โรงเรียนประถมแห่งหนึ่งที่ผมเรียนสมัยนั้นมีแค่ชั้นประถมปีที่6 ฉะนั้นปีนี้ผมคือรุ่นใหญ่ในโรงเรียนแล้ว ผมเริ่มจะเป็นเด็กกิจกรรมมากขึ้นตอนปีสุดท้าย
ผมสนใจเล่นกีฬาฟุตบอลมากทุกเย็นหลังเลิกเรียน จนผมได้เป็นนักฟุตบอลของโรงเรียน รวมถึงกิจกรรมงานบ้านหน้าที่ประจำของผมตื่นแต่เช้าเหมือนเคย
เพื่อช่วยแม่ หุงข้าว เตรียมกับข้าวให้น้อง ล้างจานและผมต้องปั่นจักรยานไปโรงเรียน ไปกลับระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร และมีบทบาทหน้าที่ของผมอีกที่โรงเรียนผมได้เป็นสารวัตรนักเรียน ผมต้องไปเข้าเวรยืนถือธงโบกให้นักเรียนข้ามถนนหน้าโรงเรียนกับพี่จราจรผมยังมีกิจกรรมเป็นตัวแทนห้องเข้าแข่งอ่านโคลงสี่สุภาพได้ที่สองของโรงเรียน ไม่น่าเชื่อแอบยิ้มภูมิใจกับตัวเองทำได้ไง แต่มันคือเรื่องจริง กิจกรรมแต่ละวันทำให้ผมเหนื่อยพอสมควร
จนส่งผลต่อการเรียนของผมพอสมควร ผมสนใจการเรียนน้อยลง จากเกรดเฉลี่ย 4.00เกรดผมลดลงเหลือ 3 กว่าๆ คนเราจะเก่งไปทุกอย่างมันก็ไม่ได้หรอกแค่ทำสิ่งที่เรารักให้เต็มที่ และสิ่งที่เราอาจจะไม่ชอบ(การเรียน)แต่เป็นหน้าที่ที่ต้องทำให้ผ่านไปให้ได้ก็น่าจะเพียงพอ
สมัยนั้นผมมีวีรกรรมที่โด่งดังไปทั้งโรงเรียนผมยังจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้ไม่มีวันลืม ช่วงพักกลางวัน ผมเล่นเครื่องเล่นที่สนามเด็กเล่นเก่าๆพังๆอันหนึ่งกับเพื่อนๆ มันคือเครื่องเล่นที่มีวงแหวนหมุนได้ แบบดาวเสาร์ แต่มันพังแล้วมันหักเอนลงข้างนึงของวงแหวนติดกับพื้นดิน ผมกับเพื่อนขึ้นไปเหยียบวงแหวนแล้วเดิน เพื่อให้วงแหวนหมุนไปรอบๆจนตัวผมตกลงไปนอนกองอยู่กับพื้นดิน นิ้วกลางมือซ้ายผมถูกวงแหวนหมุนทับ จนเล็บหลุด ผมเจ็บมากเลือดไหลเต็มนิ้วมือที่โดนทับ เพื่อนๆตกใจมาก ทุกคนหยุดเล่นแล้วพาผมไปห้องพยาบาล เพื่อพบครูคุณครูตกใจแล้วถามว่า “ไปทำอะไรกันมาเลือดไหลเต็มเลยลูก มาครูดูสิ โหเล็บหลุดแบบนี้คงต้องพาไปโรงพยาบาลแล้วล่ะ” พูดเสร็จครูกีรีบพาผมไปโรงพยาบาล ไม่กี่นาทีพ่อผมก็ตามมาที่โรงพยาบาล ครูกับพ่อผมรู้จักกันครูเล่าวีรกรรมของผมให้พ่อฟังทั้งหมด แต่พ่อไม่ได้ดุผมเลย ใจดีจังนึกว่าจะโดนดุซะแล้วเรา พ่อบอกแค่ว่า “ซนดีนัก จะได้ไม่ซนอีก”
