ระหว่างรอการเคลื่อนไหวของ Bighit เราก็มาฆ่าเวลาโดยการพูดคุย ชำแหละ และแสดงประเด็นต่างๆที่ได้จาก MV นี้กันค่ะ
ใครที่ยังไม่เคยดูสามารถไปดูได้ตามคลิปที่เราโพสต์เลยค่ะ
********สิ่งที่อยู่ในกระทู้นี้เป็นเพียงการคาดการณ์ของเราเท่านั้น ถ้าใครมีประเด็นอะไรน่าสนใจหรือเห็นต่างจากเราสามารถเพิ่มเติมได้ทุกเมื่อเลยค่ะ********
ก่อนอื่นพูดเกี่ยวกับงาน Production ก่อน
ส่วนตัวเราชอบการตัดภาพกับมุมกล้องของ MV นี้มากกว่า Crown เยอะ ถ่ายออกมาสวยและ CG ไม่รกจนเกินไป
สีใน MV ออกโทน Pastel ทำให้ค่อนข้างสบายตาและการจัดวางองค์ประกอบก็ดี โดยรวมแล้วรู้สึกคุ้มค่ากับการรอ
มาถึงส่วนตัวเนื้อหา MV บ้าง
ยอมรับว่าตอนแรกเราสงสัยมาตลอดว่าตัวเพลงในอัลบั้ม,ชื่ออัลบั้มและรหัสมอร์สใน Concept Film มันเกี่ยวข้องกันยังไง
และ MV นี้ก็ได้ให้คำตอบกับเราแล้วบางส่วน
เริ่มด้วยประเด็นแรกคือ
"มิติ" ของ MV
MV นี้ (และ MV ในอนาคต) มีอยู่ 2 มิติใหญ่ๆคือ
"ความจริง" และ
"ความฝัน"
และทั้ง 2 มิตินั้นก็สื่อผ่าน Concept Film ทั้ง 2 เซ็ต
โดยเซ็ตแรก What do you do? สื่อถึง "ความจริง" และเซ็ตที่ 2 What do you see? สื่อถึง "ความฝัน"
นอกจากนี้ ยังสามารถแบ่งย่อยโลกออกมาได้เป็น 4 โลกดังนี้
1. ความจริงในโลกจริง
2. ความฝันในโลกจริง
3. ความจริงในโลกแห่งความฝัน
4. ความฝันในโลกแห่งความฝัน (เรียกง่ายๆคือฝันซ้อนฝัน)
โดยโลกที่ 2 และ 3 นั้นมีมิติที่ซ้อนทับกันอยู่ (หรือจะเรียกว่าเป็นโลกเดียวกันก็ได้)
ซึ่งสิ่งที่ยากก็คือถ้าตัวละครที่อยู่ในโลกที่ 2 หรือ 3 ฝันขึ้นมาเราจะแยกแทบไม่ออกเลยว่าเป็น "ความฝันในโลกจริง" หรือ "ความฝันในโลกฝัน" กันแน่
จบจากมิติต่างๆใน MV เราก็เข้าสู่รายละเอียดปลีกย่อยของ MV กันค่ะ
ขออนุญาตบ่นถึงตอนนั่งแคปรูปเล็กน้อย สารภาพเลยค่ะว่าแคปเสร็จคือท้อมาก แบบว่า พอเราแคปฉากทุกฉากออกมาจบคือหัวหมุนมาก
สิ่งที่คิดในตอนนั้นก็คือ ประเด็นมันจะเยอะไปหนายยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!!!
