[CR] ิBack Pack หนีงาน ลุยเดี่ยว เที่ยวอินเดีย I must survive (ต่อค่ะ)

Day 3 24 March 2019

เราก็ตื่นแต่เช้าประมาณ 0700 เดินมาหน้าโรงแรมเรียกตุ๊กๆไป hawamahal พระราชวังสายลม ด้วยราคา 100 รูปี ระยะทางก็ประมาณ 6 กม. จากที่พัก พอถึงกะว่าจะหาอะไรทาน ร้านอาหารยังไม่เปิดค่ะ เลยถ่ายรูปเล่นๆที่นี่ก็มีหนุ่มหล่อมาขอถ่ายภาพด้วยค่ะ ขอบอกว่าหล่อมากถ้าบ้านเราก็จับเป็นดาราได้เลย hahaha และก็เจอกลุ่มนักท่องเที่ยวฝรั่ง มีแขกนั่งเป่าปี่เหมือนในละครที่เราดู มีงูออกมาด้วย นั่งอยู่ด้านหน้าพระราชวังสายลม จากนั้นก็เดินไป City Palace ไม่ต้องนั่งตุ๊กๆค่ะ เดินตามตรอกและซอยตามลูกศรที่เขียนไว้ และถ้าเราทำหน้างงๆ คนที่นั่นจะชี้บอกทันทีว่าไปทางไหน 555 เพราะเราทำหน้างงๆมาแล้วว่าใช่รึเปล่าทางนี้ เขาก็ชี้ให้ไปตามซอยบ้านเล็กๆ ระหว่างทางก็เจอแพะ เจอผู้ชายใส่ผ้าขนหนูยืนแปลงฟัน 555 เขาก็มองเราและยิ้ม และชี้ให้เราไปตามถนนเล็กๆ
และเราก็เดินโผล่มาถึง City Palace แต่ยังไม่เปิด เวลาเปิด 09.30 เลยนั่งรอที่ประตูเข้าจันตันมาฮาล ก็เจอนักท่องเที่ยวท้องถิ่นมาเที่ยวเยอะมากเขาก็มานั่งกับเรา เราก็นั่งเล่นโทรศัพท์และไม้เซลฟี่ เขาเห็นเขาปะหลาดใจ เพราะไม่เหมือนของเขาที่มี เลยบอกว่าเราซื้อจากเมืองไทย ซึ่งของเราเป็นขาตั้งกล่องได้และมีรีโมท เขาก็ขอให้เราทำให้ดู เขาชอบมากและถามอยากได้ เลยบอกว่าเราสั่งจากลาซาด้า เปิดเว็บและรุ่นให้เขาดู เขาบอกว่าที่อินเดียไม่มี hahaha ซักพักเขาก็ชวนเราเข้าไปดูจันตามาฮาลด้วยกันเราก็เข้าไป ด้วยราคา 200 รูปี เป็นหอนาฬิกาโบราณที่สวยงามมากค่ะ เราก็ได้เพื่อนมาเพื่มอีก 1 สาว 1 หนุ่ม ที่ทำงานในนี้ อยากบอกว่าคนที่นี่ Friendly มาก เราใช้เวลาประมาณ 1 ชม.
