คืออยากเล่าเรื่องหอในของมอเรามานานแล้วเพราะมันเกิดขึ้นกับตัวเราเอง และเมทเราอีกสามคนมาเริ่มจากเรื่องที่เราเจอกับตัวเองก่อนเลยดีกว่า...
เราเป็นคนไม่เชื่อเรื่องผีมาก่อนเพราะไม่เคยเห็นชัดๆ ได้ยินชัดๆ หรืออะไรที่คนอื่นเขาเคยเจอกัน
ตอนที่ย้ายเข้ามาหอในครั้งแรกเราก็ไม่ได้กลัวเพราะต้องมาปรับพื้นฐานของคณะก่อนวันเปิดเทอมจริงๆถึง 9 วัน เราอยู่คนเดียวมาตลอดและไม่เจออะไรเลยทั้ง 9 วันนอนหลับฝันดีทั้งๆที่ ทั้งชั้น มีเราอยู่ห้องนั้นคนเดียว และ ห้องข้างๆเรามีเพื่อนที่มาปรับพื้นฐานเหมือนกันอีก หนึ่งคน เราทั้งคู่ก็ไม่ได้เจออะไรแปลกๆ แต่เรื่องมันมาเกิดขึ้นก็ตรงที่ว่า พอวันเปิดเทอมเมทของเราที่อยู่ห้องนั้นเขากำลังจะย้ายเข้ามา ในห้องมีทั้งหมด 4 คนแต่พอวันที่ต้องย้ายเข้าจริงกลับมีคนย้ายเข้ามาแค่คนเดียวคือ ออย และเรา ด้วยความที่เตียงยังว่างอีกสองเตียง เพื่อนสนิทตอนม.ปลายของเราพอดีเขาอยู่ชั้นอื่นเขาเลยย้ายมาอยู่ด้วย คือ เฟิร์น ซึ่งเฟิร์นก้ดันชวนไอซ์เข้ามาอยู่ในห้องด้วย ที่นอนทั้ง4ที่เลยเต็มทันที
ปต่เฟิร์นไม่ได้มาตัวเปล่าเฟิร์นเอาพระพุทธรูปองค์ใหญ่ประมาณนึงเข้ามาด้วยเพราะความกลัวผี และนั้นคือจุดเริ่มต้นของการเจอเมทที่มองไม่เห็นของพวกเรา
บ่ายวันนึงหลังจากซ้อมวอลเลย์บอลของคณะเสร็จเราเลยได้กลับมานอนห้องด้วยความเพลียเพราะเป็นกีฬาคณะที่เฟรชชี่จะต้องเเข่งรุ่นพี่จึงซ้อมหนักเป็นพิเศษเราเผลอหลับไปไม่รู้ตอนไหนรู้ตัวอีกทีจากห้องสว่างก็มิดเสียแล้ว เราลิมตาขึ้นมาด้วยความหงุดหงิดที่ได้ยินเสียงเตียงข้างบนขยับ (ลืมบอกไปว่าเป็นเตียงสองชั้นที่นอนเป็นเบาะหนัง) เราไม่ยินเสียงคนพลิกตัวด้วยความที่เป็นเบาะและเตียงเหล็กจึงเสียงดังเป็นพิเศษพอลืมตาตื่นขึ้นมานอนคิดก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้ไม่มีใครอยู่ห้องเมททุกคนของเรากลับบ้าน เรานอนตัวแข็งและหัวใจเต้นแรงมากด้วยความกลัว เราคิดในแง่ดีว่านี่อาจจะเป็นเสียงเราเองรึป่าว เราเลยนอนนิ่งๆหยิบโทรศัพท์ที่หัวนอนมากดถามเฟิร์นว่า
เรา : เฟิร์นอยู่ไหน
เฟิร์น : กลับบ้านแล้ว
ในขณะที่เราไม่ขยับตัวเตียงก็ยังมีเสียง เอียด เอียด...
ที่เราคิดไว้ตอนแรกว่าอาจจะเป็นเสียงเรานี่ตัดออกไปเลยไม่ใช่แน่นอน ส่วนเฟิร์นที่ปกตินอนเตียงบนเราก็ไม่ใช่แน่นอนเพราะเฟิร์นกลับบ้านไปแล้วเรามองอะไรไม่เห็นแล้วก็ไม่อยากเห็นอะไรด้วยตอนนั้นเรากลัวมากว่าอะไรจะห้อยลงมาจากบนเตียงรึป่าว จากเสียงที่ขยับเบาๆ มันก็เริ่มขยับแรงขึ้นๆ จนเราทนไม่ไหวแล้วตั้งสติแล้ววิ่งสุดกำลังไม่หันกลับมามองที่เตียงเราวิ่งออกจากห้องแบบไม่คิดชีวิต ทั้งตกใจ ทั้งงง ร้องไห้พูดจาไม่รู้เรื่อง เราไปเคาะประตูห้องเพื่อนคณะเฟิร์นที่อยู่ถัดไป เราจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าคุยอะไรไปบ้าง แต่จำได้ว่าให้เพื่อนคนนั้นพาเราเข้าไปเอาเสื้อผ้า กุญแจรถ และของใช้นิดหน่อย เพื่อที่เราจะไปนอนหอนอกกับเพื่อนเราคนอื่น... เรื่องของเราที่เจอพีคๆก็มีแค่นี้แหละอาจจะไม่น่ากลัวเท่าเมทที่เหลือของเราที่เขาเจอ ตอนนี้ดึกมากแล้วถ้าจะให้เราเล่าเรื่องที่เหลือเดี๋ยวเรามาต่อวันหลังตอนนี้เราเล่าเสร็จอีกสองนาทีก็ตี4แล้ว
ประสบการณ์หอในม.ติดทะเล กับเมทที่มองไม่เห็น ???
