ขอคำชี้แนะกับเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับผมเองครับ เหตุจากที่ครอบครองสิทธิ์ ทค.ของเราที่อยู่ติดกับที่พักสงฆ์แห่งหนึ่งครับ
มีที่พักสงฆ์แห่งหนึ่งตั้งโดยลอยๆ เพราะไม่มีใบอนุญาตแต่งตั้งเป็นวัด/สำนักสงฆ์ และตั้งอยู่บนที่นสล.สาธารณะประโยชน์ พระที่รักษาการณ์เจ้าอาวาส ในที่พักสงฆ์แห่งนี้ ตั้งตัวเป็นโจทก์ขึ้นฟ้องคดีแพ่งร่วมมือกับผู้ใหญ่บ้าน โดยผญบ.รับมอบอำนาจในการฟ้อง พร้อมชาวบ้านหลายคนขับไล่น้องสาวแม่ ที่อยู่ต่อจากแม่ชีที่เสียไป บนพื้นที่ครอบครองสิทธิ์ข้างเคียงกับที่พักสงฆ์ที่แอบอ้างเป็นสำนักสงฆ์
ย้อนไปตอนสมัยที่แม่ยังมีชีวิตอยู่ ที่ทค.ที่อยู่ข้างที่พักสงฆ์นี้ มีสัญญาซื้อขายของนายAและB 1ฉบับ และมีสำเนาเอกสารที่นายB มอบให้แม่ชีอีก1ฉบับที่เขียนและเซ็นรายชื่อพยานโดยตำรวจและชาวบ้านในพื้นที่ว่า นายB มอบที่ดินจำนวนตามนี้ให้เป็นชื่อแม่ชี ไว้เป็นที่ของสำนักสงฆ์ เพื่อใช้ปฏิบัติธรรม ทางแม่เองจึงปลูกสร้างบ้านและมีเลขที่บ้านเรียบร้อยเอาไว้สำหรับเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม โดยยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นสำนักสงฆ์ ตลอดชีวิตของแม่ชี ผญบ.และกำนัน พี่น้องตัวนำชาวบ้านรุมว่าและแกล้งแม่อยู่เรื่อย เช่นให้รื้อรั้วที่อยู่แนวเขตติดกับที่พักสงฆ์ออกบ้างล่ะ ผญบ.เอาดินมาถมในที่และปรับให้สูงขึ้นจะสร้างโบสถ์บ้างล่ะ (มีคลิปที่แม่บอกว่าแม่ไม่เซ็นต์ให้คุณก็ไม่มีสิทธิ์ปลูกสร้าง) และกลั่นแกล้งต่อท่อระบายน้ำจากบ้านฝั่งตรงข้ามลอดข้ามถนนหันปลายท่อมาลงที่นาของลูกชายแม่ชี เป็นต้น แม่ชีเคบพูดจะยกให้กับบุคคลที่มีคุณธรรมมารับช่วงต่อ ที่แม่ชีไม่เซ็นให้เพราะทราบประวัติของที่พักสงฆ์ดังกล่าวดีว่าตั้งเป็นวัดไม่ได้ เพราะมีอดีตผญบ. เคยทำหนังสือขอแต่งตั้งวัด แต่เจ้าคณะจังหวัดรูปก่อนไม่รับรอง เนื่องจากพื้นที่ที่พักสงฆ์ตั้งอยู่ไม่ได้เป็นโฉนด อีกทั้งเป็นที่หลวง นสล.สาธารณะประโยชน์ และพฤติกรรมกลั่นแกล้งที่พระในสำนักฯ ผญบ.และชาวบ้านกลุ่มนั้นทำกับแม่ชีมาตลอด อีกทั้งเจ้าคณะตำบลรูปก่อน(มรณภาพไปแล้ว) พร้อมพระเลขาอีกรูปหนึ่ง เอาเอกสารสำคัญเกี่ยวที่ดินนี้ของแม่ชีไป แม่ชีไปทวงคืนแต่ไม่ยอมคืนให้ น้าสาวบอกว่าเป็นเอกสารติดอากรแสตมป์ และแม่ชีก็เคยเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง คาดว่าน่าจะเป็นสัญญาซื้อขายอีกฉบับที่นายBขายที่ทค.นี้ให้แม่ชี