และเดินมาที่ City Palace เพื่อนเดินมาส่งและบอกว่าถ้ามาอีกก็มาหาด้วยนะ
City Palace ค่าเข้าราคา 700 รูปี เฉพาะรอบๆนะคะ ถ้าจะเข้าชมทั้งหมดสถานที่ที่เป็นห้องลับก็ประมาณ 2500-3000 รูปี จำราคาไม่ได้ ที่นี่สวยค่ะ สีเมืองนี้ที่จริงเป็นเหมือนสีพีชนะคะไม่ใช่ชมพุ แต่สวยมาก ใช้เวลาอยู่ที่นี่ ก็เกือบ 3 ชม. ค่ะ

จากนั้นนั่งตุ๊กๆกลับสถานีรถไฟ อ้อ ที่นี่ก็แสดงความเปิ่นอีกรอบนะคะ ด้วยความที่เราติด Train station คือสถานีรถไฟบ้านเรา ที่นี่เรียก Railway station ค่ะ ซึ่งทำให้เราต้องจ่ายค่าตุ๊กๆ 2 ต่อ จาก 100 เป็น 200 รูปี แต่ก็คุ้มค่ะ นั่งชมเมืองไปด้วยและทำให้รู้ว่าที่ชัยปุระมี Metro ด้วย 555 เมื่อถึงสถานีรถไฟ ก็ไปนั่งคอยในห้องพักสำหรับนักท่องเที่ยวที่รอรถไฟ โดยจะมีเจ้าหน้าที่ประจำห้องขอดูตั๋วว่าจริงหรือเปล่า เราก็รอที่นี่และเดินไปหาซื้อของกินซึ่งเป็นอาหารเช้าและเที่ยงรวมกัน ได้แซนวิช น้ำมะม่วง น้ำเปล่า ในราคา 40 รูปี อิ่มมากค่ะ แซนวิชสะอาดค่ะเพราะแล็ปอย่างดีไม่โดนลมค่ะ ระหว่างนั่งรอเราก็เห็นเด้กก็แจกสมุดเช่นเคย 2 เล่ม

พอถึงเวลารถไฟมารอบ 1600 เราก็ไปขึ้นรถไฟ เที่ยวนี้จอง slide upper ก็กว้างกว่า upper นั่งไม่ต้องก้มค่ะ โชคดีที่ 2 เจอครอบครัวที่เราให้สมุดน้อง เราเลยบอกเขาว่าช่วยบอกด้วยนะถ้าถึงเดลี เขาก็รับปาก พอใกล้ถึงสามีเขาเดินมาเรียกเราถึงที่ ว่าจะถึงแล้วนะ เตรียมตัวได้เลย เราเลยขอบคุณเขา และก็เตรียมตัวลง แต่โชคร้ายที่เราจองเป็นสถานีเดลีเก่าไม่ใช่นิวเดลี ก็เจอแท็กซี่มาเรียกก่อนออกมาด้านนอก บอก 500 รูปี เราว่าเมื่อเช้าเรามา 70 รูปี เราไม่ตกลงเลยเดินหนี และก้ไปถามหนุ่มรูปหล่อที่เราแอบเห็นเขามาตู้เดียวกับเรา ว่าจะไปที่นี่ไปยังงัย เขาบอกว่าเขาไม่ใช่คนที่นี่ แต่เดินไปหาตุ๊กๆที่ข้างนอกถูกกว่าราคาไม่น่าจะเกิน 200 รูปี เราก็ขอบคุณเขา และก็ออมาเรียกตุ๊กๆ เราอยากจ่าย 100 รูปี แต่ตุ๊กๆไม่ยอม มีการขู่ด้วยว่ามันดึกแล้วนะ U เป็นผู้หญิงมาคนเดียวด้วย เราเลยต้องไปด้วยราคา 200 รูปี ซึ่งระยะทางไกลจริงๆ เรานอนที่โรงแรมเดิม ที่นอนคืนแรก รอบนี้จากนิวเดลีเก่า ไปนิวเดลีใหม่ เจอวัวนอนและเดินเป็นเจ้าของถนนจริงๆ hahaha เมื่อถึงโรงแรมเราก็เจอผู้จัดการคนใหม่หนุ่มน้อยใจดี เราก็บอกว่าเราเคยมาค้างที่นี่แล้วขอห้องเดิมได้ไหม เขาก็ให้เรานอนห้องเดิม เพราะมันโล่ง สะอาด ไม่มีกลิ่น สมราคา 300 บาท และเราก็ให้เขาสั่งอาหารเย็นให้ ไข่เจียวเหมือนเดิม 90 รูปี เราก็เดินมาด้านข้างโรงแรมเพื่อมากินกล้วยหอมปั่น (40รูปีต่อแก้ว) ซึ่งคนขายจำหน้าเราได้ เราขอซื้อกล้วย 1 ลูก เขาให้ฟรี ไม่คิดตังต์ และเดินกลับโรงแรม จากนั้นเราก็แจ้งผู้จัดการว่าเราจะเช็คเอาท์ 0500 นะ เพราะจะไปสนามบินเรียก taxi ให้ด้วย เราจะไป Kashmir เขาก็เรียกให้ด้วยราคา 600 รูปี ซึ่งจ่ายจริงก็ประมาณ 400 รูปี hehehe
