ขออนุญาตเล่าเหตุการณ์เตือนภัยของมิจฉาชีพแก้งค์ฉกโทรศัพท์มือถือ ครับ
เมื่อวันศุกร์ทื 19 เมษายน 2562 เวลาประมาณ 19:50 น. ผมได้เดินมารอขึ้นรถเมล์ทืหน้าห้างฯเซ็นทรัลลาดพร้าว โดยวันนั้นผมได้เดินทางไปทำงานที่ไซต์งานลูกค้าที่ต่างจังหวัดและวันนั้นรถที่หน้าห้างฯการจราจรไม่ติด ผมจึงได้ตัดสินใจรอรถเมล์ ซึ่งปกติแล้วตัวผมเองจะไม่ได้ขึ้นรถเมล์กลับเพราะการจราจรจะติดขัดเป็นประจำ จะเดินกลับบ้านทุกวันไปทางแยกรัชโยธิน ณ เวลานั้นมีรถเมล์สาย 24 เป็นรถสีแดงครีมมาพอดีและผู้โดยสารลงเหลือผู้โดยสารไม่กี่คน ผมจึงเตรียมยืนรอที่หน้าประตูทางขึ้นรถเมล์ซึ่งมีผู้โดยสารรอกันอยู่หลายคน เมื่อถึงเวลาขึ้นผมก็ได้ก้าวขึ้นรถเมล์โดย ณ เวลานั้นได้มีชายคนหนึ่งก้าวขึ้นรถโดยรีบแทรกขึ้นกระทันหัน มีกระแทกชนที่ตัวผม ตอนนั้นผมยังไม่ได้คิดอะไรคิดว่าเขาคงรีบ พอขึ้นไปบนรถเมล์ผมได้นั่งหลังเบาะคนขับ วันนั้นผู้โดยสารยังไม่มีใครยืนและเตรียมเงินจ่ายค่าโดยสารและผมได้นึกคิดว่าทำไมชายคนนั้นถึงได้กระโดดแทรกขึ้นรถเมล์กระทันหัน จึงได้ตรวจสอบกระเป๋าสตางค์ โทรศัพท์มือ ซึ่งโทรศัพท์มือถือผมได้พกโดยใส่ซองแบบห้อยกับเข็มขัดรัดเอวอยู่ด้านซ้ายมือซึ่งมีฝาปิดกระเป๋าแบบเทปตีนตุกแก ปรากฏว่าโทรศัพท์มือได้ถูกล้วงหายไปแล้ว ผมจึงตัดสินใจขอลงรถเมล์โดยยังไม่ได้ทันจ่ายค่าโดยสารเลย เวลาที่ขึ้นรถเมล์มานั่งรอจ่ายค่าโดยสารไม่ถึงครึ่งนาที แล้วรีบไปในห้างฯเพื่อจะไปตู้โทรหยอดเหรียญเพื่อโทรไปที่บ้านให้ช่วยโทรเข้าเครื่องที่หายไปและเพื่อใช้แอพติดตามไอโฟน แต่หาตู้โทรหยอดเหรียญไม่เจอเลย จึงได้ขอยืมโทรศัพท์กับน้องผู้ชายที่ยืนรอรถเมล์ที่นั้น ปรากฏว่าโทรศัพท์มือถือที่หายไปนั้นได้ถูกปิดเครื่องไปแล้วจึงไม่สามารถติดตามได้เลย พอผมกลับมาถึงบ้านได้ใช้โน้ตบุ๊คเปิดเข้าไปเปลี่ยนรหัสผ่านของแอพหรือโปรแกรมต่างๆครับ
ในโทรศัพท์ไอโฟนมีแอพช่วยค้นหา ล้างข้อมูลในเครื่องทิ้ง หรือแจ้งกลับถ้าเครื่องถูกเปิดขึ้นมาใหม่ (ผมเคยใช้วิธีการค้นหาเครื่องที่ทำตกในรถแทกซี่นานอยู่ 2 วัน ซึ่งก็สามารถหาเจอครับ)แต่ถ้าเครื่องถูกปิดหรือได้ถอดซิมจะใช้ฟังก์ชันนี้ไม่ได้?
