## บริบท จขกท.
ผมเป็นชายวัยทำงานที่โตทันเห็นวิวัฒนาการของหนัง Super Hero จากทุกค่าย ทุกเรื่อง มานานนับสิบปี
ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ไม่เป็นติ่งใคร (ส่วนตัวเสพ Anime มากกว่า) กระแสในไทยก็ต่างๆนานๆ เลยต้องดึงสติก่อนดู
(สายปั่นทั้งหลาย หรือเด็กๆที่ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ เลี้ยวออกเลยครับ)
## ดึงสติ ก่อนดู
- หนังเรื่องนี้ เป็น Super Block Buster ในรอบสิบปี ไม่แปลกที่คนส่วนใหญ่มีความคาดหวังกับหนังให้เป็นไปในแบบที่ตัวเองรู้สึกดี บางคนเสพ spoil, บางคนเสพคลิปมโน จนแทบจะเขียนบทในจินตนาการของตัวเองได้ แต่ไม่ว่าจะดูหนังเรื่องไหน ก็ควรดึงสติและวางทุกอย่างไว้หน้าโรง ไม่ต้องหอบเอาอัตตาไปดูหนัง เพราะมันเป็นการเสพความบันเทิง ดังนั้น ทำสมองให้โล่ง-เปิดตา-เปิดใจ .. คุณกำลังอยู่ในกระแสหนังที่เป็น Pop Culture ที่สุดแห่งทศวรรษ พวกเราโชคดีที่ได้อยู่ในยุคนี้ ได้เห็นการตื่นตัวของโซเชียลทั่วโลก วันหนึ่งถ้าลูกหลานเราถามว่าหนัง Avengers : End Game ในยุคของเราเป็นหนังแบบไหน แล้วคุณกระอักกระอ่วนไม่รู้จะอธิบายยังไง นั่นแหละคือคำตอบที่ดีที่สุด
- Concept ของหนังเรื่องนี้ เป็นการขมวดปมของจักรวาลหนังกว่ายี่สิบเรื่องที่ปูทางมายาวนานตั้งแต่ Ironman, 2008 จวบจน Cap. Marvel, 2019 (จริงๆสิ้นสุด phase นี้ที่ Spider-man : Far From Home ปีนี้) ตัวละครที่ขับเคลื่อน Timeline ทั้งตัวหลัก, ตัวรอง, ตัวละครแวดล้อมและตัวร้ายเป็นส่วนผสมของการส่งมอบ Easter Egg จากบันไดขั้นแรกมาจนถึงขั้นสุดท้ายเพื่อเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือ Infinity War และ End Game .... ผมกำลังจะบอกว่า คงเป็นเรื่องยากที่จะหาหนังเรื่องไหนที่มีตัวละครนับสิบที่เราจดจำพวกเขาได้ รู้ตื้นลึกหนาบาง ความเป็นมาเป็นไป มาขับเคลื่อนหนังพร้อมๆกันในคราวเดียว พุ่งไปยังทิศทางเดียวกันอย่างลงตัว คุณลองจินตนาการถึงการเขียนบท การกำกับ การเกลี่ยบทบาทความหนักเบาของตัวละครประมาณ 50-70 ตัวให้กลมกล่อมใน 3 ชม.ดูสิ ไม่ใช่ทุกคนครับที่จะผัดข้าวอร่อย แม้ใช้วัตถุดิบเหมือนกัน
- คำถามต่างๆในหัวของคุณ ใครจะตาย? ใครจะรอด? ย้อนเวลา ? คุณไม่ได้เก่งหรอกครับที่รู้ว่าว่าทิศทางของหนังต้องออกมาแนวๆนี้ เพราะ Marvel เองก็ตั้งใจปล่อยคลิปโปรโมตให้เห็นกันโต้งๆอยู่แล้ว และตามขนบหนังที่สู้รบกันย่อมมีสูญเสีย .... ฉะนั้น ถ้าคุณคิดว่ารู้และเดาออกตั้งแต่ต้นจนจบอยู่แล้วว่ามันจะมีบทสรุปแบบไหน ก็ไม่ต้องไปดูนะครับ เสียเวลาเปล่าๆ
