ตะลุยเดี่ยวขี่รถเที่ยวดะอีสานตอนใต้ต่อกัมพูชาตอนเหนือ ตอนที่ 3

 

                              กลับมารีวิวกระทู้ตะลุยเดี่ยวขี่รถเที่ยวดะอีสานใต้ต่อกัมพูชาตอนเหนือกันต่อเป็นตอนที่  3  ซึ่งในตอนนี้จะเป็นการบอกเล่าประสบการณ์ของการเดินทางท่องเที่ยววันที่  5  - 6  ของผมในทริปนี้     โดยไปชมปราสาทหินในเขตจังหวัดสระแก้วนะครับ     หลังจากผมตระเวนไปชมปราสาทหินในจังหวัดบุรีรัมย์และสุรินทร์มาแล้ว  4   วัน  รู้สึกช่วงนี้ดื่มด่ำกับปราสาทขอมเป็นพิเศษจังเลยทุกวันต้องไปชมปราสาท  555

                               ก่อนอื่นไปรู้จักการเดินทางท่องเที่ยวของผมในทริปนี้ก่อนครับว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง  โดยผมได้แบ่งทริปการเดินทางของผมในครั้งนี้เป็นดังนี้
                               วันที่ 1 :   เดินทางจากกรุงเทพฯ – บุรีรัมย์ เที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวในเขตอำเภอเมืองบุรีรัมย์

                               วันที่ 2  :  เที่ยวปราสาทหินและสถานที่ท่องเที่ยวในเขตอำเภอละหานทราย  โนนดินแดง  และปะคำ และชมการแสดง
                                             แสงสีเสียงในงานประเพณีขึ้นเขาพนมรุ้ง

                               วันที่ 3  :  เที่ยวปราสาทหินในเขตบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ และอำเภอพนมดงรัก  จังหวัดสุรินทร์ และร่วมชมขบวนแห่ประเพณีขึ้น
                                              เขาพนมรุ้ง

                               วันที่ 4  :  เที่ยวปราสาทหินในเขตอำเภอปราสาท  สังขะ   และบัวเชดของจังหวัดสุรินทร์

                               วันที่ 5  :  เดินทางจากสุรินทร์ไปจังหวัดสระแก้ว  และเที่ยวปราสาทหินในจังหวัดสระแก้ว

                                วันที่ 6  :  เที่ยวปราสาทหินและสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดสระแก้ว (ต่อ)

                                วันที่ 7  :  เดินทางไปเมืองเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา  และเที่ยวปราสาทหินในเมืองเสียมเรียบ

                                วันที่ 8  :  เที่ยวปราสาทหินกลุ่มหริหราลัย  และปราสาทหินรายทางระหว่างทางจากเสียมเรียบไปกำปงธม

                                วันที่ 9  :  เที่ยวกลุ่มปราสาทสมโบร์ไพรกุกที่เมืองกำปงธม

                                วันที่ 10  :  เดินทางไปเมืองพระตะบอง และเที่ยวปราสาทหินในเมืองพระตะบอง

                                 วันที่ 11  :  เที่ยวปราสาทหินและสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองพระตะบอง

                                 วันที่ 12  :  เที่ยวกลุ่มปราสาทหินบันทายฉมาร์ที่เมืองบันเตียเมียนเจย

                                 วันที่ 13  :  เที่ยวเก็บตกในเมืองพระตะบอง และเดินทางกลับบ้าน

                                 ถ้าเข้าใจข้อมูลการเดินทางของผมแล้ว  พร้อมแล้วก็ Let  go.... กันเลย

วันที่ 5  :  เดินทางจากสุรินทร์ไปจังหวัดสระแก้วและเที่ยวปราสาทหินในจังหวัดสระแก้ว

                                 วันนี้ผมเช็คเอ้าท์จากที่พักเร็วหน่อย  7  โมงกว่าก็รีบขี่รถมอเตอร์ไซค์จากที่พักไปยังตัวเมืองบุรีรัมย์   โดยใช้ถนนที่ผ่านตัวเมืองสุรินทร์  ระยะทาง  80  ก.ม.  ใช้เวลาขี่รถไปประมาณ  1  ช.ม. 15  นาที  เพื่อคืนรถที่เช่ากับทางร้าน  เพราะวันนี้ผมมีแผนว่าจะไปอำเภออรัญประเทศ  จังหวัดสระแก้ว  เพื่อเที่ยวชมปราสาทหินในละแวกนั้นสัก  2  วันก่อนเดินทางไปประเทศกัมพูชาต่อครับ



