เที่ยวกระบี่ ฉบับนักเรียนแพทย์ (Based on true story)

วันนี้ลองมานั่งคิดๆดู ก็เริ่มลองเขียนบล็อกมาสักพักแล้ว เราไม่ได้ไปเที่ยวไหนมาบ่อยขนาดนั้นเพราะไม่ค่อยมีเวลาว่าง ตารางเรียนมันแน่นเหลือเกิน

เอาบล็อกเดิมๆที่เคยเขียน มานั่งเขียนใหม่ อย่างเรื่องไปเมกาเนี่ยรีไรท์ภาษาใหม่ไปสี่ ห้า รอบ

การทำใหม่แต่ละครั้งได้ลองปรับเปลี่ยนการใช้ภาษา วิธีการบรรยาย แม้กระทั่งการเปลี่ยนคำที่ใช้เรียกแทนตัวเอง แค่เปลี่ยน ก็ให้ความรู้สึกไม่เหมือนกัน

เริ่มเขียนบล็อกแต่ละครั้งก็เหมือนกับมีคนโยนโจทย์มาให้หนึ่งหัวข้อ แต่โจทย์ครั้งนี้ค่อนข้างฉีกไปจากเดิม ล่าสุดเพิ่งกลับมาจากกระบี่ที่ไปเที่ยวกับเพื่อนมา ข้อดีของการไปเที่ยวกับเพื่อนคือ

ยิ้มโคตรหนุกเลยหวะ สนุกจนลืมโฟกัสสิ่งรอบตัวไปเลย เนี่ยสิปัญหา จำได้นะว่าไปเที่ยวไหนมา แต่บางสถานที่จำไม่ได้ว่าสถานที่นั้นชื่ออะไร เพราะบทสนทนากับเพื่อนมันดึงเราเข้าไปอยู่ในนั้นตลอด

ดังนั้นโจทย์ของครั้งนี้ก็คือ เขียนบล็อกที่ไปเที่ยวกับเพื่อน เหมือนเล่าเรื่องไดอารี่ เปลี่ยนจากโฟกัส สถานที่ แนะนำวิธีการมาเที่ยวต่างๆ มาเป็นเขียนเล่าเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเพิ่มความยากขึ้นมาคือ ใช้ตัวละครเป็นตัวดำเนินเรื่อง รวมถึงตัวเองก็เป็นหนึ่งในตัวละครนั้นด้วย

ซึ่งถือว่าเป็นโจทย์ที่ยากเลยทีเดียว แต่ก็ท้าทายใช่เล่น แค่คนที่เข้ามาอ่านแล้วอ่านจบไม่เบื่อไปซะก่อน ก็ถือว่าผ่านไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว

“เพราะการเดินทางแต่ละครั้งเรื่องราวที่เจอไม่เคยเหมือนกัน แล้วทำไมการเขียนเล่าเรื่องต้องเหมือนเดิม”

ถ้าพร้อมแล้ว มาดูกันดีกว่าว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในทริปนี้



Date 09/03/2562

Won: แก29-31 มีนา ว่างป้ะ

Nest: ว่าง! สอบเสร็จ 27 พอดี

Won: แก อห

Nest: ไมวะ

Won: ชั้นกับฟร้อง อยากไปทะเล แต่ไปภาคใต้นะ5555

Nest: ไป!

เออ ไป พูดออกมาโดยไม่ทันคิดเลย ไม่ได้ดูตารางเรียนด้วยว่าว่างไหม ที่รู้อย่างเดียวตอนนั้นคือ

อยากออกไปเที่ยว เพราะเครียดเรื่องเรียน สอบนั่น นู่น นี่เยอะไปหมด คณะที่อยู่ในวงการแพทย์คงเข้าใจดี ความรู้สึกโล่งๆที่อยากทำอะไรก็ได้ตามใจฉัน มันหายไปนานมากแล้ว เพราะต้องอ่านหนังสือเกือบทุกวัน แต่พอเช็คว่าวันที่ 29-31 มีนา พอที่จะหยุดเรียนได้ ก็รู้สึกได้ว่าถ้าได้ชาร์จแบตเตอรี่ให้ตัวเอง ด้วยการออกไปเที่ยวกับเพื่อนสนิทที่รู้จักกันตั้งแต่สมัยมัธยม ไปใช้ชีวิตในโลกแห่งความฝันก่อนกลับเข้าสู่โลกแห่งความจริง ก็คงจะทำให้ชีวิตช่วงนี้ไม่น่าเบื่อจนเกินไป

