Avengers: Endgame
ไม่รู้จะพูดได้เต็มปากมั้ยว่าผลงานเรื่องนี้ทำออกมาได้ดีเยี่ยม เนื่องจากเนื้อหาของหนังถูกปูมานานด้วยผลงานเรื่องเจ๋งๆ ก่อนหน้าไม่รู้กี่เรื่องต่อกี่เรื่อง เรื่องราวในหนังเรื่องนี้คือการสรุปประเด็นใหญ่ทั้งหมดให้จบลงที่ภาคนี้ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่หนังมีเวลาฉายยาวนานกว่า 3 ชั่วโมง (หนังยาว 3 ชม. 1 นาที) และสรุปความเจ๋งที่เคยเล่ามาทั้งหมดให้อยู่รวมกันในหนังเรื่องเดียว
ดังนั้นจึงไม่ขอออกปากเต็มๆ ว่าหนัง 'ดีมาก' หรือหนัง 'โคตรเจ๋งที่สุด' หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ขอกล่าวเป็นส่วนๆ ไป ในส่วนที่หนังทำได้ดี และส่วนที่อยากให้ดีกว่านี้ได้อีก มาเริ่มกัน
หนังเริ่มเรื่องด้วยการสรุปเหตุการณ์ถัดจากผลงานล่าสุดก่อนหน้านี้ ซึ่งใช้เวลามากเหลือเกินในการเล่าส่วนนี้ ที่ว่านานนี่คือ หนังแช่ภาพนานๆ เพื่อให้คนดูซึมซับอารมณ์ความสูญเสียแบบเต็มสตรีม ผลออกมาคือ หนังทำสำเร็จ คนดูได้ซึมซับอารมณ์ความเศร้า/ความสูญเสียแบบเต็มอิ่ม ถือว่าส่วนนี้หนังทำได้ดีมาก อย่างไรก็ตาม การเล่าเรื่องที่เก็บทุกเม็ดแบบนี้ถึงแม้จะทำให้ซึมซับอารมณ์เศร้าได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่อย่าลืมว่าหนังไม่ได้เล่าแค่อารมณ์เดียว ดังนั้นความรู้สึกอื่นที่แทรกมาคือ มันก็เล่านานไปนะ บางฉากตัดๆ ไปบ้างก็ได้ บางบทสนทนา บางการกระทำตัดไปบ้างก็ได้ โดยที่หนังตัวเต็มไม่เสียหาย แต่รวมๆ แล้ว วิธีการเล่ายาวนานของเรื่องนี้ได้ผลดีมากกว่าผลเสีย คือฉากที่อยากให้ข้ามๆ ไปนั่นมันก็ไม่ได้แย่อะไร แค่ถ้าตัดไป หนังจะได้สั้นลงกว่าเดิม
มาพูดถึงการเล่าเรื่อง หนังอ้างอิงไปถึงหนังเรื่องก่อนๆ ในแต่ละเฟส แบบถ้าไม่เคยดูเรื่องอื่นมาก่อน ก็คงงงนิดหน่อย หรือเคยดูแล้วแต่ลืม ก็อาจจะมีงงบ้าง เนื่องจากหนังนำฉากเหล่านั้นกลับมาเล่าใหม่ในอีกมุมมองหนึ่ง แต่ส่วนนี้ไม่ได้เป็นปัญหาเท่าไร ถือว่าวิธีเล่าเรื่องแบบนี้มาช่วยเติมเต็มเรื่องราวให้สมบูรณ์ได้ดีวิธีนึง
พูดในส่วนของฉากต่อสู้ ในเมื่อเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ แน่นอนฉากต่อสู้หลีกเลี่ยงไม่ได้ เรื่องนี้จัดเต็มไม่แพ้เรื่องก่อนๆ มาด้วยสเกลที่ใหญ่มากกว่าเดิม เพราะตัวละครที่ถูกอัดแน่นจนเป็นปลากระป๋อง สเกลจึงกว้างและยิ่งใหญ่สุดๆ ซึ่งหนังทำได้ดีทีเดียว ในการปรับสมดุลสเกลพลังของแต่ละฮีโร่ให้ดูสมน้ำสมเนื้อกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวละครเยอะเกินกว่าจะเฉลี่ยบทให้เท่าเทียมกัน หนังจึงต้องเลือกตัวละครหัวหอกให้มีบทมากกว่าคนอื่น จนตัวละครหลายตัวมาเพียงแค่เผยตัวให้เห็น และยึกยักไปมาแสดงแสนยานุภาพนิดหน่อยพอเป็นพิธี พอให้คนดูเห็นว่า "ข้าก็มาช่วยโลกนะ!!" ซึ่งการเฉลี่ยบทให้เท่าเทียมที่เคยเป็นจุดเด่นใน The Avengers ภาคแรก ถูกลดบทบาทลง แต่ก็เข้าใจได้ด้วยตัวละครที่เพิ่มมาเยอะเกินมันจึงทำแบบนั้นไม่ได้