ต่อมาเมื่อแม่ชีเสียชีวิตลง จึงให้พี่ชายเป็นเจ้าบ้านในทะเบียนบ้านแทนและน้องสาวแม่จึงอยู่ดูแลบ้านแม่ชีต่อจนถึงปัจจุบัน ต่อมาไม่นานผญบ.จะประกาศทุกเดือนให้ชาวบ้านรวมตัวกันออกมาบุกรุกตัดหญ้า เผาเศษขยะ ตัดกิ่งไม้ ต้นไม้บริเวณบ้านแม่ชีอยู่เรื่อย และนำไปสู่การฟ้องศาลจากพระรักษาการณ์เจ้าอาวาสในที่พักสงฆ์แห่งนี้ ตั้งตัวเป็นโจทก์ฟ้องน้าสาวและพี่ชายในคดีแพ่ง โดยให้ผญบ.รับมอบอำนาจฟ้อง โดยในเอกสารฟ้องร้อง ทางโจทก์ไปแอบอ้างศาลว่าตัวเองเป็นวัด/สำนักสงฆ์ในการขับไล่ทั้งๆที่ไม่มีใบอนุญาตแต่งตั้ง แต่ตั้งขึ้นลอยๆพร้อมป้ายสำนักสงฆ์บนพื้นที่นสล.สาธารณะประโยชน์ ที่พักสงฆ์ตั้งอยู่ และต่อมาเมื่อต้นปี2562 ศาลจึงไกล่เกลี่ยให้แบ่งที่ครึ่งบนให้สำนักสงฆ์ดังกล่าวที่แอบอ้าง แต่สำนักฯไม่มีเอกสารการแต่งตั้งสำนักสงฆ์หรือวัดแต่อย่างใด เพราะตั้งอยู่บนที่นสล.จึงยกที่ครึ่งบนที่ติดกับสำนักฯให้เปลี่ยนสภาพจากที่ครอบครองสิทธิ์ของแม่ชีเดิมเป็นที่นสล.ของสำนักสงฆ์ที่แอบอ้างไป ส่วนครึ่งล่างบริเวณบ้านแม่ชี ได้แบ่งให้น้าสาวอยู่เป็นที่ครอบครองสิทธิ์ดังเดิม ซึ่งปัจจุบันก็ยังมีลูกศิษย์แม่ชียังเดินทางมาปฏิบัติธรรมอยู่เรื่อยๆ จากการยินยอมคำไกล่เกลี่ยตามศาลเราคิดว่าจะจบ ต่อมาไม่ถึงเดือน พระลูกวัดในสำนักฯที่แอบอ้าง ยังบอกให้ย้ายแทงค์น้ำออกจากแนวเขตที่คาบเกี่ยวกันระหว่างพื้นที่ด้านข้างซึ่งตั้งมาตั้งแต่สมัยแม่ชีอยู่นานแล้ว โดยพระลูกวัดอ้างจะเอาดินมาถมปรับที่ ทางเราจึงเข้าไปกราบเรียนเรื่องถึงเจ้าคณะจังหวัดปราจีนบุรี เนื่องจากศาลให้ยุติการยุ่งเกี่ยวกันแล้วแต่ก็ยังมาหาเรื่องอยู่อีก ท่านลงมาเคลียร์สั่งให้ฝั่งพระและชาวบ้านที่เข้าข้างกัน ย้ายแทงค์น้ำให้น้าสาว และให้นายตำรวจพื้นที่ที่เดินทางมาถึงภายหลัง กลับไปทำหนังสือลงบันทึกการย้ายและไม่ให้วุ่นวายต่อกันมาให้เซ็นต์ทั้งสองฝ่าย จากเหตุการณ์นี้ในวันที่ 13 มีนาคม ถึงปัจจุบันหนังสือก็ยังไม่ทำมา แต่ทางพระและกลุ่มชาวบ้านมาขอยกย้ายแทงค์น้ำก่อน ต่อมาพระลูกวัดคนเดิมได้จ้างคนตัดไม้สัก ไม้ควบคุมพรบ.ป่าไม้บนพื้นที่ไกล่เกลี่ยสาธารณะ มีต้นสักปลูกเป็นแนวยาวตรง น้าสาวเห็นจึงเดินไปเตือน ทางนั้นจึงตัดไปแค่ต้นแฝด 1กิ่งใหญ่ไปขาย
