สวัสดีชาวพันทิปทุกท่านค่ะ กระทู้นี้เป็นบันทึกการเดินทางในประเทศ จีน-ลาว-ไทย ของเรากับคุณแมวอ้วนเมื่อต้นเดือนสิงหาคม ปี 2560 ค่ะ จริงๆแล้วเรากะว่าจะไม่เขียนลงพันทิปแล้วเนื่องจากทิ้งระยะเวลาในการเขียนค่อนข้างนาน แต่หลายๆคนก็เชียร์ให้เขียนและยังรออ่านเรื่องราวของเรา ประกอบกับอยู่ในช่วงว่างงานก็เลยได้ฤกษ์ได้ยามเขียนซะทีค่ะ 555
หมายเหตุ เนื่องจากกระทู้นี้เขียนขึ้นจากการท่องเที่ยวในปี พ.ศ.2560 ข้อมูลบางอย่างอาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาตรวจสอบข้อมูลอีกครั้งก่อนออกเดินทาง
ทำไมต้องจีน ???
นั่นน่ะสิคะ ทำไมต้องจีน คิดแล้วคิดอีกจนได้คำตอบว่า เรานี่แหละตัวต้นเหตุ 555
ย้อนกลับไปในตอนนั้น เรากับคุณแมวอ้วนยังเป็นเด็กนักศึกษาชั้นปีที่ 3 ที่กำลังจะขึ้นปี 4 ทางคณะของเรามีข้อบังคับให้นักศึกษาทุกคนต้องฝึกงาน บังเอิญเรากับคุณแมวอ้วนได้เข้าร่วมโครงการฝึกงานเชิงเทคนิคในต่างประเทศ เลยปิ๊งไอเดียว่า ไปเที่ยวหลังฝึกงานกันเถอะ!!!
เราได้เลือกฝึกงานในประเทศที่มีพรมแดนติดกับประเทศจีนเลยอยากจะเข้าจีนทางพื้นดินค่ะ ตอนนั้นเริ่มหาข้อมูลเป็นบ้าเป็นหลังเลย สอบปลายภาคก็ต้องสอบ visa สำหรับฝึกงานก็ต้องทำ วางแผนเที่ยวก็ต้องหาข้อมูล อะไรไม่รู้เยอะแยะเต็มไปหมดเลยค่ะตอนนั้น จนได้ไปฝึกงาน
แต่ฝันก็สลายเพราะเจ้าหน้าที่ไม่ยอม บอกว่าหลังฝึกงานเสร็จยูต้องกลับบ้านก่อนนะแล้วจะไปไหนก็ไป 555
ค่ะ ตามนั้น TT
เราเลยกลับไทยมาจัดการเอกสารหลายๆอย่าง แล้วรอไปจีนพร้อมๆกับคุณแมวอ้วนค่ะ เนื่องจากว่าคุณแมวอ้วนเริ่มฝึกงานช้ากว่าเรา 5 วัน เลยต้องฝึกงานเสร็จช้ากว่าเราไปอีก 5 วันค่ะ
ภาษา
อังกฤษ : เรากับคุณแมวอ้วนพอพูดได้ทั้งคู่ค่ะ
จีน : เราเคยเรียนที่โรงเรียนมานิดหน่อยสมัยมัธยมต้นเลยพออ่านพินอินได้ ส่วนคุณแมวอ้วนความรู้เป็นศูนย์ค่ะ
VISA จีน
เอกสารที่ต้องเตรียม
1. รูปถ่าย 2 นิ้ว 2 รูป
สีเสื้อต้องตัดกับพื้นหลังนะคะ แนะนำว่าอย่าใส่เสื้อสีฟ้าไปถ่ายค่ะ เราใส่เสื้อสีฟ้าไปภาพที่ออกมามันกลืนกับพื้นหลังมากๆเลย เราถึงกับต้องวิ่งแจ้นไปถ่ายรูปใหม่แน่ะ TT
เขียนชื่อด้านหลังแล้วแนบไปกับเอกสาร ไม่ต้องติดลงในใบสมัครค่ะ
2. ใบสมัคร visa จีน
https://www.visaforchina.org/BKK_TH/System/278326.shtml
สามารถกรอกใบสมัครในเว็บไซต์แล้วปริ้นท์ไปให้เจ้าหน้าที่ได้เลยค่ะ
3. แผนการท่องเที่ยว
เราทำเป็นตารางแบบนี้ค่ะ เพื่อความสะดวกของเจ้าหน้าที่และของเราเอง

