[CR] รีวิว The Wandering Earth (Netflix) หนังแอ็กชั่นไซไฟสุดทะเยอทะยานจากแดนมังกร

The Wandering Earth หนังบน Netflix โปรเจ็กต์อลังการงานสร้างของจีน ที่มีบริษัทหนังของแจ๊คหม่า Alibaba Picture ร่วมทุนด้วย หนังสร้างจากนิยายได้รางวัล Hugo ระดับนานาชาติ จากผู้เขียน Liu Cixin ซึ่งการันตีได้เลยว่า หนังแอ็กชั่นไซไฟเรื่องนี้เขียนบทอิงกับฟิสิกส์ความเป็นไปได้ทางวิทยาศาสตร์ และยังเป็นเรื่องไม่ไกลเกินยุคในปัจจุบันอีกด้วย

*คำเตือน The Wandering Earth ไม่ควรเปิดซับไทยเด็ดขาด เพราะแปลผิดพลาดมาก แนะนำพากย์ไทย หรือเสียงจีน ซับอังกฤษ เท่านั้น

รีวิวนี้เป็นฉบับย่อ ถ้าต้องการอ่านละเอียดพร้อมเนื้อเรื่องติดตามที่ลิ้งค์ด้านล่างครับ
https://www.playinone.com/folkplay/the-wandering-earth-review/


หนังเริ่มมาเปิดตัวด้วยการเล่าถึงหายนะที่ค่อยๆ คืบคลานมาจากการที่ดวงอาทิตย์เสื่อมสภาพ แม้ว่ามนุษย์ชาติจะเห็นสัญญาณเตือนมาเรื่อยๆ ก็ไม่ได้ตะหนักพอเหมือนโลกร้อน ก็กลายเป็นว่าหายนะนั้นมาไวกว่าที่คิด ทำให้ทั้งโลกต้องร่วมมือกันตั้งรัฐบาลโลก และผลักดันโปรเจ็กต์ช่วยมวลมนุษย์ชาติที่ชื่อ The Wandering Earth (ดาวโลกเร่ร่อน) เป็นการติดเครื่องยนต์ขับเคลื่อนให้โลกเดินทางหลุดพ้นระบบโซล่าซิสเต็มนี้ แล้วไปเริ่มต้นที่ใหม่ไกลออกไป แต่การจะออกจากระบบสุริยะได้ ต้องอาศัยแรงส่งจากดาวพฤหัสด้วยถึงหลุดพ้นได้ ทำให้โลกต้องมุ่งหน้าไปที่ดาวพฤหัส ก่อนจะเกิดเหตุไม่คาดคิดนอกแผนตามมา


นอกจากโครงเรื่องไซไฟหลักแล้ว หนังก็มาเน้นที่ความสัมพันธ์ของครอบครัวพ่อลูกที่เป็นตัวเอก ที่คนพ่อต้องทิ้งลูกมาปฏิบัติภารกิจอยู่บนสถานีอวกาศยาวนานเกือบ 20 ปี ทิ้งให้ลูกชายดำเนินชีวิตในโลกใต้ดิน ที่เป็นเมืองหลบภัยของมนุษย์ชาติจนกว่าจะถึงจุดหมาย  ตัวเอกลูกชายที่อยู่ใต้โลกมาแทบทั้งชีวิต  ก็หาทางขึ้นไปบนพื้นโลกพร้อมกับน้องสาวที่ติดตามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น ซึ่งด้านบนก็เป็นโลกที่หนาวเหน็บสุดขั้วระดับติดลบ 80 องศาเซลเซียส หนังจะตัดสลับเรื่องราวบนสถานีอวกาศของพ่อ กับเรื่องราวหายนะบนโลก หนังมีฉากแอ็กชั่นสูตรสำเร็จ ตึกถล่ม ฉากรถซิ่งหนีแผ่นดินถล่ม แม้จะไม่ได้เป็นสิ่งแปลกใหม่ที่เราเคยเห็นจากหนังฮอลลีวู๊ด แต่ก็ไม่ได้ดูซ้ำซากหรือน่าเบื่อแต่อย่างใด

ถ้าใครเคยดูพวกหนังแนวภัยหายนะกู้โลกจากฮอลลีวู๊ด ก็แน่นอนว่าเรื่องจะเดินไปตามแนวชาตินิยมอเมริกาซะเป็นส่วนใหญ่ เรียกว่าถ้าไม่มีกองทัพอเมริกา หรือประธานาธิปดีอเมริกาขึ้นมาปลุกพลังความหวัง โลกนี้ซี้แหงแก๋แน่นอน ก่อนดูผมก็คิดว่าหนังเรื่องนี้ทำรายได้ถล่มทลายติดอันดับสูงสุดในจีน (รายได้รวมตอนนี้ 700 ล้านเหรียญ) ก็คงเป็นหนังหายนะที่อวยจีนแหงๆ คนจีนเลยแห่ไปดู แต่กลายเป็นว่าไม่ใช่อย่างที่คิด หนังไม่ได้ทำออกมาชาตินิยมอวยจีนให้ดูแล้วรู้สึกกระอักกระอ่วนแต่อย่างใด… แถมเดินเรื่องด้วยแนวคิด ความเป็นอยู่ ผสมวัฒนธรรมจีนที่มีในเอเชียได้อย่างกลมกล่อม อย่างการกลับบ้านช่วงตรุษจีน พลุปีใหม่ หรือแม้แต่ของกินผสมทุเรียนก็มี โลเกชั่นในเรื่องหลักก็ไปที่อื่นนอกจากจีน มีความเป็นสากลในเรื่องราว และเติมบทบาทของจีนลงไปได้อย่างพอดี  อย่างบนสถานีอวกาศก็มีบทของตัวละครรัสเซียเป็นเพื่อนซี้กับพ่อพระเอก แต่ในมุมกลับ หนังก็ดูจะตั้งใจละทิ้งบทของชาติอเมริกาไปจนเกินพอดีเหมือนกัน เหลือแค่รูปธงในสนธิสัญญา และบทตัวประกอบโผล่มาไม่กี่วิเท่านั้น

