TIMELINE
MRT จตุจักร
สถานีขนส่งนครชัยแอร์ กรุงเทพ
สถานีขนส่งอุบลราชธานี
ด่านช่องเม็ก
ด่านลาว
ปากเซ
ตลาดดาวเรือง
โรงแรมดาวเวียง2
ปราสาทหินวัดพูสี
ร้านด้วยรักจำปาสัก
โรงแรมดาวเวียง2
ตลาดดาวเรือง
ด่านลาว
ด่านช่องเม็ก
สถานีขนส่งอุบลราชธานี
ร้านมิตรสัมพันธ์
ร้านเล็กนมสด
ถนนคนเดิน
สถานีขนส่งนครชัยแอร์ อุบลราชธานี
สถานีขนส่งนครชัยแอร์ กรุงเทพ
ทริปหนีฝุ่น จากกทม พุ่งสู่ปากเซ เมืองอารยธรรม
งบประมาณ2800บาท
ค่าเดินทาง1800บาท ไปกลับด้วยรถทัวร์นครชัยแอร์
ค่าผ่านด่านขาไป100บาท ขากลับ200บาท
ค่าเข้าชมปราสาทวัดพูสี181บาท (ถ้าเราไม่นั่งshuttle busราคาจะตกอยู่ที่ประมาณ150บาท)
ค่าที่พัก 236บาท/คน/คืน
ค่าอาหาร 200 บาท (ข้าว 2มื้อ คาเฟ่1ที่)
สวัสดีมวลมนุษยชาติทุกคน ตอนที่กระทู้นี้ถูกอัพลง พวกเราคงมีชีวิตรอดกลับมาเหยียบไทยแล้ว ขอเกริ่นก่อน แก๊งเรามี4คน วางแผนกันแบบสุดโต่งมาก คือผู้หญิง4คนกับกระเป๋าเป้คนละใบไปปากเซโดยไม่มีการจองที่พัก ไปแบบค่ำไหนนอนนั้น บ้าที่สุด อ่ะมาถึงขนาดนี้แล้ว ไปก็ไป go!!!
start ที่mrtจตุจักร เวลาประมาณ 2 ทุ่ม รถออก 4 ทุ่ม ครึ่ง พวกเรานัดรวมตัวกันที่นี่ก่อน จะได้ไปพร้อมกัน แต่ แต่ แต่ เพื่อน1คนนั้นขอไปโผล่ที่สถานีขนส่งนครชัยเลย เรา 3 หน่อก็เลยต้องหาทางไปกันเอง ด้วยความชะล่าใจคิดว่าเผื่อเวลาไว้แล้วเลยรอรถเมล์ สงสัยบุญจะไม่มี รถเมล์นั้นไม่มาสักที จนในที่สุด พวกเราทั้ง 3 คนจึงตัดสินใจเรียกแท็กซี่ไปนครชัยแอร์ โดนเรียกไป 100 บาท แต่ก็คุ้มนะ เพราะไม่มีคันไหนรับเราเลย หลังจากไปถึงยังมีเวลาเหลือก็นั่งรอ เซลฟี่กัน พอได้ขึ้นรถ เราทุกคนกินของว่างที่พนักงานแจก (ซึ่งเยอะมาก) บางคนก็หลับ บางคนก็ดูภาพยนตร์ในจอ (บนรถนครชัยแอร์จะมีหน้าจออยู่ด้านหน้าเป็นระบบสัมผัส มีให้เลือกว่าจะดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม ได้หมด และถ้าไม่มีหูฟังสามารถขอพนักงานได้) พอไปถึงที่สถานีขนส่งอุบลราชธานีในตอนเช้าของวันที่ 1 ช่วงนั้นอากาศค่อนข้างหนาว ทุกคนก็แยกย้ายกันไปเข้าห้องทำ ล้างหน้า แปรงฟัน แล้วจึงไปซื้อตั๋วรถตู้ไปช่องเม็ก ระหว่างรอรถออกก็ไปหาอะไรกินกันแถวนั้น เมื่อถึงเวลาจึงออกเดินทางไปด่านช่องเม็ก เราไปถึงด่านประมาณ 10 โมง ตอนนั้นแดดร้อนมาก ความเย็นที่สัมผัสได้ในตอนเช้าหายไปหมดแล้ว พวกเราเดินฝ่าแดดร้อนๆไปหาเซเว่นแถวด่าน