                                 ก่อนส่งรถคืนทางร้าน  ผมถือโอกาสแวะไปสักการะศาลหลักเมืองและวัดกลางพระอารามหลวง  ศาสนสถานอันศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดบุรีรัมย์เพื่อเป็นความสิริมงคลก่อนครับ   โดยศาลหลักเมืองของจังหวัดบุรีรัมย์มีลักษณะเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตนโดยสร้างเป็นเทวาลัยรูปปราสาทเขาพนมรุ้งแบบย่อส่วนที่สวยงามทาด้วยสีน้ำตาลอมส้มอ่อนทั้งหลัง   สร้างขึ้นเมื่อปี  พ.ศ. 2548


                                              
                                  ที่หน้าบันเหนือกรอบประตูทางเข้าด้านหน้าของศาลหลักเมืองทำประติกรรมนูนสูงเป็นรูปศิวนาฏราชพร้อมทับหลังรูปพระพุทธเจ้าประทับเหนือหน้ากาล  หน้าบันเลียนแบบมาจากหน้าบันของปราสาทประธานของปราสาทเขาพนมรุ้งเลยครับ  ซุ้มหน้าบันทำเป็นรูปนาคสวมกระบังหน้าตามแบบนครวัด     ภายในศาลประดิษฐานเสาหลักเมืองเอาไว้


                                   
                                   บริเวณบันไดทางขึ้นศาลทุกประตูจะมีรูปทวารบาลเฝ้าตรงเชิงบันไดอยู่  ทำเป็นรูปสัตว์เช่น  ม้า ลิง และรูปยักษ์เฝ้าปกป้องศาลอยู่   รูปลักษณ์สร้างตามแบบประติมากรรมของขอมโบราณคล้ายที่พบที่ปราสาทบันทายศรีในประเทศกัมพูชา  ทาด้วยสีเขียวทั้งตัว




                                    ข้าง ๆ ศาลหลักเมืองก็มีศาลเจ้าของชาวจีนไว้ให้สักการะบูชาด้วยครับ   ตกแต่งสไตล์แบบจีนอยู่ใกล้กับศาลหลักเมืองแบบขอม  แสดงถึงการมีอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่หลากหลายของจังหวัดนี้ได้เป็นอย่างดี




                                    เสร็จจากการสักการะไหว้ศาลหลักเมืองแล้ว  ผมก็เดินข้ามถนนไปอีกฟากไปชมวัดกลางพระอารามหลวง   วัดคู่บ้านคู่เมืองประจำอำเภอเมืองบุรีรัมย์   ตามประวัติบอกว่า  วัดนี้เดิมเป็นวัดร้างมีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาแล้ว  โดยในสมัยกรุงธนบุรีเมื่อคราวที่สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก  (รัชกาลที่ 1)  ได้นำทัพไปปราบกบฏนางรอง  และได้หยุดพักทัพที่บริเวณนี้ซึ่งมีสระน้ำขนาดใหญ่ภายในวัด   ซึ่งเชื่อว่าเป็นบารายของขอม   จึงได้มีการจัดตั้งเป็นวัดที่มีพระสงฆ์จำพรรษาขึ้นในปี  พ.ศ. 2329  โดยใช้ชื่อเรียกว่า  “วัดแปะใหญ่”      ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5    จึงเปลี่ยนชื่อวัดใหม่ว่า  “วัดกลาง”  และใช้ชื่อนี้มาจนถึงปัจจุบัน  




                                    ภายในวิหารของวัดกลางประดิษฐานพระพุทธรูปหอนศิลาแลงลงรักปิดทองทั้งองค์  สร้างเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย
มีชื่อเรียกว่า   “หลวงพ่อโต”


                                    ต่อมาผมขี่รถไปส่งคืนร้านเช่ารถที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดบุรีรัมย์  เพราะต้องการต่อรถไปอำเภออรัญประเทศ  จังหวัดสระแก้วให้ทันรอบเวลา  10.30  น. 