ขอแม่รึยัง ก็ยัง แต่เดี๋ยวไปอ้อนๆแม่หน่อย อ้างว่าเครียดเรื่องเรียนแม่ก็คงจะให้

ดังนั้น ตอบว่าไป คงไม่ไกลเกินความจริง

เนส เรียนทันตะอยู่ที่มอมหิดล

วัน เพื่อนสาวของเนส เรียนอยู่ที่คณะแพทย์รามา

ฟร้อง เรียนแพทย์จุฬา

ทั้งสามคนเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยมอสี่ ตอนอยู่เตรียมอุดม ตอนนี้ก็อยู่ปีสองกันแล้ว และกำลังจะมีแพลนไปเที่ยวทะเลใต้ด้วยกัน

ช่วงนั้นวันไลน์มาหาเนสอยู่บ่อยๆ พอๆกับที่เนสไลน์ไปหาวัน หัวข้อเรื่องที่คุยไม่ไกลเกินการบ่นเรื่องเรียน ว่าไม่ไหวแล้ว เราต้องได้ไปเที่ยวกันนะแก

มาถึงเรื่องเลือกไปเที่ยวที่ไหนดี ทริปคือ เที่ยวทะเลใต้ ด้วยความที่ทั้งสามคนไม่มีใครเคยไปเที่ยวใต้มาก่อน มันก็เหมือนกับว่าทุกคนเริ่มจากไม่มีข้อมูลอะไรเลย

ช่วงนั้น เนสกับวันก็ช่วยกันอ่านหารีวิวในเน็ต ว่าไปไหนดี

ก่อนไปเกือบสองอาทิตย์ก็ได้มีสมาชิกใหม่ คืออีลุง อีลุงคือต้า ที่เรียกลุงเพราะมันแก่กว่าปีนึงเนื่องจากเคยไปแลกเปลี่ยนมา บวกกับบุคลิกของมันที่โคตรลุง ลุงเรียนที่เดียวกับฟร้อง และพวกเราสี่คนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่มอสี่

กลายเป็นตอนนี้มีสมาชิกใหม่เพิ่มมาอีกคน เป็นสี่คน ฟร้องเปลี่ยนชื่อไลน์กลุ่มเป็นกระบี่พร้อมหารูปหน้าปกที่เป็นทะเลกระบี่มาใส่ในกรุ๊ปไลน์

Nest: แก ไปพีพีกัน หรือจะไปภูเก็ต พ่อชั้นมีคนรู้จักอยู่ เค้าอาจมาช่วยแนะนำพวกเราได้

Tar: อยากไปกระบี่อะ

Fronce: อ่าวแล้วพีพีอะ

Won: อีบ้า ! ก็พีพี ก็อยู่กระบี่ไง

Nest: เอองั้นสรุปไปพีพีนะ ชั้นจะจองตัวเลยนะแกคืนนี้ เดี๋ยวราคามันขึ้น

สรุปแล้วเนสสามารถหาตั๋วที่ราคาถูกที่สุดได้ตอนนั้นคือ3029 ต่อคน จองก่อนสองอาทิตย์

ซึ่งถ้าจองเมื่อสองสามวันก่อนหน้านี้จะตกคนละสองพันเอง แต่นี่ก็พยายามจองให้เร็วที่สุดแล้วเพราะต้องรอตารางเรียนของทางชาวจุฬาว่าว่างไหม ฟร้องกับต้าเพิ่งคอนเฟิร์มว่าไปได้จริงๆ
เรื่องการจองที่พัก เนสได้นั่งอ่านรีวิวในพันทิปไปเรื่อย จนไปเจอความเห็นหนึ่งแนะนำว่า ให้ไปพักที่พีพี แล้วเหมาเรือตอนเช้าเจ็ดโมงออกไปเที่ยวรอบเกาะ คนจะได้ไม่เยอะ
ถ่ายรูปออกมาจะได้สวย แต่ต้องไปพักที่พีพีคืนนึง เฮ้ยก็ฟังดูไม่เลวนี่ ไหนลองหารีวิวที่พักบนพีพีซิ
ก็ได้ความว่า เดี๋ยวนี้บนเกาะพีพีไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวไปเยอะ คนส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตอนกลางคืนก็อันตราย บีชคลับเยอะ และไม่ค่อยสะอาด
QWอ่าวเอาแล้วไง เนสเริ่มกังวลขึ้นมา ลองไลน์เอาแผนนี้ไปเสนอวันดีกว่า แต่จะเก็บเรื่องที่มีรีวิวว่า อันตรายไว้ไม่เล่า ถ้ามันหาเองเจอค่อยว่ากัน
ไลน์ไปหาวัน วันก็สนใจ ยิ่งเนสบอกว่าตอนกลางคืนคือไนท์ไลฟ์ที่แท้ทรู
วันก็บอก ไปแก!