ตรงด่านจะมีแม่ค้าขายซิมโทรศัพท์อยู่เยอะมาก ตอนที่พวกเราไปถึงก็มีแม่ค้า 3 คนเดินประกบพยายามขายซิมให้ พวกเราเลยเดินหนีเข้าไปในเซเว่น แต่ทั้ง 3 คนก็ตามมารอหน้าเซเว่น พวกเราเลยเปิดซิมลาวไปหนึ่งเบอร์ แล้วก็เดินหาที่ทำหนังสือผ่านแดน ปรากฎว่าอยู่ตรงข้ามกับที่ที่ลงรถมา เลยต้องเดินย้อนกลับไป ใช้เวลาทำประมาณ 5 นาทีก็เสร็จ ใช้แค่บัตรประชาชนกับเงินเท่านั้น แล้วก็เดินกลับมาที่ด่านช่องเม็ก ซึ่งก็ยังมีแม่ค้าคนเดิมเดินตามมาถึงฝั่งลาว หลังจากข้ามมาที่ลาว พวกเราก็ไปแลกเงินกัน จะมีธนาคารอยู่แถวนั้นไปเเลกได้ หลังจากแลกเงินแล้วพวกเราก็เข้าไปเสียเงินที่ด่านลาว 100 บาท เรานั่งอยู่ตรงนั้นกันสักพักเพราะไม่รู้ต้องไปไหนต่อ ระหว่างนั้นก็มีแม่ค้าซิมเข้ามาขายซิมเรื่อยๆ พวกเราเลยบอกว่าเปิดซิมลาวแล้ว แม่ค้าคนเดิมที่ตามพวกเรามาก็ถามว่าเอารถตู้ไหม คือนางพยายามจะให้เรานั่งรถตู้ของนาง โชคดีเจอพี่คนไทย 2 คนมาเที่ยวกัน เลยตามพี่เค้าไปด้วย พี่เค้าจะไปลงที่ตลาดดาวเรือง เราก็ลงตามเลยจ้าาา
ปากเซจ๋าพี่มาแล้ววววว ภาพที่คิดไว้คืออากาศที่บริสุทธิ์ อุตส่าห์มาทั้งที่พี่ขอสูดอากาศให้เต็มปอด พอเหยียบปากเซเท่านั้นแหละ ทุกคนต่างลงมติว่าหาที่พักเถอะร้อนมาก ระหว่างที่เรากำลังหาที่พัก โป๊ะป๊ะเจอเข้ากับลุงคนนึง แกเดินเข้ามาอาสาจะพาหาที่พัก(คนที่นี่ขายของกันเก่งมาก ถ้าเห็นเป็นนักท่องเที่ยวปุ๊บ จะมีการเข้ามาถาม มาขายของยังกับทีวีไดเรค)

บรรยากาศบนรถตู้exclusiveของเราและคุณลุงไกด์ของเรา
ใช่ค่ะเราถูกตกเบ็ดโดยง่าย ด้วยความร้อนและเหนื่อยจากการเดินทาง พวกเราอยากล้างหน้า ล้างตากันเต็มที เลยตอบตกลงให้ลุงพาไป ลุงพาเราโรงแรมแห่งหนึ่งเป็นตึกแถว ที่อยู่หัวมุมสามแยก ชื่อโรงแรมดาวเวียง2 ซึ่งเราก็ยังสงสัยอยู่ว่าดาวเวียงหนึ่งมันอยู่ไหน ดีลราคาเสร็จก็เข้าพักทันทีโดยเราแบ่งกันเป็นห้องละ2คน ตกคนละประมาณ 236 บาท
ช่วงรีวิวโรงแรม โรงแรมดาวเวียง2
Location : https://1th.me/286X
โรงแรมขนาดเล็กมีร้านอาหารของโรงแรมอยู่ติดกัน ราคาอยู่ที่500-800บาท ห้องแอร์ มีเครื่องทำน้ำอุ่น ตู้เย็นและทีวี พักได้2-3คนต่อห้อง เหมาะกับคนbudgetน้อยแบบเรา โรงแรมราคาประหยัด ห้องพักโอเค ให้อารมณ์อพาร์ตเมนต์ มีลิฟท์ มีพนักงานที่เคาท์เตอร์ตลอด ปลอดภัย
