แชร์ประสบการณ์จริงพร้อมวิธีเลี้ยงลูกแบบSayNoหน้าจอ

วันนี้อยากแชร์เรื่องราวที่เราได้พยายามทำให้มันเกิดขึ้นได้จริงในยุคที่หันไปทางไหนก็มีแต่หน้าจอเต็มไปหมด แต่จะทำยังไงให้ลูกของเราห่างไกลมันได้มากที่สุด

ก่อนอื่นมารู้กันคร่าวๆว่าทำไมเราควรให้ลูกเลี่ยงหน้าจอ หน้าจอมันมำร้ายลูกเราอย่างไร ทั้งหมดนี้เป็นการประมวลผลผ่านประสบการณ์ส่วนตัว ไม่อ้างอิงทฤษฎีใดๆ base on คุณแม่ฟูลไทม์ และ เด็กวัย 0 - 3 ขวบ
1. ปฏิสัมพันธ์ในครอบครัวถดถอย พ่อเครื่อง แม่เครื่ิอง ลูกเครื่อง ทุกคนก้มหน้าไม่คุยกัน
2. Low Database หมายถึงในช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้ จดจำสิ่งต่างๆรอบตัวในช่วงที่สมองพัฒนาสูงสุด 1-3 ปี ถูกใช้ไปกับหน้าจอ แทนที่จะได้เรียนรู้ธรรมชาติ สัมผัสเรียนรู้ความแตกต่าง ปฏิสัมพันธ์กับผู้คน เรียนรู้กฎกติกาสังคม เป็นต้น
3. เด็กหลายๆคนพูดช้า บางคนเกือบเป็นใบ้ เพราะวันๆไม่ได้คุยกับใคร พ่อแม่ให้หน้าจอเป็นพี่เลี้ยง
4. สายตา เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ แต่ขนาดเราเป็นผู้ใหญ่ ถ้าจ้องหน้าจอนานๆก็ยังปวดตาไม่ใช่เล่น แล้วเด็กๆจะเหลือเหรอ
5. สมาธิสั้น ไม่สามารถทำกิจกรรมอื่นๆได้นาน ไม่สามารถทำตามคำสั่งได้ เช่น หยิบกล่องนมไปทิ้ง นับ 1-5 เขาก็จะลืมคำสั่งแล้ว
6. เล่นจนติด ออมม่าเคยเจอเคสนึงที่มือขาดหน้าจอไม่ได้ เอาแทปเล็ตออกปุ๊บเหมือนถูกถอดปลั๊ก นั่งเหม่อลอย ไม่คุยกับใคร เหมือนชีวิตนี้ไม่รู้จะทำอะไรแล้วนอกจากดูจอ
7. มีผลต่อสุขภาพและการพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กมัดใหญ่ เพราะการนั่งหรือนอนดูหน้าจอในท่าเดิมๆนานๆ เมื่อเทียบกับเด็กที่ได้วิ่งเล่น กระโดด ทำกิจกรรมหยิบจับ เล่นดินทราย ทำสวน แน่นอนว่าพัฒนาการของเด็กที่ไม่ได้อยู่กับหน้าจอย่อมพัฒนาได้เต็มที่กว่า
ฯลฯ

จุดเริ่มต้นที่มาเริ่มปฏิบัติการ #เลี้ยงลูกแบบSayNoหน้าจอ คือการได้เข้าร่วมฟังเสวนา "เลี้ยงลูกตามพัฒนาการสมวัย" ของคุณปู่หมอโยธี ทองเป็นใหญ่ ที่ BabyClam cafe ซึ่งระหว่างเสวนาจะมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งไปนู่นไปนี่ตลอดเวลา จนในที่สุดคุณแม่ของน้องก็หยิบมือถือขึ้นมาให้นั่งดู และช่วง Q&A ผู้ปกครองของเด็กผู้หญิงคนนั้นก็ถามว่า "ทำยังไงลูกจะไม่ติดมือถือ ลูกชอบวิ่งไปมาแบบนี้ ต้องให้ดูถึงจะอยู่นิ่งๆ" คุณปู่หมอตอบว่า "ต้องมีของเล่นให้เขาเล่น หากิจกรรมเล่นกับเขา สร้างบรรยากาศการเรียนรู้" หลังจากที่ได้ยินประโยคนี้ ออมม่าก็กลับมายืนมองบ้านตัวเองที่ทุกห้องจัดเป็นสัดเป็นส่วนไว้หมดแล้ว

