เรามีลูกชายอายุ 5 ขวบ ที่เรารับผิดชอบค่าใช้จ่ายของลูกเองทุกอย่าง รวมถึงค่างวดบ้าน
เราหย่าและอยู่บ้านเดียวกันกับพ่อของลูก แต่ต่างคนต่างอยู่ อยู่คนละห้อง
ในส่วนตัวของตัวเองก็ต่างคนต่างรับผิดชอบ เช่น การซักผ้า ทานข้าว ห้องนอน ทุกอย่าง ตัวใครตัวมัน
มีสินทรัพย์ที่เกิดขึ้นในระหว่างสมรสคือ
- บ้านที่ต่างจังหวัด บ้านไม้สักทองทั้งหลัง 1 หลัง
- รถกระบะ 1 คัน
- บ้านที่อยู่ที่กรุงเทพ ณ ปัจจุบัน ตอนทำสัญญา 3 ล้าน ตอนนี้เหลือไม่ถึง 1.5 ล้าน ค่างวดรายเดือน 17,500
ตอนไปจดทะเบียนหย่า จดเพราะเราจะเริ่มทำธุรกิจของตัวเอง และคิดว่าถ้าล้มละลายอะไร
จะไม่พาเค้าซวยไปด้วย แต่อีกหนึ่งเหตุผลคือ ระหองระแหงกันมานานแล้ว ตั้งแต่แม่ของเขาเสีย
(เรารักและผูกพันธ์กับแม่ของเค้ามาก ถ้าแม่เค้ายังอยู่ เราอาจจะอดทนกับทุกอย่างเหมือนเดิม และความเป็นครอบครัวก็อาจจะยังคงไว้)
เพราะความไว้ใจ และไม่คิดการณ์อะไรไกล สินทรัพย์ทุกอย่าง มีชื่อเราก็แค่เพียงบ้านที่ยังติดผ่อนธนาคารอยู่
นอกนั้นเป็นชื่อของเค้า บ้านอีกหลังก็ปลูกที่ต่างจังหวัดที่เป็นบ้านเกิดของเขา
กลับมาที่การหย่า ไม่มีสินทรัพย์อะไรระบุไว้ท้ายหนังสือรับรองการหย่าเลย
เราไม่เรียกร้องอะไร เพราะเราคิดว่า เราทำธุรกิจของเรา ตั้งใจทำไม่นานก็ได้มาครอบครองแล้ว
ส่วนเขาทำงานบริษัท รายรับอยู่ที่ 17,000-22,000 ยังไงก็ไม่สามารถที่จะหาได้อีกแล้ว
ปลายปีเราจะซื้อบ้านใหม่ และเอาลูกไปอยู่กับเรา (เค้าไม่มีกำลังจะส่งเสีย ไม่มีข้อโต้แย้งในส่วนนี้)
คำถามคือ
1. ญาติพี่น้องเราหลายๆ คนบอกว่า เราไม่ควรไปแต่ตัว เพราะลูกคือภาระรับผิดชอบของเรา กว่าลูกจะโต ยังต้องใช้เงินในการส่งเสียอีกมาก
อย่างน้อย เราควรได้กรรมสิทธิ์เด็ดขาดในบ้านที่กรุงเทพเพื่อเก็บไว้ให้ลูก แต่........มีปัญหาดังนี้
- เขาคิดว่าบ้านหลังนี้ครึ่งนึง (ราวๆ 1.3 ล้าน) เค้าเป็นคนผ่อน (ในขณะที่เขาผ่อน เราเป็นคนออกค่าใช้จ่าย ค่ากินในบ้าน)
ซึ่งในส่วนนี้ น้องเราบอกว่าเขาจะมาอ้างสิทธิ์ว่าตัวเองผ่อนคนเดียวไม่ได้ เราไม่ได้จ่ายค่างวดก็จริง แต่เราก็จ่ายค่าใช้จ่ายอื่นในบ้าน
- เขาไม่ยอมย้ายออกไปแน่นอน
2. ในส่วนของเรา จำนวนเงินที่เรารับผิดชอบผ่อนมาประมาณ 5 ปี ส่วนนี้ควรทำอย่างไร
3. เราไม่อยากให้เรื่องนี้ต้องขึ้นโรงขึ้นศาล หรือถึงทนาย หรือมาทะเลาะถกเถียงอะไรกัน สงสารลูก
เรายกให้เขาไปให้หมดเลย จะเป็นไรไหม (เราเหนื่อยจากงานมาก ถ้าจะต้องมาเสียเวลากับเรื่องอย่างนี้ เราไปทุ่มเททำงานของเรา
ไม่นานเดี๋ยวก็สร้างมันขึ้นมาได้)
ขอความคิดเห็นเพื่อนๆ หน่อยนะคะ ใครเคยเจอเหมือนเรา หรือใครผ่านเหตุการณ์อย่างนี้มาแล้ว
มีบางคนบอกว่าเราควรจะปรึกษาทนาย แต่เราว่าคงสายไปแล้ว เพราะใบหย่า เราไม่ได้ระบุเรื่องสินสมรสอะไรเลย
