เป็นครั้งแรกของผมที่ได้เขียนกระทู้ใน Pantip เลยครับก่อนหน้านี้ได้แต่ติดตามอ่านกระทู้อื่น ๆ มาตลอด แต่ได้เจอกับการบริการที่ทำให้ต้องประทับใจ (ในทางแย่) จนถึงกับต้องมาเขียนรีวิวกันเลยทีเดียว
เริ่มด้วยรถที่ใช้งานอยู่เป็นประจำไม่สามารถใช้งานได้ ผมจึงมองหารถเช่าซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่จะใช้บริการรถเช่าจึงได้ไปเจอกับ บ. ที่ให้บริการเช่ารถชื่อว่า ECOCAR ผมจึงได้สนใจและติดต่อเช่ารถตามขั้นตอนของทางผู้ให้บริการ
#ขั้นตอนการเริ่มเช่ารถ
เริ่มด้วยการสอบถามและโอนเงินจองขั้นตอนนี้ก็ปกติดีไม่มีปัญหาหรือติดขัดอะไร

ซื้อประกันเสริมเพิ่มด้วยเพื่อความปลอดภัย

โอนเงินมัดจำ

ใบเสร็จหลังจากโอนเงินมัดจำ
#วันรับรถ
หลังจากผ่านขั้นตอนการจองและโอนเงินมัดจำก็ได้มาถึงวันรับรถ ซึ่งก็ได้อ่านสัญญาที่ต้อง "ยินยอมมม" เนื่องจากตอนนั้นทำอะไรนอกจากนั้นไม่ได้เพราะต้องใช้รถไปทำธุระสิ่งที่ได้อ่านก็คือตัวสัญญาที่ "ต้องยอมรับให้ได้"


โอนเงินมัดจำส่วนที่เหลือเป็นเงินสด (ส่วนค่าเช่ารถ+ประกันรูดบัตรเครดิต)

แต่หลังจากรับเรื่องสัญญาเรียบร้อยแล้ว มีอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องรับรู้แต่ไม่ได้เต็มใจยอมรับมาก่อนหน้านี้นั่นคือ... ซองใส่สัญญาที่บอกถึงรายละเอียดค่าปรับ แต่ทุกคนก็คงไม่มีใครอยากทำผิดกฏให้ถูกปรับหรอกเนาะ ก็โอเคตามนั้นนน
#มาถึงขั้นตอนรับรถรถเพื่อเตรียมออกเดินทางกันแล้ว
พอมาถึงขั้นตอนนี้พนักงานก็พามาดูรถที่เตรียมไว้ให้พร้อมตรวจเช็คตัวรถภายนอกภายใน ภายนอกมีริ้วร้อยบ้างเลยถ่ายไว้เป็นหลักฐาน

#เจอเรื่องกังวลใจเกี่ยวกับตัวรถ และการให้บริการของเจ้าหน้าที่
หลังจากวิ่งในเส้นทางที่รถติดมาซักพักก็ออกมาสู่ถนนหลักที่พอจะทำความเร็วได้ เริ่มเจอปัญหาที่ตัวรถมีเสียงที่ไม่รู้ที่มาดังขึ้นเหมือนมีรถมอเตอร์ไซต์วิ่งตามหลังตลอด โดยเสียงจะดังมากๆทันทีที่ขับเกิน 60 ขึ้นไป ผมจึงติดต่อไปที่พนักงาน แต่ติดต่อไปพนักงานก็ให้คำตอบที่ชัดเจนไม่ได้โดยพนักงานแจ้งว่าจะให้ทีมงานที่เกี่ยวข้องติดต่อกลับมาพื่อแจ้งข้อมูล ทางผมก็รอ ๆๆ และสุดท้ายก็ไม่มีการติดต่อกลับมาแจ้งข้อมูลคำตอบใดๆ จนถึงตอนค่ำทางผมจึงติดต่อกลับไปถามข้อมูลเรื่องเสียงดังกล่าวอีกครั้ง