ผมขอเล่าแชร์เหตุการณ์พวกมิจฉาชีพที่อยู่รอบตัวเราเพื่อจะได้ป้องกัน ระวัง น่ะครับซึ่งผมได้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้แล้วและได้ให้ข้อมูลกับตำรวจ สน.พหลโยธิน ไว้แล้วครับ

เตือนภัยของมิจฉาชีพแก้งค์ฉกโทรศัพท์มือถือ บริเวณหน้าห้างฯเซ็นทรัลลาดพร้าว เมื่อ 19 เมษายน 2562
เมื่อวันศุกร์ทื 19 เมษายน 2562 เวลาประมาณ 19:50 น. ผมได้เดินมารอขึ้นรถเมล์ทืหน้าห้างฯเซ็นทรัลลาดพร้าว โดยวันนั้นผมได้เดินทางไปทำงานที่ไซต์งานลูกค้าที่ต่างจังหวัดและวันนั้นรถที่หน้าห้างฯการจราจรไม่ติด ผมจึงได้ตัดสินใจรอรถเมล์ ซึ่งปกติแล้วตัวผมเองจะไม่ได้ขึ้นรถเมล์กลับเพราะการจราจรจะติดขัดเป็นประจำ จะเดินกลับบ้านทุกวันไปทางแยกรัชโยธิน ณ เวลานั้นมีรถเมล์สาย 24 เป็นรถสีแดงครีมมาพอดีและผู้โดยสารลงเหลือผู้โดยสารไม่กี่คน ผมจึงเตรียมยืนรอที่หน้าประตูทางขึ้นรถเมล์ซึ่งมีผู้โดยสารรอกันอยู่หลายคน เมื่อถึงเวลาขึ้นผมก็ได้ก้าวขึ้นรถเมล์โดย ณ เวลานั้นได้มีชายคนหนึ่งก้าวขึ้นรถโดยรีบแทรกขึ้นกระทันหัน มีกระแทกชนที่ตัวผม ตอนนั้นผมยังไม่ได้คิดอะไรคิดว่าเขาคงรีบ พอขึ้นไปบนรถเมล์ผมได้นั่งหลังเบาะคนขับ วันนั้นผู้โดยสารยังไม่มีใครยืนและเตรียมเงินจ่ายค่าโดยสารและผมได้นึกคิดว่าทำไมชายคนนั้นถึงได้กระโดดแทรกขึ้นรถเมล์กระทันหัน จึงได้ตรวจสอบกระเป๋าสตางค์ โทรศัพท์มือ ซึ่งโทรศัพท์มือถือผมได้พกโดยใส่ซองแบบห้อยกับเข็มขัดรัดเอวอยู่ด้านซ้ายมือซึ่งมีฝาปิดกระเป๋าแบบเทปตีนตุกแก ปรากฏว่าโทรศัพท์มือได้ถูกล้วงหายไปแล้ว ผมจึงตัดสินใจขอลงรถเมล์โดยยังไม่ได้ทันจ่ายค่าโดยสารเลย เวลาที่ขึ้นรถเมล์มานั่งรอจ่ายค่าโดยสารไม่ถึงครึ่งนาที แล้วรีบไปในห้างฯเพื่อจะไปตู้โทรหยอดเหรียญเพื่อโทรไปที่บ้านให้ช่วยโทรเข้าเครื่องที่หายไปและเพื่อใช้แอพติดตามไอโฟน แต่หาตู้โทรหยอดเหรียญไม่เจอเลย จึงได้ขอยืมโทรศัพท์กับน้องผู้ชายที่ยืนรอรถเมล์ที่นั้น ปรากฏว่าโทรศัพท์มือถือที่หายไปนั้นได้ถูกปิดเครื่องไปแล้วจึงไม่สามารถติดตามได้เลย พอผมกลับมาถึงบ้านได้ใช้โน้ตบุ๊คเปิดเข้าไปเปลี่ยนรหัสผ่านของแอพหรือโปรแกรมต่างๆครับ
ในโทรศัพท์ไอโฟนมีแอพช่วยค้นหา ล้างข้อมูลในเครื่องทิ้ง หรือแจ้งกลับถ้าเครื่องถูกเปิดขึ้นมาใหม่ (ผมเคยใช้วิธีการค้นหาเครื่องที่ทำตกในรถแทกซี่นานอยู่ 2 วัน ซึ่งก็สามารถหาเจอครับ)แต่ถ้าเครื่องถูกปิดหรือได้ถอดซิมจะใช้ฟังก์ชันนี้ไม่ได้?
ผมขอเล่าแชร์เหตุการณ์พวกมิจฉาชีพที่อยู่รอบตัวเราเพื่อจะได้ป้องกัน ระวัง น่ะครับซึ่งผมได้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้แล้วและได้ให้ข้อมูลกับตำรวจ สน.พหลโยธิน ไว้แล้วครับ