และด้วยความที่ประเด็นมันเยอะมากทำให้เราต้องจัดหมวดหมู่ของประเด็นที่ได้มาและนำมาเรียบเรียงใหม่จนได้ออกมา 4 ฉากใหญ่ๆค่ะ
1. สำหรับฉากแรกนี้ ขอตั้งชื่อว่า "นี่แหละ.....วัยรุ่น"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตามชื่อเลยค่ะ เป็นฉากที่ทำให้เห็นถึงพลังอันล้นเหลือในวัยรุ่น ซึ่งฉากนี้เป็นฉากที่เราจัดให้อยู่ในมิติ "ความจริงในโลกจริง" ค่ะ
2. ฉากต่อมา ขอตั้งชื่อว่า "วันๆของน้องหมาและน้องแมว"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

(ภาพนี้ต้องขออภัยน้องไคที่ข้าน้อยหารูปดีกว่านี้ไม่ได้)
เป็นฉากที่ตรงกับ Concept Photo ของ MV มากที่สุด ซึ่งเป็นธีมหลักของ MV แต่มันไม่ใช่ประเด็นหลักของ MV นี้ (ซะงั้น)
จริงๆตอนแรกที่เห็น Concept Photo นึกว่าจะมาแนวแฟนตาซีจ๋ากว่านี้ เพราะในรูปคือให้ความรู้สึก Wonderland มาก
ออกมาจริงๆกลายเป็นแนวเดียวกับ Airplane ของพี่โฮปเฉย (แถมมีเครื่องบินด้วย ถถถถ)
และเราต้องขออภัยที่เราไม่อาจฟันธงได้ว่าฉากนี้จัดอยู่ในมิติไหน แต่ถ้าตามความคิดของเรา เราคิดว่าเป็น "ความจริงในโลกความฝัน" ค่ะ
เหตุที่คาดว่าเป็นความจริงในโลกความฝันเพราะตัวละครในโลกนี้มีการฝันและโลกนี้มีความแฟนตาซีเล็กน้อย(เกินกว่าจะเป็นโลกจริง)ค่ะ
3. สำหรับฉากนี้ จัดเป็นไฮไลท์ก็ว่าได้ นั่นก็คือ "การเดินทางในความฝัน"
ฉากนี้คือฉากที่มีประเด็นเยอะที่สุดเลยก็ว่าได้เพราะมันแอบโยงเข้ากับ BU หรือโลกของบังทัน
โดยเราจะขอแยกเป็นฉากย่อยๆ นำมาเทียบความเหมือนต่างกันตรงๆ
การเดินทางสุดฟิน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้TXT - Cat and Dog
BTS - 화양연화 on stage: Prologue
ถ้าบอกว่าพาหนะสำหรับการเดินทางของบังทันคือรถ พาหนะสำหรับการเดินทางของ TXT ก็คือเตียงนอน
ซึ่งในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเอาล้อมาติดที่เตียงแล้วเลื่อนไปมาเหมือนใน MV แต่หมายถึงการเข้านอนแล้วฝัน
หรือบอกได้ว่าการเดินทางของ TXT ขับเคลื่อนสู่ปลายทางด้วยความฝัน
นอกจากนี้ ความฝันใน MV นี้ยังสอดคล้องกับสโลแกนตอนแนะนำตัว (One Dream) อีกด้วย
เพราะจาก MV จะเห็นเลยว่าต่างคนต่างหลับ แต่ในโลกแห่งความฝันทุกคนก็ยังอยู่ด้วยกันและทุกคนก็ฝันถึงเรื่องเดียวกัน
ดังนั้นฉากเดินทางใน MV นี้อยู่ในโลกแห่งความฝันแน่นอน ซึ่งเราคาดว่าเป็น "ความฝันในโลกแห่งความฝัน"
แต่ความจริงแล้วอาจจะเป็นความฝันในโลกจริงก็ได้
อืม ไหนๆก็พูดเรื่องความฝัน เราขอแทรกประเด็นนี้ไปด้วยละกันนะคะ ถึงจะไม่ได้เกี่ยวกับ MV นี้โดยตรง แต่คิดว่าหลายคนคงเคยมีอาการแบบนี้
หรือถ้าใครไม่เคยมีโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ
