เที่ยวคนเดียวจากอยุธยา-พิษณุโลก-พะเยา ไปแบบนึกเอง งง งง 5 วัน 4 คืน

กระทู้สนทนา
สวัสดีนะคะ อันนี้เป็นกระทู้แรกที่มาเขียนในพันทิป อยากจะแชร์ประสบการณ์การไปเที่ยวคนเดียวให้คนที่อยากจะลองเที่ยวคนเดียว แต่ไม่กล้าไป เพราะว่ากลัวใช่ไหมละ ลองซักครั้งในชีวิตแล้วจะติดใจ
***ลองมาดูกันว่าการเดินทางเที่ยวคนเดียวไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด***

**ขอบอกไว้ก่อนว่าเราอาศัยอยู่ที่อยุธยาเลยเริ่มทริปนี้ที่อยุธยา และเราไม่เคยนั่งรถประจำทางหรือรถสาธารณะคนเดียวเลย ยกเว้นรถไฟ และเราค่อนข้างที่จะเมารถง่ายมากจึงหลีกเลี่ยงการนั่งรถตู้ (เพราะเราไม่รู้จะเจอคนขับแบบไหน แบบที่ 1 แบบที่แค่ทำให้เราเวียนหัว หรือแบบที่ 2 แบบที่รู้สึกอยากจะอ้วกแต่ไม่อ้วกและกลืนลงคอ และแบบที่ 3 แบบแขวนถุงหูหิ้วไว้ที่หูแบบอ้วกพร้อมพุ่งไปข้างหน้าเลย)**

มาเริ่มกันดีกว่า
การเดินทางในวันที่ 1  โดยอยุธยานี้ มีเส้นทางรถไฟที่ผ่าน อยากไปอีสานก็ได้ อยากจะไปเหนือก็ได้ เราเลยเลือกไปพิษณุโลก งง ใช่ไหมละว่าไปทำไม นั่นสิ ไหน ๆ ก็ซื้อตั๋วไปแล้ว ก็ไปละกัน เราเดินโดยรถไฟขบวนด่วนพิเศษ ขบวน 7 รถออกจากอยุธยา เวลา 09:50 น.
ระหว่างสองข้างผ่านลพบุรีด้วย พอเห็นลิงปุ๊ป อ้อเลย มาถึง ลพบุรีแล้ว
พระปรางค์สามยอดก็มา
ประติกรรมกำแพงก็มา
รถไฟวิ่งจากอยุธยาไปพิษณุโลกใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง 30 นาที ระหว่างการเดินทาง ทางรถไฟมีข้าวมาให้ฟรี 1 มื้อด้วย แต่เราไม่ได้ถ่ายรูปมา เป็นอาหารกระป๋อง ตราปุ๋มปุ๋ย ข้าว ฉู่ฉี่ปลากระป๋อง และ ไก่กระเทียม รสชาติก็...... ตามนั้น

และแล้วก็มาถึงพิษณุโลก
อยากจะบอกว่าอากาศร้อนมากๆๆๆๆ จากสถานีรถไฟไปโรงแรมที่เราจองไว้แล้ว ประมาณ 12 นาที ที่อากู๋เกิ้ล เขาบอกนะ แต่ความจริง ฮาฮาฮาฮา55555 เดินต่อไปอย่าหยุด (มีทางเลือกนะบริเวณนั่นเขามีรถตุ๊กๆ แต่เราเลือกเชื่อGoogle ไง อากาศร้อนไง)
หลังจากเดิน 12 บวกอีก 12 นาที เท่ากับ 24 นาที ก็ถึงโรงแรม บอกไว้ก่อนว่าร้อนมากกกกกกกก
ภายในห้องพัก (ถ่ายตอนจะ Check-out ที่นอนก็จะยับๆหน่อย)
จากนั้น นอนสิค่ะรออะไร
Z
z
z
Z
และก็ตื่นขึ้นมาประมาณบ่ายสามครึ่ง ซึ่งตอนแรกตั้งใจจะตื่นบ่ายสาม เพราะด้วยความเหนื่อยไงค่ะเลยเลทไปครึ่งชั่วโมง เราตั้งใจว่ามาถึงพิษณุโลกจะต้องไปไหว้พระพุทธชินราช ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร พิษณุโลก ป่ะ ออกเดินทางกัน เมื่อออกมาหน้าโรงแรม เราก็คิดว่าจะมีวินมอไซต์ ตุ๊กๆ หรือแท็กซี่ ความเป็นจริง ไม่มีอะไรเลย รถค่อนข้างหายาก (ถ้าขี้เกียจเดินให้ทางโรงแรมเรียกแท็กซีให้ได้ราคาตามมิเตอร์+ค่าเรียกอีก20บาท เราจึงเลือกเดิน) และก็เปิดอากู๋อีกรอบ อากู๋บอกเดินอีก 16 นาที เชื่อก็ได้ ตามนั้น ป่ะเดิน
ถึงแล้วววววววววววววว ถ่ายแต่ภายใน ข้างนอกไม่ได้ถ่ายเพราะอากาศร้อนมาก ขนาดเย็นแล้วนะ
เมื่อไหว้พระเสร็จก็กลับไปนอนค่ะ แต่ช้าก่อน เราไม่เดินกลับแน่นอน เมื่อออกไปหน้าวัดก็จะมีตุ๊กๆจอดอยู่ เราเลยเหมาตุ๊กๆ กลับโรงแรม (เดินไหวแล้วขาลาก)
ใกล้ๆ โรงแรมมีถนนคนเดินอยู่ใกล้ๆ เดินไปไม่ถึง 500 เมตรก็ถึง ตลาดก็ค่อนข้างใหญ่ อาหารมากมายน่ากิน มื้อเย็นไม่อดตายค่ะ อิ่มแล้วนอนได้ เพราะพรุ่งนี้ต้องเดินทางต่อไปพะเยา หลับค่ะ ZzzZ