4. ใบจองที่พัก
อันนี้สำคัญที่สุด ให้ print ใบจองทุกที่ที่เราจองที่พักไว้ในเว็บไซต์มายื่นค่ะ

5. ใบจองเครื่องบิน
เอกสารยืนยันการจองที่ทางสายการบินส่งมาทางอีเมล์ค่ะ

เอกสารที่ไม่ต้องใช้
1. ใบยืนยันการเป็นนักศึกษา
2. Statement ธนาคาร
3. ประกันภัยการเดินทาง
เราเตรียมไปแต่เจ้าหน้าที่ดึงออกค่ะ พี่เจ้าหน้าสถานทูตจีนในเชียงใหม่บอกว่าเอกสารที่สำคัญมากๆคือ ใบจองที่พักกับแผนการท่องเที่ยว ค่ะ
เนื่องจากเวลาและความสะดวกในการทำ visa เรากับคุณแมวอ้วนได้ยื่นคำขอ visa คนละที่และคนละช่วงเวลาค่ะกันค่ะ แนะนำให้ตรวจสอบวันหยุดพิเศษด้วยนะคะ ตอนแรกเรากะว่าจะทำ visa ก่อนไปฝึกงานปรากฏว่าเจอปิดช่วงเทศกาลวันไหว้บ๊ะจ่างก็เลยต้องมาทำหลังจากฝึกงานเสร็จ ส่วนคุณแมวอ้วนเริ่มฝึกงานหลังเรา 5 วัน เลยมีเวลายื่นขอก่อนไปฝึกงานค่ะ
ตารางค่าธรรมเนียมการให้บริการเป็นราคาสำหรับการยื่นที่กรุงเทพ ถ้ายื่นที่เชียงใหม่จะมีแค่ค่าธรรมเนียม visa สถานฑูต ไม่มีคิดค่าธรรมเนียมการบริการค่ะ

กรุงเทพฯ
คุณแมวอ้วนยื่นที่กรุงเทพค่ะ อาคารธนภูมิ ชั้น 5 เป็นศูนย์บริการยื่นขอ visa ไม่ใช่สถานฑูต อยู่ใกล้ๆโรงเรียนเซนต์ดอมินิก อยู่ฟากเดียวกันเลยถัดจากโรงเรียนไปนิดเดียวเองค่ะ
สามารถยื่นขอ visa ได้ตั้งแต่ 9.00 - 15.00 น. วันจันทร์ - ศุกร์
เชียงใหม่
เรายื่นที่เชียงใหม่ค่ะ สถานฑูตจีนเชียงใหม่อยู่ถัดจากสยามทีวี ตรงคูเมืองด้านนอกระหว่างประตูเชียงใหม่กับประตูสวนปรุงค่ะ หลังจากผ่านพี่ยามมาก็กดบัตรคิวยื่นคำร้องขอ visa ได้เลยค่ะ
สามารถยื่นขอ visa ได้ตั้งแต่ 9.00 - 11.30 น. วันจันทร์ - ศุกร์
สำหรับการเดินทางเข้าออกจีนโดยไม่ได้นั่งเครื่องบิน พี่เจ้าหน้าสถานทูตจีนในเชียงใหม่แนะนำให้ทำแผนการเดินทางมาค่ะ แล้วเขาจะเช็คเส้นทางของเราอีกที
MONEY
1. Cash
เราแลกเงินสดไว้ค่อนข้างเยอะตั้งแต่ก่อนไปฝึกงานเลยค่ะ เนื่องจากว่าบ้านเราไม่มีใครมีบัตรเครดิทเลยสักคน เลยแลกมาทั้งดอลลาร์สหรัฐและเงินหยวนค่ะ
ที่เชียงใหม่เราแลกที่ สากลการค้า (SK exchange) ใกล้ๆไนท์บาร์ซ่า ร้านอยู่ตรงถนนเจริญประเทศ เลยปากทางเข้าขัวเหล็กไปนิดเดียวค่ะ มีที่จอดรถด้วยนะคะ อยู่ในซอยตรงข้ามกับร้านเลยค่ะ
ที่กรุงเทพฯคุณแมวอ้วนแลกที่ superrich สีเขียวค่ะ
2. Debit card
เรากับคุณแมวอ้วนมีคนละใบอยู่แล้ว ของธนาคารกสิกรทั้งคู่เลยค่ะ
3. Credit card