เพราะเห็นว่าต้องใช้รถเป็นระยะทางที่ค่อนข้างไกล จึงกังวลว่าอาจจะเกิดอันตราย เพราะผมก็ไม่เคยขับรถแล้วมีอาการแบบนี้มาก่อน พอโทรไปก็มีพนักงานคนเดิมที่ในตอนแรกก็ให้คำตอบที่ชัดเจนไม่ได้ แจ้งคำตอบกลับมา ซึ่งคำตอบที่ได้และใกล้เคียงข้อสรุปที่สุดก็คือ "น่าจะเพราะว่ามีการถอดปลายท่อไอเสียออกไป จึงทำให้เกิดเสียงดังตลอดเวลาที่รถวิ่ง" ตรงนี้เราก็ขับรถออกมาไกลเกินกว่าจะกลับไปเปลี่ยนจึงขับต่อไป พอได้คำตอบทางผมจึงได้ไปก้มดูที่ท่อไอเสีย ซึ่งมันมีส่วนที่หายไปจริง ๆ จึงวางใจในระดับนึงว่าคงไม่มีอะไรร้ายแรงเกี่ยวกับตัวรถ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
#และแล้วก็มาถึงจุดพีคที่สุดที่ทำให้ผมประทับใจไม่รู้ลืม
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
มาถึงวันที่ต้องคืนรถได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นนั่นคือพึ่งไปสังเกตุเห็นว่า "ป้ายทะเบียนสีขาวด้านหน้า ได้หายไป" ซึ่งหายไปตอนไหนไม่รู้ ตัวรถไม่ได้มีการไปเฉี่ยวหรือชนกับอะไรทิ้งสิ้น สิ่งแรกที่คิดคือประกันที่ทำไว้คลอบคลุมหรือเปล่า แล้วถ้าโดนค่าปรับจริง ๆ จะโดนค่าปรับเท่าไหร่เนี่ยคิดในใจต้องโดนเป็น 1000+ แน่ ๆ เลย และแล้วก็ไปดูหน้าซองที่มีรายการค่าปรับ 3,210 บาท แพงเอาเรื่องแต่ก็คงต้องจำใจจ่ายเพราะมันหายไปแล้ว
ตอนไปคืนรถพนักงานรับคืนก็ตรวจเช็ครถแล้วก็มาถามว่าป้ายทะเบียนด้านหน้าหายไปไหนครับพี่ ผมก็ได้บอกไปว่ามันหายไปตอนไหนไม่รู้ครับ ก็เสร็จเรียบร้อยก่อนกลับบ้านเพื่อรอรับเงินมัดจำคืนได้ถามกับพนักงานว่าป้ายทะเบียนหายต้องเสียค่าปรับเท่าไหร่ตามหน้าซองใช่หรือเปล่า พนักงานตอบกลับมาว่าเดี๋ยวต้องสอบถามกับศูนย์ใหญ่แล้วเดี๋ยวติดต่อกลับไปนะครับ
ผมจึงได้รอจนถึงกำหนดคืนเงินมัดจำ "หลังจากส่งรถคืนภายใน 24ชม" แต่...ครบ 24ชม ไม่มีเงินมัดจำโอนมาคืน และไม่มีการติดต่อจากพนักงาน อีกแล้ววว (เท่าที่เล่ามาถึงตอนนี้ จะเห็นได้ว่าตั้งแต่เช่ารถมา ทางผมไม่เคยได้รับการติดต่อกลับหรือแจ้งข้อมูลใด ๆ จากทางบริษัทเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม ) ผมจึงได้ติดต่อกลับไปหาพนักงาน สิ่งที่ผมได้คำตอบคือ...