                                    แต่ปรากฏว่ามีปัญหาเรื่องรถนิดหน่อย  เลยทำให้ผมตกรอบรถคันดังกล่าว  จึงต้องนั่งรถตู้แล้วไปรอต่อรถบัสไปจันทบุรีที่จะผ่านไปอรัญประเทศในรอบเที่ยงแทนนะครับ  ดังนั้นใครต้องการนั่งรถจากสถานีขนส่งที่นี่ไปอรัญประเทศ  สระแก้ว  หรือจันทบุรี  ควรเช็ครอบเวลารถออกให้ดี  และมารอก่อนเนิ่น ๆ นะครับ   เพราะรถที่วิ่งไปจุดหมายดังกล่าววันหนึ่ง ๆ  มีไม่กี่รอบ    รอบหนึ่งทิ้งช่วงห่างกันประมาณ  2  ชั่วโมงเลยครับ

                                    รถบัสสาย  522  ที่วิ่งระหว่างบุรีรัมย์ไปจันทบุรี  จะผ่านอรัญประเทศด้วยครับ    รถใช้เวลาวิ่งจากต้นทางถึงปลายทาง   9  ชั่วโมง  หากลงแค่อรัญประเทศจะใช้เวลาวิ่งประมาณ  5  ชั่วโมงครับ   ค่าโดยสารคนละ 100  บาท




                                     รอบเวลาที่รถบัสสาย 522  ออกจากท่าที่ขนส่งบุรีรัมย์    วัน ๆ วิ่งไม่กี่เที่ยวนะครับ

         
                                     รถตู้ที่วิ่งจากขนส่งบุรีรัมย์ไปสุดทางที่อำเภอตาพระยา  จังหวัดสระแก้ว   จะขึ้นรถคันนี้แล้วค่อยไปต่อรถตู้โคราชไปตลาดโรงเกลือก็ได้ครับ  จะวิ่งไวกว่ารถบัสสาย  522  ครับ


                                   ผมนั่งรถตู้ไปลงอำเภอละหานทรายก่อน  แล้วค่อยไปดักรอรถบัสสาย 522  บุรีรัมย์ - จันทบุรี   เพราะขี้เกียจรอรถรอบต่อไปตอนเที่ยงตรง     

                                      
                                     เกือบ  4  โมงเย็น   ผมก็มาถึงอำเภออรัญประเทศ   เลยจ้างรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างจากที่นี่ให้ไปส่งโรงแรมที่ผมจองมาคือ  โรงแรมอินโดจีน   ค่าโดยสาร  40  บาท


                                 
                                     มาถึงโรงแรมที่พักใกล้ช่วงเทศกาลสงกรานต์  เห็นทางโรงแรมจัดเตรียมพระพุทธรูปและอุปกรณ์สรงน้ำพระให้แขกที่มาพักที่โรงแรมได้สรงน้ำกัน   ผมเลยถือโอกาสสรงน้ำพระซักหน่อยระหว่างรอเช็คอินห้องพัก   


                                     
                                     เก็บสัมภาระและตรวจดูห้องพักที่จองมาหน่อย   ห้องกว้างดีนะครับมีอาหารเช้าพร้อม  นอนสบายเหมาะสมกับราคาและคุณภาพของโรงแรม   3  ดาว   เสียแต่ที่ตั้งดันอยู่ห่างจากตัวอำเภออรัญประเทศและตลาดโรงเกลือไปหน่อย   ตอนจองมาผมก็ดูไม่ออกว่าโรงแรมอยู่ในละแวกตัวเมืองรึเปล่า  ก็เลยจองมาเป็นยังงี้




                                     จากนั้นให้รถตู้โรงแรมไปส่งผมที่ตลาดโรงเกลือ   เพราะผมต้องการเช่ารถมอเตอร์ไซค์ขี่ตระเวนเที่ยวชมปราสาทหินในละแวกนี้สัก  2  วัน   



                                     แต่กว่าจะหารถเช่าได้ยากเหมือนกันเล่นเอาเดินหารอบตลาดกันเลย  เพราะพี่เขมรแกเป็นเจ้าของร้านเช่ารถมักให้เช่าเฉพาะวันเดียว  เช่าเช้าต้องคืนเย็น  ห้ามข้ามคืน และให้เช่าขี่ได้เฉพาะภายในตลาดโรงเกลือเท่านั้น    ทั้ง ๆ ที่ภายในตลาดโรงเกลือมีร้านเช่ารถมากมาย  แต่มีแค่บางร้านนะครับที่จะยอมให้เราเช่าชี่รถออกไปนอกตลาดโรงเกลือและเช่ารถข้ามวันได้    ค่าเช่าที่นี่ถูกดีนะครับคันละ 150  บาทต่อวัน   คิดรอบชนรอบ  ผมเช่าขี่รถ  2  วันก็เพียง  300  บาทเท่านั้น  

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่