หลังจากเข้าห้องมาเราก็นั่งคำนวณเงินที่ใช้ไปในช่วงเช้าและวางแผนตะลุยปราสาทหินวัดพูสี จุดหมายของเรานั่นเอง โดยพวกเราตัดสินใจเหมารถตู้ เพราะจุดหมายของเราอยู่ไกล บวกกับไม่รู้ทาง เราจึงคิดว่าเหมาไปเลยดีกว่า ราคาก็พอรับได้เมื่อหาร 4 คน เมื่อถึงเวลานัดเราก็ลงมารวมกันที่ล็อบบี้แล้วโทรเรียกลุงคนขับรถ(ลุงเค้าให้นามบัตรไว้) แต่ซิมลาวที่เปิดใช้โทรไม่ได้ เล่นได้แค่อินเทอร์เน็ต เลยไปขอให้พนักงานโรงแรมโทรให้ พอลุงมาพวกเราก็ขึ้นรถกัน ใช้เวลาเดินทางสักพัก ในที่สุดพวกเราก็มาถึงทางเข้าปราสาทหินวัดพูสีกันแล้ว!!! เมื่ิอเดิน้ข้าไปจะเจอร้านขายของกินทั้ง 2 ข้าง พวกเราเดินไปหยุดอยู่ที่ร้านร้านหนึ่ง ร้านนั้นขายกล้วยปิ้ง แต่ไม่ใช่กล้วยปิ้งธรรมดา มันคือกล้วยใส่ไส้มะพร้าว! อร่อยมาก ราคา 5 พันกีบ ได้ 3 ชิ้น

เจ้ากล้วยของพวกเรา
กล้วยไส้มะพร้าว
หลังจากท้องอิ่มแล้วก็ได้เวลาไปซื้อตั๋ว โดยที่ขายตั๋วจะอยู่ทางด้านขวาของทางเดิน ราคาตั๋วจะอยู่ที่ 5 หมื่นกีบ หรือประมาณ 180 บาท แต่ถ้าจ่ายเป็นเงินไทย จะต้องจ่าย 200 บาทนะจ๊ะ พอซื้อตั๋วเสร็จเราก็เดินต่อไป จะไปเจอรถคล้ายๆรถกะป๊อบ้านเรา เราก็ขึ้นไปนั่งกันเลย~
ตั๋วเข้าปราสาทวัดพูสี
รถคันนี้จะพาเราไปที่บริเวณตัวปราสาท เนื่องจากตัวปราสาทอยู่ไกลจากทางเข้า แต่ถ้าจะเดินก็เดินได้ ตลอดทางเราก็เห็นเด็กชาวลาวปั่นจักรยานเล่นกันสนุกสนาน เมื่อไปถึงจะมีซุ้มขายพวกดอกไม้ธูปเทียนใส่กรวยใบตองสำหรับนำไปไหว้พระอยู่ ราคาอันละ 5 พันกีบ
ดอกไม้ธูปเทียน จากคุณป้าหน้าทางเข้า
และแล้วเวลาที่เรารอคอยก็มาถึงงงง เราเดินเข้าไปถึงตัวปราสาทหินกัน สิ่งที่คิดก็คือ คล้ายปราสาทหินบ้านเราเลย แต่ตัวปราสาทดูสมบูรณ์กว่า ตัวปราสาทหินจะมีอยู่ 2 แห่งใกล้กัน ตอนที่พวกเราไป ปราสาททางด้านขวากำลังปรับปรุงซ่อมแซมอยู่ มองเห็นแต่ผ้าใบก่อสร้างกับตัวปราสาทบางส่วน ส่วนตัวปราสาทอีกแห่ง ระหว่างตัวปราสาททั้งสองจะมีทางเดินขึ้นไปบนเขา ซึ่ง! ไกลมากและเหนื่อยมาก ทางก็ค่อนข้างชัน ระหว่างที่พวกเราเดินขึ้นไปต้องฝ่าแดดร้อนๆ แถมเดินเท่าไหร่ก็ไม่ถึงสักที กว่าจะไปถึงตัววัดก็เล่นเอาหอบกันทุกคน แต่พอไปถึงก็รู้สึกว่าคุ้มอยู่ ด้านบนจะมีร้านเล็กๆขายน้ำ และของกิน พอหายเหนื่อยแล้วจึงเข้าไปไหว้พระ พวกเราเดินสำรวจด้านนอกอีกสักหน่อยก่อนจะกลับลงไปข้างล่าง