ผมเลยเกิดความสงสัยอย่างมากเพราะเฉพาะค่าปรับที่หน้าซอง 3,210 บาทสำหรับป้ายทะเบียนหายนั้นก็คิดว่าแพงมากแล้ว สอบถามไปเรื่อย ๆ จึงได้รายละเอียดถึงที่มาของ 8,560 บาท นั่นคือ มีค่าดำเนินการ "5,000+Vat7% และค่าปรับ 3000+Vat7%" โดยค่าปรับก็เป็นค่าปรับที่จำใจจ่ายเพราะได้ทราบข้อมูลจากหน้าซอง หลังจากเซ็นสัญญาไปแล้ว แต่ในส่วนค่าดำเนินการ 5,000 บาทนี้ ไม่เคยมีรายละเอียดมาก่อนไม่ว่าจะในสัญญาหรือหน้าซอง เรื่องรายละเอียดค่าปรับ ผมสอบถามทางเจ้าหน้าที่บริษัท อย่าหวังว่าจะได้คำตอบที่ชัดเจนครับ ทางเจ้าหน้าที่ก็ตอบมาแค่ว่า เป็นค่าป้าย และ ค่าดำเนินการค่ะ พอสงสัยจึงถามว่าทำไมราคาสูงขนาดนี้และให้ชี้แจงว่าเก็บได้อย่างไรในเมื่อสัญญาผมก็ไม่เห็นเขียน ทางเจ้าหน้าที่ก็พูดซ้ำๆแบบเดิมว่าเป็นค่าป้าย และ ค่าดำเนินการ โดยไม่สามารถชี้แจงข้อมูลที่ชัดเจนใดๆให้ทราบได้เลย
ป.ล ทางผมเข้าใจครับว่า ใจเขาใจเรา หากว่าทางบริษัทรถเช่าจะต้องได้รับความเสียหายจากการที่มีคนมาเช่ารถนิสสัน อัลเมร่าคันนี้ แต่เพราะป้ายที่ผมทำหาย ทางบริษัทจึงไม่สามารถนำรถคันดังกล่าวไปให้ผู้อื่นเช่าได้เลย ซึ่งค่าเสียหายส่วนนี้ถ้าเกิดขึ้นจริงและทางบริษัทชี้แจงแสดงหลักฐานเบื้องต้นใดๆให้ทางผมทราบได้ ผมก็จะไม่ติดใจใด ๆ แต่กรณีนี้คือไม่มีข้อมูลใด ๆ ในส่วนค่าเสียหายตรงนี้เลยครับ ทราบแค่ว่า ค่าป้าย + ค่าดำเนินการ โดยที่ทางผมได้สอบถามแล้วก็ไม่ได้คำตอบใด ๆ เพิ่มเติม
#สรุปส่งท้ายรีวิว
ใครที่คิดจะใช้บริการรถเช่ากับ บ. นี้ตัดสินใจให้ดีนะครับทั้งเรื่องข้อสัญญา / ค่าปรับต่าง ๆ ที่ผมเอารายละเอียดมาลงให้ดูนั้นก็เพื่อให้ได้เห็นถึงรายละเอียดที่แท้จริงก่อนจะตัดสินใจโอนเงินไปมัดจำ เพราะการไปยกเลิกตอนไปรับรถเพราะรับไม่ได้ในสัญญาที่จะต้องทำก็มีโอกาสสูงที่คุณเสียเงินมัดจำฟรี ๆ อยู่ดีแล้วถ้าถึงจุดนั้นที่ต้องใช้รถจริงๆก็คงเป็นไปได้ยากที่จะยกเลิก
แต่ส่วนตัวนี่คงจะเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวกับการใช้บริการรถเช่ากับ บ. ECOCAR เพราะค่าปรับนั้นรุนแรงเกินกว่าผมจะรับได้ (ไปดูรีวิวของเจ้าอื่นมาเห็นว่าเสียแค่ค่าปรับ 3,210 บาท แต่ถ้าผมเข้าใจผิดชี้แนะกันได้นะครับว่าที่อื่นก็เสียค่าดำเนินการ 5,000 บาท + Vat7% เหมือนกัน) ผมคงจบการรีวิวนี้เพียงเท่านี้ "ตัดสินใจให้ดีก่อนจะใช้บริการ หรือถ้าท่านใดตัดสินใจใช้บริการอย่าทำอะไรให้ต้องโดนค่าปรับนะครับ"
[CR] ตัดสินใจให้ดีก่อนจะเช่ารถกับ บ.ECOCAR (www.ecocar.co.th)