Day 4 25 March 2019 Go Kashmir
สิ่งที่ควรรู้ก่อนเดินทางสู่ “แคชมีร์”
1. แคชมีร์ เป็นดินแดนทางตอนเหนือของอินเดีย อยู่ในแคว้นจัมมู-แคชมีร์ (คนอินเดียเรียกกัษมีร์) มีเมืองหลวงคือ ศรีนาการ์ (Srinagar) แต่คนแคชมีร์ไม่นิยมเรียกตัวเองว่าเป็นคนอินเดีย แต่จะเรียกตัวเองว่า Kashmiri มีภาษาเป็นของตัวเองและนับถือศาสนาอิสลาม
2. ความประหลาดของแคว้นจัมมู-แคชมีร์ คือมีเมืองหลวงหลักๆ 3 เมืองใหญ่ ได้แก่ จัมมู (นับถือศาสนาฮินดูพูดภาษาฮินดี) แคชมีร์ (นับถือศาสนาอิสลามพูดภาษาแคชมีรี) และลาห์ดัค (นับถือศาสนาพุทธมหายานพูดภาษาลาดักกี้)
3. หนาวมากกกกกก 6 เดือน อีก 6 เดือนหนาวนิดหน่อยไปถึงร้อนนิดหน่อย มี 4 ฤดูเหมือนยุโรป เดือนทางท่องเที่ยวได้ตลอดปี แต่ที่น่าเที่ยวที่สุด คือฤดูใบไม้ผลิค่ะ ช่วง มีนาคมถึงต้นเดือนพฤษภาคม อุณหภูมิประมาณ 20C อุณหภูมิต่ำสุดประมาณ 5C และช่วงฤดูร้อน เดือนพฤษภาคม – เดือนสิงหาคม อุณหภูมิสูงสุด 29 C ต่ำสุด 10 C
4. อาหารการกิน – ถ้าไม่มีปัญหากับเครื่องเทศ อาหารแคชมีร์ก็ไม่ยากเลยสำหรับคุณ – และที่ดีไปกว่านั้น คือพ่อบ้านที่บ้านเรือ พอจะทำกับข้าวไทยง่ายๆอย่างไข่เจียว ผัดผักได้ แถมแกงไก่และซุปผักของเค้าก็อร่อยดีใช้ได้เลยทีเดียว และจะถามเราก่อนว่าทานอะไรได้บ้างไม่ทานอะไรบ้าง ( อาหารอร่อยทุกอย่างค่ะ)
5. ภาษา – ภาษาอังกฤษใช้สื่อสารกับผู้คนในแคชมีร์ได้ดี (ขนาดกับคนอินเดีย คนแคชมีร์ก็พูดอังกฤษมากกว่าภาษาฮินดี)
6. ผู้คน – หนุ่มหล่อ สาวสวย ผู้คนใจดี ส่วนตัวที่เจอมาทั้งคุณพ่อเจ้าของที่พัก คุณลูกชาย (พี่ชายและน้องชาย หล่อมากขอบอกค่ะ นัยน์ตาชวนฝัน ) และคุณพ่อบ้าน คนขับรถ ผู้คนที่เจอใจดี ซื่อสัตย์
7. ความปลอดภัย – โคตรปลอดภัย ทหารเดินถือปืนกลเต็มเมือง! รถถังรถทหารเพียบ อาจเป็นเพราะเป็นพื้นที่พึ่งจะเกิดเหตุ เมื่อ 14 ก.พ. 2019 แต่ส่วนตัวคิดว่า มันไม่ได้ “เป็นพื้นที่สีแดง” หรือเสี่ยงอะไรขนาดนั้น โดยรวมส่วนตัวถือว่า ปลอดภัยค่ะ เที่ยวได้ ก่อนไปก็ดูอัพเดทข่าวสารซะหน่อย
8. ที่พัก – แนะนำให้จองบ้านเรือ!!! ยังไงก็ขอให้ลองค่ะ โมเมนท์ที่ได้นั่งจิบชาสายตาทอดมองไปเบื้องหน้าสู่ทะเลสาบ (Nigeen Lake) และยอดเขาอยู่ลิบๆ ... มันสวยมากกกกกกกกก