เราต้องมีที่ให้ลูกเล่น ความคิดนี้มันก็ผุดขึ้นมา

ก็เริ่มจากคิดว่ามันคงต้องเป็นห้องรับแขกนี่แหละ แขกนานๆมาที แต่เรานี่สิต้องอยู่เลี้ยงลูกตลอดเวลา เริ่มคาะ!!! ยกโซฟาออกค่ะ!!! เอาทีวีขึ้นไปไว้บนเคาท์เตอร์กลางบ้าน ซึ่งการจัดสถานที่ไว้สำหรับเป็นห้องเล่น เรามาเห็นผลลัพธ์ทีหลังว่า เวลาที่กันจะเล่นอะไรกันจะเอาไปเล่นที่ห้องเล่น (ทั้งนี้เราเองก็ต้องฝึกเขาด้วยค่ะ จะงอแงร้องไห้ก็ปล่อยร้องไป เรามีหน้าที่ถือของเล่นมาห้องเล่น ให้เขาเดินตามมาเล่นก็พอ)​ หลังจากเตรียมพื้นที่ห้องเล่นแล้วก็ตรงไปตะลอน #ร้าน20บาท ดูว่ามีอะไรมาเป็นอุปกรณ์เล่นอะไรได้บ้าง ปรากฎว่ามันมีเยอะมากกกกกก แบบสำหรับพวก Sensor​y​ นี่เยอะแยะมากมายก่ายกอง และก็ตรงไปที่ร้านคลังพลาซ่า #ร้านขายเครื่องเขียนต่างๆ โปสเตอร์แปะฝาผนังก็ต้องมา ก.ไก่ abc รูปร่างรูปทรง ธงชาติอาเซียน สิงสาราสัตว์ กวาดหมดค่ะ #ร้านอุปกรณ์เย็บถักปักร้อย ก็มีของที่ใช้ได้ไม่น้อยเลย ซึ่งอยากจะบอกพ่อแม่ที่ได้เลี้ยงลูก! Full Time ว่า ... จงไปซื้อสิ่งเหล่านี้มา #ลูกเล่นได้ทั้งวัน ทุกวัน จริงๆค่ะ 

หลังจากเราได้สิ่งต่างๆมา สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำก็คือกำหนดธีมในแต่ละวันว่าจะเล่นเกี่ยวกับอะไร (ออมม่าเอาของ FunFriends​ มาแปะไว้ให้แล้วค่ะ)​ ทำไมเราต้องมีธีมในแต่ละวัน??? ก็เพื่อที่เราจะได้เห็นพัฒนาการของเขาในทุกๆสัปดาห์ แล้วก็ง่ายต่อการหาของมาเล่นด้วยค่ะ เสิร์ชหาใน pinterest ตามธีมได้เลย มีเยอะมาก

หลังจากเราจัดห้องให้ผนังเต็มไปด้วยโปสเตอร์ ทุกวันกันก็จะเดินจิ้มเดินชี้ให้เราตอบว่ามันคืออะไร หรือเราก็ถามเขากลับไปว่ามันคืออะไร ที่พื้นก็สั่งมาจาก Lazada ร้าน TM Toy/Power Toy ทั้งห้อง 6 × 8 เมตร พันกว่าบาท ของเล่นต่างๆหากล่องลังมาใส่เก็บ #ฝึกให้ลูกเล่นทีละอย่าง #เล่นแล้วต้องเก็บ แล้วจะพบว่าลูกจะค่อยๆเล่นแต่ละอย่างได้นานขึ้นๆ

จนถึงวันนี้กล้าพูดได้อย่างภาคภูมิใจว่ากันเป็นเป็นเด็ก Say no หน้าจอแบบ 100% (เมื่ออยู่กับพ่อและแม่)​ งานนี้ต้องขอบคุณสามีมากๆที่ให้ความร่วมมือและเล็งเห็นความสำคัญร่วมกัน

เรารู้จักข้อเสียของเด็กติดจอกันมาเยอะ แล้ว #ข้อดีของลูกไม่ติดจอ ล่ะ???

ในด้านสมองที่อยู่ข้างในเราเองก็ยังไม่สามารถประมวลผลได้ในระยะนี้ ในด้านอารมณ์ก็เช่นกัน เพราะขวบกว่าถึงสามขวบ ก็คือช่วงของ TerribleTwo แต่ที่เห็นแน่ๆคือพัฒนาด้านกล้ามเนื้อ การได้หยิบจับของเล่นต่างๆ และเคลื่อนไหวร่างกายไปมาตามกิจกรรมต่างๆที่เราเตรียมไว้ให้เขา ช่วยพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กมัดใหญ่ สุขภาพร่างกาย สายตากับสมองได้คิดและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เช่นช่องที่เคยหย่อนแต่เหรียญ พอเล่นไม้ไอติม กันเริ่มสงสัยว่าเอาไปหย่อนในที่หยอดเหรียญได้มั้ย ที่สำคัญสายตาไม่เสียก่อนวัยแน่นอน

สรุปทำยังไงให้ลูก Say No หน้าจอ

1. เตรียม "ห้องเล่น" สร้างบรรยากาศการเรียนรู้

2. จัดหาของเล่นจะแบบไม่สำเร็จรูป หริอ แบบสำเร็จรูปก็ได้

3. จัดทำตารางธีมกิจกรรมแต่ละวัน
Credit fb :FunFriendsThailand

4. เล่นกับลูกวนไป
5. พาออกไปเล่นนอกบ้าน บ้านอาม่า บ้านเพื่อนที่มีลูก สวนสาธารณะ สวนสัตว์ ตลาด ห้างสรรพสินค้า แหล่งเรียนรู้ในจังหวัด เลี้ยงลูกนอกบ้าน เปิดประสบการณ์ชีวิตและเรียนรู้กฎระเบียบต่างๆ

6. มีตัวช่วย อากง อาม่า พี่เลี้ยง สถาบันฝึกพัฒนาการต่างๆ เช่น Baby genius/ Baby swim/ FunFriends​

เราจะทยอยแบ่งปันกิจกรรมที่กันเล่นทุกวันๆลงในเพจส่วนตัว fb : ออมม่าย๊า엄마야 ใครที่ลองทำและเล่นแบบน้องกัน อย่าลืมแฮชแทก #เล่นตามกัน มาไว้ให้เราขอตามไปดูด้วยนะคะ

เราทำได้คุณก็ทำได้
เป็นกำลังใจให้คุณพ่อคุณแม่ทุกคนค่ะ ✌️✌️

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่