Lucid Dream (อาการฝันรู้ตัว/ฝันสั่งได้)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Lucid Dream หรืออาการฝันรู้ตัวนั้นคืออาการที่คนคนนั้นรู้สึกตัวขึ้นมาได้ว่าตนเองฝันอยู่ ทำให้คนคนนั้นสามารถควบคุมความฝันได้ดั่งใจนึก
ควบคุมตัวเองให้เดิน วิ่ง กระโดด ทำทุกอย่างได้โดยไม่จำเป็นจะต้องสนกฎในโลกความจริง
ข้อดีของการฝันรู้ตัวคือการที่เราจะสามารถได้ลองทำในสิ่งที่ไม่เคยทำในโลกจริง แต่คนที่รู้ตัวว่าตัวเองฝันส่วนใหญ่จะลืมว่าในโลกความฝันเราจะทำอะไรก็ได้หรือก็คือลืมว่าตัวเองกำลังฝันอยู่ทำให้บางคนก็ติดนิสัยและตรรกะความคิดแบบโลกจริงไปใช้ในฝันแล้วก็ใช้ชีวิตแบบเดิมๆในความฝันแทน
แต่ถึงการฝันรู้ตัวจะเป็นเรื่องที่น่าสนุกก็มีข้อเสียเหมือนกัน เพราะถ้าเราควบคุมความฝันบ่อยๆจะทำให้เรารู้สึกเหนื่อยมาก รู้สึกเหมือนตัวเองไม่ได้นอน เพราะเราใช้เวลานอนและพลังงานของเราไปกับการอยู่ในโลกของความฝัน นอกจากนี้ถ้าเกิดอาการรู้ตัวในฝันร้ายให้รีบดึงตัวเองออกมาจากฝันทันที เพราะฝันร้ายอาจก็ให้เกิดอันตรายต่อภาวะทางจิตได้ค่ะ
เรื่องนี้เราเองก็เคยมีประสบการณ์โดยตรง (จริงๆคือบ่อย) แต่ทุกครั้งที่เรารู้ตัวเราจะไม่ค่อยควบคุมค่ะ อย่างที่บอกว่าถ้าควบคุมจะเหนื่อยมาก
แต่ถ้าความฝันบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่อยากทำเราจะเปลี่ยนเรื่องเลยค่ะ ถถถถ
นั่งกินลมชมวิว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้TXT - Cat and Dog
BTS - 화양연화 on stage: Prologue
จากภาพ ฉากนี้คือหวาดเสียวแทนน้องมาก น้องนั่งอยู่บน Balance Chair หรือเกมต่อเก้าอี้ ซึ่งเป็นลักษณะคล้ายพีระมิดกลับหัว
นั่นแปลว่าน้องนั่งอยู่บนที่ที่ฐานไม่มั่นคง ขณะที่บังทันนั่งอยู่บนรถซึ่งฐานมั่นคงกว่า
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราก็มองว่าทั้งคู่มีความเสี่ยงที่ใกล้เคียงกัน
ฝั่ง TXT ที่นั่งบน Balance Chair เสี่ยงมากที่จะล้ม แต่ถึงจะล้ม TXT นั้นอยู่ในโลกความฝันหรือก็คือต่อให้ล้มก็ไม่ตาย
ขณะที่บังทันนั่งบนรถ ก็มีความเป็นไปได้ที่รถจะไหลลงทะเลซึ่งถ้ากู้มาซ่อมไม่ได้ก็ต้องใช้เวลาอีกนานถึงจะหารถคันใหม่มาได้
จากจุดนี้เราเปรียบเทียบ รถ กับ Balance Chair เป็น "แฟนคลับ" และ เปรียบ การนั่งของศิลปินเป็น "พฤติกรรมของตัวศิลปินเอง"
เรามองประเด็นนี้ไว้ว่า ต่อให้คุณมีฐานแฟนคลับที่แน่นแค่ไหน คุณก็พร้อมที่จะเสียไปได้ถ้าคุณทำตัวไม่ดี
ซึ่งการเปรียบเทียบดังกล่าวทำให้เราตั้งสมการได้ว่า
A = Car/Chair = Something
B = Artist Behaviour = Your Behaviour
หรือตีความได้ว่า ทำอะไรได้อย่างนั้น ซึ่งนี่คือสิ่งที่เราคิดว่าเป็นจุดประสงค์ของฉากนี้ (หรืออาจจะไม่ใช่ก็ได้)
กระทู้ชำแหละ Cat and Dog กับความจริงที่ซ่อนอยู่ในความฝัน