ระหว่างทางกลับที่พัก พวกเราผ่านร้านกาแฟน่ารักๆ ชื่อว่า ‘ด้วยรักจำปาสัก’ (Champasak with love) จึงขอให้ลุงจอดก่อน ด้านหลังร้านจะติดกับแม่น้ำ บรรยากาศร้านออกแนวสบายๆ ร่มรื่น มีลมพัดตลอดเวลา
หลังจากนั่งเล่นกันพักใหญ่ๆ ก็ได้เวลาเดินทางกลับ ทีแรกเราวางแผนจะไปชมพระอาทิตย์ตกดินที่วัดพูสะเหลา แต่ปรากฎว่าเราหลับกันหมด รู้ตัวอีกทีก็ถึงที่พักแล้ว ด้วยความเหนื่อยจากการเดินทาง บวกกับความเหนื่อยจากการเดินขึ้นเขาทำให้พวกเราตัดสินใจแยกย้ายกันขึ้นห้องอาบน้ำอาบท่ากัน เรานัดกันข้างล่างเพื่อออกไปทานอาหารเย็น ซึ่งร้านที่เราเลือกก็คือ ร้านอาหารที่อยู่ข้างโรงแรมนั่นเอง ที่ร้านจะมีติ่มซำ กับอาหารให้เลือกมากมาย ราคาติ่มซำจะอยู่ที่เข่งละ 5 พันกีบ มี 2 ชิ้น ส่วนอาหารราคาถูกสุดจะอยู่ที่ 1 หมื่น 5 พันกีบ
หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จก็ได้ฤกษ์นอน แล้วพบกันวันพรุ่งนี้ค่ะ
เช้าวันนี้ตอนที่พวกเราตื่น ท้องฟ้าเริ่มสว่างแล้ว พวกเราจึงชวนกันออกไปดูพระอาทิตย์ขึ้น ภาพของท้องฟ้าสีฟ้าอ่อนค่อยๆมีแสงสีส้มชมพูโผล่ขึ้นมาพร้อมกับพระอาทิตย์เป็นภาพที่สวยมาก เพราะที่ลาวไม่มีตึกสูง จึงสามารถเห็นพระอาทิตย์ขึ้นได้ ต่างจากกรุงเทพฯที่มีแต่ตึกสูงบัง
หลังจากดูพระอาทิตย์ขึ้น เราก็ไปจัดการตัวเองให้พร้อมสำหรับการเดินทางกลับ พวกเราลงไปทานอาหารเช้าที่ร้านเดิม ก่อนจะคืนกุญแจและขึ้นรถลุงไป เราแวะซื้อของฝากที่ตลาดดาวเรือง เมื่อเดินเข้าไปจึงได้รู้ว่าตลาดแห่งนี้ ขายพวกสร้อยทองและเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าไหมเป็นหลัก เราได้ผ้าไหมกลับไปคนละผืนสองผืน ตอนนี้เราได้ของฝากกันแล้ว ก็ถึงเวลาเดินทาง ลุงไปส่งเราที่ด่านลาว เรากล่าวขอบคุณลุงและจ่ายเงิน ก่อนจะเดินไปที่ธนาคารลาวที่เดิมเพื่อแลกเงินกลับ และเดินไปที่ด่านลาวเพื่อจ่ายเงิน 200 บาท เราเดินลอดอุโมงค์กลับไปฝั่งไทย ที่ด่านไทย เจ้าหน้าที่จะเก็บใบผ่านแดนของเราไป เราก็เดินออกมาได้เลย ประเทศไทยจ๋า เรากลับมาแล้วว
จากทริปนี้เราได้สรุปเป็นข้อแนะนำสำหรับคนที่จะไปเที่ยวลาว ดังนี้
1.เวลาซื้อของให้จ่ายเป็นเงินกีบเพราะถูกกว่า พ่อค้าแม่ค้าจะชอบบอกราคาเป็นเงินไทย ให้ถามราคาเป็นกีบแล้วจ่ายตามนั้น
2.ไม่ต้องกลัวอดตาย คนลาวขายของเก่ง เดินมาเสนอถึงที่เลย แต่ต้องเช็คราคาดีๆนะ
3.การเดินทางในลาว คนส่วนใหญ่จะใช้รถจักรยานยนต์ ถ้าเช่าเหมารถตู้จะแพง แต่ถ้าไปหลายคนก็คุ้ม