พ่อกับครูก็หัวเราะกัน หมอเข้ามาทำแผลให้ผม ผมร้องด้วยความแสบแผลที่เล็บพ่อคอยปลอบใจอยู่ข้างๆว่า “นักกีฬาแค่นี้เล็กน้อยเนอะไม่เจ็บหรอก”ผมถอนหายใจเบาเบาหลังจากทำแผลเสร็จจากนั้นพ่อผมขอบคุณหมอและคุณครู ฝากผมไว้กลับคุณครู “ฝากลูกผมด้วยนะครับคุณครูผมขอตัวกลับไปทำงานก่อนนะครับ แล้วเย็นจะมารับลูกครับ” ครูบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงเดี่ยวผมจะจัดการเด็กดื้อเองต้องตีสักทีดีไหมนะ แล้วหันมายิ้มให้ผม ส่วนผมก้มหน้าสำนึกผิดทำทุกคนวุ่นวายกันหมด แต่ครูก็ไม่ได้ตีหรอกครับแค่ขู่ผมเฉยๆ พ่อของผมหัวเราะแล้วก็ลาครูกลับไปทำงานต่อส่วนผมกับครูกลับโรงเรียน ครูส่งผมที่บันไดชั้นหนึ่ง ครูบอกว่าครูมาส่งแค่นี้นะเราไปเรียนต่อได้ใช่ไหม ผมตอบครูว่าได้ครับ ผมเดินขึ้นบันไดมาหยุดที่หน้าห้องเรียนผมรู้สึกอายเพื่อนๆ ไม่กล้าเข้าห้องเรียน ยืนทำใจสักพักก็ขออนุญาตครูเข้าห้องครูที่กำลังสอนอยู่หันมาตอบผมว่า “เข้ามาคะ เป็นไงคะ เครื่องเล่นที่ดีๆก็ไม่เล่นกันนะพวกเราเจ็บตัวเลยเห็นไหม ” เพื่อนๆก็หัวเราะผมทั้งห้อง ผมอายเลยวันนั้น รู้สึกเสียฟอร์ม เสียเวลาครูเสียเวลาพ่อผมก็ต้องเดือนร้อนพาผมไปล้างแผลทุกวัน แบบนี้เด็กๆไม่ควรทำตามนะครับ เหตุเกิดจากความคึกคะนองในวัยเด็กและความประมาทแท้ๆ
ยังมีวีรกรรมที่ผมไม่อยากให้เกิดหรอกครับต้องบอกก่อนว่านิสัยผมไม่ได้เป็นคนเกเร ไม่ชอบหาเรื่องใคร และเหตุการณ์ที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ผมก็ไม่ใช่คนหาเรื่องก่อนแต่ผมทำเพื่อปกป้องตัวเอง แต่การแก้ปัญหาด้วยกำลังในวัยเด็กนั้นอาจจะไม่ถูกต้อง ไม่ควรเลียนแบบนะครับเรื่องมีอยู่ว่า ผมชอบเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งในห้องเดียวกัน เธอเป็นคนหน้าตาน่ารักมากตอนนั้นคงจะเป็นความชอบแบบเด็กๆไร้เดียงสา แต่เราไม่ค่อยได้คุยกันหรอกครับ แค่แอบๆมองกัน เพราะมีเพื่อนชายคนหนึ่งในห้องผม ก็ดูเป็นคนอันธพาลสักหน่อยออกตัวแรงเลย ประกาศตัวว่าเขาชอบเธอ ผมเลยอยู่เฉยๆ เพราะไม่อยากมีปัญหากับเพื่อนห้องเดียวกันแต่แล้วก็เกิดเรื่องจนได้ ผมก็ไม่รู้ว่าเพื่อนคนนั้นรู้ได้ไงว่าผมแอบชอบสาวคนเดียวกับเขาวันนั้นผมกำลังนั่งเล่นอยู่ที่ในโรงอาหารกับกลุ่มเพื่อนตอนช่วงบ่าย เป็นช่วงว่างครูไม่อยู่ผมจำไม่ได้ว่าครูไปไหนผมไม่เคยคิดจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับผม ผมไม่ทันได้ระวังตัวเลย เพื่อนคนนั้นเดินมาจับหัวผมโขกกับโต๊ะไม้เสียงดังตึงเพื่อนในห้องทุกคนหันมามองหมด ทุกคนตกใจกับเหตุการณ์นี้ เขาจับหัวผมกดกับโต๊ะแล้วพูดว่า “ชอบผู้หญิงที่กูชอบเหรอ” ผมมึนหัว และโกรธมาก