รบกวนพี่ๆน้องชาวพันทิปช่วยกันอ่านนิยายสั้นเรื่อง "เที่ยวตามใจ ในเกษตร" หน่อยน้าค้าบ เป็นโปรเจกต์จบของพวกเราเอง ถูกใจไม่ถูกใจสามารถคอมเมนต์ได้เลยนะค้าบ เราจะนำคอมเมนต์ของพี่ๆน้องๆมาปรับแก้เพื่อให้ผลงานออกมาดีขึ้นค้าบ (ตัวละครในเรื่องเป็นตัวละครสมมติทั้งหมด) โดยจะเป็นเรื่องราวของนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ที่จะพาทุกคนไปท่องเที่ยวในมหาวิทยาลัยกับสถานที่ใหม่ๆ รูปแบบใหม่ๆ
บทที่ 1
เธอคนไหน ในบาร์ใหม่
ภรัณยู (ยู) :
"ไปเลิฟวิ่งเวย์ครับ" ผมบอกกับพี่วินเสื้อส้ม ก่อนจะก้าวคร่อมรถมอเตอร์ไซค์ของพี่แก ลมเย็นพัดปะทะใบหน้าทันทีที่รถเริ่มออกตัว เวลานี้มีนิสิตเดินไปมาค่อนข้างบางตา สงสัยวันนี้ผมจะออกมาเช้าเกินไป
เมื่อถึงที่หมายและจ่ายค่าโดยสารเรียบร้อย ผมก็เดินผ่าน Loving Way ถนนที่คั่นกลางระหว่างคณะเกษตรกับหอสมุด สองข้างทางมีต้นสนขึ้นเรียงเป็นทิวแถว เพราะความร่มเย็นสบายตานี้เลยทำให้ได้ชื่อ "เส้นทางแห่งความรัก" มาหรือเปล่า ผมเองก็ไม่แน่ใจ
"แควกกก" ความคิดหยุดชะงักทันทีที่เสียงแปลกๆ ดังขึ้น ผมหยุดเดินเพื่อมองหาต้นเสียง ก่อนที่สายตาจะไปปะทะกับ...ห่าน...
ใช่ครับ...ห่านจริงๆ ตัวอ้วนจ้ำม่ำ กำลังเดินส่ายก้นดุ๊กดิ๊กอยู่ในลานจอดรถ ผมเดินเข้าไปโดยเว้นระยะห่างไว้พอให้วิ่งหนีทัน ประสบการณ์วัยเด็กที่โดนห่านไล่ตี ผมยังจำได้ไม่ลืม แต่ก็เลิกนิสัยทาสรักสัตว์โลกของตัวเองไม่ได้จริงๆ ผมยืนมองมันเดินดุ๊กดิ๊กอยู่สักพัก ก่อนผมจะเดินจากมา และมุ่งหน้าไปยังบาร์ใหม่แทน
ครั้งแรกที่ได้ยินชื่อ ผมโคตรงง ทำไมถึงมีบาร์ ในมหาวิทยาลัย บาร์แบบไหน บาร์แบบที่ขายแอลกอฮอล์ก็ไม่น่าใช่ จนวันที่รุ่นพี่พาไปกินข้าว ผมก็ยิ่งงง มันคือโรงอาหารชัดๆ มีร้านค้าสองฝั่งให้เลือกซื้อเป็นทางยาว น้ำ อาหารของหวาน ผลไม้ มีให้เลือกครบ ไม่เหมือนบาร์ในจินตนาการ ที่ผมคิดไว้เลย
"กะเพราหมูไข่ดาวจานนึงครับป้า" ผมก้าวไปหยุดอยู่หน้าร้านที่จำได้ว่าคราวก่อนคิวยาวมากๆ แล้วสั่งเมนูเดียวที่พอนึกออก เวลานี้บาร์ใหม่แทบจะร้างผู้คน ได้ยินแต่เสียงเครื่องครัวในร้านค้าที่ตระเตรียมวัตถุดิบไว้ขาย ผมชอบบาร์ใหม่ในเวลานี้มากกว่าตอนกลางวันและตอนเย็น ช่วงเวลาที่เหล่านิสิตมารวมตัวกันในโรงอาหารกลางของมหาวิทยาลัย ทั้งคนเยอะเบียดเสียด ทั้งเสียงจ้อกแจ้กจอแจฟังไม่ได้ศัพท์ และการที่ต้องต่อแถวรอคิวนานๆ ทำให้ผมอยากเลี่ยงทุกครั้ง