ล่าสุดเมื่อประมาณวันที่10 เมษายน 2562 พระลูกวัดที่บอกดินที่จะเอามาถม ที่ไหนได้ ดันร่วมมือกับผู้ใหญ่บ้าน เอาขยะโรงงานสีดำคล้ำปนไปด้วยเหล็กและมีกลิ่นเหม็นเคมีชื้นๆ มาเทถมในบริเวณพื้นที่นสล.ของสำนักฯและข้างเคียงที่บ้านแม่ชีที่น้าสาวอยู่ พอโทรไปแจ้งให้หยุดทำ ผญบ.กลับบอกว่าประชุมชาวบ้านแล้วมีมติเห็นพร้อมเพรียงกันให้เอามาลงได้ ชาวบ้านไม่รู้ความอันตรายพากันคุ้ยเศษเหล็กไปขาย ฝนที่ชะขยะที่ถมส่งผลเสียเป็นพิษต่อบ้านเรือนเคียง ต้นไม้และแหล่งน้ำ ข้าพเจ้าคาดว่าเหตุการณ์นี้ ผญบ.น่าจะได้เงินจากการหาที่ทิ้งของเสียให้แก่โรงงาน
อีกอย่างตอนทีเจ้าคณะจังหวัดลงมาเคลียร์ได้บอกว่าที่นี่ไม่ใช่สำนักสงฆ์นะ จะมาอ้างไม่ได้ว่าเป็น ไปเรี่ยไรไม่ได้ด้วย ที่ที่ไกล่เกลี่ยเป็นที่สาธารณะของสำนักฯก็ให้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน ห้ามล้อมรั้ว ปลูกสร้างโบสถ์หรืออาคารต่างๆ แต่เมื่อไม่นานมานี้ ทางสำนักสงฆ์ที่แอบอ้างเคยเป็นข่าวเกี่ยวกับซองผ้าป่าที่หน้าซองอ้างเป็นสำนักสงฆ์แจกออกไปเรี่ยไร ดันไปเกี่ยวข้องกับพระปลอมที่สึกไปนานแล้วนำไปบอกบุญเรี่ยไรแล้วพบแฝงค้ายาเสพติด
ยิ่งกว่านั้นเมื่อวันที่19 เมษายน 2562 น้าอยู่ในเหตุการณ์เห็นรถมีตราธรรมจักรอยู่ข้างประตู จึงพอรู้ว่าจนท.สำนักพุทธ จังหวัดลงมาตรวจสอบ มีคนร้องเรียนไป พวกชาวบ้านด่าหยาบคายต่อน้าสาวที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ในบ้าน ราวกับหาเรื่องว่าน้าเป็นคนร้องเรียนไป น้าสาวงงมาก และรู้สึกเป็นผู้ถูกกระทำตลอดเวลา ผ่านไปสัปดาห์ เราจึงโทรไปถามสำนักพุทธดังกล่าว ได้คำตอบว่า มีคนร้องเรียนไปเรื่องพระฟ้องศาลและการแอบอ้างตั้งสำนักสงฆ์ บนที่สาธารณะ จนทสำนักพุทธฯได้สอบถามไปยังเจ้าคณะอำเภอในท้องถิ่นแล้ว ว่าที่มีคนร้องเรียนว่าพระเป็นโจทก์ฟ้องศาลในกรณีดังกล่าวฟ้องได้หรือไม่ ผิดวินัยไหม เจ้าคณะอำเภอรับรองมาว่าไม่ผิด พระทำไมจะเป็นโจทก์ฟ้องไม่ได้ เขาเลยทำอะไรไม่ได้ ส่วนการแอบอ้างสำนักสงฆ์ลอยๆ ไม่ได้รับคำตอบ
ส่วนเรื่องสุดท้ายเป็นที่นา2ไร่ ที่ภายหลังนางสาวสมหมายใช้ทำนาหลังจากแม่ขีเสียไป ห่างจากสำนักสงฆ์ฯ 500เมตร ที่นานี้ลูกชายแม่ชีซื้อให้ก่อนออกบวชพระ ได้ถูกบ้านพี่ชายผู้ใหญ่บ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามต่อท่อน้ำทิ้งเก่าลอดข้ามถนนลาดยางและหันปลายท่อน้ำลงใส่ที่นามาสองปีแล้ว เคยมีญาติทางฝ่ายผู้เดือดร้อนแจ้งศูนย์ดำรงธรรมในพื้นที่ แต่ทางศูนย์กลับเวียนจดหมายนัดวันคุยกับนายอำเภอ ผญบ. สารวัตรกำนันและทางฝั่งผู้ร้องเรียน โดยไม่ได้สอบถามกับผู้ร้องเรียนว่าสะดวกเข้าไปคุยวันไหน อีกทั้งจดหมายที่เวียนยังCc.