[CR] บันทึกการเดินทาง “ลาว” 7 วัน 6 คืน 3 เมือง 8 ชีวิต

บันทึกการไป “ลาว” 7 วัน 6 คืน 3 เมือง 8 ชีวิต


จุดเริ่มต้นการมาลาวของพวกเราทั้ง 8 คนคืออยากไปเที่ยวด้วยกัน โดยที่แต่ละคนมีโจทย์ในใจคือ
- อยากไป Unseen แบบแปลกใหม่ น่าสนใจ
- การสื่อสารไม่ยาก
- ค่าครองชีพขอไม่แพงหรือใกล้เคียงกับไทยก็ได้ (พูดจบก็พลางก้มหน้าลงมองกระเป๋าตังตัวเอง)
- ธรรมชาติแบบลุยๆ Backpack Tour เรียกได้ว่าแบกเป้คนละใบไปไหนก็ไปกัน
พวกเราเลยเลือกไปที่ลาว ประจวบเหมาะกับช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ทางมหาวิทยาลัยหยุดยาวมากกกกกกก (ก.ไก่ล้านตัว) แบบนี้ก็สวยสิ เกิดความคิดที่ว่าไปทั้งทีขอไปทั้งสามเมืองเลยแล้วกัน! ว่าแล้วก็รีบจองตั๋วเครื่องบิน และจองที่พักไว้ก่อนล่วงหน้า

และแล้วการเดินทางไปลาว 3 เมือง 7 วัน 6 คืน 8 ชีวิตก็ได้เริ่มต้นขึ้น…


16/04/19 (วันแรก) เดินทางจากกรุงเทพ - อุดร - เวียงจันทน์ - หลวงพระบาง

พวกเราเลือกเดินทางไปลาวด้วยการนั่งเครื่องบินจากดอนเมืองไปลงที่อุดรก่อน แล้วค่อยนั่งรถต่อเข้าเวียงจันทร์เพราะเป็นการประหยัดงบตั๋วเครื่องบินบินตรงเข้าลาวเลย

ตั๋วเครื่องบินพวกเราจองผ่าน Traveloka สายการบิน Thai lion air ในราคาไป-กลับ ตกคนละ 1,440 บาท
หมายเหตุ : ขาไปพวกเราไม่ได้โหลดกระเป๋าเพิ่ม สายการบินอนุญาตให้เอากระเป๋าถือขึ้นเครื่อง (Carry-on) ได้สองใบต่อหนึ่งคน โดยกระเป๋าทั้งสองใบต้องมีน้ำหนักรวมกันไม่เกิน 7 กิโลกรัม (แน่นอนพวกเราใช้ที่ชั่งกระเป๋าเดินทางลองชั่งน้ำหนักก่อนวันเดินทาง เพราะถ้าไม่จำเป็นไม่มีใครอยากซื้อเพิ่มเลย...แอบประหยัดนิดนึงเนาะ555) ส่วนใครคิดว่าน้ำหนักเกินแน่ๆ ก็ซื้อโหลดกระเป๋าไว้ล่วงหน้าก่อนโล้ด เพราะหากน้ำหนักเกินตอนเช็คอินจะเสียค่าปรับแพงกว่าซื้อโหลดกระเป๋ามากค่า

(ไฟท์บินออกเวลา 6.05 น. ใช้เวลาบินจากสนามบินดอนเมืองมายังสนามบินนานาชาติอุดรประมาณ 1 ชั่วโมง)
หลังจากเรามาถึงที่สนามบินนานาชาติอุดรธานี เมื่อออกมาจากจุดลงเครื่องบิน เดินลงบันไดเลื่อนมา จะเจอกับจุดจำหน่ายตั๋วรถตู้ ซื้อตั๋วแล้วก็ไปด่านตรวจคนเข้าเมืองขาออกจากประเทศไทยในราคาคนละ 200 บาท


(จากใบเสร็จพวกเรามากัน8คนเลยเสียไปทั้งหมด1600บาทถ้วน)