คุณแมวอ้วนมี 1 ใบตั้งแต่ตอนก่อนไปฝึกงานค่ะ เป็นบัตรเครดิทร่วมของธนาคารกรุงเทพที่ทางบ้านคุณแมวอ้วนให้พกติดตัวไว้เผื่อถึงคราวจำเป็นต้องใช้ตอนไปฝึกงาน คุณแมวอ้วนบอกว่าตอนที่อยู่ประเทศที่ติดกับพรมแดน EU ไม่ได้ใช้เลย มาใช้จริงๆก็ที่เมืองจีนเนี่ยแหละค่ะ 555
APPLICATION
Booking
แอพหาที่พักใช้งานได้ทั่วโลก สามารถจ่ายสดได้ นำใบจองไปยื่นให้สถานฑูตได้ ถ้าจองไว้ก่อนนานๆมีโอกาสได้ที่พักในราคาถูกมาก แต่ข้อเสียก็คือโอกาสโดนเทค่อนข้างสูงค่ะ
Airbnb
แอพหาที่พักใช้งานได้ทั่วโลกเช่นกันค่ะ จ่ายสดไม่ได้ ต้องมีบัตรเครดิทหรือบัตรเดบิท เนื่องจากต้องตัดบัตรทันทีที่ host กับเราตกลงการจองกันผ่านช่องแชทในแอพ แต่ก็ดีตรงที่โอกาสโดน host เทค่อนข้างต่ำเลยทีเดียวค่ะ
VPN Proxy Master
แอพ VPN ที่เราใช้ค่ะ เผื่ออยากใช้แอพอื่นๆในการติดต่อคนรู้จักที่อยู่ภายนอกประเทศจีน สำหรับการใช้ LINE เครื่องเราใช้งานได้แต่เครื่องคุณแมวอ้วนกลับใช้งานไม่ได้ เพราะอะไรเราก็ไม่รู้ค่ะตอบไม่ได้จริงๆ
Qunar
แทบจะเรียกได้ว่า one stop service กันเลยทีเดียวค่ะ มีทุกอย่างให้เธอแล้วไม่ว่าจะเป็น ตารางรถบัส ตารางรถไฟ ที่พัก และอื่นๆอีกมากมายพร้อมแสดงราคาให้ด้วยค่ะ เช็คจากตรงนี้ได้เลย
แต่เป็นภาษาจีนหมดเลยนะคะ ไม่มีภาษาอังกฤษ
高德地图 Gāo dé dìtú
แอพแผนที่ บอกสายรถเมล์และรถไฟฟ้าทุกเส้นทางที่ไป บอกเวลาการเดินรถว่ามีถึงกี่โมง ไม่มีมั่วแน่นอนค่ะ แต่เวลาการเดินรถแนะนำให้เช็คเองตรงป้ายรถเมล์อีกทีด้วยนะคะ เผื่อมีการเปลี่ยนแปลง
ตอนแรกเราโหลด baidu มาใช้ค่ะ แอพแอบมั่ว location อยู่นะคะ ตอนนั้นเราหาทางไปที่พักดันขึ้นที่ผิด เดินซะไกลเลยค่ะ TT
金山词霸海外版 Jīnshān cíbà hǎiwài bǎn
แอพแปลภาษาที่เพื่อนชาวจีนแนะนำมาค่ะ แปลจากอังกฤษเป็นจีนจะได้ข้อความที่อ่านรู้เรื่องมากกว่าไทยเป็นจีนค่ะ ข้อเสียคือหากเราไม่รู้ว่าภาษาจีนตัวนั้นอ่านว่าอะไร ต้องใช้ google translate เปลี่ยนตัวเขียนให้เป็นตัวพิมพ์แล้วค่อย copy มาให้แอพนี้แปลค่ะ
Wechat
แอพแชทยอดนิยมในหมู่คนจีนและยังสามารถใช้งานได้ทั่วโลก เราเอาไว้ใช้ติดต่อกับเจ้าของที่พักค่ะเพราะบางท่านก็พูดอังกฤษไม่ได้ เขาจะได้เอาข้อความไปแปลในแอพแปลภาษาอีกที ถือว่ามีประโยชน์มากๆเลยค่ะ ช่วยในการสื่อสารได้ดีเลยทีเดียว แนะนำว่าให้ขอ account ของเจ้าของที่พักเพื่อพูดคุยก่อนการเดินทาง หากเขาเทเราจะได้ตั้งตัวหาที่พักใหม่ได้ทันค่ะ
LET'S GO !!!