ถึงชื่อน้าสาวซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องหรือมีระบุในจดหมายร้องเรียนเลย ทางเราเห็นพิรุธจากการเวียนจดหมายดังกล่าว จึงโทรไปแจ้งเราไม่สะดวกเข้าไป เพราะคาดว่าต้องโดนรุมด่าจากชาวบ้านแน่นอนเหมือนที่หลายครั้งแม่ชีเคยโดนชาวบ้านรุมด่าประทุษร้ายมาก่อน และคาดไว้ไม่ผิด เมื่อถึงวันนัดที่เราโทรยกเลิกไปแล้ว ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งนำโดย สารวัตรกำนันพี่ชายผญบ. พระลูกวัด พาพวกมาบุกรุกถึงหน้าบ้านแม่ชีที่น้าสาวอยู่ โดยเมียผญบ.ตอนท้าย ได้เปิดก้นหันหลังยกเท้าให้แต่ในคลิปไม่เห็นภาพดังกล่าวเพราะแพนกล้องไปทางอื่น ทางน้าสาวจึงได้ไปสถานีตำรวจลงบันทึกประจำวันเอาไว้
เรื่องอาจจะยาวหน่อยนะครับ โดยเฉพาะเรื่องที่พระฟ้องศาล เป็นเรื่องละเอียดอ่อน อยากถามผู้รู้ว่าจากกรณีดังกล่าว
การแอบอ้างยกที่พักสงฆ์เป็นสำนักสงฆ์ แล้วพระในสำนักฯเป็นโจทก์ไปฟ้องศาลได้หรือไม่ครับ ผิดวินัยหรือไม่จากเหตุการณ์ที่กล่าวมา ถึงไม่ไปสุดที่ฏีกาลงเอยด้วยการไกล่เกลี่ยจากที่ครอบครองสิทธิ์ของแม่ชีที่แม่ชีไม่ได้เซ็นต์ยกให้ และมีคลิปซึ่งแสดงว่าเจ้าของหวง แต่ถูกพระฟ้องขับไล่และศาลไกล่เกลี่ยแบ่งให้เปลี่ยนสภาพไปเป็นที่สาธารณะนสล.ไปก็จริง แต่ในข้อความไกล่เกลี่ยศาลเขียนว่า ให้เป็นนสล.ของสำนักสงฆ์ ที่แอบอ้างขึ้นลอยๆ
และที่ร้บไม่ได้และต้องเข้ามาเขียนในนี้ คือ ผญบ.เอากฎหมู่เหนือกฎหมายเอาขยะเหล็กโรงงานมาถมที่สำนักสงฆ์ที่แอบอ้างบนที่สาธารณะ รวมถึงบริเวณข้างเคียงบ้านแม่ชีและใกล้แหล่งน้ำ น้ำประปา และนาชาวบ้าน ต่อไปต้องเดือดร้อนเมื่อมีฝนตกลงมาน้ำจะชะน้ำขยะสารพิษไหลลงมาหาบ้าน ที่นาและแหล่งน้ำ จะหวังพึ่งจนท.บ้านเมืองท้องถิ่นคงยากครับ จากเหตุการณ์ที่ผมเล่ามา เพราะตัวผญบ.เองก็ยังทำผิดกม. ตำรวจท้องถิ่นไม่ได้ทำหนังสือมาให้เซ็นต์ หนือแม้แต่พระผู้ใหญ่ยังรับรองว่าพระลูกวัดที่ไปฟ้องศาลไม่ผิดวินัยสงฆ์ ใครพอจะแนะนำมีช่องทางการร้องเรียนหรือมีอำนาจในการตรวจสอบบุคคลเหล่านี้รวมถึงจนท.ท้องถิ่นที่ทำผิดกฎหมายช่วยหน่อยนะครับ