ล้อหมุนมาสักพัก ประมาณ 40 นาที…พวกเราก็เดินทางมาถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองขาออกจากประเทศไทยที่หนองคาย
(จุดนี้เป็นจุดห้ามใช้กล้อง พวกเราจึงไม่มีภาพมาประกอบค่ะ TT)

ด่านนี้จะมีการตรวจ Passport และบัตรประจำตัวประชาชนเพื่อใช้สำหรับผ่านด่านนี้ หากใครไม่มี Passport สามารถขอออก Temporary Passport ที่นี่ได้ (Temporary Passport เป็น Passport แบบชั่วคราว อนุญาตให้อยู่ในลาวได้ 3 วัน 2 คืน และเฉพาะที่เวียงจันทน์เท่านั้น)

และเนื่องด้วยกลุ่มเราตั้งใจว่าจะไปกันทั้งหมดสามเมือง หลวงพระบาง-วังเวียง-เวียงจันทน์ ทุกคนเลยต้องทำ Passport (สำหรับการทำ Passport แนะนำว่าให้ทำการจองคิวออนไลน์ไปจะสะดวกมากๆ วิธีการจองมีรีวิวอยู่ค่อนข้างเยอะสามารถ Search ดูได้ ส่วนสถานที่ทำ Passport หากอยู่ในกรุงเทพแนะนำให้ไปทำที่ MRT คลองเตย เนื่องจากสะดวกและเดินทางค่อนข้างง่าย เมื่อทำเสร็จแล้ว Passport จะถูกส่งมาทางไปรษณีย์ตามที่อยู่ที่เราให้ไว้ โดยจะจัดส่งภายในเวลา 3 วันนับจากวันที่ทำ โดยค่าธรรมเนียมในการทำ Passport จะอยู่ที่ 1,000 บาท รวมค่าจัดส่งทางไปรษณีย์ด้วยอีก 60 บาท)

เมื่อผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าเมืองขาออกของประเทศไทยแล้ว ก็ซื้อตั๋วรถเมล์โดยสาร 20 บาท ไปยังสะพานมิตรภาพ ไทย-ลาวแห่งที่ 1 (สะพานที่เชื่อมต่ออำเภอเมือง จังหวัดหนองคายเข้ากับกรุงเวียงจันทน์ สปป.ลาว)  กันเล้ยย
รอรถเมล์สักพัก รถก็เข้ามาจอดใกล้ๆจุดขายตั๋ว โดยในเวลานั้นพวกเราสังเกตเห็นว่าผู้โดยสารที่รอรถพร้อมกลุ่มเราจะเป็นคนลาวซะส่วนใหญ่ เมื่อถึงเวลาขึ้นรถ แม้จะไม่ได้ต่อแถวเป็นระเบียบมากนัก แต่ผู้โดยสารทุกคนก็ไม่ได้แย่งกันขึ้น ใครเดินไปถึงประตูขึ้นรถก่อนก็เรียงแถวขึ้นกันตามลำดับ

ตรงนี้ใช้เวลาเดินทางมาสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ประมาณ 20 นาทีค่า


พอมาถึงที่สะพานมิตรภาพไทย-ลาว พวกเราก็ต้องเขียนใบเข้าเมือง โดยจะต้องเขียนทั้งขาเข้า ว่าเข้ามาวันไหน และขาออกว่าจะออกวันไหน ไปที่ไหนในลาวบ้าง รวมถึงที่พัก และรายละเอียดต่างๆ ของ Passport (ใบนี้สำคัญมากนะคะ เพราะเราต้องนำมายื่นตอนออกจากลาวด้วย) และเมื่อยื่นใบเข้าเมืองมาแล้วจะมีการเก็บค่าธรรมเนียม 10,000 กีบด้วยนะคะ หรือถ้าจะจ่ายเป็นเงินไทยก็คือ 40 บาท

พอเลยพรหมแดนไทยมาแล้วพวกเราก็เตรียมเปิดโหมดเครื่องบินในมือถือไว้ก่อน เพื่อกันการคิดค่าบริการนอกประเทศของแต่ละเครือข่าย รอข้ามแดนไปลาวแล้วซื้อซิมมาใส่