ON THE PLANE I
จากสนามบินสุวรรณภูมิ (BKK) ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่ง (PEK : 北京首都国际机场) เราใช้บริการของสายการบิน Cathay Pacific ค่ะ เป็นตั๋วเที่ยวเดียว ต่อเครื่องที่สนามบินเช็กแล็บก็อก (HKG : 香港國際機場) ช่วงเวลาทีจองราคาตั๋วประมาณ 10,000 บาทค่ะ
ทางเข้าเลาจน์สายการบิน Cathay Pacific
สนามบินเช็กแล็บก็อก (HKG)
หลังจากขึ้นเครื่องจาก HKG มายัง PEK แอร์โฮสเตสจะแจกใบตรวจคนเข้าเมือง (Immigration bureau)
พอผ่าน ตม.จีน เสร็จปุ๊บ กรุณาเก็บซีกขาออก (Departure card) ไว้ให้ดี อย่าทำหายนะคะ !!! เพราะเราต้องใช้ตอนขาออกด้วย
ใบตรวจคนเข้าเมืองประเทศจีน
สนามบินนานาชาติปักกิ่ง (BEI)
SIMCARD
เนื่องจากไม่อยากมีปัญหามากในการซื้อและลงทะเบียนซิมการ์ดเอง อีกทั้งอยากมีไว้หาข้อมูลเร็วๆจะได้อุ่นใจ 555 เรากับคุณแมวอ้วนเลยตัดสินใจซื้อตั้งแต่ในสนามบินปักกิ่งหลังจากรับกระเป๋าเสร็จ
เราเลือก china unicom ค่ะ package นี้เลย 3g เร็วดีค่ะ แต่ตอนนั่งรถไฟลอดอุโมงสัญญาณจะไม่ค่อยมี โดยรวมแล้วก็ถือว่าคุ้มค่าค่ะ (ถึงแม้ว่าเพื่อนคนจีนที่รู้จักกันหลังจากนั้นจะบอกว่ามีอันที่ดีกว่าก็ตาม TT)

อย่าลืมแจ้งเจ้าหน้าที่ตอนซื้อซิมด้วยนะคะว่าเราจะใช้แค่ในปักกิ่งหรือทั้งแผ่นดินใหญ่ อยู่จีนประมาณกี่วัน เจ้าหน้าที่จะได้แนะนำซิมที่ตรงตามความต้องการของเราค่ะ
ราคา simcard ค่อนข้างแพง 200 y เราเลยซื้อแค่อันเดียว
เจ้าหน้าที่ที่ให้บริการใจดีมากๆเลยค่ะ พูดภาษาอังกฤษได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว เรากับคุณแมวอ้วนก็ดีใจคิดกันไปเองว่าประเทศจีนคงใช้อังกฤษสื่อสารกันได้อยู่ พอออกจากสนามบินเท่านั้นแหละค่ะ รู้เรื่องเลย 555
IC card
บัตรร่วมที่ใช้เดินทางในจีน เอาไว้ใช้ตอนขึ้นรถไฟฟ้ากับรถเมล์หรือว่าจะเช่ารถจักรยานสาธารณะก็ได้นะคะ สะดวกมากๆเลย ราคา 20 หยวน/คน/บัตร ใช้ได้ทุกเมืองในประเทศจีน
ราคารถเมล์ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 1 หยวนตลอดสาย หากไม่มีบัตรต้องจ่าย 2 หยวนค่ะ ไม่มีเงินทอนนะคะ เพราะเราต้องหย่อนเงินลงในกล่องแล้วฉีกตั๋วกระดาษเอง ถึงแม้จะมีกระเป๋ารถเมล์ก็ตาม ซึ่งเราก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะว่าเขาทำหน้าที่อะไร อยากรู้เหมือนกันค่ะแต่พูดจีนไม่ได้ TT
ราคารถไฟฟ้าเริ่มต้นที่ 2 หยวน/คน/เที่ยว ไม่ต้องเสียเวลาและเสียเงินในการซื้อตั๋วเพิ่มตอนเปลี่ยนสาย
ตอนแรกเรานึกว่า ic card ใช้แค่ในปักกิ่งเท่านั้นเลยไม่ได้สมัคร จะขึ้นรถเมล์ทีก็ต้องหาที่แลกเงิน จะขึ้นรถไฟฟ้าก็ต้องไปต่อคิวซื้อตั๋ว พลาดมากๆเลยค่ะ TT
เคาท์เตอร์จำหน่าย IC card
北京 : Běijīng : ปักกิ่ง
เราวางแผนว่าจะเอากระเป๋าไปเก็บก่อนถ้ามีเวลาค่อยออกไปเที่ยวในเมือง ที่นี่อากาศกำลังดีค่ะไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไป
ในปักกิ่งเราใช้บริการรถไฟฟ้าเป็นส่วนใหญ่ค่ะ มีรถไฟฟ้าครอบคลุมแทบทุกพื้นที่ในเมือง โดยรถไฟฟ้าทุกสายจะให้บริการถึง 23.00 น.