ผมไม่ตอบอะไรทั้งนั้นผมไม่เคยมีเรื่องชกต่อยเลยตั้งแต่เรียนมา นี่เป็นครั้งแรก ผมเอามือผมจับมือเขาและสะบัดตัวขึ้นมายืนได้ แล้วจับคอเสื้อเพื่อน จะชกคืน แต่เพื่อนๆห้ามไว้ เพื่อนๆผู้ชายในห้องบอกว่าไปเคลียร์กันที่ห้องน้ำหลังโรงเรียน จะได้ไม่มีใครเห็น ตอนนั้นผมกำลังโกรธผมรู้สึกตัวเองถูกทำร้ายอยู่ฝ่ายเดียว โดยที่ผมไม่ผิดอะไรเลย และเขาก็ไม่เคยถามหรือพูดคุยกับผมดีดีเลยเพื่อนชายก็ช่างยุ บอกให้เราสองคนต่อยกันให้จบ ใครแพ้ ก็ให้เลิกแล้วต่อกันห้ามหาเรื่องกันอีกตอนนั้นผมกำหมัดแน่นผมโกรธอยากเอาคืน เราสองคนจ้องตากันไม่กระพริบเพื่อนๆช่วยกันล็อคเราไว้ทั้งคู่พอเพื่อนปล่อย เราพุ่งเข้าหากัน ด้วยที่ผมเป็นนักกีฬาโรงเรียน เล่นกีฬาทุกวันเร็วกว่าและแรงเยอะกว่า ผมชกหน้าแล้วกดหน้าเพื่อนผมลงกับพื้นไม่ให้ลุกขึ้นมาได้ อีกฝ่ายสู้แรงผมไม่ได้จนสุดท้ายเพื่อนต้องเข้ามาห้าม และดึงตัวผมออกไปส่วนเพื่อนผู้หญิงคนที่ผมแอบชอบก็เดินมาจับแก้มผม แล้วถามว่าเจ็บไหม เพื่อนผู้ชายคนอื่นในห้องผมก็แซวว่าเธอนั้นแหละตัวดีทำให้มันเจ็บตัว หลังจากเหตุการณ์นั้นผมก็พยายามเลี่ยงไม่พูดไม่คุยกับเธออีก ผมคิดว่าต้องมีคนยุให้เพื่อนคนนั้นมาหาเรื่องผมแต่สุดท้ายเพื่อนชายคนนั้นเขาก็มาขอโทษผมเขาบอกับผมว่า “กูขอโทษด้วยวะ กูเป็นคนเริ่มก่อนแค่อารมณ์ชั่ววูบ กูผิดเองแหละ” ผมก็ตอบว่า “ไม่เป็นไรเพื่อน กูก็ไม่ได้ติดใจอะไร”เหตุการณ์นี้เกิดจากอารมณ์โมโหแค่เพียงชั่ววูบ เรื่องเล็กๆก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ได้แต่ถ้าเราหันมาคุยกันด้วยเหตุและผลก็คงไม่ต้องมีใครเจ็บตัวนะครับเด็กๆทุกคน
มาฟังเรื่องกิจกรรมดีดีของผมบ้างดีกว่าการก้าวสู่การเป็นนักฟุตบอลของโรงเรียนของผม ช่วงนั้นผมจะเล่นบอลที่โรงเรียนทุกวันตอนเย็นแม่จะดุไม่ค่อยอยากให้ผมเล่นฟุตบอล ส่วนพ่อไม่เคยห้ามเรื่องอะไรเลยถ้าดีพ่อจะสนับสนุนตลอด ช่วงนั้นหลังเลิกเรียนผมจะไม่ค่อยรีบกลับบ้านแม่ก็จะบ่นว่ากลับบ้านเย็นจึงมีผลกระทบต่อเงินในกระเป๋าของผม แม่ให้เงินผมไปกินข้าวที่โรงเรียนวันละ 5 บาทบางวันเงินไม่พอซื้อข้าวกิน ผมก็ไม่ได้กินข้าวกลางวันแต่ผมก็ไม่ได้เล่าให้พ่อหรือใครฟังผมต้องเอาแก้วไปรองน้ำดื่มของโรงเรียนกินแก้หิวส่วนพ่อจะไม่ค่อยดุเวลาพ่อไปประชุมต่างจังหวัดพ่อจะมาบอกผมที่สนามบอลว่าพ่อเอาเงินใส่แก้ววางไว้ในตู้กระจก ให้ผมไปหยิบเอาไปใช้ได้ผมจะเป็นคนไม่ค่อยขอเงินพ่อกับแม่ ผมคิดในใจเสมอว่าผมไม่ใช่ลูกแท้ๆของท่านผมเกรงใจรอให้ท่านให้เอง แค่ท่านเอาผมมาเลี้ยง ให้ผมได้อยู่อาศัย ให้ข้าวกิน ให้ที่นอนให้มีโอกาสได้เรียนหนังสือก็มีบุญคุณกับผมมากแล้วมีอยู่วันหนึ่งผมได้รับคัดเลือกเป็นหนึ่งใน 2 คนของโรงเรียนกับเพื่อนผู้ชายอีกคนในห้องเดียวกับผมให้ไปเข้าร่วมคัดเลือกเข้าเรียนโรงเรียน ภปร.ในระดับมัธยม
