เรื่องมีอยู่ว่า เพื่อนฉันกับแฟนคบกันอย่างเปิดเผยมา 7 ปีกว่า ทั้งคู่ทำงานในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในภาคใต้ แล้วเมื่อ 4 เดือนก่อนเธอจับได้ว่าแฟนของเธอแอบนอกใจนอกกายไปมีสัมพันธ์กับอาจารย์สาว
น้องใหม่ที่ยกมือไหว้เธอทุกวัน แทนที่จะเลิก เธอกลับยื้อ แฟนเธอสัญญาจะเลิกกับอาจารย์สาว อาจารย์คนนั้นก็บอกว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับแฟนเธออีก เพราะตัวเองก็มีแฟนแล้ว แค่เธออย่าบอกเรื่องนี้กับใคร หล่อนอายลูกศิษย์ และอยากสอนหนังสือต่อ แล้วเพื่อนกับแฟนก็ทะเลาะกันเรื่อยมาจนตกลงถอยคนละก้าว แก้ปัญหาโดยให้แฟนขอห้องพักเพิ่ม 1 ห้อง เผื่อวันไหนทะเลาะกันจะแยกห้องกันจะได้ไม่ต้องทะเลาะ แต่เป็นวิธีคิดที่ผิดมหันต์เมื่อวันหนึ่งเพื่อนฉันก็จับได้อีกครั้ง ว่าโดนคนทั้งคู่เล่นละครตบตา เขายังนัดมีสัมพันธ์กันตลอด จนถึงขั้นอาจารย์สาวหอบผ้าไปนอนห้องที่แฟนเขาทำเรื่องขอใหม่ในวันที่ไม่มีสอนเช้า จนเจ้าหน้าที่หอพักต้องมาบอกเพื่อนฉันว่าทำไมถึงไม่รู้ว่าเขาแอบไปนอนกันที่ห้อง ครั้งหลังที่จับได้ ทั้งคู่ทะเราะกันรุนแรง และเลิกกันไป แฟนเพื่อนขนเสื้อผ้าย้ายไปอยู่กินห้องเดียวกับอาจารย์คนนั้น แต่แอบๆไม่ให้ใครรู้ ยอมจ่ายค่าน้ำค่าไฟ ห้องเดิมเพื่อรักษาชื่อเสียงเอาไว้ รอเวลาให้นาน ค่อยเปิดตัว สร้างภาพให้คนเข้าใจ ว่าไม่ได้แย่งของใคร เขาเลิกกันก่อน ฉันแอบคิดในใจ เพื่อนฉันทรมานแค่ไหนนะ ที่ต้องทนทำงานร่วมกับคนทั้งคู่ ต้องอยู่ห้องเดิมๆ ในหอพักมหาวิทยาลัย ที่มีแต่ความทรงจำเก่าๆ ต้องปิดปากเงียบ ไม่บอกไม่เล่า แม้จะมีเพื่อนๆที่หอพักและนิสิตถามทุกวัน ทำไมไปไหนคนเดียว แฟนไปไหน เพราะปกติจะไปไหนมาไหนด้วยกัน มาทำงานรถคันเดียวกัน ไม่รู้เพื่อนฉันทนความกดดันแบบนั้นได้ยังงัย ส่วนอาจารย์สาวกับแฟนของเพื่อน ยังมีความละอายใจหลงเหลือบ้างไหม คนที่มีอาชีพที่น่านับถือ ควรเป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกศิษย์ ฉันว่าคนทั้งคู่เห็นแก่ตัวมากเกินไป ไม่คิดถึงความทุกข์ใครเลยเหรอ ขอแค่ให้ได้ครอบครองในสิ่งที่ถูกใจ จะด้วยวิธีการไหนถูกต้องหรือไม่ก็ได้เหรอ ฉันควรช่วยเพื่อนรักฉันยังงัยดีคะ ฉันว่าความสดใสของเขาหายไปไม่ร่าเริงเหมือนเดิม แม้เธอจะบอกฉันว่าไม่เป็นไรก็ตาม