แผนที่รถไฟฟ้าใต้ดินปักกิ่ง source: www.travelchinaguide.com
จากสนามบินเข้ามาในเมืองจะเป็นสายรถไฟฟ้าแยกออกมาเลยไม่ได้คิดราคาตามปกติ คล้ายๆเป็น shuttle train ค่ะ จากสถานี terminal 3 (3号航站楼) ไปยังสถานีตงฉือเหมิน (东直门) ราคาอยู่ที่ 25 หยวน
และที่นี่แหละค่ะที่ทำให้เราไม่ไว้ใจ baidu map อีกต่อไป เรากดให้ baidu map นำทางจากแอพ booking แต่แอพดันโชว์ปลายทางไปคนละที่กับที่พัก ห่างไปตั้ง 2-3 กิโลเมตร โชคดีที่มีคุณลุงคุณป้ารอรถเมล์จะไปสถานีรถไฟฟ้าพอดี แกเลยชวนเราขึ้นรถเมล์ไปด้วยกัน ซึ้งในน้ำใจคนจีนมากๆเลยค่ะ
สถานี terminal 3 (3号航站楼)
15 วัน ตะลุยกัน จีน-ลาว-ไทย
หมายเหตุ เนื่องจากกระทู้นี้เขียนขึ้นจากการท่องเที่ยวในปี พ.ศ.2560 ข้อมูลบางอย่างอาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาตรวจสอบข้อมูลอีกครั้งก่อนออกเดินทาง
ทำไมต้องจีน ???
นั่นน่ะสิคะ ทำไมต้องจีน คิดแล้วคิดอีกจนได้คำตอบว่า เรานี่แหละตัวต้นเหตุ 555
ย้อนกลับไปในตอนนั้น เรากับคุณแมวอ้วนยังเป็นเด็กนักศึกษาชั้นปีที่ 3 ที่กำลังจะขึ้นปี 4 ทางคณะของเรามีข้อบังคับให้นักศึกษาทุกคนต้องฝึกงาน บังเอิญเรากับคุณแมวอ้วนได้เข้าร่วมโครงการฝึกงานเชิงเทคนิคในต่างประเทศ เลยปิ๊งไอเดียว่า ไปเที่ยวหลังฝึกงานกันเถอะ!!!
เราได้เลือกฝึกงานในประเทศที่มีพรมแดนติดกับประเทศจีนเลยอยากจะเข้าจีนทางพื้นดินค่ะ ตอนนั้นเริ่มหาข้อมูลเป็นบ้าเป็นหลังเลย สอบปลายภาคก็ต้องสอบ visa สำหรับฝึกงานก็ต้องทำ วางแผนเที่ยวก็ต้องหาข้อมูล อะไรไม่รู้เยอะแยะเต็มไปหมดเลยค่ะตอนนั้น จนได้ไปฝึกงาน
แต่ฝันก็สลายเพราะเจ้าหน้าที่ไม่ยอม บอกว่าหลังฝึกงานเสร็จยูต้องกลับบ้านก่อนนะแล้วจะไปไหนก็ไป 555
ค่ะ ตามนั้น TT
เราเลยกลับไทยมาจัดการเอกสารหลายๆอย่าง แล้วรอไปจีนพร้อมๆกับคุณแมวอ้วนค่ะ เนื่องจากว่าคุณแมวอ้วนเริ่มฝึกงานช้ากว่าเรา 5 วัน เลยต้องฝึกงานเสร็จช้ากว่าเราไปอีก 5 วันค่ะ
ภาษา
อังกฤษ : เรากับคุณแมวอ้วนพอพูดได้ทั้งคู่ค่ะ
จีน : เราเคยเรียนที่โรงเรียนมานิดหน่อยสมัยมัธยมต้นเลยพออ่านพินอินได้ ส่วนคุณแมวอ้วนความรู้เป็นศูนย์ค่ะ
VISA จีน
เอกสารที่ต้องเตรียม
1. รูปถ่าย 2 นิ้ว 2 รูป
สีเสื้อต้องตัดกับพื้นหลังนะคะ แนะนำว่าอย่าใส่เสื้อสีฟ้าไปถ่ายค่ะ เราใส่เสื้อสีฟ้าไปภาพที่ออกมามันกลืนกับพื้นหลังมากๆเลย เราถึงกับต้องวิ่งแจ้นไปถ่ายรูปใหม่แน่ะ TT
เขียนชื่อด้านหลังแล้วแนบไปกับเอกสาร ไม่ต้องติดลงในใบสมัครค่ะ
2. ใบสมัคร visa จีน