โดนพระฟ้องศาลเรื่องที่ทาง แอบอ้างเป็นสำนักสงฆ์เรี่ยไรเงินและหาประโยชน์จากบุคคลบางกลุ่ม
ขอคำชี้แนะกับเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับผมเองครับ เหตุจากที่ครอบครองสิทธิ์ ทค.ของเราที่อยู่ติดกับที่พักสงฆ์แห่งหนึ่งครับ
มีที่พักสงฆ์แห่งหนึ่งตั้งโดยลอยๆ เพราะไม่มีใบอนุญาตแต่งตั้งเป็นวัด/สำนักสงฆ์ และตั้งอยู่บนที่นสล.สาธารณะประโยชน์ พระที่รักษาการณ์เจ้าอาวาส ในที่พักสงฆ์แห่งนี้ ตั้งตัวเป็นโจทก์ขึ้นฟ้องคดีแพ่งร่วมมือกับผู้ใหญ่บ้าน โดยผญบ.รับมอบอำนาจในการฟ้อง พร้อมชาวบ้านหลายคนขับไล่น้องสาวแม่ ที่อยู่ต่อจากแม่ชีที่เสียไป บนพื้นที่ครอบครองสิทธิ์ข้างเคียงกับที่พักสงฆ์ที่แอบอ้างเป็นสำนักสงฆ์
ย้อนไปตอนสมัยที่แม่ยังมีชีวิตอยู่ ที่ทค.ที่อยู่ข้างที่พักสงฆ์นี้ มีสัญญาซื้อขายของนายAและB 1ฉบับ และมีสำเนาเอกสารที่นายB มอบให้แม่ชีอีก1ฉบับที่เขียนและเซ็นรายชื่อพยานโดยตำรวจและชาวบ้านในพื้นที่ว่า นายB มอบที่ดินจำนวนตามนี้ให้เป็นชื่อแม่ชี ไว้เป็นที่ของสำนักสงฆ์ เพื่อใช้ปฏิบัติธรรม ทางแม่เองจึงปลูกสร้างบ้านและมีเลขที่บ้านเรียบร้อยเอาไว้สำหรับเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม โดยยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นสำนักสงฆ์ ตลอดชีวิตของแม่ชี ผญบ.และกำนัน พี่น้องตัวนำชาวบ้านรุมว่าและแกล้งแม่อยู่เรื่อย เช่นให้รื้อรั้วที่อยู่แนวเขตติดกับที่พักสงฆ์ออกบ้างล่ะ ผญบ.เอาดินมาถมในที่และปรับให้สูงขึ้นจะสร้างโบสถ์บ้างล่ะ (มีคลิปที่แม่บอกว่าแม่ไม่เซ็นต์ให้คุณก็ไม่มีสิทธิ์ปลูกสร้าง) และกลั่นแกล้งต่อท่อระบายน้ำจากบ้านฝั่งตรงข้ามลอดข้ามถนนหันปลายท่อมาลงที่นาของลูกชายแม่ชี เป็นต้น แม่ชีเคบพูดจะยกให้กับบุคคลที่มีคุณธรรมมารับช่วงต่อ ที่แม่ชีไม่เซ็นให้เพราะทราบประวัติของที่พักสงฆ์ดังกล่าวดีว่าตั้งเป็นวัดไม่ได้ เพราะมีอดีตผญบ. เคยทำหนังสือขอแต่งตั้งวัด แต่เจ้าคณะจังหวัดรูปก่อนไม่รับรอง เนื่องจากพื้นที่ที่พักสงฆ์ตั้งอยู่ไม่ได้เป็นโฉนด อีกทั้งเป็นที่หลวง นสล.สาธารณะประโยชน์ และพฤติกรรมกลั่นแกล้งที่พระในสำนักฯ ผญบ.และชาวบ้านกลุ่มนั้นทำกับแม่ชีมาตลอด อีกทั้งเจ้าคณะตำบลรูปก่อน(มรณภาพไปแล้ว) พร้อมพระเลขาอีกรูปหนึ่ง เอาเอกสารสำคัญเกี่ยวที่ดินนี้ของแม่ชีไป แม่ชีไปทวงคืนแต่ไม่ยอมคืนให้ น้าสาวบอกว่าเป็นเอกสารติดอากรแสตมป์ และแม่ชีก็เคยเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง คาดว่าน่าจะเป็นสัญญาซื้อขายอีกฉบับที่นายBขายที่ทค.นี้ให้แม่ชี