ใครที่ยังไม่เคยดูสามารถไปดูได้ตามคลิปที่เราโพสต์เลยค่ะ
ส่วนตัวเราชอบการตัดภาพกับมุมกล้องของ MV นี้มากกว่า Crown เยอะ ถ่ายออกมาสวยและ CG ไม่รกจนเกินไป
สีใน MV ออกโทน Pastel ทำให้ค่อนข้างสบายตาและการจัดวางองค์ประกอบก็ดี โดยรวมแล้วรู้สึกคุ้มค่ากับการรอ
มาถึงส่วนตัวเนื้อหา MV บ้าง
ยอมรับว่าตอนแรกเราสงสัยมาตลอดว่าตัวเพลงในอัลบั้ม,ชื่ออัลบั้มและรหัสมอร์สใน Concept Film มันเกี่ยวข้องกันยังไง
และ MV นี้ก็ได้ให้คำตอบกับเราแล้วบางส่วน
เริ่มด้วยประเด็นแรกคือ "มิติ" ของ MV
MV นี้ (และ MV ในอนาคต) มีอยู่ 2 มิติใหญ่ๆคือ "ความจริง" และ "ความฝัน"
และทั้ง 2 มิตินั้นก็สื่อผ่าน Concept Film ทั้ง 2 เซ็ต
โดยเซ็ตแรก What do you do? สื่อถึง "ความจริง" และเซ็ตที่ 2 What do you see? สื่อถึง "ความฝัน"
นอกจากนี้ ยังสามารถแบ่งย่อยโลกออกมาได้เป็น 4 โลกดังนี้
1. ความจริงในโลกจริง
2. ความฝันในโลกจริง
3. ความจริงในโลกแห่งความฝัน
4. ความฝันในโลกแห่งความฝัน (เรียกง่ายๆคือฝันซ้อนฝัน)
โดยโลกที่ 2 และ 3 นั้นมีมิติที่ซ้อนทับกันอยู่ (หรือจะเรียกว่าเป็นโลกเดียวกันก็ได้)
ซึ่งสิ่งที่ยากก็คือถ้าตัวละครที่อยู่ในโลกที่ 2 หรือ 3 ฝันขึ้นมาเราจะแยกแทบไม่ออกเลยว่าเป็น "ความฝันในโลกจริง" หรือ "ความฝันในโลกฝัน" กันแน่
จบจากมิติต่างๆใน MV เราก็เข้าสู่รายละเอียดปลีกย่อยของ MV กันค่ะ
ขออนุญาตบ่นถึงตอนนั่งแคปรูปเล็กน้อย สารภาพเลยค่ะว่าแคปเสร็จคือท้อมาก แบบว่า พอเราแคปฉากทุกฉากออกมาจบคือหัวหมุนมาก
สิ่งที่คิดในตอนนั้นก็คือ ประเด็นมันจะเยอะไปหนายยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!!!
และด้วยความที่ประเด็นมันเยอะมากทำให้เราต้องจัดหมวดหมู่ของประเด็นที่ได้มาและนำมาเรียบเรียงใหม่จนได้ออกมา 4 ฉากใหญ่ๆค่ะ
1. สำหรับฉากแรกนี้ ขอตั้งชื่อว่า "นี่แหละ.....วัยรุ่น"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตามชื่อเลยค่ะ เป็นฉากที่ทำให้เห็นถึงพลังอันล้นเหลือในวัยรุ่น ซึ่งฉากนี้เป็นฉากที่เราจัดให้อยู่ในมิติ "ความจริงในโลกจริง" ค่ะ
2. ฉากต่อมา ขอตั้งชื่อว่า "วันๆของน้องหมาและน้องแมว"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เป็นฉากที่ตรงกับ Concept Photo ของ MV มากที่สุด ซึ่งเป็นธีมหลักของ MV แต่มันไม่ใช่ประเด็นหลักของ MV นี้ (ซะงั้น)
จริงๆตอนแรกที่เห็น Concept Photo นึกว่าจะมาแนวแฟนตาซีจ๋ากว่านี้ เพราะในรูปคือให้ความรู้สึก Wonderland มาก
ออกมาจริงๆกลายเป็นแนวเดียวกับ Airplane ของพี่โฮปเฉย (แถมมีเครื่องบินด้วย ถถถถ)
และเราต้องขออภัยที่เราไม่อาจฟันธงได้ว่าฉากนี้จัดอยู่ในมิติไหน แต่ถ้าตามความคิดของเรา เราคิดว่าเป็น "ความจริงในโลกความฝัน" ค่ะ