ครูให้กลับไปถามผู้ปกครองก่อนว่าจะไปไหม แต่พ่อแม่ผมก็ไม่ให้ไปอยากให้เรียนใกล้ๆบ้าน เพื่อนผมจึงได้ไปคนเดียว แต่เพื่อนก็จับสลากไม่ติด เพื่อนบอกว่าถ้าผมไปเราสองคนอาจจะติดสักคนก็ได้เพราะคนจับต่อจากเพื่อนผม โชคดีได้รับคัดเลือก แต่ผมก็ไม่ได้สนใจมากเพราะผมตอนนั้นก็ยังโลกแคบไม่ค่อยรู้อะไรเท่าไหร่เพราะช่วงนั้นผมสนุกกับการเล่นฟุตบอลมากกว่า ผมมองว่าการได้เป็นนักฟุตบอลโรงเรียนดูเท่ห์มากมีชุดแข่ง มีร้องเท้าฟรี ความคิดผมอยากติดทีมฟุตบอลโรงเรียนผมจึงทุ่มเทกับการเล่นฟุตบอลมาก ก่อนหน้านั้นผมจะนั่งดูทีมฟุตบอลโรงเรียนซ้อมทุกวันอยู่เป็นเดือน พอนักฟุตบอลโรงเรียนซ้อมเสร็จผมก็จะแบ่งทีมเล่นฟุตบอลกับคนแถวนั้นที่มาเล่นกันประจำ จนครูเห็นในความสามารถของผมจึงบอกให้ผมไปซ้อมฟุตบอลกับทีมโรงเรียนด้วย จนถึงเวลาตัดตัว ผมก็ติดทีมโรงเรียนไปแข่งขันกับโรงเรียนอื่นผมจำได้ไม่ลืม วันที่ผมได้รับชุดแข่งทีมฟุตบอลโรงเรียนชุดแรก ผมยิ้มด้วยความภูมิใจเล็กๆ สำหรับบางคนแต่มันเปี่ยมไปด้วยความสุขมากๆสำหรับเด็กอายุ 11 ขวบอย่างผมในเวลานั้นกับความพยายามทุ่มเทเพื่อจะให้ได้อะไรบางอย่างที่ยากสำหรับผมในเวลานั้น วันนั้นครูแจกชุดแข่งก่อนกลับบ้าน เพราะพรุ่งนี้มีโปรแกรมแข่งขัน ผมกลับบ้านเอาชุดแข่งไปซักตาก ผมตากเสร็จ ผมนั่งมองเสื้อ กางเกง ถุงเท้า รองเท้าอย่างมีความสุขที่ผมได้ติดทีมฟุตบอลของโรงเรียนครั้งแรกในชีวิต วันรุ่งขึ้นผมไปโรงเรียนแต่เช้าเพื่อขึ้นรถโรงเรียนไปแข่งที่อื่น การใส่ชุดนักฟุตบอลโรงเรียนเดินในโรงเรียนมีคนมอง มีคนทัก มันดูเท่ห์มากเลยนะครับสำหรับผมตอนนั้น ตอนเดินขึ้นรถโรงเรียนเพื่อไปแข่งขันรู้สึกเหมือนเราเป็นฮีโร่เลย(พร้อมกับยิ้มจนแก้มปริ) สุดท้ายถึงเวลาแข่งผมเป็นตัวสำรองใส่ชุดนั่งดูไม่ได้ลงเล่นเลย แม้แต่นาทีเดียว ผลการแข่งขันเป็นยังไงผมจำไม่ได้หรอกครับ ตอนนั้นผมรู้สึกเศร้านั่งรถคอตกกลับโรงเรียนที่ไม่ได้ลงสนามแข่งสักนาทีเดียวเลย จบแบบเจ็บๆกับนักฟุตบอลโรงเรียนระดับประถมศึกษาของผม คงต้องพยายามสู้ต่อไปในระดับมัธยม (รอติดตามกันนะครับ.....)