วันที่ 2 พิษณุโลก ไป พะเยา
เราเช็กอินตอน 11 โมง และตัดสินใจให้โรงแรมรียกแท็กซี่ให้ เพราะท่ารถค่อนข้างไกล
เราจองรถทัวร์ของเชิดชัยเพื่อขึ้นไปพะเยา ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมงหน่อย ถึง พะเยา (คนขับมีการแวะซื้อเมี่ยงปลาเผาข้างทางด้วย)
จากนั้นเราก็เดินไป ณ โรงแรมที่เราจองไว้ ซึ่งไม่ไกลจากท่ารถแค่ 500 เมตร

วันที่ 3 ระหว่างทางฝนก็ตก พระอาทิตย์ก็จะตกดิน ไอเราก็จะถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกดินเพราะมันสวยมาก แต่ภาพที่ถ่ายออกมา55555 ติดทางออกฉุกเฉินซะงั้น 

โรงแรมที่พะยา เลือแต่เตียง Twin ก็นอนไป
ในเมื่อมาพะเยาแล้วเราต้องไปไหว้ อนุสาวรีย์พญางำเมือง เดี๋ยวจะมาไม่ถึงพะเยา เดินไปตอนหัวค่ำ ไม่หน้ากลัวเท่าไร เพราะมีคนนั่งกินหมูกระทะ และนั่งกินอาหารกลาย ๆ ร้าน ระหว่างทางที่เดิน
วันที่ 4 ทุกคนอาจจะงงมาเราไปทำไมพะเยา เราอยากจะมาอยู่ในหมู่บ้านเศรฐกิจพอเพียง ซัก 2 คืนก็ยังดี หมู่บ้านที่เราจะไปมีชื่อว่า บ้านดอกบัว เป็นหมู่บ้านที่ดำเนินชีวิตตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงทั้งหมู่บ้าน โดยแต่ละบ้านแต่ลูกผักสวนครัวเกือบทุกบ้าน ไม่ว่าเราจะไปบ้านไหน ก็จะเจอผักสวนครัว หมู่บ้านสงบมาก ผู้คนในหมู่บ้านใจดีทุกคน ตอนรับเราอย่างดี และที่นี่มีโฮสเตย์ที่เราไปอาศัยอยู่กับเขา คนในหมู่บ้านส่วนใหญ่จะพูดภาษาท้องถิ่น โดยเราได้นัดกับเจ้าของบ้านให้มารับที่โรงแรมที่เราพักเพื่อเข้าไปในหมู่บ้าน จะเข้าไปในหมู่บ้านไปได้หลายช่องทางจะเหมารถไปก็ได้ หรือ จะขึ้นรถประจำทางก็ได้ แต่ด้วยที่เราเก่งเกินที่จะขึ้นรถประจำเราเลยโทรให้เจ้าของโอสเตย์มารับเพื่อเป็นกรไม่เสียเวลาในการลงผิดป้าย
โฮมสเตย์ ชื่อว่า เอื้องคำโฮสเตย์ เจ้าของเป็นหมอ ทำงานอยู่ที่อนามัยใกล้ๆ และที่สำคัญ ใจดีมากกกก น่ารักมากก
เมื่อมาถึง เจ้าของบ้านก็มีจักรยานไว้ให้เพื่อที่เราจะได้ปั่นไปรอบๆ หมู่บ้าน อย่ารอช้าป่ะ
ปั่นไปปั่นมาหิวสิค่ะ แวะกินขนมจีนแปปที่นี่นิยมขายขนมจีน มีทั้งน้ำยาป่า น้ำยากะทิ น้ำงิ้ว เลือกได้เลย ส่วนเราเลือกน้ำยาป่า
อิ่มแล้วไปต่อที่สวนผักของหมุ่บ้าน
พอละร้อนกลับโฮสเตย์นอน ระหว่างก็รู้สึกหิวเลยปั่นจักรยานหาของกินรอบบหมู่บ้าน ก็ได้เจอร้านก๋วยเตี๋ยวป้าให้เยอะมาก ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ และก็สั่งส้มตำปูปลาร้าไปด้วย ที่พีคมาก็คือป้ามาเสิร์ฟก๋วเตี๋ยวแล้วเดินไปหลังบ้าน ป้ามาพร้อมกับไม้สอยอันยาวมาก ป้ากำลังจะสอยมะละกอ นี่เราได้กินสดๆจากต้นเลยใช่ไหม โอ้แม่เจ้า สรุปเราเป็นคนแรกที่ได้กินเพราะป้าพึ่งขายส้มตำเป็นวันแรก เยี่ยมมากจ้า ป้าขายไปครึ่งชั่วโมง เราก็รอหิวกะหายเพราะก๋วยเตี๋ยวหมดแล้ว ป้ายกจานมาเสิร์ฟส้มตำปูปลาร้าที่หน้าตาคล้ายๆ ตำไทยใส่ปลาร้า(ที่นี่เขาตำปูปลาร้าแบบนี้ มันเป็นสไตล์) แต่ก็อร่อยนะ ป่ะอิ่มแล้วกลับ 
คนที่นี่เขานอนกันค่อนข้างไวมาก พระอาทิตย์ตกดินทั้งหมู่บ้านก็เงียบสงัดมองออกไปข้างนอกก็มือดหมดเพราะเขาปิดไฟนอนกันตั้งแต่ยังไม่สองทุ่มเยี่ยม