4.ถ้าสิ่งไหนที่เขามาเสนอแล้วเราไม่ต้องการให้ปฏิเสธไปเลย อย่าทำท่าทางไม่แน่ใจ หนักแน่นไว้
5.ไม่ต้องกังวลเรื่องภาษา คนลาวฟังภาษาไทยออก และภาษาลาวใกล้เคียงกับภาษาไทยมาก
มีคลิปโปรดติดตาม
[CR] ใครไม่เซ ปากเซ
MRT จตุจักร
สถานีขนส่งนครชัยแอร์ กรุงเทพ
สถานีขนส่งอุบลราชธานี
ด่านช่องเม็ก
ด่านลาว
ปากเซ
ตลาดดาวเรือง
โรงแรมดาวเวียง2
ปราสาทหินวัดพูสี
ร้านด้วยรักจำปาสัก
โรงแรมดาวเวียง2
ตลาดดาวเรือง
ด่านลาว
ด่านช่องเม็ก
สถานีขนส่งอุบลราชธานี
ร้านมิตรสัมพันธ์
ร้านเล็กนมสด
ถนนคนเดิน
สถานีขนส่งนครชัยแอร์ อุบลราชธานี
สถานีขนส่งนครชัยแอร์ กรุงเทพ
ทริปหนีฝุ่น จากกทม พุ่งสู่ปากเซ เมืองอารยธรรม
งบประมาณ2800บาท
ค่าเดินทาง1800บาท ไปกลับด้วยรถทัวร์นครชัยแอร์
ค่าผ่านด่านขาไป100บาท ขากลับ200บาท
ค่าเข้าชมปราสาทวัดพูสี181บาท (ถ้าเราไม่นั่งshuttle busราคาจะตกอยู่ที่ประมาณ150บาท)
ค่าที่พัก 236บาท/คน/คืน
ค่าอาหาร 200 บาท (ข้าว 2มื้อ คาเฟ่1ที่)
สวัสดีมวลมนุษยชาติทุกคน ตอนที่กระทู้นี้ถูกอัพลง พวกเราคงมีชีวิตรอดกลับมาเหยียบไทยแล้ว ขอเกริ่นก่อน แก๊งเรามี4คน วางแผนกันแบบสุดโต่งมาก คือผู้หญิง4คนกับกระเป๋าเป้คนละใบไปปากเซโดยไม่มีการจองที่พัก ไปแบบค่ำไหนนอนนั้น บ้าที่สุด อ่ะมาถึงขนาดนี้แล้ว ไปก็ไป go!!!
start ที่mrtจตุจักร เวลาประมาณ 2 ทุ่ม รถออก 4 ทุ่ม ครึ่ง พวกเรานัดรวมตัวกันที่นี่ก่อน จะได้ไปพร้อมกัน แต่ แต่ แต่ เพื่อน1คนนั้นขอไปโผล่ที่สถานีขนส่งนครชัยเลย เรา 3 หน่อก็เลยต้องหาทางไปกันเอง ด้วยความชะล่าใจคิดว่าเผื่อเวลาไว้แล้วเลยรอรถเมล์ สงสัยบุญจะไม่มี รถเมล์นั้นไม่มาสักที จนในที่สุด พวกเราทั้ง 3 คนจึงตัดสินใจเรียกแท็กซี่ไปนครชัยแอร์ โดนเรียกไป 100 บาท แต่ก็คุ้มนะ เพราะไม่มีคันไหนรับเราเลย หลังจากไปถึงยังมีเวลาเหลือก็นั่งรอ เซลฟี่กัน พอได้ขึ้นรถ เราทุกคนกินของว่างที่พนักงานแจก (ซึ่งเยอะมาก) บางคนก็หลับ บางคนก็ดูภาพยนตร์ในจอ (บนรถนครชัยแอร์จะมีหน้าจออยู่ด้านหน้าเป็นระบบสัมผัส มีให้เลือกว่าจะดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม ได้หมด และถ้าไม่มีหูฟังสามารถขอพนักงานได้) พอไปถึงที่สถานีขนส่งอุบลราชธานีในตอนเช้าของวันที่ 1 ช่วงนั้นอากาศค่อนข้างหนาว ทุกคนก็แยกย้ายกันไปเข้าห้องทำ ล้างหน้า