เมื่อซื้อข้าวเสร็จ ผมก็ยกจานเข้าไปในโซนโรงอาหาร โต๊ะสแตนเลสนับร้อยนั้นว่างเปล่า มีคนนั่งอยู่เพียงไม่กี่โต๊ะ เลือกทำเลเหมาะๆ นั่งลง และกำลังจะตักข้าวกะเพราเข้าปาก
"ไอ้ยู มาทำไรแต่เช้าอะ" โอเค มารคอหอยปรากฏตัวแล้ว นั่นไอ้ณะ ณภัทร เพื่อนโรงเรียนเก่าของผมเอง มันสอบเข้าที่นี่ได้ด้วยโควตานักกีฬาเทควันโดทีมชาติ
"มากินข้าวดิ เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ เลยมามอเช้าหน่อยดีกว่า วันนี้น่าจะทำกิจกรรมหนักด้วย" ผมพยักพเยิดให้มันนั่งลงข้างๆ ก่อนจะตักข้าวเข้าปาก ข้าวหอมมะลิควันฉุยที่เพิ่งหุงร้อนๆ เป็นอะไรที่ดีมาก คิดถึงอาหารที่แม่ทำให้กิน
"กินอะไรหรือยังอ่ะ" ถามมันพอเป็นมารยาท เดี๋ยวจะหาว่าผมให้ความสนใจอาหารมากกว่ามัน
"รับประทานเรียบร้อยแล้วครับผมคุณภรัณยู เออข้าไปวิ่งออกกำลังกายมา เห็นเอ็งเลยแอบแวบมาหา จะมาถามเรื่องสาวคนนั้นอ่ะ" มันทำหน้ามีเลศนัย แล้วกระซิบเบาๆ
"สาวคนไหน ใคร?" ผมถามขณะที่สองมือก็ยังประคองช้อนส้อมตักข้าวเข้าปาก
"คนนั้นไง ที่นั่งห่างจากเอ็งออกไปสองโต๊ะอะ เขาเดินตามเอ็งมาตั้งแต่เดินซื้อข้าวแล้ว ไม่รู้เลยรึไง" ไอ้ณะทำหน้าขัดใจใส่ผม ผมกำลังจะหันไปมองที่นั่งด้านหลัง แต่ก็โดนเพื่อนชี้หน้าเสียก่อน
"หยุด! เอ็งไม่เนียน หันช้าๆ มองกวาดรอบๆ" ผมขมวดคิ้ว นับว่าณะเป็นเพื่อนที่รู้จักผมดีพอสมควร พอดีกับที่ณะคอลไลน์หาใครสักคน ผมจึงค่อยๆ หันไปมองที่นั่งด้านหลัง แล้วพบกับ...ความว่างเปล่า ไม่มีใครทั้งนั้น อีกหลายโต๊ะไกลออกไป มีคุณป้าผมสั้นนั่งอยู่กับเด็กชายในชุดเด็กสาธิตเกษตรเท่านั้น และเมื่อหันกลับมาเพื่อจะด่ามัน มันก็เงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์
"เป็นไงๆ น่ารักด้วยเว้ย" มันทำหน้าเคลิ้มฝัน "อยากมีสาวน่ารักแบบนี้มาตามบ้างจัง" ผมยังไม่ทันได้ถามว่ามันเล่นมุก หรือมันพูดจริง ณะก็ตัดบทว่าต้องรีบกลับไปอาบน้ำที่หอก่อน แล้วก็วิ่งจากไปด้วยความรวดเร็ว ทิ้งให้ผมรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ อยู่คนเดียว จินตนาการไปว่าไอ้ณะเห็นใคร...