ขอบคุณค่ะ
สินทรัพย์หลังการหย่า จะตัดสินใจยังไงดี
เราหย่าและอยู่บ้านเดียวกันกับพ่อของลูก แต่ต่างคนต่างอยู่ อยู่คนละห้อง
ในส่วนตัวของตัวเองก็ต่างคนต่างรับผิดชอบ เช่น การซักผ้า ทานข้าว ห้องนอน ทุกอย่าง ตัวใครตัวมัน
มีสินทรัพย์ที่เกิดขึ้นในระหว่างสมรสคือ
- บ้านที่ต่างจังหวัด บ้านไม้สักทองทั้งหลัง 1 หลัง
- รถกระบะ 1 คัน
- บ้านที่อยู่ที่กรุงเทพ ณ ปัจจุบัน ตอนทำสัญญา 3 ล้าน ตอนนี้เหลือไม่ถึง 1.5 ล้าน ค่างวดรายเดือน 17,500
ตอนไปจดทะเบียนหย่า จดเพราะเราจะเริ่มทำธุรกิจของตัวเอง และคิดว่าถ้าล้มละลายอะไร
จะไม่พาเค้าซวยไปด้วย แต่อีกหนึ่งเหตุผลคือ ระหองระแหงกันมานานแล้ว ตั้งแต่แม่ของเขาเสีย
(เรารักและผูกพันธ์กับแม่ของเค้ามาก ถ้าแม่เค้ายังอยู่ เราอาจจะอดทนกับทุกอย่างเหมือนเดิม และความเป็นครอบครัวก็อาจจะยังคงไว้)
เพราะความไว้ใจ และไม่คิดการณ์อะไรไกล สินทรัพย์ทุกอย่าง มีชื่อเราก็แค่เพียงบ้านที่ยังติดผ่อนธนาคารอยู่
นอกนั้นเป็นชื่อของเค้า บ้านอีกหลังก็ปลูกที่ต่างจังหวัดที่เป็นบ้านเกิดของเขา
กลับมาที่การหย่า ไม่มีสินทรัพย์อะไรระบุไว้ท้ายหนังสือรับรองการหย่าเลย
เราไม่เรียกร้องอะไร เพราะเราคิดว่า เราทำธุรกิจของเรา ตั้งใจทำไม่นานก็ได้มาครอบครองแล้ว
ส่วนเขาทำงานบริษัท รายรับอยู่ที่ 17,000-22,000 ยังไงก็ไม่สามารถที่จะหาได้อีกแล้ว
ปลายปีเราจะซื้อบ้านใหม่ และเอาลูกไปอยู่กับเรา (เค้าไม่มีกำลังจะส่งเสีย ไม่มีข้อโต้แย้งในส่วนนี้)
คำถามคือ
1. ญาติพี่น้องเราหลายๆ คนบอกว่า เราไม่ควรไปแต่ตัว เพราะลูกคือภาระรับผิดชอบของเรา กว่าลูกจะโต ยังต้องใช้เงินในการส่งเสียอีกมาก
อย่างน้อย เราควรได้กรรมสิทธิ์เด็ดขาดในบ้านที่กรุงเทพเพื่อเก็บไว้ให้ลูก แต่........มีปัญหาดังนี้
- เขาคิดว่าบ้านหลังนี้ครึ่งนึง (ราวๆ 1.3 ล้าน) เค้าเป็นคนผ่อน (ในขณะที่เขาผ่อน เราเป็นคนออกค่าใช้จ่าย ค่ากินในบ้าน)
ซึ่งในส่วนนี้ น้องเราบอกว่าเขาจะมาอ้างสิทธิ์ว่าตัวเองผ่อนคนเดียวไม่ได้ เราไม่ได้จ่ายค่างวดก็จริง แต่เราก็จ่ายค่าใช้จ่ายอื่นในบ้าน
- เขาไม่ยอมย้ายออกไปแน่นอน
2. ในส่วนของเรา จำนวนเงินที่เรารับผิดชอบผ่อนมาประมาณ 5 ปี ส่วนนี้ควรทำอย่างไร
3. เราไม่อยากให้เรื่องนี้ต้องขึ้นโรงขึ้นศาล หรือถึงทนาย หรือมาทะเลาะถกเถียงอะไรกัน สงสารลูก
เรายกให้เขาไปให้หมดเลย จะเป็นไรไหม (เราเหนื่อยจากงานมาก ถ้าจะต้องมาเสียเวลากับเรื่องอย่างนี้ เราไปทุ่มเททำงานของเรา
ไม่นานเดี๋ยวก็สร้างมันขึ้นมาได้)
ขอความคิดเห็นเพื่อนๆ หน่อยนะคะ ใครเคยเจอเหมือนเรา หรือใครผ่านเหตุการณ์อย่างนี้มาแล้ว
มีบางคนบอกว่าเราควรจะปรึกษาทนาย แต่เราว่าคงสายไปแล้ว เพราะใบหย่า เราไม่ได้ระบุเรื่องสินสมรสอะไรเลย
ขอบคุณค่ะ