แปรงฟัน แล้วจึงไปซื้อตั๋วรถตู้ไปช่องเม็ก ระหว่างรอรถออกก็ไปหาอะไรกินกันแถวนั้น เมื่อถึงเวลาจึงออกเดินทางไปด่านช่องเม็ก เราไปถึงด่านประมาณ 10 โมง ตอนนั้นแดดร้อนมาก ความเย็นที่สัมผัสได้ในตอนเช้าหายไปหมดแล้ว พวกเราเดินฝ่าแดดร้อนๆไปหาเซเว่นแถวด่าน ตรงด่านจะมีแม่ค้าขายซิมโทรศัพท์อยู่เยอะมาก ตอนที่พวกเราไปถึงก็มีแม่ค้า 3 คนเดินประกบพยายามขายซิมให้ พวกเราเลยเดินหนีเข้าไปในเซเว่น แต่ทั้ง 3 คนก็ตามมารอหน้าเซเว่น พวกเราเลยเปิดซิมลาวไปหนึ่งเบอร์ แล้วก็เดินหาที่ทำหนังสือผ่านแดน ปรากฎว่าอยู่ตรงข้ามกับที่ที่ลงรถมา เลยต้องเดินย้อนกลับไป ใช้เวลาทำประมาณ 5 นาทีก็เสร็จ ใช้แค่บัตรประชาชนกับเงินเท่านั้น แล้วก็เดินกลับมาที่ด่านช่องเม็ก ซึ่งก็ยังมีแม่ค้าคนเดิมเดินตามมาถึงฝั่งลาว หลังจากข้ามมาที่ลาว พวกเราก็ไปแลกเงินกัน จะมีธนาคารอยู่แถวนั้นไปเเลกได้ หลังจากแลกเงินแล้วพวกเราก็เข้าไปเสียเงินที่ด่านลาว 100 บาท เรานั่งอยู่ตรงนั้นกันสักพักเพราะไม่รู้ต้องไปไหนต่อ ระหว่างนั้นก็มีแม่ค้าซิมเข้ามาขายซิมเรื่อยๆ พวกเราเลยบอกว่าเปิดซิมลาวแล้ว แม่ค้าคนเดิมที่ตามพวกเรามาก็ถามว่าเอารถตู้ไหม คือนางพยายามจะให้เรานั่งรถตู้ของนาง โชคดีเจอพี่คนไทย 2 คนมาเที่ยวกัน เลยตามพี่เค้าไปด้วย พี่เค้าจะไปลงที่ตลาดดาวเรือง เราก็ลงตามเลยจ้าาา
ปากเซจ๋าพี่มาแล้ววววว ภาพที่คิดไว้คืออากาศที่บริสุทธิ์ อุตส่าห์มาทั้งที่พี่ขอสูดอากาศให้เต็มปอด พอเหยียบปากเซเท่านั้นแหละ ทุกคนต่างลงมติว่าหาที่พักเถอะร้อนมาก ระหว่างที่เรากำลังหาที่พัก โป๊ะป๊ะเจอเข้ากับลุงคนนึง แกเดินเข้ามาอาสาจะพาหาที่พัก(คนที่นี่ขายของกันเก่งมาก ถ้าเห็นเป็นนักท่องเที่ยวปุ๊บ จะมีการเข้ามาถาม มาขายของยังกับทีวีไดเรค)
บรรยากาศบนรถตู้exclusiveของเราและคุณลุงไกด์ของเรา
ใช่ค่ะเราถูกตกเบ็ดโดยง่าย ด้วยความร้อนและเหนื่อยจากการเดินทาง พวกเราอยากล้างหน้า ล้างตากันเต็มที เลยตอบตกลงให้ลุงพาไป ลุงพาเราโรงแรมแห่งหนึ่งเป็นตึกแถว ที่อยู่หัวมุมสามแยก ชื่อโรงแรมดาวเวียง2 ซึ่งเราก็ยังสงสัยอยู่ว่าดาวเวียงหนึ่งมันอยู่ไหน ดีลราคาเสร็จก็เข้าพักทันทีโดยเราแบ่งกันเป็นห้องละ2คน ตกคนละประมาณ 236 บาท
ช่วงรีวิวโรงแรม โรงแรมดาวเวียง2
Location : https://1th.me/286X