ต่อมาเมื่อแม่ชีเสียชีวิตลง จึงให้พี่ชายเป็นเจ้าบ้านในทะเบียนบ้านแทนและน้องสาวแม่จึงอยู่ดูแลบ้านแม่ชีต่อจนถึงปัจจุบัน ต่อมาไม่นานผญบ.จะประกาศทุกเดือนให้ชาวบ้านรวมตัวกันออกมาบุกรุกตัดหญ้า เผาเศษขยะ ตัดกิ่งไม้ ต้นไม้บริเวณบ้านแม่ชีอยู่เรื่อย และนำไปสู่การฟ้องศาลจากพระรักษาการณ์เจ้าอาวาสในที่พักสงฆ์แห่งนี้ ตั้งตัวเป็นโจทก์ฟ้องน้าสาวและพี่ชายในคดีแพ่ง โดยให้ผญบ.รับมอบอำนาจฟ้อง โดยในเอกสารฟ้องร้อง ทางโจทก์ไปแอบอ้างศาลว่าตัวเองเป็นวัด/สำนักสงฆ์ในการขับไล่ทั้งๆที่ไม่มีใบอนุญาตแต่งตั้ง แต่ตั้งขึ้นลอยๆพร้อมป้ายสำนักสงฆ์บนพื้นที่นสล.สาธารณะประโยชน์ ที่พักสงฆ์ตั้งอยู่ และต่อมาเมื่อต้นปี2562 ศาลจึงไกล่เกลี่ยให้แบ่งที่ครึ่งบนให้สำนักสงฆ์ดังกล่าวที่แอบอ้าง แต่สำนักฯไม่มีเอกสารการแต่งตั้งสำนักสงฆ์หรือวัดแต่อย่างใด เพราะตั้งอยู่บนที่นสล.จึงยกที่ครึ่งบนที่ติดกับสำนักฯให้เปลี่ยนสภาพจากที่ครอบครองสิทธิ์ของแม่ชีเดิมเป็นที่นสล.ของสำนักสงฆ์ที่แอบอ้างไป ส่วนครึ่งล่างบริเวณบ้านแม่ชี ได้แบ่งให้น้าสาวอยู่เป็นที่ครอบครองสิทธิ์ดังเดิม ซึ่งปัจจุบันก็ยังมีลูกศิษย์แม่ชียังเดินทางมาปฏิบัติธรรมอยู่เรื่อยๆ จากการยินยอมคำไกล่เกลี่ยตามศาลเราคิดว่าจะจบ ต่อมาไม่ถึงเดือน พระลูกวัดในสำนักฯที่แอบอ้าง ยังบอกให้ย้ายแทงค์น้ำออกจากแนวเขตที่คาบเกี่ยวกันระหว่างพื้นที่ด้านข้างซึ่งตั้งมาตั้งแต่สมัยแม่ชีอยู่นานแล้ว โดยพระลูกวัดอ้างจะเอาดินมาถมปรับที่ ทางเราจึงเข้าไปกราบเรียนเรื่องถึงเจ้าคณะจังหวัดปราจีนบุรี เนื่องจากศาลให้ยุติการยุ่งเกี่ยวกันแล้วแต่ก็ยังมาหาเรื่องอยู่อีก ท่านลงมาเคลียร์สั่งให้ฝั่งพระและชาวบ้านที่เข้าข้างกัน ย้ายแทงค์น้ำให้น้าสาว และให้นายตำรวจพื้นที่ที่เดินทางมาถึงภายหลัง กลับไปทำหนังสือลงบันทึกการย้ายและไม่ให้วุ่นวายต่อกันมาให้เซ็นต์ทั้งสองฝ่าย จากเหตุการณ์นี้ในวันที่ 13 มีนาคม ถึงปัจจุบันหนังสือก็ยังไม่ทำมา แต่ทางพระและกลุ่มชาวบ้านมาขอยกย้ายแทงค์น้ำก่อน ต่อมาพระลูกวัดคนเดิมได้จ้างคนตัดไม้สัก ไม้ควบคุมพรบ.ป่าไม้บนพื้นที่ไกล่เกลี่ยสาธารณะ มีต้นสักปลูกเป็นแนวยาวตรง น้าสาวเห็นจึงเดินไปเตือน ทางนั้นจึงตัดไปแค่ต้นแฝด 1กิ่งใหญ่ไปขาย