ใกล้จันทร์
รอแสงตะวันส่องมาที่ฉัน EP12 "ประถมปีสุดท้าย"
ผมสนใจเล่นกีฬาฟุตบอลมากทุกเย็นหลังเลิกเรียน จนผมได้เป็นนักฟุตบอลของโรงเรียน รวมถึงกิจกรรมงานบ้านหน้าที่ประจำของผมตื่นแต่เช้าเหมือนเคย
เพื่อช่วยแม่ หุงข้าว เตรียมกับข้าวให้น้อง ล้างจานและผมต้องปั่นจักรยานไปโรงเรียน ไปกลับระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร และมีบทบาทหน้าที่ของผมอีกที่โรงเรียนผมได้เป็นสารวัตรนักเรียน ผมต้องไปเข้าเวรยืนถือธงโบกให้นักเรียนข้ามถนนหน้าโรงเรียนกับพี่จราจรผมยังมีกิจกรรมเป็นตัวแทนห้องเข้าแข่งอ่านโคลงสี่สุภาพได้ที่สองของโรงเรียน ไม่น่าเชื่อแอบยิ้มภูมิใจกับตัวเองทำได้ไง แต่มันคือเรื่องจริง กิจกรรมแต่ละวันทำให้ผมเหนื่อยพอสมควร
จนส่งผลต่อการเรียนของผมพอสมควร ผมสนใจการเรียนน้อยลง จากเกรดเฉลี่ย 4.00เกรดผมลดลงเหลือ 3 กว่าๆ คนเราจะเก่งไปทุกอย่างมันก็ไม่ได้หรอกแค่ทำสิ่งที่เรารักให้เต็มที่ และสิ่งที่เราอาจจะไม่ชอบ(การเรียน)แต่เป็นหน้าที่ที่ต้องทำให้ผ่านไปให้ได้ก็น่าจะเพียงพอ
สมัยนั้นผมมีวีรกรรมที่โด่งดังไปทั้งโรงเรียนผมยังจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้ไม่มีวันลืม ช่วงพักกลางวัน ผมเล่นเครื่องเล่นที่สนามเด็กเล่นเก่าๆพังๆอันหนึ่งกับเพื่อนๆ มันคือเครื่องเล่นที่มีวงแหวนหมุนได้ แบบดาวเสาร์ แต่มันพังแล้วมันหักเอนลงข้างนึงของวงแหวนติดกับพื้นดิน ผมกับเพื่อนขึ้นไปเหยียบวงแหวนแล้วเดิน เพื่อให้วงแหวนหมุนไปรอบๆจนตัวผมตกลงไปนอนกองอยู่กับพื้นดิน นิ้วกลางมือซ้ายผมถูกวงแหวนหมุนทับ จนเล็บหลุด ผมเจ็บมากเลือดไหลเต็มนิ้วมือที่โดนทับ เพื่อนๆตกใจมาก ทุกคนหยุดเล่นแล้วพาผมไปห้องพยาบาล เพื่อพบครูคุณครูตกใจแล้วถามว่า “ไปทำอะไรกันมาเลือดไหลเต็มเลยลูก มาครูดูสิ โหเล็บหลุดแบบนี้คงต้องพาไปโรงพยาบาลแล้วล่ะ” พูดเสร็จครูกีรีบพาผมไปโรงพยาบาล ไม่กี่นาทีพ่อผมก็ตามมาที่โรงพยาบาล ครูกับพ่อผมรู้จักกันครูเล่าวีรกรรมของผมให้พ่อฟังทั้งหมด แต่พ่อไม่ได้ดุผมเลย ใจดีจังนึกว่าจะโดนดุซะแล้วเรา พ่อบอกแค่ว่า “ซนดีนัก จะได้ไม่ซนอีก”
