนั้นไปหละ
เรารู้ว่าเราต้องรักตัวเองมากๆ มองเห็นคุณค่าของตัวเอง ออกไปเปิดโลก เปลี่ยนสภาพแวดล้อม คุยกับเพื่อน มองดูผู้คน
เราต้องหาความสุขของตัวเองใหม่ให้เจอ ต้องอยุ่ให้ได้ ต้องมีความสุข
แต่เฮ้ยคุณ.......การมีความสุขกับชีวิตปกติธรรมดาเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ง่ายๆเลย เรายังแปลกใจว่าเมื่อก่อนทำได้ยังไงหนะ
ขอแนวทางในการผ่านพ้นตรงนี้ไปหน่อยค่ะ.....เราจนปัญญาแล้วจริงๆ