...เป็นครั้งแรกที่ผมอยากให้บาร์ใหม่ในเช้านี้มีคนเยอะๆ...
เที่ยวตามใจ ในเกษตร
บทที่ 1
เธอคนไหน ในบาร์ใหม่
ภรัณยู (ยู) :
"ไปเลิฟวิ่งเวย์ครับ" ผมบอกกับพี่วินเสื้อส้ม ก่อนจะก้าวคร่อมรถมอเตอร์ไซค์ของพี่แก ลมเย็นพัดปะทะใบหน้าทันทีที่รถเริ่มออกตัว เวลานี้มีนิสิตเดินไปมาค่อนข้างบางตา สงสัยวันนี้ผมจะออกมาเช้าเกินไป
เมื่อถึงที่หมายและจ่ายค่าโดยสารเรียบร้อย ผมก็เดินผ่าน Loving Way ถนนที่คั่นกลางระหว่างคณะเกษตรกับหอสมุด สองข้างทางมีต้นสนขึ้นเรียงเป็นทิวแถว เพราะความร่มเย็นสบายตานี้เลยทำให้ได้ชื่อ "เส้นทางแห่งความรัก" มาหรือเปล่า ผมเองก็ไม่แน่ใจ
"แควกกก" ความคิดหยุดชะงักทันทีที่เสียงแปลกๆ ดังขึ้น ผมหยุดเดินเพื่อมองหาต้นเสียง ก่อนที่สายตาจะไปปะทะกับ...ห่าน...
ใช่ครับ...ห่านจริงๆ ตัวอ้วนจ้ำม่ำ กำลังเดินส่ายก้นดุ๊กดิ๊กอยู่ในลานจอดรถ ผมเดินเข้าไปโดยเว้นระยะห่างไว้พอให้วิ่งหนีทัน ประสบการณ์วัยเด็กที่โดนห่านไล่ตี ผมยังจำได้ไม่ลืม แต่ก็เลิกนิสัยทาสรักสัตว์โลกของตัวเองไม่ได้จริงๆ ผมยืนมองมันเดินดุ๊กดิ๊กอยู่สักพัก ก่อนผมจะเดินจากมา และมุ่งหน้าไปยังบาร์ใหม่แทน
ครั้งแรกที่ได้ยินชื่อ ผมโคตรงง ทำไมถึงมีบาร์ ในมหาวิทยาลัย บาร์แบบไหน บาร์แบบที่ขายแอลกอฮอล์ก็ไม่น่าใช่ จนวันที่รุ่นพี่พาไปกินข้าว ผมก็ยิ่งงง มันคือโรงอาหารชัดๆ มีร้านค้าสองฝั่งให้เลือกซื้อเป็นทางยาว น้ำ อาหารของหวาน ผลไม้ มีให้เลือกครบ ไม่เหมือนบาร์ในจินตนาการ ที่ผมคิดไว้เลย
"กะเพราหมูไข่ดาวจานนึงครับป้า" ผมก้าวไปหยุดอยู่หน้าร้านที่จำได้ว่าคราวก่อนคิวยาวมากๆ แล้วสั่งเมนูเดียวที่พอนึกออก เวลานี้บาร์ใหม่แทบจะร้างผู้คน ได้ยินแต่เสียงเครื่องครัวในร้านค้าที่ตระเตรียมวัตถุดิบไว้ขาย ผมชอบบาร์ใหม่ในเวลานี้มากกว่าตอนกลางวันและตอนเย็น ช่วงเวลาที่เหล่านิสิตมารวมตัวกันในโรงอาหารกลางของมหาวิทยาลัย ทั้งคนเยอะเบียดเสียด ทั้งเสียงจ้อกแจ้กจอแจฟังไม่ได้ศัพท์ และการที่ต้องต่อแถวรอคิวนานๆ ทำให้ผมอยากเลี่ยงทุกครั้ง