สักพักวันไลน์มา แก ชั้นไปอ่านเจอรีวิวในเน็ต มันน่ากลัวนะเว่ย

เนสจึงตั้งกระทู้ถามคนในพันทิปว่าน่ากลัวจริงไหม ก็มีเม้นนึงบอกว่าถ้าดูแลตัวเองดี ก็ไม่น่ากลัวอะไรค่ะ อีกอย่างคนที่มาตอบก็เป็นผู้หญิงไปเที่ยวเกาะพีพีคนเดียว

เห็นเม้นนี้แล้วขอไปต่อละกัน เอาตามแผนนี้แหละ

เนสกดจองโรงแรมไปสองที่คือที่พีพีคืนนึง ที่ในตัวเมืองกระบี่คืนนึงผ่านเว็บ Agoda ก่อนถึงวันไปก็อีเมลล์ไปคอนเฟิร์มกับทางโรงแรมเพื่อความชัวร์ว่ามีห้องว่างให้เรา

วันนี้ฟร้องนั่งเรียนเลคเชอร์อยู่ในห้อง นึกถึงเรื่องที่กำลังจะไปเที่ยวกระบี่กับเพื่อนๆพรุ่งนี้ ทำให้รู้สึกงงบวกกับตื่นเต้นเล็กน้อย ที่วันนี้ยังนั่งอยู่ในห้องเลคเชอร์อยู่เลย แล้วพรุ่งนี้จะไปอยู่ที่กระบี่แล้วหรอวะ

ไม่ต่างอะไรกับอีกสามคน ที่ก็มีความรู้สึกงงเช่นกัน

คืนก่อนไป วันมานอนหอเนส คงจะเพราะ ความตื่นเต้นหรือความอะไรไม่รู้ ทำให้วันได้นอนไปสองชั่วโมง

และวันเดินทางมาถึง นัดกันโดยเนส ต้า วัน จะไปสนามบินดอนเมืองด้วยกัน แล้วไปเจอฟร้องที่สนามบินเลย

ต้า เดินหลงมาหอไม่ถูกทั้งๆที่เคยเดินพาเนสมาส่งที่หอตอนที่เคยไปกินเหล้ากันมา เนสเลยไว้ใจว่า

ต้าน่าจะมาถูก แต่ผิดครดมันเดินมาไม่ถึง พี่grab เลยต้องจอดรอให้ต้าเดินมา

เนสเป็นคนกดเรียกgrabเอง คิดว่ามองดีแล้วกดเลือก destination เป็น สนามบินดอนเมือง

ในเวลาตีห้าครึ่ง ถ้าเป็นปกติ คงงัวเงียน่าดู แต่วันนี้หน้าตาทุกคนดูสดชื่น เหมือนมีenergyบางอย่าง แม้ว่าใครบางคนจะนอนมาแค่สองชั่วโมงก็ตาม

เมื่อตอนใกล้จะถึง สนามบินดอนเมือง เนสพูดขึ้นมาว่า เราterminal 2 นะเว่ย

ก่อนที่เพื่อนๆจะตอบอะไร คนขับ grab หันกลับมาพูดว่า

“ดอนเมืองแมนชั่นนะครับ”

ห้ะเดี๋ยวอะไรนะ

“ครับ เห็นกดเลือกมาดอนเมืองแมนชั่น”

“อ้าวหนูไม่ได้กดมาสนามบินหรอพี่”

..... ชิบเป๋งละ(เนสนึกในใจ) นึกว่ากดถูกแล้ว ตอนกด เนสพิมแค่คำว่าดอนเมือง เนสเห็นไรขึ้นก็เอาอันแรกเลย ดอนเมืองแมนชั่นมันดันขึ้นมาอันแรก มองผ่านๆนึกว่าสนามบินดอนเมือง