https://www.visaforchina.org/BKK_TH/System/278326.shtml
สามารถกรอกใบสมัครในเว็บไซต์แล้วปริ้นท์ไปให้เจ้าหน้าที่ได้เลยค่ะ
3. แผนการท่องเที่ยว
เราทำเป็นตารางแบบนี้ค่ะ เพื่อความสะดวกของเจ้าหน้าที่และของเราเอง
4. ใบจองที่พัก
อันนี้สำคัญที่สุด ให้ print ใบจองทุกที่ที่เราจองที่พักไว้ในเว็บไซต์มายื่นค่ะ
5. ใบจองเครื่องบิน
เอกสารยืนยันการจองที่ทางสายการบินส่งมาทางอีเมล์ค่ะ
เอกสารที่ไม่ต้องใช้
1. ใบยืนยันการเป็นนักศึกษา
2. Statement ธนาคาร
3. ประกันภัยการเดินทาง
เราเตรียมไปแต่เจ้าหน้าที่ดึงออกค่ะ พี่เจ้าหน้าสถานทูตจีนในเชียงใหม่บอกว่าเอกสารที่สำคัญมากๆคือ ใบจองที่พักกับแผนการท่องเที่ยว ค่ะ
เนื่องจากเวลาและความสะดวกในการทำ visa เรากับคุณแมวอ้วนได้ยื่นคำขอ visa คนละที่และคนละช่วงเวลาค่ะกันค่ะ แนะนำให้ตรวจสอบวันหยุดพิเศษด้วยนะคะ ตอนแรกเรากะว่าจะทำ visa ก่อนไปฝึกงานปรากฏว่าเจอปิดช่วงเทศกาลวันไหว้บ๊ะจ่างก็เลยต้องมาทำหลังจากฝึกงานเสร็จ ส่วนคุณแมวอ้วนเริ่มฝึกงานหลังเรา 5 วัน เลยมีเวลายื่นขอก่อนไปฝึกงานค่ะ
ตารางค่าธรรมเนียมการให้บริการเป็นราคาสำหรับการยื่นที่กรุงเทพ ถ้ายื่นที่เชียงใหม่จะมีแค่ค่าธรรมเนียม visa สถานฑูต ไม่มีคิดค่าธรรมเนียมการบริการค่ะ
กรุงเทพฯ
คุณแมวอ้วนยื่นที่กรุงเทพค่ะ อาคารธนภูมิ ชั้น 5 เป็นศูนย์บริการยื่นขอ visa ไม่ใช่สถานฑูต อยู่ใกล้ๆโรงเรียนเซนต์ดอมินิก อยู่ฟากเดียวกันเลยถัดจากโรงเรียนไปนิดเดียวเองค่ะ
สามารถยื่นขอ visa ได้ตั้งแต่ 9.00 - 15.00 น. วันจันทร์ - ศุกร์
เชียงใหม่
เรายื่นที่เชียงใหม่ค่ะ สถานฑูตจีนเชียงใหม่อยู่ถัดจากสยามทีวี ตรงคูเมืองด้านนอกระหว่างประตูเชียงใหม่กับประตูสวนปรุงค่ะ หลังจากผ่านพี่ยามมาก็กดบัตรคิวยื่นคำร้องขอ visa ได้เลยค่ะ
สามารถยื่นขอ visa ได้ตั้งแต่ 9.00 - 11.30 น. วันจันทร์ - ศุกร์
สำหรับการเดินทางเข้าออกจีนโดยไม่ได้นั่งเครื่องบิน พี่เจ้าหน้าสถานทูตจีนในเชียงใหม่แนะนำให้ทำแผนการเดินทางมาค่ะ แล้วเขาจะเช็คเส้นทางของเราอีกที
MONEY
1. Cash
เราแลกเงินสดไว้ค่อนข้างเยอะตั้งแต่ก่อนไปฝึกงานเลยค่ะ เนื่องจากว่าบ้านเราไม่มีใครมีบัตรเครดิทเลยสักคน เลยแลกมาทั้งดอลลาร์สหรัฐและเงินหยวนค่ะ
ที่เชียงใหม่เราแลกที่ สากลการค้า (SK exchange) ใกล้ๆไนท์บาร์ซ่า ร้านอยู่ตรงถนนเจริญประเทศ เลยปากทางเข้าขัวเหล็กไปนิดเดียวค่ะ มีที่จอดรถด้วยนะคะ อยู่ในซอยตรงข้ามกับร้านเลยค่ะ
ที่กรุงเทพฯคุณแมวอ้วนแลกที่ superrich สีเขียวค่ะ
2. Debit card