9. ของฝาก – ผ้าแคชเมียร์! –ของแท้ไม่ใช่แค่ลอดแหวนได้ ของแท้ก็คือของแท้ แนะนำซื้อกับร้านที่มีการรับรอง ได้ลองจับของปลอมแล้ว โห นี่ขนาดปลอมนะ มันนุ่มมาก แต่พอได้จับของแท้ ก็เหอ... มันต่างกันอยู่นะคะ แต่ที่บ้านเรือก็จะมี shop ให้ดูนะคะ ที่บ้าน Big boss เองค่ะ โดยมีน้องชายสุดหล่อไม่แพ้ Big boss เป็นคนดูแลนะคะ
10. *ทิป* อันนี้สำคัญ! ค่ะ ถือว่าเป็นน้ำใจจากเรา เขาไม่เอ่ย แต่เราเต็มใจให้ ที่เขาดูแลเราตลอดเวลาที่เราอยู่ ทิปมาตรฐาน ประมาณ 100-200 รูปี ต่อวันนะคะ หรือแล้วแต่เห็นสมควรค่ะ
11. อ้อถ้าใครยังไม่ได้จองโรงแรมก็จะมีเค้าเตอร์ที่นั่นให้จองไม่ต้องกลัวนะคะว่าจะไม่มีที่พัก ส่วนเราจองไปจากเมืองไทยเลยค่ะ จองโดยตรงกับที่พักเลยค่ะ ตอบเมล์กลับเร็วมาก ทำให้ประทับใจ อ่านรีวิวเจอใน pantip นี่ละคะ ก็ดูรายละเอียด ต่างๆ ที่พักที่เราจองก็พักบนบ้านเรือ New Jacquline Houseboats ( http://www.newjacqulinehouseboats.com/ ) ทริปนี้ไฮไลท์คงเป็นการเที่ยวในแคชมีร์ค่ะ เราซื้อแพ็คเกจที่รวม ที่พัก อาหาร พร้อมรถนำเที่ยวสำหรับ4วัน3คืน โดยเลือกของ New Jacquline Houseboat ค่ะ ศึกษาข้อมูลจาก pantip และTripadvisor ดูแล้วที่นี่มีการรีวิวดี ไร้ที่ติ และเมื่อเมลล์ไปขอรายละเอียดการจองทางโรงแรมก็ให้คำตอบอย่างชัดเจนและรวดเร็ว ราคาก็แจ้งอย่างละเอียดว่ารวมและไม่รวมอะไรบ้าง
โปรแกรม 4วัน 3คืน ในแคชมีร์
25 march : local sightseeing Srinagar

26 march : Pahalgam

27 march : Gulmarg (สกีรีสอร์ท)

28 march : Go delhi
เริ่มการเดินทางกันเลยค่ะ

Check out 05.00 เวลาบ้านเราก็ประมาณ 06.30 ที่นี่จะมืดมาก นั่งรถประมาณ 40 นาทีก็ถึงสนามบินอินธิราคานที T3 เค้าเตอร์เปิดเช็คอิน 0745 ระหว่างรอเชคอินก็ขอทานข้าวเช้าก่อน ซึ่งเป็นการทานอาหารที่เป็นข้าวมื้อแรกที่ไปเที่ยวอินเดีย หน้าตาก็เหมือนข้าวหมกไก่อาหารใต้บ้านเรา แต่เป็นธัญพืช ไม่มีไก่นะคะ รสชาดเหรอ ก็จะมีรสเผ็ดมากค่ะ รสอื่นไม่มีนะคะ hahaha จำชื่อไม่ได้ แต่หน้าตาข้าวน่าทานค่ะ
เมื่อถึงเวลาก็ไปเช็คอิน เดินไปรอที่เกท โชคดีไปครั้งแรกก็ได้นั่งติดหน้าต่าง ระหว่างที่รอที่เกทเราก็นั่งเล่นโทรศัพท์รอ และเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เราเกือบจะตกเครื่องไปศรีนคร hahaha ในตั๋วให้รอเกท 28 พอตอนขึ้นเครื่องต้องไป เกท 30 haha เจ้าหน้าที่ก็ประกาศนะแต่เราฟังภาษาฮินดีไม่ออก ไม่รู้ประกาศภาษาอังกฤษด้วยไหม แถมที่นี่ไม่ประกาศเรียกชื่อผู้โดยสารขึ้นเครื่องเหมือนประเทศไทยนะคะ เจ้าหน้าที่จะเดินตามหาค่ะ ระหว่างที่นั่งรอเรียกขึ้นเครื่องก็เอะใจทำไมจะถึงเวลาเครื่องใกล้จะออกแล้วอีก 