เริ่มด้วยรถที่ใช้งานอยู่เป็นประจำไม่สามารถใช้งานได้ ผมจึงมองหารถเช่าซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่จะใช้บริการรถเช่าจึงได้ไปเจอกับ บ. ที่ให้บริการเช่ารถชื่อว่า ECOCAR ผมจึงได้สนใจและติดต่อเช่ารถตามขั้นตอนของทางผู้ให้บริการ
#ขั้นตอนการเริ่มเช่ารถ
เริ่มด้วยการสอบถามและโอนเงินจองขั้นตอนนี้ก็ปกติดีไม่มีปัญหาหรือติดขัดอะไร
#วันรับรถ
หลังจากผ่านขั้นตอนการจองและโอนเงินมัดจำก็ได้มาถึงวันรับรถ ซึ่งก็ได้อ่านสัญญาที่ต้อง "ยินยอมมม" เนื่องจากตอนนั้นทำอะไรนอกจากนั้นไม่ได้เพราะต้องใช้รถไปทำธุระสิ่งที่ได้อ่านก็คือตัวสัญญาที่ "ต้องยอมรับให้ได้"
#มาถึงขั้นตอนรับรถรถเพื่อเตรียมออกเดินทางกันแล้ว
พอมาถึงขั้นตอนนี้พนักงานก็พามาดูรถที่เตรียมไว้ให้พร้อมตรวจเช็คตัวรถภายนอกภายใน ภายนอกมีริ้วร้อยบ้างเลยถ่ายไว้เป็นหลักฐาน
#เจอเรื่องกังวลใจเกี่ยวกับตัวรถ และการให้บริการของเจ้าหน้าที่
หลังจากวิ่งในเส้นทางที่รถติดมาซักพักก็ออกมาสู่ถนนหลักที่พอจะทำความเร็วได้ เริ่มเจอปัญหาที่ตัวรถมีเสียงที่ไม่รู้ที่มาดังขึ้นเหมือนมีรถมอเตอร์ไซต์วิ่งตามหลังตลอด โดยเสียงจะดังมากๆทันทีที่ขับเกิน 60 ขึ้นไป ผมจึงติดต่อไปที่พนักงาน แต่ติดต่อไปพนักงานก็ให้คำตอบที่ชัดเจนไม่ได้โดยพนักงานแจ้งว่าจะให้ทีมงานที่เกี่ยวข้องติดต่อกลับมาพื่อแจ้งข้อมูล ทางผมก็รอ ๆๆ และสุดท้ายก็ไม่มีการติดต่อกลับมาแจ้งข้อมูลคำตอบใดๆ จนถึงตอนค่ำทางผมจึงติดต่อกลับไปถามข้อมูลเรื่องเสียงดังกล่าวอีกครั้ง เพราะเห็นว่าต้องใช้รถเป็นระยะทางที่ค่อนข้างไกล จึงกังวลว่าอาจจะเกิดอันตราย เพราะผมก็ไม่เคยขับรถแล้วมีอาการแบบนี้มาก่อน พอโทรไปก็มีพนักงานคนเดิมที่ในตอนแรกก็ให้คำตอบที่ชัดเจนไม่ได้ แจ้งคำตอบกลับมา ซึ่งคำตอบที่ได้และใกล้เคียงข้อสรุปที่สุดก็คือ "น่าจะเพราะว่ามีการถอดปลายท่อไอเสียออกไป จึงทำให้เกิดเสียงดังตลอดเวลาที่รถวิ่ง" ตรงนี้เราก็ขับรถออกมาไกลเกินกว่าจะกลับไปเปลี่ยนจึงขับต่อไป พอได้คำตอบทางผมจึงได้ไปก้มดูที่ท่อไอเสีย ซึ่งมันมีส่วนที่หายไปจริง ๆ จึงวางใจในระดับนึงว่าคงไม่มีอะไรร้ายแรงเกี่ยวกับตัวรถ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
#และแล้วก็มาถึงจุดพีคที่สุดที่ทำให้ผมประทับใจไม่รู้ลืม
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
มาถึงวันที่ต้องคืนรถได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นนั่นคือพึ่งไปสังเกตุเห็นว่า "ป้ายทะเบียนสีขาวด้านหน้า ได้หายไป" ซึ่งหายไปตอนไหนไม่รู้ ตัวรถไม่ได้มีการไปเฉี่ยวหรือชนกับอะไรทิ้งสิ้น สิ่งแรกที่คิดคือประกันที่ทำไว้คลอบคลุมหรือเปล่า แล้วถ้าโดนค่าปรับจริง ๆ จะโดนค่าปรับเท่าไหร่เนี่ยคิดในใจต้องโดนเป็น 1000+ แน่ ๆ เลย และแล้วก็ไปดูหน้าซองที่มีรายการค่าปรับ 3,210 บาท แพงเอาเรื่องแต่ก็คงต้องจำใจจ่ายเพราะมันหายไปแล้ว