นี่ยังดีนะที่ดอนเมืองแมนชั่นมันแค่อยู่ตรงข้ามกับสนามบินดอนเมืองยังพอที่จะ u-turn รถกลับมาได้

“เดี๋ยวต้องคิดค่าโดยสารใหม่นะครับ เป็นราคานี้นะครับ”

พี่grab คิดค่าโดยสารใหม่จาก 270 เป็น 222 ทุกคนเลยไม่ได้เอะใจอะไร

ต้า: พี่เท่าไหร่ครับ

พี่grab: 492บาทครับ

ต้า: ทำไมแพงจังพี่

พี่grab: อ้อ ก็กดจากหอมาแมนชั่น แล้วก็กดจากแมนชั่นมานี่ มันมีราคาสนามบินด้วย เลยแพง

ไม่รู้อันไหนจริงอันไหนหลอก แต่เนสบอกว่า

“เค้าไม่ได้เปลี่ยนสถานที่เว่ย ตอนที่กดจากแมนชั่นมาสนามบินดอนเมือง ชั้นว่าชั้นเห็นเค้ากดจากหอชั้นมาสนามบินดอนเมือง” เนสยืนยันแบบนั้น ซึ่งพี่เขาอาจจะลืมหรือไม่รู้ก็ได้

กลายเป็นทุกคนต้องจ่ายค่ารถจากสองร้อยกว่ามาเป็นเกือบๆห้าร้อย แล้วหารสาม

นั่นไงจะรอดไหมวะ แค่เริ่มต้นก็สนุกแล้วสิ ถ้าเป็นกลุ่มอื่นคงพูดแบบนี้ได้

แต่เป็นกลุ่มนี้ แค่เริ่มต้นก็แย่แล้วสิ...... ชั้นรู้ทุกคนกำลังคิดอยู่

เนส ต้า วัน มาถึงสนามบิน เดินหาฟร้องในสนามบิน ไม่เจอ เจอแต่ยายของฟร้อง

ที่รอเช็คอินขึ้นเครื่องกลับบ้านที่ลำปาง แค่เห็นท่ายืนก็นึกว่าต้องเป็นยายฟร้องแล้ว น่ารักจริง

คิดว่าฟร้องก็คงอยู่แถวๆนี้

นั่นไงสักพักก็เจอ วันรีบเดินไปเล่าให้ฟร้องฟังว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ถือเป็นเรื่องขำๆ(ที่ไม่ค่อยขำ เพราะเสียเงินไปเนี่ยสิ)

พวกเราเข้าไปข้างในเกท หาข้าวกิน ยังเจื่อนๆกับค่าgrabแพงๆที่จ่ายไปอยู่เลย แม่มเอ๊ยไม่น่าเลย

ตอนนั้นเนส ดูมีความกังวล กลัวจะไม่ทันขึ้นเครื่อง เลยรีบเร่งให้เพื่อนให้รีบเดิน แต่สุดท้ายก็ทันเวลาพอดี



สุดท้ายหลับๆ ตื่นๆ จนได้ยินเสียงกัปตันประกาศว่าจะเอาเครื่องลงแล้ว

ถึงกระบี่เวลา 9.20

พอลงจากเครื่องปุ๊บเนสกับวันรีบเดินหาห้องน้ำเพื่อเข้าไปแต่งหน้า

ทั้งสองคนแต่งหน้าเลยครึ่งชั่วโมงชั่วโมงในห้องน้ำสนามบิน

จนพวกผู้ชายไลน์มาถามว่า

“พวกแกอยู่ไหน ตกส้วมตายกันไปรึยัง”

พวกเราเดินออกมา ตรงทางออกเจอซุ้มทัวร์คอยเรียกลูกค้ามากมาย วันพยายามต่อราคาจอยรถตู้เพื่อไปท่าเรือจากราคา หกร้อยเหลือสี่ร้อยได้ แทนการนั่ง shuttle bus ที่ราคาคนละ 150 บาทต่อคน

ทำให้รู้สึกว่าบางทีการไปเที่ยวไหน แล้วมีเพื่อนที่มีความสามารถในการต่อราคานี่มันดีอย่างนี้นี่เอง