หลังจากนั้นพวกเราก็มาแลกเงินกีบกันเลย หากแลกเงินกีบที่สะพานมิตรภาพไทย-ลาวไปเลยจะได้เรทราคาที่ดีกว่าไปแลกในเมืองนะคะ ตอนที่ไปกลุ่มเราไปได้เรท 1 บาท ต่อ 277 กีบ หากใครจะมาเที่ยวลาวแนะนำให้เช็คอัตราแลกเปลี่ยนแล้วลองคำนวณดูก่อนนะคะ ที่ลาวบางเมือง บางร้านค้า เขารับจ่ายเป็นเงินบาทด้วย (แต่ช่วงที่กลุ่มเรามา หากใช้จ่ายเป็นเงินกีบจะได้ราคาที่ถูกกว่าเงินบาท แหะๆ พอรู้แบบนี้ถึงกับต้องไปแลกเงินกีบเพิ่มตอนอยู่ในเมืองเลย)

ส่วน ATM ในลาวก็มีนะคะใช้บัตร Visa ของที่ไทยกดได้เลย (เสียค่าธรรมเนียมการใช้บัตร ATM ของไทย 100 บาท/ครั้ง และเสียค่าธรรมเนียมตามจำนวนเงินที่กดอีก)

พอแลกเงินแล้วรู้สึกกระเป๋าตังค์บวมมากค่า ^^! (ฮั่นแน่ หนึ่งในผู้ร่วมทริปของเรากับเงินของเขาค่ะ)


จากสะพานมิตรภาพไทย-ลาว กลุ่มเรานั่งรถสองแถวเข้าไปที่ตลาดเช้าในเวียงจันทน์ คนขับบอกค่ารถคนละ 10,000 กีบ แต่แอบไปกระซิบถามคนลาวที่โบกขึ้นมาระหว่างทางเขาบอกว่า 8,000 กีบเอง (คงคล้ายๆกับบ้านเราแหละเนาะ ไม่เป็นไรราคาพอรับได้ค่ะ)

(พอหนุ่มคนนี้คือหนึ่งในเพื่อนร่วมทริปลาวครั้งนี้ของพวกเราค่า)

ระหว่างทาง พวกเราสังเกตได้ว่า รถของที่นี่พวงมาลัยจะอยู่ด้านซ้ายต่างจากบ้านเราที่พวงมาลัยจะอยู่ทางขวา (เห็นครั้งแรกก็ตกใจว่าทำไมคนขับอุ้มลูกด้วยขับรถไปด้วย อ่อ เป็นเบาะข้างคนขับนั่นเอง555) ส่วนรถสาธารณะ รถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์ก็จะเหมือนกับบ้านเราตามภาพประกอบเลยค่ะ แต่ที่สังเกตเห็นความแตกต่างจากบ้านเราได้ชัดคือ ป้ายทะเบียนรถของที่นี่จะมีอยู่ด้วยกันหลายสีมาก ที่พวกเราเห็นในตอนนั้นคือ 3 สี (ขาว, น้ำเงิน, เหลือง) ด้วยความสงสัยพวกเราไม่รอช้าหยิบโทรศัพท์เพื่อจะ Search Internet หาคำตอบว่าแต่ละสีแตกต่างกันยังไง

ซึ่งได้ความว่า สีของป้ายทะเบียนรถที่พวกเราเห็นนั้นเป็นแค่ส่วนหนึ่งของสีทั้งหมด และที่ทำให้ว้าวไปกว่านั้นคือ ไม่ใช่เพียงแต่สีของป้ายทะเบียนนะคะที่หลากหลาย แต่สีของตัวอักษรบนป้ายก็มีความหลากหลายด้วยเช่นกัน ซึ่งถ้าจะให้พวกเราเขียนอธิบายลงในนี้เกรงว่าข้อมูลจะตกหล่น พวกเราจึงขออนุญาตแปะลิงค์คลายความสงสัยของใครหลายๆคนที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วแอบสงสัยเหมือนพวกเราไว้ใต้นี้เลยค่า