เราเป็นคนไม่เชื่อเรื่องผีมาก่อนเพราะไม่เคยเห็นชัดๆ ได้ยินชัดๆ หรืออะไรที่คนอื่นเขาเคยเจอกัน
ตอนที่ย้ายเข้ามาหอในครั้งแรกเราก็ไม่ได้กลัวเพราะต้องมาปรับพื้นฐานของคณะก่อนวันเปิดเทอมจริงๆถึง 9 วัน เราอยู่คนเดียวมาตลอดและไม่เจออะไรเลยทั้ง 9 วันนอนหลับฝันดีทั้งๆที่ ทั้งชั้น มีเราอยู่ห้องนั้นคนเดียว และ ห้องข้างๆเรามีเพื่อนที่มาปรับพื้นฐานเหมือนกันอีก หนึ่งคน เราทั้งคู่ก็ไม่ได้เจออะไรแปลกๆ แต่เรื่องมันมาเกิดขึ้นก็ตรงที่ว่า พอวันเปิดเทอมเมทของเราที่อยู่ห้องนั้นเขากำลังจะย้ายเข้ามา ในห้องมีทั้งหมด 4 คนแต่พอวันที่ต้องย้ายเข้าจริงกลับมีคนย้ายเข้ามาแค่คนเดียวคือ ออย และเรา ด้วยความที่เตียงยังว่างอีกสองเตียง เพื่อนสนิทตอนม.ปลายของเราพอดีเขาอยู่ชั้นอื่นเขาเลยย้ายมาอยู่ด้วย คือ เฟิร์น ซึ่งเฟิร์นก้ดันชวนไอซ์เข้ามาอยู่ในห้องด้วย ที่นอนทั้ง4ที่เลยเต็มทันที
ปต่เฟิร์นไม่ได้มาตัวเปล่าเฟิร์นเอาพระพุทธรูปองค์ใหญ่ประมาณนึงเข้ามาด้วยเพราะความกลัวผี และนั้นคือจุดเริ่มต้นของการเจอเมทที่มองไม่เห็นของพวกเรา
บ่ายวันนึงหลังจากซ้อมวอลเลย์บอลของคณะเสร็จเราเลยได้กลับมานอนห้องด้วยความเพลียเพราะเป็นกีฬาคณะที่เฟรชชี่จะต้องเเข่งรุ่นพี่จึงซ้อมหนักเป็นพิเศษเราเผลอหลับไปไม่รู้ตอนไหนรู้ตัวอีกทีจากห้องสว่างก็มิดเสียแล้ว เราลิมตาขึ้นมาด้วยความหงุดหงิดที่ได้ยินเสียงเตียงข้างบนขยับ (ลืมบอกไปว่าเป็นเตียงสองชั้นที่นอนเป็นเบาะหนัง) เราไม่ยินเสียงคนพลิกตัวด้วยความที่เป็นเบาะและเตียงเหล็กจึงเสียงดังเป็นพิเศษพอลืมตาตื่นขึ้นมานอนคิดก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้ไม่มีใครอยู่ห้องเมททุกคนของเรากลับบ้าน เรานอนตัวแข็งและหัวใจเต้นแรงมากด้วยความกลัว เราคิดในแง่ดีว่านี่อาจจะเป็นเสียงเราเองรึป่าว เราเลยนอนนิ่งๆหยิบโทรศัพท์ที่หัวนอนมากดถามเฟิร์นว่า
เรา : เฟิร์นอยู่ไหน
เฟิร์น : กลับบ้านแล้ว
ในขณะที่เราไม่ขยับตัวเตียงก็ยังมีเสียง เอียด เอียด...
ที่เราคิดไว้ตอนแรกว่าอาจจะเป็นเสียงเรานี่ตัดออกไปเลยไม่ใช่แน่นอน ส่วนเฟิร์นที่ปกตินอนเตียงบนเราก็ไม่ใช่แน่นอนเพราะเฟิร์นกลับบ้านไปแล้วเรามองอะไรไม่เห็นแล้วก็ไม่อยากเห็นอะไรด้วยตอนนั้นเรากลัวมากว่าอะไรจะห้อยลงมาจากบนเตียงรึป่าว จากเสียงที่ขยับเบาๆ มันก็เริ่มขยับแรงขึ้นๆ จนเราทนไม่ไหวแล้วตั้งสติแล้ววิ่งสุดกำลังไม่หันกลับมามองที่เตียงเราวิ่งออกจากห้องแบบไม่คิดชีวิต ทั้งตกใจ ทั้งงง ร้องไห้พูดจาไม่รู้เรื่อง เราไปเคาะประตูห้องเพื่อนคณะเฟิร์นที่อยู่ถัดไป เราจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าคุยอะไรไปบ้าง แต่จำได้ว่าให้เพื่อนคนนั้นพาเราเข้าไปเอาเสื้อผ้า กุญแจรถ และของใช้นิดหน่อย เพื่อที่เราจะไปนอนหอนอกกับเพื่อนเราคนอื่น... เรื่องของเราที่เจอพีคๆก็มีแค่นี้แหละอาจจะไม่น่ากลัวเท่าเมทที่เหลือของเราที่เขาเจอ ตอนนี้ดึกมากแล้วถ้าจะให้เราเล่าเรื่องที่เหลือเดี๋ยวเรามาต่อวันหลังตอนนี้เราเล่าเสร็จอีกสองนาทีก็ตี4แล้ว