ล่าสุดเมื่อประมาณวันที่10 เมษายน 2562 พระลูกวัดที่บอกดินที่จะเอามาถม ที่ไหนได้ ดันร่วมมือกับผู้ใหญ่บ้าน เอาขยะโรงงานสีดำคล้ำปนไปด้วยเหล็กและมีกลิ่นเหม็นเคมีชื้นๆ มาเทถมในบริเวณพื้นที่นสล.ของสำนักฯและข้างเคียงที่บ้านแม่ชีที่น้าสาวอยู่ พอโทรไปแจ้งให้หยุดทำ ผญบ.กลับบอกว่าประชุมชาวบ้านแล้วมีมติเห็นพร้อมเพรียงกันให้เอามาลงได้ ชาวบ้านไม่รู้ความอันตรายพากันคุ้ยเศษเหล็กไปขาย ฝนที่ชะขยะที่ถมส่งผลเสียเป็นพิษต่อบ้านเรือนเคียง ต้นไม้และแหล่งน้ำ ข้าพเจ้าคาดว่าเหตุการณ์นี้ ผญบ.น่าจะได้เงินจากการหาที่ทิ้งของเสียให้แก่โรงงาน
อีกอย่างตอนทีเจ้าคณะจังหวัดลงมาเคลียร์ได้บอกว่าที่นี่ไม่ใช่สำนักสงฆ์นะ จะมาอ้างไม่ได้ว่าเป็น ไปเรี่ยไรไม่ได้ด้วย ที่ที่ไกล่เกลี่ยเป็นที่สาธารณะของสำนักฯก็ให้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน ห้ามล้อมรั้ว ปลูกสร้างโบสถ์หรืออาคารต่างๆ แต่เมื่อไม่นานมานี้ ทางสำนักสงฆ์ที่แอบอ้างเคยเป็นข่าวเกี่ยวกับซองผ้าป่าที่หน้าซองอ้างเป็นสำนักสงฆ์แจกออกไปเรี่ยไร ดันไปเกี่ยวข้องกับพระปลอมที่สึกไปนานแล้วนำไปบอกบุญเรี่ยไรแล้วพบแฝงค้ายาเสพติด
ยิ่งกว่านั้นเมื่อวันที่19 เมษายน 2562 น้าอยู่ในเหตุการณ์เห็นรถมีตราธรรมจักรอยู่ข้างประตู จึงพอรู้ว่าจนท.สำนักพุทธ จังหวัดลงมาตรวจสอบ มีคนร้องเรียนไป พวกชาวบ้านด่าหยาบคายต่อน้าสาวที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ในบ้าน ราวกับหาเรื่องว่าน้าเป็นคนร้องเรียนไป น้าสาวงงมาก และรู้สึกเป็นผู้ถูกกระทำตลอดเวลา ผ่านไปสัปดาห์ เราจึงโทรไปถามสำนักพุทธดังกล่าว ได้คำตอบว่า มีคนร้องเรียนไปเรื่องพระฟ้องศาลและการแอบอ้างตั้งสำนักสงฆ์ บนที่สาธารณะ จนทสำนักพุทธฯได้สอบถามไปยังเจ้าคณะอำเภอในท้องถิ่นแล้ว ว่าที่มีคนร้องเรียนว่าพระเป็นโจทก์ฟ้องศาลในกรณีดังกล่าวฟ้องได้หรือไม่ ผิดวินัยไหม เจ้าคณะอำเภอรับรองมาว่าไม่ผิด พระทำไมจะเป็นโจทก์ฟ้องไม่ได้ เขาเลยทำอะไรไม่ได้ ส่วนการแอบอ้างสำนักสงฆ์ลอยๆ ไม่ได้รับคำตอบ