ตอนไปคืนรถพนักงานรับคืนก็ตรวจเช็ครถแล้วก็มาถามว่าป้ายทะเบียนด้านหน้าหายไปไหนครับพี่ ผมก็ได้บอกไปว่ามันหายไปตอนไหนไม่รู้ครับ ก็เสร็จเรียบร้อยก่อนกลับบ้านเพื่อรอรับเงินมัดจำคืนได้ถามกับพนักงานว่าป้ายทะเบียนหายต้องเสียค่าปรับเท่าไหร่ตามหน้าซองใช่หรือเปล่า พนักงานตอบกลับมาว่าเดี๋ยวต้องสอบถามกับศูนย์ใหญ่แล้วเดี๋ยวติดต่อกลับไปนะครับ
ผมจึงได้รอจนถึงกำหนดคืนเงินมัดจำ "หลังจากส่งรถคืนภายใน 24ชม" แต่...ครบ 24ชม ไม่มีเงินมัดจำโอนมาคืน และไม่มีการติดต่อจากพนักงาน อีกแล้ววว (เท่าที่เล่ามาถึงตอนนี้ จะเห็นได้ว่าตั้งแต่เช่ารถมา ทางผมไม่เคยได้รับการติดต่อกลับหรือแจ้งข้อมูลใด ๆ จากทางบริษัทเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม ) ผมจึงได้ติดต่อกลับไปหาพนักงาน สิ่งที่ผมได้คำตอบคือ...
ป.ล ทางผมเข้าใจครับว่า ใจเขาใจเรา หากว่าทางบริษัทรถเช่าจะต้องได้รับความเสียหายจากการที่มีคนมาเช่ารถนิสสัน อัลเมร่าคันนี้ แต่เพราะป้ายที่ผมทำหาย ทางบริษัทจึงไม่สามารถนำรถคันดังกล่าวไปให้ผู้อื่นเช่าได้เลย ซึ่งค่าเสียหายส่วนนี้ถ้าเกิดขึ้นจริงและทางบริษัทชี้แจงแสดงหลักฐานเบื้องต้นใดๆให้ทางผมทราบได้ ผมก็จะไม่ติดใจใด ๆ แต่กรณีนี้คือไม่มีข้อมูลใด ๆ ในส่วนค่าเสียหายตรงนี้เลยครับ ทราบแค่ว่า ค่าป้าย + ค่าดำเนินการ โดยที่ทางผมได้สอบถามแล้วก็ไม่ได้คำตอบใด ๆ เพิ่มเติม
#สรุปส่งท้ายรีวิว
ใครที่คิดจะใช้บริการรถเช่ากับ บ. นี้ตัดสินใจให้ดีนะครับทั้งเรื่องข้อสัญญา / ค่าปรับต่าง ๆ ที่ผมเอารายละเอียดมาลงให้ดูนั้นก็เพื่อให้ได้เห็นถึงรายละเอียดที่แท้จริงก่อนจะตัดสินใจโอนเงินไปมัดจำ เพราะการไปยกเลิกตอนไปรับรถเพราะรับไม่ได้ในสัญญาที่จะต้องทำก็มีโอกาสสูงที่คุณเสียเงินมัดจำฟรี ๆ อยู่ดีแล้วถ้าถึงจุดนั้นที่ต้องใช้รถจริงๆก็คงเป็นไปได้ยากที่จะยกเลิก
แต่ส่วนตัวนี่คงจะเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวกับการใช้บริการรถเช่ากับ บ. ECOCAR เพราะค่าปรับนั้นรุนแรงเกินกว่าผมจะรับได้ (ไปดูรีวิวของเจ้าอื่นมาเห็นว่าเสียแค่ค่าปรับ 3,210 บาท แต่ถ้าผมเข้าใจผิดชี้แนะกันได้นะครับว่าที่อื่นก็เสียค่าดำเนินการ 5,000 บาท + Vat7% เหมือนกัน) ผมคงจบการรีวิวนี้เพียงเท่านี้ "ตัดสินใจให้ดีก่อนจะใช้บริการ หรือถ้าท่านใดตัดสินใจใช้บริการอย่าทำอะไรให้ต้องโดนค่าปรับนะครับ"
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้