ปล.เรื่องนี้เอาผิดทางกฎหมายไม่ได้เพราะเป็นหญิงรักหญิงค่ะ
เมื่อเพื่อนรักของฉันโดนอาจารย์มหาวิทยาลัยแย่งแฟน
น้องใหม่ที่ยกมือไหว้เธอทุกวัน แทนที่จะเลิก เธอกลับยื้อ แฟนเธอสัญญาจะเลิกกับอาจารย์สาว อาจารย์คนนั้นก็บอกว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับแฟนเธออีก เพราะตัวเองก็มีแฟนแล้ว แค่เธออย่าบอกเรื่องนี้กับใคร หล่อนอายลูกศิษย์ และอยากสอนหนังสือต่อ แล้วเพื่อนกับแฟนก็ทะเลาะกันเรื่อยมาจนตกลงถอยคนละก้าว แก้ปัญหาโดยให้แฟนขอห้องพักเพิ่ม 1 ห้อง เผื่อวันไหนทะเลาะกันจะแยกห้องกันจะได้ไม่ต้องทะเลาะ แต่เป็นวิธีคิดที่ผิดมหันต์เมื่อวันหนึ่งเพื่อนฉันก็จับได้อีกครั้ง ว่าโดนคนทั้งคู่เล่นละครตบตา เขายังนัดมีสัมพันธ์กันตลอด จนถึงขั้นอาจารย์สาวหอบผ้าไปนอนห้องที่แฟนเขาทำเรื่องขอใหม่ในวันที่ไม่มีสอนเช้า จนเจ้าหน้าที่หอพักต้องมาบอกเพื่อนฉันว่าทำไมถึงไม่รู้ว่าเขาแอบไปนอนกันที่ห้อง ครั้งหลังที่จับได้ ทั้งคู่ทะเราะกันรุนแรง และเลิกกันไป แฟนเพื่อนขนเสื้อผ้าย้ายไปอยู่กินห้องเดียวกับอาจารย์คนนั้น แต่แอบๆไม่ให้ใครรู้ ยอมจ่ายค่าน้ำค่าไฟ ห้องเดิมเพื่อรักษาชื่อเสียงเอาไว้ รอเวลาให้นาน ค่อยเปิดตัว สร้างภาพให้คนเข้าใจ ว่าไม่ได้แย่งของใคร เขาเลิกกันก่อน ฉันแอบคิดในใจ เพื่อนฉันทรมานแค่ไหนนะ ที่ต้องทนทำงานร่วมกับคนทั้งคู่ ต้องอยู่ห้องเดิมๆ ในหอพักมหาวิทยาลัย ที่มีแต่ความทรงจำเก่าๆ ต้องปิดปากเงียบ ไม่บอกไม่เล่า แม้จะมีเพื่อนๆที่หอพักและนิสิตถามทุกวัน ทำไมไปไหนคนเดียว แฟนไปไหน เพราะปกติจะไปไหนมาไหนด้วยกัน มาทำงานรถคันเดียวกัน ไม่รู้เพื่อนฉันทนความกดดันแบบนั้นได้ยังงัย ส่วนอาจารย์สาวกับแฟนของเพื่อน ยังมีความละอายใจหลงเหลือบ้างไหม คนที่มีอาชีพที่น่านับถือ ควรเป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกศิษย์ ฉันว่าคนทั้งคู่เห็นแก่ตัวมากเกินไป ไม่คิดถึงความทุกข์ใครเลยเหรอ ขอแค่ให้ได้ครอบครองในสิ่งที่ถูกใจ จะด้วยวิธีการไหนถูกต้องหรือไม่ก็ได้เหรอ ฉันควรช่วยเพื่อนรักฉันยังงัยดีคะ ฉันว่าความสดใสของเขาหายไปไม่ร่าเริงเหมือนเดิม แม้เธอจะบอกฉันว่าไม่เป็นไรก็ตาม
ปล.เรื่องนี้เอาผิดทางกฎหมายไม่ได้เพราะเป็นหญิงรักหญิงค่ะ