ถ้าคุณไม่เปิดอ่าน คุณจะคุยกับเค้าไม่รู้เรื่อง
รู้เรื่องทะเบียนลาวก่อนจะก้าวเข้า AEC http://www.aseanthai.net/ewt_news.php?nid=4441&filename=index

พวกเราเลือกลงรถกันที่ตลาดเช้า ภาพในหัวที่พวกเราคิดไว้คือจะมีร้านค้าและของขายมากมายตามข้อมูลที่หามาก่อนหน้า ~แต่แล้วฝันนั้นก็สลายลงในพริบตา~ เพราะความเป็นจริงคือ มีร้านค้าเปิดเพียงไม่กี่ร้าน ของขายแทบไม่มี TT ตอนนี้พวกเราเริ่มคุยกันแล้วว่าหรือตอนนี้สายค่อนไปทางเที่ยงแล้ว พ่อค้าแม่ค้าเลยกลับกันหมดแล้ว
“เค้าอาจจะขายแค่ในตอนเช้าเหมือนชื่อตลาดก็ได้นะ” เพื่อนร่วมทริปคนหนึ่งพูดขึ้นมา ตรงนี้ทำให้พวกเราแอบขำกันไม่น้อยเลยค่ะ ^^ และเนื่องจากช่วงที่พวกเราไป ยังตรงกับช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ด้วยจึงอาจจะเป็นหนึ่งในเหตุผลของความเงียบที่เราเจอค่ะ

พวกเราเดินสำรวจไปสักพักเหงื่อก็เริ่มไหล เพราะอากาศตอนนี้บอกได้เลยว่าร้อนถึงร้อนมาก (อุณหภูมิที่ลาวจะใกล้เคียงกับไทยมากค่ะ) โชคดีตรงนั้นมีห้าง เดินสำรวจในห้างไม่นานพวกเราก็เจอร้านขายซิม


แอบกระซิบไว้ว่าซึ่งสำหรับคนที่ไม่ต้องการมาเดินหาในห้างแบบพวกเราการซื้อซิมที่ลาวสามารถซื้อได้ตั้งแต่สะพานมิตรภาพไทย - ลาวเลยค่ะ ราคาไม่แตกต่างกันด้วย

------- การซื้อซิม Internet ที่ลาว -------
ที่ลาวจะมีการใช้ซิม Internet กับซิมโทรศัพท์แยกกัน กลุ่มพวกเราเลยซื้อแต่ซิม Internet แล้วใช้โทรฟรีผ่านไลน์ มีสองเครือข่ายคือ Lao telecom กับ Unitel Lao

โดยสมาชิกในกลุ่มเราลองใช้ทั้งสองเครือข่าย ทั้งสองเครือข่ายนี้ราคาไม่ต่างกันคือ ต้องซื้อซิมเปล่าของลาว 30,000 กีบ และซื้อบัตรเติมเงินครั้งละ 10,000 กีบ ความเร็วเน็ตโดยรวมไม่ต่างกันค่ะ แต่เครือข่ายของ Lao telecom จะครอบคลุมกว่า ตอนขึ้นเขา Lao telecom ยังสัญญาณชัดแจ๋ว แต่ Unitel Lao ใช้บ่ได้แล้วเด้อ
(เนื่องจากกลุ่มเราไปกัน 7 วัน 6 คืน บางคนเติมเน็ตสองครั้ง แล้วแต่การใช้งานของแต่ละคนเลยค่ะ)

รวมเบ็ดเสร็จราคาค่าซิม Internet ลาว 40,000 กีบ ซื้อเน็ตเพิ่มรอบละ 10,000 กีบแล้วแต่การใช้งานเลยค่า
(สงสัยอะไรเพิ่มเติม ตรงนี้สามารถถามพี่คนขายได้เลยค่ะ พี่เค้าจะมีโบรชัวร์บอกรายละเอียดเพิ่มเติม พวกเราโชคดีเจอพี่สาวคนขายยิ้มแย้มแจ่มใสและเป็นกันเองมากๆเลยค่ะ)

--------------------------------------------------
 
ชื่อสินค้า:   ประเทศลาว นครหลวงเวียงจันทร์ วังเวียง หลวงพระบาง
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่