ขึ้นไปนั่งเกือบครึ่งชั่วโมง รถไม่ออกสักทีเลยตัดสินใจไปเปลี่ยนขึ้นแท็กซี่ จ่ายเพิ่มอีกสองร้อยบาท

แล้วก็เล่าแพลนที่วางไว้ให้พี่ที่เป็นคนขายตั๋วฟัง

พี่เค้าก็แนะนำให้ไปท่าเรือสมพร ซื้อทัวร์ไปไร่เลย์ แล้วกลับมาขึ้นเรือที่สมพรไปพีพี เดี๋ยวเค้าจะบอกคนขับให้

ไม่นานเกินรอ รถแท็กซี่ก็มาจอดรอรับเรา เป็นรถเก๋งขนาดปานกลางคันหนึ่ง ที่ไม่ได้มีลายแท็กซี่เหมือนที่เห็นในกรุงเทพ

ถึงจะแอบเซ็งที่รอรถตู้นาน แต่หารู้ไหมว่าการได้นั่งแท็กซี่กับพี่คนนี้ เป็นสิ่งดีๆที่หล่นทับพวกเราเลย

นั่งรถไป ขอพี่เค้าแวะเซเว่น พี่เค้าก็แวะให้ ถามไรพี่เค้าก็แนะนำอย่างดี

แถมยังบอกอีกด้วยว่า จดเบอร์ไว้ก็ได้นะ ไว้เผื่อตอนวันกลับอยากให้มารับ

ตอนก่อนลงจากรถก็เลยจดชื่อกับเบอร์พี่เค้าเอาไว้ พี่หิน 08x-xxxxxxx

ขอบคุณการต้อนรับที่น่ารักของชาวกระบี่

นั่งรถไปครึ่งชั่วโมงจากสนามบินก็ถึง

ท่าเรือสมพร เป็นท่าเรือที่อยู่ในตัวเมืองกระบี่



พวกเราดีลเรื่องการซื้อทัวร์


สรุปแล้วทุกคนต้องจ่ายคนละ 2500 ซึ่งเป็นราคาที่พวกเราช่วยกันต่อเรียบร้อยแล้ว

เป็นที่รวมค่าเรือจาก

จากสมพรไปไร่เลย์
จากไร่เลย์ไปคลองจิหราด
จากคลองจิหราดไปพีพี
จากพีพีไปทัวร์รอบๆเกาะแบบส่วนตัวในวันพรุ่งนี้ (คนละ1200)
และจากพีพีกลับท่าเรือคลองจิหราดที่อยู่ตัวเมืองกระบี่
ถ้าไม่นับค่าเรือที่ข้ามฟากไปกลับระหว่างพีพีกับกระบี่ เรือที่จองเป็นเรือหางยาวส่วนตัวหมดเลย

เพราะพี่คนขายบอกว่า ต้องรอให้คนถึงแปดคน เรือถึงจะออกได้ ซึ่งอาจจะเสี่ยงต่อการกลับมาขึ้นเรือไปเกาะพีพีไม่ทัน แต่วันนี้โชคดีหน่อยเป็นวันศุกร์เรือที่ออกจากสมพรไปพีพีรอบสุดท่ายคือสี่โมงครึ่ง พวกเราเลยจะมีเวลาอยู่ที่ไร่เลย์พอสมควร

สีหน้าเนสดูเครียด ตอนเห็นราคาทัวร์พีพีส่วนตัว

เพราะแพลนจริงๆคือ จะไปซื้อที่พีพี ไปเหมาเรือหางยาวของชาวบ้านที่คิดว่าน่าจะหาได้ในราคาไม่แพง

วันเหมือนรู้นิสัยเนส บอกว่า

“แกใจเย็นๆ ถ้าเราซื้อจากที่เดียวแล้วราคาไม่แรงเกินพันห้า ก็ไม่เป็นไรป้ะวะ เหมือนที่หาข้อมูลในเน็ตไง1200-1500”

เนสดูมีสีหน้าไม่แน่ใจ แต่สุดท้ายก็ยอมจ่าย ถึงแม้ในใจจะแอบอยากให้เป็นเหมือนแพลนที่ตัวเองวางไว้

หลังจากต่อราคากับพี่เค้าเสร็จแล้ว เบ็ดเสร็จทุกคนต้องจ่ายคนละ 2500 บาท

ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่โอเค พอรับได้อยู่ และซื้อจากเจ้าเดียวกันจะได้ไม่งงด้วย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่