เรากับคุณแมวอ้วนมีคนละใบอยู่แล้ว ของธนาคารกสิกรทั้งคู่เลยค่ะ
3. Credit card
คุณแมวอ้วนมี 1 ใบตั้งแต่ตอนก่อนไปฝึกงานค่ะ เป็นบัตรเครดิทร่วมของธนาคารกรุงเทพที่ทางบ้านคุณแมวอ้วนให้พกติดตัวไว้เผื่อถึงคราวจำเป็นต้องใช้ตอนไปฝึกงาน คุณแมวอ้วนบอกว่าตอนที่อยู่ประเทศที่ติดกับพรมแดน EU ไม่ได้ใช้เลย มาใช้จริงๆก็ที่เมืองจีนเนี่ยแหละค่ะ 555
APPLICATION
Booking
แอพหาที่พักใช้งานได้ทั่วโลก สามารถจ่ายสดได้ นำใบจองไปยื่นให้สถานฑูตได้ ถ้าจองไว้ก่อนนานๆมีโอกาสได้ที่พักในราคาถูกมาก แต่ข้อเสียก็คือโอกาสโดนเทค่อนข้างสูงค่ะ
Airbnb
แอพหาที่พักใช้งานได้ทั่วโลกเช่นกันค่ะ จ่ายสดไม่ได้ ต้องมีบัตรเครดิทหรือบัตรเดบิท เนื่องจากต้องตัดบัตรทันทีที่ host กับเราตกลงการจองกันผ่านช่องแชทในแอพ แต่ก็ดีตรงที่โอกาสโดน host เทค่อนข้างต่ำเลยทีเดียวค่ะ
VPN Proxy Master
แอพ VPN ที่เราใช้ค่ะ เผื่ออยากใช้แอพอื่นๆในการติดต่อคนรู้จักที่อยู่ภายนอกประเทศจีน สำหรับการใช้ LINE เครื่องเราใช้งานได้แต่เครื่องคุณแมวอ้วนกลับใช้งานไม่ได้ เพราะอะไรเราก็ไม่รู้ค่ะตอบไม่ได้จริงๆ
Qunar
แทบจะเรียกได้ว่า one stop service กันเลยทีเดียวค่ะ มีทุกอย่างให้เธอแล้วไม่ว่าจะเป็น ตารางรถบัส ตารางรถไฟ ที่พัก และอื่นๆอีกมากมายพร้อมแสดงราคาให้ด้วยค่ะ เช็คจากตรงนี้ได้เลย
แต่เป็นภาษาจีนหมดเลยนะคะ ไม่มีภาษาอังกฤษ
高德地图 Gāo dé dìtú
แอพแผนที่ บอกสายรถเมล์และรถไฟฟ้าทุกเส้นทางที่ไป บอกเวลาการเดินรถว่ามีถึงกี่โมง ไม่มีมั่วแน่นอนค่ะ แต่เวลาการเดินรถแนะนำให้เช็คเองตรงป้ายรถเมล์อีกทีด้วยนะคะ เผื่อมีการเปลี่ยนแปลง
ตอนแรกเราโหลด baidu มาใช้ค่ะ แอพแอบมั่ว location อยู่นะคะ ตอนนั้นเราหาทางไปที่พักดันขึ้นที่ผิด เดินซะไกลเลยค่ะ TT
金山词霸海外版 Jīnshān cíbà hǎiwài bǎn
แอพแปลภาษาที่เพื่อนชาวจีนแนะนำมาค่ะ แปลจากอังกฤษเป็นจีนจะได้ข้อความที่อ่านรู้เรื่องมากกว่าไทยเป็นจีนค่ะ ข้อเสียคือหากเราไม่รู้ว่าภาษาจีนตัวนั้นอ่านว่าอะไร ต้องใช้ google translate เปลี่ยนตัวเขียนให้เป็นตัวพิมพ์แล้วค่อย copy มาให้แอพนี้แปลค่ะ
Wechat
แอพแชทยอดนิยมในหมู่คนจีนและยังสามารถใช้งานได้ทั่วโลก เราเอาไว้ใช้ติดต่อกับเจ้าของที่พักค่ะเพราะบางท่านก็พูดอังกฤษไม่ได้ เขาจะได้เอาข้อความไปแปลในแอพแปลภาษาอีกที ถือว่ามีประโยชน์มากๆเลยค่ะ ช่วยในการสื่อสารได้ดีเลยทีเดียว แนะนำว่าให้ขอ account ของเจ้าของที่พักเพื่อพูดคุยก่อนการเดินทาง หากเขาเทเราจะได้ตั้งตัวหาที่พักใหม่ได้ทันค่ะ
LET'S GO !!!