พ่อกับครูก็หัวเราะกัน หมอเข้ามาทำแผลให้ผม ผมร้องด้วยความแสบแผลที่เล็บพ่อคอยปลอบใจอยู่ข้างๆว่า “นักกีฬาแค่นี้เล็กน้อยเนอะไม่เจ็บหรอก”ผมถอนหายใจเบาเบาหลังจากทำแผลเสร็จจากนั้นพ่อผมขอบคุณหมอและคุณครู ฝากผมไว้กลับคุณครู “ฝากลูกผมด้วยนะครับคุณครูผมขอตัวกลับไปทำงานก่อนนะครับ แล้วเย็นจะมารับลูกครับ” ครูบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงเดี่ยวผมจะจัดการเด็กดื้อเองต้องตีสักทีดีไหมนะ แล้วหันมายิ้มให้ผม ส่วนผมก้มหน้าสำนึกผิดทำทุกคนวุ่นวายกันหมด แต่ครูก็ไม่ได้ตีหรอกครับแค่ขู่ผมเฉยๆ พ่อของผมหัวเราะแล้วก็ลาครูกลับไปทำงานต่อส่วนผมกับครูกลับโรงเรียน ครูส่งผมที่บันไดชั้นหนึ่ง ครูบอกว่าครูมาส่งแค่นี้นะเราไปเรียนต่อได้ใช่ไหม ผมตอบครูว่าได้ครับ ผมเดินขึ้นบันไดมาหยุดที่หน้าห้องเรียนผมรู้สึกอายเพื่อนๆ ไม่กล้าเข้าห้องเรียน ยืนทำใจสักพักก็ขออนุญาตครูเข้าห้องครูที่กำลังสอนอยู่หันมาตอบผมว่า “เข้ามาคะ เป็นไงคะ เครื่องเล่นที่ดีๆก็ไม่เล่นกันนะพวกเราเจ็บตัวเลยเห็นไหม ” เพื่อนๆก็หัวเราะผมทั้งห้อง ผมอายเลยวันนั้น รู้สึกเสียฟอร์ม เสียเวลาครูเสียเวลาพ่อผมก็ต้องเดือนร้อนพาผมไปล้างแผลทุกวัน แบบนี้เด็กๆไม่ควรทำตามนะครับ เหตุเกิดจากความคึกคะนองในวัยเด็กและความประมาทแท้ๆ
ยังมีวีรกรรมที่ผมไม่อยากให้เกิดหรอกครับต้องบอกก่อนว่านิสัยผมไม่ได้เป็นคนเกเร ไม่ชอบหาเรื่องใคร และเหตุการณ์ที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ผมก็ไม่ใช่คนหาเรื่องก่อนแต่ผมทำเพื่อปกป้องตัวเอง แต่การแก้ปัญหาด้วยกำลังในวัยเด็กนั้นอาจจะไม่ถูกต้อง ไม่ควรเลียนแบบนะครับเรื่องมีอยู่ว่า ผมชอบเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งในห้องเดียวกัน เธอเป็นคนหน้าตาน่ารักมากตอนนั้นคงจะเป็นความชอบแบบเด็กๆไร้เดียงสา แต่เราไม่ค่อยได้คุยกันหรอกครับ แค่แอบๆมองกัน เพราะมีเพื่อนชายคนหนึ่งในห้องผม ก็ดูเป็นคนอันธพาลสักหน่อยออกตัวแรงเลย ประกาศตัวว่าเขาชอบเธอ ผมเลยอยู่เฉยๆ เพราะไม่อยากมีปัญหากับเพื่อนห้องเดียวกันแต่แล้วก็เกิดเรื่องจนได้ ผมก็ไม่รู้ว่าเพื่อนคนนั้นรู้ได้ไงว่าผมแอบชอบสาวคนเดียวกับเขาวันนั้นผมกำลังนั่งเล่นอยู่ที่ในโรงอาหารกับกลุ่มเพื่อนตอนช่วงบ่าย เป็นช่วงว่างครูไม่อยู่ผมจำไม่ได้ว่าครูไปไหนผมไม่เคยคิดจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับผม ผมไม่ทันได้ระวังตัวเลย เพื่อนคนนั้นเดินมาจับหัวผมโขกกับโต๊ะไม้เสียงดังตึงเพื่อนในห้องทุกคนหันมามองหมด ทุกคนตกใจกับเหตุการณ์นี้ เขาจับหัวผมกดกับโต๊ะแล้วพูดว่า “ชอบผู้หญิงที่กูชอบเหรอ” ผมมึนหัว และโกรธมาก ผมไม่ตอบอะไรทั้งนั้นผมไม่เคยมีเรื่องชกต่อยเลยตั้งแต่เรียนมา