พูดถึงความสนุก หนังทำได้สนุกเป็นช่วงๆ ไป ช่วงแรกของหนังเล่าผลกระทบที่ต่อเนื่องมา ซึ่งออกจะนานไปหน่อย เลยยังไม่ค่อยสนุก มีแทรกเหตุการณ์สนุกๆ มาบ้างเป็นพักๆ ก่อนที่หนังจะเข้าโหมดต่อสู้เต็มรูปแบบก็น่าจะผ่านครึ่งเรื่องไปแล้ว ซึ่งถือว่านานพอดู โดยช่วงต่อสู้นี่จัดเต็มความสนุก ที่น่าจะเหมาะกับการดูจอใหญ่ IMAX หรือจัด 4DX เพื่อความมันส์เต็มรูปแบบ ก่อนที่ช่วงท้ายจะขมวดปมเพื่อจบเรื่องให้สมบูรณ์ จนเยี่ยวแทบราด เพราะกินเวลานาน 3 ชั่วโมง ส่วนถ้าใครจะรอดูฉาก end credit ก็ไปเยี่ยวได้เลย เพราะมันไม่มี
สรุปโดยรวมแล้ว Avengers: Endgame ถือเป็นผลงานสรุปเรื่องราวที่ดีเรื่องนึง ที่อาศัยความเจ๋งของผลงานก่อนๆ มาขมวดรวมกัน โดยที่ตัวเองก็ทำได้ดีในส่วนการให้ผู้ชมซึมซับอารมณ์ความสูญเสียแบบเต็มพิกัด การจัดเต็มกับสเกลฉากต่อสู้ที่ตัวละครล้นมากกว่าที่ผลงานเรื่องไหนเคยเล่ามา และการทำให้ใครที่ไม่อยากลุกไปเยี่ยวกลางคัน ต้องทนอั้นเยี่ยวจนหน้ามืด และอาจต้องไปพบหมอทางเดินปัสสาวะหลังจากดูหนังจบ ส่วนที่ยังทำได้ไม่ดีก็พอจะลืมๆ มันไปได้ เพราะอะไรน่ะหรือ เพราะตั๋วโคตรแพง !!!
--------------------
ระดับคะแนน
Score: 8/10
ป๊อบคอร์น (ความสนุก): 4/5 กล่อง
--------------------
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ติดตามความเห็นหลังชม และคอลัมน์น่าสนใจอื่นๆ ได้ที่
https://www.facebook.com/LikeFlickTH
ความเห็นหลังชม Avengers: Endgame (ไม่สปอยล์)
Avengers: Endgame
ไม่รู้จะพูดได้เต็มปากมั้ยว่าผลงานเรื่องนี้ทำออกมาได้ดีเยี่ยม เนื่องจากเนื้อหาของหนังถูกปูมานานด้วยผลงานเรื่องเจ๋งๆ ก่อนหน้าไม่รู้กี่เรื่องต่อกี่เรื่อง เรื่องราวในหนังเรื่องนี้คือการสรุปประเด็นใหญ่ทั้งหมดให้จบลงที่ภาคนี้ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่หนังมีเวลาฉายยาวนานกว่า 3 ชั่วโมง (หนังยาว 3 ชม. 1 นาที) และสรุปความเจ๋งที่เคยเล่ามาทั้งหมดให้อยู่รวมกันในหนังเรื่องเดียว
ดังนั้นจึงไม่ขอออกปากเต็มๆ ว่าหนัง 'ดีมาก' หรือหนัง 'โคตรเจ๋งที่สุด' หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ขอกล่าวเป็นส่วนๆ ไป ในส่วนที่หนังทำได้ดี และส่วนที่อยากให้ดีกว่านี้ได้อีก มาเริ่มกัน
หนังเริ่มเรื่องด้วยการสรุปเหตุการณ์ถัดจากผลงานล่าสุดก่อนหน้านี้ ซึ่งใช้เวลามากเหลือเกินในการเล่าส่วนนี้ ที่ว่านานนี่คือ หนังแช่ภาพนานๆ เพื่อให้คนดูซึมซับอารมณ์ความสูญเสียแบบเต็มสตรีม ผลออกมาคือ หนังทำสำเร็จ คนดูได้ซึมซับอารมณ์ความเศร้า/ความสูญเสียแบบเต็มอิ่ม ถือว่าส่วนนี้หนังทำได้ดีมาก อย่างไรก็ตาม การเล่าเรื่องที่เก็บทุกเม็ดแบบนี้ถึงแม้จะทำให้ซึมซับอารมณ์เศร้าได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่อย่าลืมว่าหนังไม่ได้เล่าแค่อารมณ์เดียว ดังนั้นความรู้สึกอื่นที่แทรกมาคือ มันก็เล่านานไปนะ บางฉากตัดๆ ไปบ้างก็ได้ บางบทสนทนา บางการกระทำตัดไปบ้างก็ได้ โดยที่หนังตัวเต็มไม่เสียหาย แต่รวมๆ แล้ว วิธีการเล่ายาวนานของเรื่องนี้ได้ผลดีมากกว่าผลเสีย คือฉากที่อยากให้ข้ามๆ ไปนั่นมันก็ไม่ได้แย่อะไร แค่ถ้าตัดไป หนังจะได้สั้นลงกว่าเดิม