## ดึงสติ หลังดู
- หนังทุกเรื่องมีข้อดีและข้อด้อยในตัวมันเอง เหรียญมีสองด้าน มีขึ้นสุดก็มีจุดต่ำสุด มันเป็นสามัญและสัจธรรม การพิจารณาหนังแต่ละเรื่องต้องดูให้ครบ ทั้ง บทและรูปแบบการเล่าเรื่อง-การแสดงอารมณ์ของนักแสดง-บรรยากาศหรือTone ของหนัง-เวลา
- หนังมีข้อดี เราได้เห็นการเดินและการเติบโตของตัวละครที่เราชื่นชอบ ได้เห็นปฏิสัมพันธ์ของตัวละครแทบทุกตัวผ่านบทสนทนา ไม่ว่าจะสั้นแค่ "ระวังซ้าย" ไปจนถึงการร่ายยาว ได้เห็นการผูกโยง Easter Egg และความซับซ้อนของเงื่อนทุกอย่างเข้าด้วยกัน ไปจนถึงการขยายมุมลับที่เราไม่คาดไม่ถึง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อย่างบทสนา "ปู่กับพ่อ และ พ่อกับลูก ในครอบครัว 3000"
ที่เรียกน้ำตาอย่างไม่รู้ตัว
- ข้อดีอีกส่วนคือการส่งอารมณ์ของหนังที่สอดประสานพอดีกับ Infinity War และส่งไปถึงการแสดงของตัวละครทุกตัว เราได้เห็นเทพสายฟ้าที่สิ้นศรัทธาในตัวเอง เราได้เห็นน้ำตาของสายลับสาวที่เคยไร้หัวใจ เราได้เห็นการยอมแพ้ของเศรษฐีเกราะเหล็กผู้ลุ่มหลงตัวเอง และเราได้เห็นการพยายามฉุดทีมและสังคมที่ใจสลายให้ยืนขึ้นและก้าวต่อไปของชายที่ใจสลายยิ่งกว่า ... สุดท้าย เราได้สัมผัสถึงหนังที่เรียกว่ามีจุด Peak ได้อย่างเต็มปาก จนบางคนที่เป็นสาวกได้ตายตาหลับกับความ Epic ของหนัง
- ส่วนข้อเสีย คือ ความไม่สมเหตุสมผลหลายอย่าง ทั้งรอยต่อของเวลา, เหตุผลของตัวละคร, อารมณ์บาง scene ของบางตัวละคร, และการที่มี "หนู" เป็นพระเอกของเรื่อง (อาจจะมีทางเลือกอื่นอีก) หลายคนให้ความเห็นตรงกันว่า ช่วง Intro ยาวและยืดเยื้อไปหน่อย จนมีข้อโต้แย้งว่าผู้กำกับเขาทำเพื่อดึงอารมณ์จากความฮึกเหิมก่อนดูให้ดิ่งสู่ความสิ้นหวัง และเพื่อให้คนที่ไม่เคยดูหนังเรื่องนี้หรือคนที่ดูมาแบบไม่ครบได้สัมผัสถึงอารมณ์ที่ควรจะเป็น แต่ก็นะ ... คนที่เขาดู End Game มีหรือจะไม่เคยดู Infinity War หรือหนังเดี่ยวของบางตัวละครมาก่อน นานาจิตตัง
## ตกลงหนังดีหรือห่วย
- ถามตัวเองให้ดีว่าชอบรสชาติแบบ Marvel มั้ย ถ้าพอกินได้ ผมว่าไม่ผิดหวัง แต่ถ้าชอบกินอีกรสชาติก็ลองคิดดีๆก่อนนะครับ
- สุดท้าย "ห่วย" หรือ "ดี" แต่ละคนมีนิยามไม่เหมือนกัน อย่าเอามาตรฐานของคุณไปตัดสินและเหยียดความคิดเห็นคนอื่น แค่เพราะว่ามันไม่ถูกจริตกับคุณ