นี่เป็นครั้งแรก ผมเอามือผมจับมือเขาและสะบัดตัวขึ้นมายืนได้ แล้วจับคอเสื้อเพื่อน จะชกคืน แต่เพื่อนๆห้ามไว้ เพื่อนๆผู้ชายในห้องบอกว่าไปเคลียร์กันที่ห้องน้ำหลังโรงเรียน จะได้ไม่มีใครเห็น ตอนนั้นผมกำลังโกรธผมรู้สึกตัวเองถูกทำร้ายอยู่ฝ่ายเดียว โดยที่ผมไม่ผิดอะไรเลย และเขาก็ไม่เคยถามหรือพูดคุยกับผมดีดีเลยเพื่อนชายก็ช่างยุ บอกให้เราสองคนต่อยกันให้จบ ใครแพ้ ก็ให้เลิกแล้วต่อกันห้ามหาเรื่องกันอีกตอนนั้นผมกำหมัดแน่นผมโกรธอยากเอาคืน เราสองคนจ้องตากันไม่กระพริบเพื่อนๆช่วยกันล็อคเราไว้ทั้งคู่พอเพื่อนปล่อย เราพุ่งเข้าหากัน ด้วยที่ผมเป็นนักกีฬาโรงเรียน เล่นกีฬาทุกวันเร็วกว่าและแรงเยอะกว่า ผมชกหน้าแล้วกดหน้าเพื่อนผมลงกับพื้นไม่ให้ลุกขึ้นมาได้ อีกฝ่ายสู้แรงผมไม่ได้จนสุดท้ายเพื่อนต้องเข้ามาห้าม และดึงตัวผมออกไปส่วนเพื่อนผู้หญิงคนที่ผมแอบชอบก็เดินมาจับแก้มผม แล้วถามว่าเจ็บไหม เพื่อนผู้ชายคนอื่นในห้องผมก็แซวว่าเธอนั้นแหละตัวดีทำให้มันเจ็บตัว หลังจากเหตุการณ์นั้นผมก็พยายามเลี่ยงไม่พูดไม่คุยกับเธออีก ผมคิดว่าต้องมีคนยุให้เพื่อนคนนั้นมาหาเรื่องผมแต่สุดท้ายเพื่อนชายคนนั้นเขาก็มาขอโทษผมเขาบอกับผมว่า “กูขอโทษด้วยวะ กูเป็นคนเริ่มก่อนแค่อารมณ์ชั่ววูบ กูผิดเองแหละ” ผมก็ตอบว่า “ไม่เป็นไรเพื่อน กูก็ไม่ได้ติดใจอะไร”เหตุการณ์นี้เกิดจากอารมณ์โมโหแค่เพียงชั่ววูบ เรื่องเล็กๆก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ได้แต่ถ้าเราหันมาคุยกันด้วยเหตุและผลก็คงไม่ต้องมีใครเจ็บตัวนะครับเด็กๆทุกคน
มาฟังเรื่องกิจกรรมดีดีของผมบ้างดีกว่าการก้าวสู่การเป็นนักฟุตบอลของโรงเรียนของผม ช่วงนั้นผมจะเล่นบอลที่โรงเรียนทุกวันตอนเย็นแม่จะดุไม่ค่อยอยากให้ผมเล่นฟุตบอล ส่วนพ่อไม่เคยห้ามเรื่องอะไรเลยถ้าดีพ่อจะสนับสนุนตลอด ช่วงนั้นหลังเลิกเรียนผมจะไม่ค่อยรีบกลับบ้านแม่ก็จะบ่นว่ากลับบ้านเย็นจึงมีผลกระทบต่อเงินในกระเป๋าของผม แม่ให้เงินผมไปกินข้าวที่โรงเรียนวันละ 5 บาทบางวันเงินไม่พอซื้อข้าวกิน ผมก็ไม่ได้กินข้าวกลางวันแต่ผมก็ไม่ได้เล่าให้พ่อหรือใครฟังผมต้องเอาแก้วไปรองน้ำดื่มของโรงเรียนกินแก้หิวส่วนพ่อจะไม่ค่อยดุเวลาพ่อไปประชุมต่างจังหวัดพ่อจะมาบอกผมที่สนามบอลว่าพ่อเอาเงินใส่แก้ววางไว้ในตู้กระจก ให้ผมไปหยิบเอาไปใช้ได้ผมจะเป็นคนไม่ค่อยขอเงินพ่อกับแม่ ผมคิดในใจเสมอว่าผมไม่ใช่ลูกแท้ๆของท่านผมเกรงใจรอให้ท่านให้เอง แค่ท่านเอาผมมาเลี้ยง ให้ผมได้อยู่อาศัย ให้ข้าวกิน ให้ที่นอนให้มีโอกาสได้เรียนหนังสือก็มีบุญคุณกับผมมากแล้วมีอยู่วันหนึ่งผมได้รับคัดเลือกเป็นหนึ่งใน 2 คนของโรงเรียนกับเพื่อนผู้ชายอีกคนในห้องเดียวกับผมให้ไปเข้าร่วมคัดเลือกเข้าเรียนโรงเรียน ภปร.ในระดับมัธยม