วันที่ 5 ก่อนกลับไปเที่ยวกันเหมารถสองแถวไปอ่านเก็บน้ำห้วยตุ่นซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทำไว้เพื่อแก้ปัญหาการขากแคลนน้ำในหน้าแล้ง
ต่อด้วย วัดอนาลโยทิพยาราม ซึ่งเป็นวัดที่อยู่บนเขากินเนื้อที่ทั่วเขาเลยเดินแทบไม่ทั่ว เมื่อก่อนคนเยอะแต่ตอนนี้เงียบมาก
ต่อด้วยไปกว๊านอีกฟากหนึ่งที่ไม่ใช่ในตัวเมือง
แล้วก็กลับที่พัก ไปนอนพักผ่อน และประมาณ 4 โมงเย็น เจ้าของโฮเสตย์ก็ไปส่งเราที่ท่ารถเพื่อขึ้นรถกลับอยุธยา แต่ประเด็นคือรถเรามา 2 ทุ่มครึ่ง นั่งยาวไป ขากลับเรานั่งรถของสมบัติทัวร์แบบ VIP  สะสบายมาก หลับยาวจนถึงอยุธยาตอนตี4:45น. ทริปที่ยากและลำบากในการเดินมาก แต่ก็คุ้ม คิดว่าจะไม่สนุกกลับสนุกซะงั้น 
ใครที่ไม่กล้าท้าทายตัวเองต้องลอง พอลองแล้วจะติดใจ เกิดมาทั้งทีใช้ชีวิตให้คุ้ม

ค่าใช้จ่ายระหว่างการเดินทางที่ไม่ร่วมค่ากิน
รถไฟ  = 455 บาท (แบบแอร์ 2class)
ค่าตุ๊กๆจากวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหารมาโรงแรม = 60 บาท
ค่าโรงแรมที่พิษณุโลก = 680 บาทรวมอาหารเช้า
ค่าแท็กซี่ไปท่ารถ = 120 บาท
ค่ารถพิษณุโลกไปพะเยา = 198 บาทของเชิดชัยทัวร์
ค่าโฮมสเตย์ 2 คืนรวมอาหารเช้า-เย็น  = 740 บาท
ค่ารถกลับ พะเยา-อยุธยา = 755 บาท (แบบVIP ถ้าไม่ใช่ VIP ราคาก็ลดลงมา)

ทริป 5 วัน 4 คืน 1 คน = 3,008 บาท

ปล. บ้านดอกบัวอย่าไปหน้าแล้ง ที่เราไปหมอกควันค่อนข้างเยอะ และแดดแรงมาก ควรไปหน้าหนาวหรือหน้าฝน ทุกอย่างจะเขียวและสวยด้วย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่