ความในใจถึงคนที่ดูแล้ว หรือกำลังจะไปดู Avengers : End Game [no spoil]
ผมเป็นชายวัยทำงานที่โตทันเห็นวิวัฒนาการของหนัง Super Hero จากทุกค่าย ทุกเรื่อง มานานนับสิบปี
ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ไม่เป็นติ่งใคร (ส่วนตัวเสพ Anime มากกว่า) กระแสในไทยก็ต่างๆนานๆ เลยต้องดึงสติก่อนดู
(สายปั่นทั้งหลาย หรือเด็กๆที่ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ เลี้ยวออกเลยครับ)
## ดึงสติ ก่อนดู
- หนังเรื่องนี้ เป็น Super Block Buster ในรอบสิบปี ไม่แปลกที่คนส่วนใหญ่มีความคาดหวังกับหนังให้เป็นไปในแบบที่ตัวเองรู้สึกดี บางคนเสพ spoil, บางคนเสพคลิปมโน จนแทบจะเขียนบทในจินตนาการของตัวเองได้ แต่ไม่ว่าจะดูหนังเรื่องไหน ก็ควรดึงสติและวางทุกอย่างไว้หน้าโรง ไม่ต้องหอบเอาอัตตาไปดูหนัง เพราะมันเป็นการเสพความบันเทิง ดังนั้น ทำสมองให้โล่ง-เปิดตา-เปิดใจ .. คุณกำลังอยู่ในกระแสหนังที่เป็น Pop Culture ที่สุดแห่งทศวรรษ พวกเราโชคดีที่ได้อยู่ในยุคนี้ ได้เห็นการตื่นตัวของโซเชียลทั่วโลก วันหนึ่งถ้าลูกหลานเราถามว่าหนัง Avengers : End Game ในยุคของเราเป็นหนังแบบไหน แล้วคุณกระอักกระอ่วนไม่รู้จะอธิบายยังไง นั่นแหละคือคำตอบที่ดีที่สุด
- Concept ของหนังเรื่องนี้ เป็นการขมวดปมของจักรวาลหนังกว่ายี่สิบเรื่องที่ปูทางมายาวนานตั้งแต่ Ironman, 2008 จวบจน Cap. Marvel, 2019 (จริงๆสิ้นสุด phase นี้ที่ Spider-man : Far From Home ปีนี้) ตัวละครที่ขับเคลื่อน Timeline ทั้งตัวหลัก, ตัวรอง, ตัวละครแวดล้อมและตัวร้ายเป็นส่วนผสมของการส่งมอบ Easter Egg จากบันไดขั้นแรกมาจนถึงขั้นสุดท้ายเพื่อเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือ Infinity War และ End Game .... ผมกำลังจะบอกว่า คงเป็นเรื่องยากที่จะหาหนังเรื่องไหนที่มีตัวละครนับสิบที่เราจดจำพวกเขาได้ รู้ตื้นลึกหนาบาง ความเป็นมาเป็นไป มาขับเคลื่อนหนังพร้อมๆกันในคราวเดียว พุ่งไปยังทิศทางเดียวกันอย่างลงตัว คุณลองจินตนาการถึงการเขียนบท การกำกับ การเกลี่ยบทบาทความหนักเบาของตัวละครประมาณ 50-70 ตัวให้กลมกล่อมใน 3 ชม.ดูสิ ไม่ใช่ทุกคนครับที่จะผัดข้าวอร่อย แม้ใช้วัตถุดิบเหมือนกัน
- คำถามต่างๆในหัวของคุณ ใครจะตาย? ใครจะรอด? ย้อนเวลา ? คุณไม่ได้เก่งหรอกครับที่รู้ว่าว่าทิศทางของหนังต้องออกมาแนวๆนี้ เพราะ Marvel เองก็ตั้งใจปล่อยคลิปโปรโมตให้เห็นกันโต้งๆอยู่แล้ว และตามขนบหนังที่สู้รบกันย่อมมีสูญเสีย .... ฉะนั้น ถ้าคุณคิดว่ารู้และเดาออกตั้งแต่ต้นจนจบอยู่แล้วว่ามันจะมีบทสรุปแบบไหน ก็ไม่ต้องไปดูนะครับ เสียเวลาเปล่าๆ