ส่วนเรื่องสุดท้ายเป็นที่นา2ไร่ ที่ภายหลังนางสาวสมหมายใช้ทำนาหลังจากแม่ขีเสียไป ห่างจากสำนักสงฆ์ฯ 500เมตร ที่นานี้ลูกชายแม่ชีซื้อให้ก่อนออกบวชพระ ได้ถูกบ้านพี่ชายผู้ใหญ่บ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามต่อท่อน้ำทิ้งเก่าลอดข้ามถนนลาดยางและหันปลายท่อน้ำลงใส่ที่นามาสองปีแล้ว เคยมีญาติทางฝ่ายผู้เดือดร้อนแจ้งศูนย์ดำรงธรรมในพื้นที่ แต่ทางศูนย์กลับเวียนจดหมายนัดวันคุยกับนายอำเภอ ผญบ. สารวัตรกำนันและทางฝั่งผู้ร้องเรียน โดยไม่ได้สอบถามกับผู้ร้องเรียนว่าสะดวกเข้าไปคุยวันไหน อีกทั้งจดหมายที่เวียนยังCc.ถึงชื่อน้าสาวซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องหรือมีระบุในจดหมายร้องเรียนเลย ทางเราเห็นพิรุธจากการเวียนจดหมายดังกล่าว จึงโทรไปแจ้งเราไม่สะดวกเข้าไป เพราะคาดว่าต้องโดนรุมด่าจากชาวบ้านแน่นอนเหมือนที่หลายครั้งแม่ชีเคยโดนชาวบ้านรุมด่าประทุษร้ายมาก่อน และคาดไว้ไม่ผิด เมื่อถึงวันนัดที่เราโทรยกเลิกไปแล้ว ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งนำโดย สารวัตรกำนันพี่ชายผญบ. พระลูกวัด พาพวกมาบุกรุกถึงหน้าบ้านแม่ชีที่น้าสาวอยู่ โดยเมียผญบ.ตอนท้าย ได้เปิดก้นหันหลังยกเท้าให้แต่ในคลิปไม่เห็นภาพดังกล่าวเพราะแพนกล้องไปทางอื่น ทางน้าสาวจึงได้ไปสถานีตำรวจลงบันทึกประจำวันเอาไว้
เรื่องอาจจะยาวหน่อยนะครับ โดยเฉพาะเรื่องที่พระฟ้องศาล เป็นเรื่องละเอียดอ่อน อยากถามผู้รู้ว่าจากกรณีดังกล่าว
การแอบอ้างยกที่พักสงฆ์เป็นสำนักสงฆ์ แล้วพระในสำนักฯเป็นโจทก์ไปฟ้องศาลได้หรือไม่ครับ ผิดวินัยหรือไม่จากเหตุการณ์ที่กล่าวมา ถึงไม่ไปสุดที่ฏีกาลงเอยด้วยการไกล่เกลี่ยจากที่ครอบครองสิทธิ์ของแม่ชีที่แม่ชีไม่ได้เซ็นต์ยกให้ และมีคลิปซึ่งแสดงว่าเจ้าของหวง แต่ถูกพระฟ้องขับไล่และศาลไกล่เกลี่ยแบ่งให้เปลี่ยนสภาพไปเป็นที่สาธารณะนสล.ไปก็จริง แต่ในข้อความไกล่เกลี่ยศาลเขียนว่า ให้เป็นนสล.ของสำนักสงฆ์ ที่แอบอ้างขึ้นลอยๆ
และที่ร้บไม่ได้และต้องเข้ามาเขียนในนี้ คือ ผญบ.เอากฎหมู่เหนือกฎหมายเอาขยะเหล็กโรงงานมาถมที่สำนักสงฆ์ที่แอบอ้างบนที่สาธารณะ รวมถึงบริเวณข้างเคียงบ้านแม่ชีและใกล้แหล่งน้ำ น้ำประปา และนาชาวบ้าน ต่อไปต้องเดือดร้อนเมื่อมีฝนตกลงมาน้ำจะชะน้ำขยะสารพิษไหลลงมาหาบ้าน ที่นาและแหล่งน้ำ จะหวังพึ่งจนท.บ้านเมืองท้องถิ่นคงยากครับ จากเหตุการณ์ที่ผมเล่ามา เพราะตัวผญบ.เองก็ยังทำผิดกม. ตำรวจท้องถิ่นไม่ได้ทำหนังสือมาให้เซ็นต์ หนือแม้แต่พระผู้ใหญ่ยังรับรองว่าพระลูกวัดที่ไปฟ้องศาลไม่ผิดวินัยสงฆ์ ใครพอจะแนะนำมีช่องทางการร้องเรียนหรือมีอำนาจในการตรวจสอบบุคคลเหล่านี้รวมถึงจนท.ท้องถิ่นที่ทำผิดกฎหมายช่วยหน่อยนะครับ