ON THE PLANE I
จากสนามบินสุวรรณภูมิ (BKK) ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่ง (PEK : 北京首都国际机场) เราใช้บริการของสายการบิน Cathay Pacific ค่ะ เป็นตั๋วเที่ยวเดียว ต่อเครื่องที่สนามบินเช็กแล็บก็อก (HKG : 香港國際機場) ช่วงเวลาทีจองราคาตั๋วประมาณ 10,000 บาทค่ะ
สนามบินเช็กแล็บก็อก (HKG)
หลังจากขึ้นเครื่องจาก HKG มายัง PEK แอร์โฮสเตสจะแจกใบตรวจคนเข้าเมือง (Immigration bureau)
พอผ่าน ตม.จีน เสร็จปุ๊บ กรุณาเก็บซีกขาออก (Departure card) ไว้ให้ดี อย่าทำหายนะคะ !!! เพราะเราต้องใช้ตอนขาออกด้วย
สนามบินนานาชาติปักกิ่ง (BEI)
SIMCARD
เนื่องจากไม่อยากมีปัญหามากในการซื้อและลงทะเบียนซิมการ์ดเอง อีกทั้งอยากมีไว้หาข้อมูลเร็วๆจะได้อุ่นใจ 555 เรากับคุณแมวอ้วนเลยตัดสินใจซื้อตั้งแต่ในสนามบินปักกิ่งหลังจากรับกระเป๋าเสร็จ
เราเลือก china unicom ค่ะ package นี้เลย 3g เร็วดีค่ะ แต่ตอนนั่งรถไฟลอดอุโมงสัญญาณจะไม่ค่อยมี โดยรวมแล้วก็ถือว่าคุ้มค่าค่ะ (ถึงแม้ว่าเพื่อนคนจีนที่รู้จักกันหลังจากนั้นจะบอกว่ามีอันที่ดีกว่าก็ตาม TT)
อย่าลืมแจ้งเจ้าหน้าที่ตอนซื้อซิมด้วยนะคะว่าเราจะใช้แค่ในปักกิ่งหรือทั้งแผ่นดินใหญ่ อยู่จีนประมาณกี่วัน เจ้าหน้าที่จะได้แนะนำซิมที่ตรงตามความต้องการของเราค่ะ
ราคา simcard ค่อนข้างแพง 200 y เราเลยซื้อแค่อันเดียว
เจ้าหน้าที่ที่ให้บริการใจดีมากๆเลยค่ะ พูดภาษาอังกฤษได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว เรากับคุณแมวอ้วนก็ดีใจคิดกันไปเองว่าประเทศจีนคงใช้อังกฤษสื่อสารกันได้อยู่ พอออกจากสนามบินเท่านั้นแหละค่ะ รู้เรื่องเลย 555
IC card
บัตรร่วมที่ใช้เดินทางในจีน เอาไว้ใช้ตอนขึ้นรถไฟฟ้ากับรถเมล์หรือว่าจะเช่ารถจักรยานสาธารณะก็ได้นะคะ สะดวกมากๆเลย ราคา 20 หยวน/คน/บัตร ใช้ได้ทุกเมืองในประเทศจีน
ราคารถเมล์ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 1 หยวนตลอดสาย หากไม่มีบัตรต้องจ่าย 2 หยวนค่ะ ไม่มีเงินทอนนะคะ เพราะเราต้องหย่อนเงินลงในกล่องแล้วฉีกตั๋วกระดาษเอง ถึงแม้จะมีกระเป๋ารถเมล์ก็ตาม ซึ่งเราก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะว่าเขาทำหน้าที่อะไร อยากรู้เหมือนกันค่ะแต่พูดจีนไม่ได้ TT
ราคารถไฟฟ้าเริ่มต้นที่ 2 หยวน/คน/เที่ยว ไม่ต้องเสียเวลาและเสียเงินในการซื้อตั๋วเพิ่มตอนเปลี่ยนสาย
ตอนแรกเรานึกว่า ic card ใช้แค่ในปักกิ่งเท่านั้นเลยไม่ได้สมัคร จะขึ้นรถเมล์ทีก็ต้องหาที่แลกเงิน จะขึ้นรถไฟฟ้าก็ต้องไปต่อคิวซื้อตั๋ว พลาดมากๆเลยค่ะ TT
北京 : Běijīng : ปักกิ่ง
เราวางแผนว่าจะเอากระเป๋าไปเก็บก่อนถ้ามีเวลาค่อยออกไปเที่ยวในเมือง ที่นี่อากาศกำลังดีค่ะไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไป
ในปักกิ่งเราใช้บริการรถไฟฟ้าเป็นส่วนใหญ่ค่ะ มีรถไฟฟ้าครอบคลุมแทบทุกพื้นที่ในเมือง โดยรถไฟฟ้าทุกสายจะให้บริการถึง 23.00 น.
จากสนามบินเข้ามาในเมืองจะเป็นสายรถไฟฟ้าแยกออกมาเลยไม่ได้คิดราคาตามปกติ คล้ายๆเป็น shuttle train ค่ะ จากสถานี terminal 3 (3号航站楼) ไปยังสถานีตงฉือเหมิน (东直门) ราคาอยู่ที่ 25 หยวน
และที่นี่แหละค่ะที่ทำให้เราไม่ไว้ใจ baidu map อีกต่อไป เรากดให้ baidu map นำทางจากแอพ booking แต่แอพดันโชว์ปลายทางไปคนละที่กับที่พัก ห่างไปตั้ง 2-3 กิโลเมตร โชคดีที่มีคุณลุงคุณป้ารอรถเมล์จะไปสถานีรถไฟฟ้าพอดี แกเลยชวนเราขึ้นรถเมล์ไปด้วยกัน ซึ้งในน้ำใจคนจีนมากๆเลยค่ะ