ครูให้กลับไปถามผู้ปกครองก่อนว่าจะไปไหม แต่พ่อแม่ผมก็ไม่ให้ไปอยากให้เรียนใกล้ๆบ้าน เพื่อนผมจึงได้ไปคนเดียว แต่เพื่อนก็จับสลากไม่ติด เพื่อนบอกว่าถ้าผมไปเราสองคนอาจจะติดสักคนก็ได้เพราะคนจับต่อจากเพื่อนผม โชคดีได้รับคัดเลือก แต่ผมก็ไม่ได้สนใจมากเพราะผมตอนนั้นก็ยังโลกแคบไม่ค่อยรู้อะไรเท่าไหร่เพราะช่วงนั้นผมสนุกกับการเล่นฟุตบอลมากกว่า ผมมองว่าการได้เป็นนักฟุตบอลโรงเรียนดูเท่ห์มากมีชุดแข่ง มีร้องเท้าฟรี ความคิดผมอยากติดทีมฟุตบอลโรงเรียนผมจึงทุ่มเทกับการเล่นฟุตบอลมาก ก่อนหน้านั้นผมจะนั่งดูทีมฟุตบอลโรงเรียนซ้อมทุกวันอยู่เป็นเดือน พอนักฟุตบอลโรงเรียนซ้อมเสร็จผมก็จะแบ่งทีมเล่นฟุตบอลกับคนแถวนั้นที่มาเล่นกันประจำ จนครูเห็นในความสามารถของผมจึงบอกให้ผมไปซ้อมฟุตบอลกับทีมโรงเรียนด้วย จนถึงเวลาตัดตัว ผมก็ติดทีมโรงเรียนไปแข่งขันกับโรงเรียนอื่นผมจำได้ไม่ลืม วันที่ผมได้รับชุดแข่งทีมฟุตบอลโรงเรียนชุดแรก ผมยิ้มด้วยความภูมิใจเล็กๆ สำหรับบางคนแต่มันเปี่ยมไปด้วยความสุขมากๆสำหรับเด็กอายุ 11 ขวบอย่างผมในเวลานั้นกับความพยายามทุ่มเทเพื่อจะให้ได้อะไรบางอย่างที่ยากสำหรับผมในเวลานั้น วันนั้นครูแจกชุดแข่งก่อนกลับบ้าน เพราะพรุ่งนี้มีโปรแกรมแข่งขัน ผมกลับบ้านเอาชุดแข่งไปซักตาก ผมตากเสร็จ ผมนั่งมองเสื้อ กางเกง ถุงเท้า รองเท้าอย่างมีความสุขที่ผมได้ติดทีมฟุตบอลของโรงเรียนครั้งแรกในชีวิต วันรุ่งขึ้นผมไปโรงเรียนแต่เช้าเพื่อขึ้นรถโรงเรียนไปแข่งที่อื่น การใส่ชุดนักฟุตบอลโรงเรียนเดินในโรงเรียนมีคนมอง มีคนทัก มันดูเท่ห์มากเลยนะครับสำหรับผมตอนนั้น ตอนเดินขึ้นรถโรงเรียนเพื่อไปแข่งขันรู้สึกเหมือนเราเป็นฮีโร่เลย(พร้อมกับยิ้มจนแก้มปริ) สุดท้ายถึงเวลาแข่งผมเป็นตัวสำรองใส่ชุดนั่งดูไม่ได้ลงเล่นเลย แม้แต่นาทีเดียว ผลการแข่งขันเป็นยังไงผมจำไม่ได้หรอกครับ ตอนนั้นผมรู้สึกเศร้านั่งรถคอตกกลับโรงเรียนที่ไม่ได้ลงสนามแข่งสักนาทีเดียวเลย จบแบบเจ็บๆกับนักฟุตบอลโรงเรียนระดับประถมศึกษาของผม คงต้องพยายามสู้ต่อไปในระดับมัธยม (รอติดตามกันนะครับ.....)