โรงแรมขนาดเล็กมีร้านอาหารของโรงแรมอยู่ติดกัน ราคาอยู่ที่500-800บาท ห้องแอร์ มีเครื่องทำน้ำอุ่น ตู้เย็นและทีวี พักได้2-3คนต่อห้อง เหมาะกับคนbudgetน้อยแบบเรา โรงแรมราคาประหยัด ห้องพักโอเค ให้อารมณ์อพาร์ตเมนต์ มีลิฟท์ มีพนักงานที่เคาท์เตอร์ตลอด ปลอดภัย
หลังจากเข้าห้องมาเราก็นั่งคำนวณเงินที่ใช้ไปในช่วงเช้าและวางแผนตะลุยปราสาทหินวัดพูสี จุดหมายของเรานั่นเอง โดยพวกเราตัดสินใจเหมารถตู้ เพราะจุดหมายของเราอยู่ไกล บวกกับไม่รู้ทาง เราจึงคิดว่าเหมาไปเลยดีกว่า ราคาก็พอรับได้เมื่อหาร 4 คน เมื่อถึงเวลานัดเราก็ลงมารวมกันที่ล็อบบี้แล้วโทรเรียกลุงคนขับรถ(ลุงเค้าให้นามบัตรไว้) แต่ซิมลาวที่เปิดใช้โทรไม่ได้ เล่นได้แค่อินเทอร์เน็ต เลยไปขอให้พนักงานโรงแรมโทรให้ พอลุงมาพวกเราก็ขึ้นรถกัน ใช้เวลาเดินทางสักพัก ในที่สุดพวกเราก็มาถึงทางเข้าปราสาทหินวัดพูสีกันแล้ว!!! เมื่ิอเดิน้ข้าไปจะเจอร้านขายของกินทั้ง 2 ข้าง พวกเราเดินไปหยุดอยู่ที่ร้านร้านหนึ่ง ร้านนั้นขายกล้วยปิ้ง แต่ไม่ใช่กล้วยปิ้งธรรมดา มันคือกล้วยใส่ไส้มะพร้าว! อร่อยมาก ราคา 5 พันกีบ ได้ 3 ชิ้น
เจ้ากล้วยของพวกเรา
กล้วยไส้มะพร้าว
หลังจากท้องอิ่มแล้วก็ได้เวลาไปซื้อตั๋ว โดยที่ขายตั๋วจะอยู่ทางด้านขวาของทางเดิน ราคาตั๋วจะอยู่ที่ 5 หมื่นกีบ หรือประมาณ 180 บาท แต่ถ้าจ่ายเป็นเงินไทย จะต้องจ่าย 200 บาทนะจ๊ะ พอซื้อตั๋วเสร็จเราก็เดินต่อไป จะไปเจอรถคล้ายๆรถกะป๊อบ้านเรา เราก็ขึ้นไปนั่งกันเลย~
ตั๋วเข้าปราสาทวัดพูสี
รถคันนี้จะพาเราไปที่บริเวณตัวปราสาท เนื่องจากตัวปราสาทอยู่ไกลจากทางเข้า แต่ถ้าจะเดินก็เดินได้ ตลอดทางเราก็เห็นเด็กชาวลาวปั่นจักรยานเล่นกันสนุกสนาน เมื่อไปถึงจะมีซุ้มขายพวกดอกไม้ธูปเทียนใส่กรวยใบตองสำหรับนำไปไหว้พระอยู่ ราคาอันละ 5 พันกีบ
1.เวลาซื้อของให้จ่ายเป็นเงินกีบเพราะถูกกว่า พ่อค้าแม่ค้าจะชอบบอกราคาเป็นเงินไทย ให้ถามราคาเป็นกีบแล้วจ่ายตามนั้น
2.ไม่ต้องกลัวอดตาย คนลาวขายของเก่ง เดินมาเสนอถึงที่เลย แต่ต้องเช็คราคาดีๆนะ
3.การเดินทางในลาว คนส่วนใหญ่จะใช้รถจักรยานยนต์ ถ้าเช่าเหมารถตู้จะแพง แต่ถ้าไปหลายคนก็คุ้ม
4.ถ้าสิ่งไหนที่เขามาเสนอแล้วเราไม่ต้องการให้ปฏิเสธไปเลย อย่าทำท่าทางไม่แน่ใจ หนักแน่นไว้
5.ไม่ต้องกังวลเรื่องภาษา คนลาวฟังภาษาไทยออก และภาษาลาวใกล้เคียงกับภาษาไทยมาก
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น