30 นาที ทำไมเจ้าหน้าที่ไม่เรียกซักที ซักพักก็มีเจ้าหน้าที่ผู้หญิงถือวิทยุไอคอม เดินตรงดิ่งมาหาเราเลย แล้วก็ถามว่าไปไหน เราตอบไปศรีนคร เขาก็คว้าตั๋วที่มือและแขนเราเดินตรงดิ่งไปเลยค่ะ เราต้องรีบวิ่ง เพราะเหลือเราคนสุดท้าย hahaha พอเราได้ที่นั่ง เพื่อนร่วมทางเราก็เป็นชายหนุ่ม แกไปนั่งที่เราติดหน้าต่าง แกถามว่าจะนั่งนอกหรือทืนี่ เราก็บอกเลย need sit that พี่แกก็เล่นส่ายหน้าดุ๊กดิ๊กทันที สงสัยพี่แกเสียดายที่นั่ง hahaha ใช้เวลาเดินทางไปศรีนคร ประมาณ 1.30 ชม. ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะเสริฟอาหารเช้า ซึ่งอาหารเช้าที่นั่น เวลา 10.30-11.00 นะคะ บ้านเราก็อาหารเที่ยง อาหารอร่อยค่ะ เมื่อเข้าเขตพื้นที่แคชมีร์ นั่งเครื่อง Domestic flight จาก New Delhi - Srinagar โดย Air india เช่นเดิมค่ะ ใช้เวลา1 ชั่วโมงนิดๆ เราจะเห็นวิวนี้จากหน้าต่างตอนใกล้ landing ค่ะ คือเทือกเขาหิมาลัยปกคลุมด้วยหิมะ
อยากบอกว่างามตระการตามาก ภูเขาน้ำแข็งทั้งลูก แวปแรกที่คิด ตายละหว่า เสื้อกันหนาวก็เอาแบบบางๆ ไม่หนามาก เอามาแค่ 2 ตัว เราจะอยู่ได้ไหมวะ สงสัยต้องได้ซื้อเพิ่มแน่นอน กระเป๋าตอนมาจากเมืองไทย 11.6 kg. มาแบบ backpack ที่หนักก็สมุดค่ะ 1 kg haha ที่เหลือเสื้อผ้าขนม อ่านรีวิวมาบอกให้พกมาม่ามาด้วย แต่เราไม่มีมานะคะ ขอบอก มีแค่ขนมคุกกี้มาค่ะ เพราะอยากทานอาหารอินเดีย 555 ซึ่งน้ำหนักกระเป๋าไม่เท่าไหร่นะคะ แต่จะเอาเสื้อกลับยังงัย เพราะกระเป๋าเต็ม
เมื่อถึงสนามบินศรีนคร เป็นสนามบินเล็กๆไม่ใหญ่มากนะคะ สายพานรับกระเป๋า (baggage claim ) มี 2 ที่ค่ะ ติดกัน ระหว่างรอกระเป๋าก็ไปเข้าห้องน้ำสนามบินรอค่ะ ห้องน้ำสะอาดค่ะ มีคนถือทิชชูให้ด้วยนะคะ ถ้าเรารับจากเขาก็ทริปด้วยนะคะ (ที่จริงเขาไม่ได้ขอนะคะ ที่รู้ระหว่างรอเข้าค่ะ แต่เป็นน้ำใจจากเราค่ะ) แต่ถ้ามีก็ไม่ต้องรับค่ะ วันที่เดินทางไปศรีนครเราแต่งชุดชาวเขาไปค่ะ เป็นชุดที่ซื้อจากสะพานมอญบ้านเรา ใครเห็นก็ถามว่าชุดประจำชาติไทยเหรอสวยจัง แถมพี่ๆและคนที่นั่นปากหวานด้วยนะคะ คนใส่ก็สวย เรายิ้มแก้มปริเลย 555
เมื่อรับประเป๋าเสร็จก็เดินมาทางออกรับใบ ตม.เพื่อกรอกรายละเอียดเข้าแคชมีร์ จะมีเจ้าหน้าที่ยืนแจกให้นะคะ รายละเอียดจะเยอะกว่าใบ ตม. เข้าอินเดียนะคะ เมื่อเขียนเสร็จก็ยื่นให้เจ้าหน้าที่ที่เค้าเตอร์ เขาไม่ถามอะไรหรอกนะคะเพราะเราผ่านอินเดียมาแล้ว ส่วนเราผู้หญ
ชื่อสินค้า:   Delhi - Agra - Jaipur - Kashmir
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่