หนังอิงมาจากทฤษฎีหลายอย่างจริง แม้จะดูโอเว่อร์ๆ ในเรื่องชุดขับเคลื่อนโลก แต่จุดอื่นๆ อย่าง เมื่อโลกหยุดหมุนจะเกิดอะไรขึ้น ความหนาวติดลบของโลก น้ำในมหาสมุทรเปลี่ยนที่ ชุดพลังงานความร้อน ชุดพาวเวอร์อาร์ม พวกนี้ถือว่าหนังทำการบ้านมาได้ดี ที่ผมชอบที่สุดคือหนังไม่ได้ชี้ให้เห็นว่า โปรเจ็กต์การเดินทางเร่ร่อนนี้จะสำเร็จได้ 100% หนังทำให้เห็นว่านี่เป็นความหวังที่ต้องส่งต่อกันรุ่นสู่รุ่นไปเรื่อยๆ ถ้าไม่หมดหวัง สักวันสิ่งนี้ก็คงจะสำเร็จ ซึ่งหนังได้ถ่ายทอดความคิดนี้ไว้ในเรื่องราวหลักผ่านตัวละครได้อย่างสวยงามอีกด้วย

นอกจากความเลวร้ายของหายนะที่เกิดจากธรรมชาติแล้ว ในเรื่องยังมีอีกส่วนที่เกิดจาก AI. ควบคุมในสถานีอวกาศ พ่อของพระเอกต้องต่อสู้กับ AI. ที่มีชื่อว่า “มอสส์” (Moss) ที่คุมโปรเจ็กต์ The Wandering Earth นี้ไว้อย่างเหนียวแน่นตรงไปตรงมา ไม่ยอมให้ใครแหกกฎมีความเสี่ยงนอกเหนือจากการคำนวณของมัน ซึ่งมอสส์ก็จะเริ่มจากแค่เตือน ขัดขวาง ปิดการสื่อสาร ไปจนถึงก่ออาชญากรรมกับมนุษย์ผู้สร้าง ซึ่งเราจะได้เห็นความน่ากลัวของ AI.ในแบบที่คาดไม่ถึง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นที่มอสส์ทำก็ไม่ได้ผิด เพราะก็มาจากมนุษย์นี่เองแหละ ที่เลือกให้อำนาจสูงสุดกับ AI. นี่ไว้เอง (รัฐบาลโลกมอบอำนาจให้)

นักแสดงในเรื่องเล่นต่างเล่นได้สมบทบาทดี หนังวางตัวเอกมีปมขาดความอบอุ่นที่พ่อทิ้งไปทำภารกิจตั้งแต่เด็ก “พ่อขึ้นไปทำภารกิจบนฟ้า ลูกแค่เงยหน้าขึ้นมาก็ได้เจอพ่อแล้ว”ประโยคตั้งแต่เริ่มเรื่องที่ผูกพันทั้งคู่ไว้ไปจนถึงตอนท้ายของเรื่อง จุดนี้เชื่อว่าพอช่วงคลายปมมีเสียน้ำตากันบ้างล่ะครับ ซึ่งเรื่องนี้นอกจากจะเป็นหนังหายนะแล้ว ยังเดินเรื่องด้วยดราม่าชั้นดี ที่เชื่อว่าทำเอาหลายคนซึ้งไม่มากก็น้อย หนังเฉลี่ยให้มีพาร์ทดราม่ากับหลายตัวละครได้อย่างกลมกล่อม ไม่เว้นแม้แต่ตัวบทสมทบหลายๆ ตัวก็มีฉากเด่นให้จดจำได้แทบทุกตัวละคร
 
นี่เป็นหนังโรงระดับบล็อกบัสเตอร์ฟอร์มยักษ์ของจีน ที่เน็ตฟลิกซ์ทุ่มทุนดูดลงมาฉายในระบบ เป็นความบันเทิงที่เรียกว่าคุ้มค่าเกินราคามาก แต่ถ้าให้เหมาะสมที่สุดหนังเรื่องนี้เหมาะแก่การรับชมจอขนาดใหญ่ ระบบเสียงดีๆ ส่วนตัวรู้สึกเสียดายเหมือนกันที่อดรับชมในโรง แต่อีกมุมนี่ก็เป็นโอกาสให้ทุกคนเข้าถึงง่ายกว่า และสามารถดูซ้ำเท่าไหร่ก็ได้ แม้พล็อตหายนะกู้โลกจะไม่ได้ใหม่ การเดินเรื่องทำภารกิจก็อาจจะปกติธรรมดาของหนังแนวนี้ แต่นี่ก็เป็นหนังที่แนะนำบอกต่อให้ดูได้เต็มปาก และเป็นหนังเอเชียเรื่องแรกที่เทียบชั้นหนังบล็อกบัสเตอร์จากฮอลลีวู๊ดได้สบายหายห่วงเลยครับ!


ฝากอีกรีวิวไว้ให้อ่านเพิ่มครับ (คนละรีวิวกับของผม)
https://www.playinone.com/entanianick/รีวิว-the-wandering-earth/
ชื่อสินค้า:   The Wandering Earth
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่