เมื่อซื้อข้าวเสร็จ ผมก็ยกจานเข้าไปในโซนโรงอาหาร โต๊ะสแตนเลสนับร้อยนั้นว่างเปล่า มีคนนั่งอยู่เพียงไม่กี่โต๊ะ เลือกทำเลเหมาะๆ นั่งลง และกำลังจะตักข้าวกะเพราเข้าปาก
"ไอ้ยู มาทำไรแต่เช้าอะ" โอเค มารคอหอยปรากฏตัวแล้ว นั่นไอ้ณะ ณภัทร เพื่อนโรงเรียนเก่าของผมเอง มันสอบเข้าที่นี่ได้ด้วยโควตานักกีฬาเทควันโดทีมชาติ
"มากินข้าวดิ เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ เลยมามอเช้าหน่อยดีกว่า วันนี้น่าจะทำกิจกรรมหนักด้วย" ผมพยักพเยิดให้มันนั่งลงข้างๆ ก่อนจะตักข้าวเข้าปาก ข้าวหอมมะลิควันฉุยที่เพิ่งหุงร้อนๆ เป็นอะไรที่ดีมาก คิดถึงอาหารที่แม่ทำให้กิน
"กินอะไรหรือยังอ่ะ" ถามมันพอเป็นมารยาท เดี๋ยวจะหาว่าผมให้ความสนใจอาหารมากกว่ามัน
"รับประทานเรียบร้อยแล้วครับผมคุณภรัณยู เออข้าไปวิ่งออกกำลังกายมา เห็นเอ็งเลยแอบแวบมาหา จะมาถามเรื่องสาวคนนั้นอ่ะ" มันทำหน้ามีเลศนัย แล้วกระซิบเบาๆ
"สาวคนไหน ใคร?" ผมถามขณะที่สองมือก็ยังประคองช้อนส้อมตักข้าวเข้าปาก
"คนนั้นไง ที่นั่งห่างจากเอ็งออกไปสองโต๊ะอะ เขาเดินตามเอ็งมาตั้งแต่เดินซื้อข้าวแล้ว ไม่รู้เลยรึไง" ไอ้ณะทำหน้าขัดใจใส่ผม ผมกำลังจะหันไปมองที่นั่งด้านหลัง แต่ก็โดนเพื่อนชี้หน้าเสียก่อน
"หยุด! เอ็งไม่เนียน หันช้าๆ มองกวาดรอบๆ" ผมขมวดคิ้ว นับว่าณะเป็นเพื่อนที่รู้จักผมดีพอสมควร พอดีกับที่ณะคอลไลน์หาใครสักคน ผมจึงค่อยๆ หันไปมองที่นั่งด้านหลัง แล้วพบกับ...ความว่างเปล่า ไม่มีใครทั้งนั้น อีกหลายโต๊ะไกลออกไป มีคุณป้าผมสั้นนั่งอยู่กับเด็กชายในชุดเด็กสาธิตเกษตรเท่านั้น และเมื่อหันกลับมาเพื่อจะด่ามัน มันก็เงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์
"เป็นไงๆ น่ารักด้วยเว้ย" มันทำหน้าเคลิ้มฝัน "อยากมีสาวน่ารักแบบนี้มาตามบ้างจัง" ผมยังไม่ทันได้ถามว่ามันเล่นมุก หรือมันพูดจริง ณะก็ตัดบทว่าต้องรีบกลับไปอาบน้ำที่หอก่อน แล้วก็วิ่งจากไปด้วยความรวดเร็ว ทิ้งให้ผมรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ อยู่คนเดียว จินตนาการไปว่าไอ้ณะเห็นใคร...
...เป็นครั้งแรกที่ผมอยากให้บาร์ใหม่ในเช้านี้มีคนเยอะๆ...