## ดึงสติ หลังดู
- หนังทุกเรื่องมีข้อดีและข้อด้อยในตัวมันเอง เหรียญมีสองด้าน มีขึ้นสุดก็มีจุดต่ำสุด มันเป็นสามัญและสัจธรรม การพิจารณาหนังแต่ละเรื่องต้องดูให้ครบ ทั้ง บทและรูปแบบการเล่าเรื่อง-การแสดงอารมณ์ของนักแสดง-บรรยากาศหรือTone ของหนัง-เวลา
- หนังมีข้อดี เราได้เห็นการเดินและการเติบโตของตัวละครที่เราชื่นชอบ ได้เห็นปฏิสัมพันธ์ของตัวละครแทบทุกตัวผ่านบทสนทนา ไม่ว่าจะสั้นแค่ "ระวังซ้าย" ไปจนถึงการร่ายยาว ได้เห็นการผูกโยง Easter Egg และความซับซ้อนของเงื่อนทุกอย่างเข้าด้วยกัน ไปจนถึงการขยายมุมลับที่เราไม่คาดไม่ถึง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ที่เรียกน้ำตาอย่างไม่รู้ตัว
- ข้อดีอีกส่วนคือการส่งอารมณ์ของหนังที่สอดประสานพอดีกับ Infinity War และส่งไปถึงการแสดงของตัวละครทุกตัว เราได้เห็นเทพสายฟ้าที่สิ้นศรัทธาในตัวเอง เราได้เห็นน้ำตาของสายลับสาวที่เคยไร้หัวใจ เราได้เห็นการยอมแพ้ของเศรษฐีเกราะเหล็กผู้ลุ่มหลงตัวเอง และเราได้เห็นการพยายามฉุดทีมและสังคมที่ใจสลายให้ยืนขึ้นและก้าวต่อไปของชายที่ใจสลายยิ่งกว่า ... สุดท้าย เราได้สัมผัสถึงหนังที่เรียกว่ามีจุด Peak ได้อย่างเต็มปาก จนบางคนที่เป็นสาวกได้ตายตาหลับกับความ Epic ของหนัง
- ส่วนข้อเสีย คือ ความไม่สมเหตุสมผลหลายอย่าง ทั้งรอยต่อของเวลา, เหตุผลของตัวละคร, อารมณ์บาง scene ของบางตัวละคร, และการที่มี "หนู" เป็นพระเอกของเรื่อง (อาจจะมีทางเลือกอื่นอีก) หลายคนให้ความเห็นตรงกันว่า ช่วง Intro ยาวและยืดเยื้อไปหน่อย จนมีข้อโต้แย้งว่าผู้กำกับเขาทำเพื่อดึงอารมณ์จากความฮึกเหิมก่อนดูให้ดิ่งสู่ความสิ้นหวัง และเพื่อให้คนที่ไม่เคยดูหนังเรื่องนี้หรือคนที่ดูมาแบบไม่ครบได้สัมผัสถึงอารมณ์ที่ควรจะเป็น แต่ก็นะ ... คนที่เขาดู End Game มีหรือจะไม่เคยดู Infinity War หรือหนังเดี่ยวของบางตัวละครมาก่อน นานาจิตตัง
## ตกลงหนังดีหรือห่วย
- ถามตัวเองให้ดีว่าชอบรสชาติแบบ Marvel มั้ย ถ้าพอกินได้ ผมว่าไม่ผิดหวัง แต่ถ้าชอบกินอีกรสชาติก็ลองคิดดีๆก่อนนะครับ
- สุดท้าย "ห่วย" หรือ "ดี" แต่ละคนมีนิยามไม่เหมือนกัน อย่าเอามาตรฐานของคุณไปตัดสินและเหยียดความคิดเห็นคนอื่น แค่เพราะว่ามันไม่ถูกจริตกับคุณ