เหตุที่คาดว่าเป็นความจริงในโลกความฝันเพราะตัวละครในโลกนี้มีการฝันและโลกนี้มีความแฟนตาซีเล็กน้อย(เกินกว่าจะเป็นโลกจริง)ค่ะ
3. สำหรับฉากนี้ จัดเป็นไฮไลท์ก็ว่าได้ นั่นก็คือ "การเดินทางในความฝัน"
ฉากนี้คือฉากที่มีประเด็นเยอะที่สุดเลยก็ว่าได้เพราะมันแอบโยงเข้ากับ BU หรือโลกของบังทัน
โดยเราจะขอแยกเป็นฉากย่อยๆ นำมาเทียบความเหมือนต่างกันตรงๆ
ถ้าบอกว่าพาหนะสำหรับการเดินทางของบังทันคือรถ พาหนะสำหรับการเดินทางของ TXT ก็คือเตียงนอน
ซึ่งในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเอาล้อมาติดที่เตียงแล้วเลื่อนไปมาเหมือนใน MV แต่หมายถึงการเข้านอนแล้วฝัน
หรือบอกได้ว่าการเดินทางของ TXT ขับเคลื่อนสู่ปลายทางด้วยความฝัน
นอกจากนี้ ความฝันใน MV นี้ยังสอดคล้องกับสโลแกนตอนแนะนำตัว (One Dream) อีกด้วย
เพราะจาก MV จะเห็นเลยว่าต่างคนต่างหลับ แต่ในโลกแห่งความฝันทุกคนก็ยังอยู่ด้วยกันและทุกคนก็ฝันถึงเรื่องเดียวกัน
ดังนั้นฉากเดินทางใน MV นี้อยู่ในโลกแห่งความฝันแน่นอน ซึ่งเราคาดว่าเป็น "ความฝันในโลกแห่งความฝัน"
แต่ความจริงแล้วอาจจะเป็นความฝันในโลกจริงก็ได้
อืม ไหนๆก็พูดเรื่องความฝัน เราขอแทรกประเด็นนี้ไปด้วยละกันนะคะ ถึงจะไม่ได้เกี่ยวกับ MV นี้โดยตรง แต่คิดว่าหลายคนคงเคยมีอาการแบบนี้
หรือถ้าใครไม่เคยมีโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ
Lucid Dream (อาการฝันรู้ตัว/ฝันสั่งได้)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จากภาพ ฉากนี้คือหวาดเสียวแทนน้องมาก น้องนั่งอยู่บน Balance Chair หรือเกมต่อเก้าอี้ ซึ่งเป็นลักษณะคล้ายพีระมิดกลับหัว
นั่นแปลว่าน้องนั่งอยู่บนที่ที่ฐานไม่มั่นคง ขณะที่บังทันนั่งอยู่บนรถซึ่งฐานมั่นคงกว่า
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราก็มองว่าทั้งคู่มีความเสี่ยงที่ใกล้เคียงกัน
ฝั่ง TXT ที่นั่งบน Balance Chair เสี่ยงมากที่จะล้ม แต่ถึงจะล้ม TXT นั้นอยู่ในโลกความฝันหรือก็คือต่อให้ล้มก็ไม่ตาย
ขณะที่บังทันนั่งบนรถ ก็มีความเป็นไปได้ที่รถจะไหลลงทะเลซึ่งถ้ากู้มาซ่อมไม่ได้ก็ต้องใช้เวลาอีกนานถึงจะหารถคันใหม่มาได้
จากจุดนี้เราเปรียบเทียบ รถ กับ Balance Chair เป็น "แฟนคลับ" และ เปรียบ การนั่งของศิลปินเป็น "พฤติกรรมของตัวศิลปินเอง"
เรามองประเด็นนี้ไว้ว่า ต่อให้คุณมีฐานแฟนคลับที่แน่นแค่ไหน คุณก็พร้อมที่จะเสียไปได้ถ้าคุณทำตัวไม่ดี
ซึ่งการเปรียบเทียบดังกล่าวทำให้เราตั้งสมการได้ว่า
A = Car/Chair = Something
B = Artist Behaviour = Your Behaviour
หรือตีความได้ว่า ทำอะไรได้อย่างนั้น ซึ่งนี่คือสิ่งที่เราคิดว่าเป็นจุดประสงค์ของฉากนี้ (หรืออาจจะไม่ใช่ก็ได้)