มาพูดถึงการเล่าเรื่อง หนังอ้างอิงไปถึงหนังเรื่องก่อนๆ ในแต่ละเฟส แบบถ้าไม่เคยดูเรื่องอื่นมาก่อน ก็คงงงนิดหน่อย หรือเคยดูแล้วแต่ลืม ก็อาจจะมีงงบ้าง เนื่องจากหนังนำฉากเหล่านั้นกลับมาเล่าใหม่ในอีกมุมมองหนึ่ง แต่ส่วนนี้ไม่ได้เป็นปัญหาเท่าไร ถือว่าวิธีเล่าเรื่องแบบนี้มาช่วยเติมเต็มเรื่องราวให้สมบูรณ์ได้ดีวิธีนึง
พูดในส่วนของฉากต่อสู้ ในเมื่อเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ แน่นอนฉากต่อสู้หลีกเลี่ยงไม่ได้ เรื่องนี้จัดเต็มไม่แพ้เรื่องก่อนๆ มาด้วยสเกลที่ใหญ่มากกว่าเดิม เพราะตัวละครที่ถูกอัดแน่นจนเป็นปลากระป๋อง สเกลจึงกว้างและยิ่งใหญ่สุดๆ ซึ่งหนังทำได้ดีทีเดียว ในการปรับสมดุลสเกลพลังของแต่ละฮีโร่ให้ดูสมน้ำสมเนื้อกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวละครเยอะเกินกว่าจะเฉลี่ยบทให้เท่าเทียมกัน หนังจึงต้องเลือกตัวละครหัวหอกให้มีบทมากกว่าคนอื่น จนตัวละครหลายตัวมาเพียงแค่เผยตัวให้เห็น และยึกยักไปมาแสดงแสนยานุภาพนิดหน่อยพอเป็นพิธี พอให้คนดูเห็นว่า "ข้าก็มาช่วยโลกนะ!!" ซึ่งการเฉลี่ยบทให้เท่าเทียมที่เคยเป็นจุดเด่นใน The Avengers ภาคแรก ถูกลดบทบาทลง แต่ก็เข้าใจได้ด้วยตัวละครที่เพิ่มมาเยอะเกินมันจึงทำแบบนั้นไม่ได้
พูดถึงความสนุก หนังทำได้สนุกเป็นช่วงๆ ไป ช่วงแรกของหนังเล่าผลกระทบที่ต่อเนื่องมา ซึ่งออกจะนานไปหน่อย เลยยังไม่ค่อยสนุก มีแทรกเหตุการณ์สนุกๆ มาบ้างเป็นพักๆ ก่อนที่หนังจะเข้าโหมดต่อสู้เต็มรูปแบบก็น่าจะผ่านครึ่งเรื่องไปแล้ว ซึ่งถือว่านานพอดู โดยช่วงต่อสู้นี่จัดเต็มความสนุก ที่น่าจะเหมาะกับการดูจอใหญ่ IMAX หรือจัด 4DX เพื่อความมันส์เต็มรูปแบบ ก่อนที่ช่วงท้ายจะขมวดปมเพื่อจบเรื่องให้สมบูรณ์ จนเยี่ยวแทบราด เพราะกินเวลานาน 3 ชั่วโมง ส่วนถ้าใครจะรอดูฉาก end credit ก็ไปเยี่ยวได้เลย เพราะมันไม่มี
สรุปโดยรวมแล้ว Avengers: Endgame ถือเป็นผลงานสรุปเรื่องราวที่ดีเรื่องนึง ที่อาศัยความเจ๋งของผลงานก่อนๆ มาขมวดรวมกัน โดยที่ตัวเองก็ทำได้ดีในส่วนการให้ผู้ชมซึมซับอารมณ์ความสูญเสียแบบเต็มพิกัด การจัดเต็มกับสเกลฉากต่อสู้ที่ตัวละครล้นมากกว่าที่ผลงานเรื่องไหนเคยเล่ามา และการทำให้ใครที่ไม่อยากลุกไปเยี่ยวกลางคัน ต้องทนอั้นเยี่ยวจนหน้ามืด และอาจต้องไปพบหมอทางเดินปัสสาวะหลังจากดูหนังจบ ส่วนที่ยังทำได้ไม่ดีก็พอจะลืมๆ มันไปได้ เพราะอะไรน่ะหรือ เพราะตั๋วโคตรแพง !!!
--------------------
ระดับคะแนน
Score: 8/10
ป๊อบคอร์น (ความสนุก): 4/5 กล่อง
--------------------
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้