10.LANY - Malibu Nights

ตอนแรกได้ยินได้ฟังวงนี้ในอัลบัมเต็มชุดที่แล้ว ที่มีชื่อเดียวกับวงก็ค่อนข้างเฉยๆนะ
ด้วยแบบความรู้สึกเหมือนๆวงทั่วไปๆ แต่ก็ไม่ได้รังเกียจที่จะฟังอะไร เพียงแต่ไม่ได้ควักกระเป๋าอุดหนุนเท่านั้นเอง
จนมาถึงอัลบัมชุดที่2ทีมีชื่อว่า Malibu Nights
อัลบัมนี้ห่างจากอัลบัมแรกเพียงแค่1ปีนิดๆแต่ก็เพียงพอที่จะบอกเล่าถึงความเจ็บปวด ความไม่สมหวังในรักได้เป็นอย่างดีถึง9เพลง
อัลบัมเต็มชุดที่2นี้ตอนแรกเกือบที่จะได้ใช้ชื่อว่า Januaryดังช่วงเวลาที่เขาได้เขียนเพลง แต่ก็ได้เปลี่ยนมาเป็นMalibu Nights
ที่บ่งบอกถึงช่วงเวลาและสถานที่ ที่เขาได้ปลดปล่อยและเรียนรู้ตัวเองไปกับอารมณ์และความรู้สึกอันนี้ แน่นอนว่าหลายคนรวมถึงผู้เขียนย่อมชื่นชอบ
คำว่าMalibu Nightsมากกว่า
ดนตรีและแนวเพลงในอัลบัมนี้ยังคงยืนพื้นความเป็น Indie rock,Synth-Popเช่นเคย โดยแอบเติมความเป็น Dream Popฟุ้งๆเข้าไป
สร้างบรรยากาศความเหงาเข้าไปอีก แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นเพลงช้าเรียบๆเหงาๆอย่างเดียว ยังพอมีท่วงทำนองและจังหวะที่สนุกสนานพอเคล้าไปให้เพลง
สามารถเข้าถึงทุกคนได้ไม่ยากเกินไปนัก
แน่นอนทั้งหมดแทบจะเป็นเพลงอกหัก ที่เขียนขึ้นมาจากเรื่องจริงของนักร้องนำ Paul Jason Klein กับความสัมพันธ์ชั่วครู่หนึ่งกับDua Lipa
ที่ไม่สมหวังและมีการลาจากอันเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตมนุษย์
โดยPaulได้นำเรื่องราวทั้งหมดในชั่วกาลที่ไม่ถึงครึ่งปีจรดปลายปากกาลงในระยะเวลาเพียง45วัน โดยมีเพื่อนของเขาทั้ง
Jake Clifford GossและLes Priestยังอยู่เคียงข้างเช่นเดิม
อารมณ์ของทุกเพลงในอัลบัมนี้เป็นการหมกหมุ่นในความรักและหลงไปกับความเจ็บปวดแทบจะทั้งอัลบัม จะพูดถึงเรื่องราวเดียวกันทั้งหมดนั่นก็คือความรัก
เรามาลองพูดถึงกันทีล่ะเพลงดีกว่า
Track By Track
"Thick And Thin"
บอกเล่าถึงห้วงภวังค์หลังการเลิกรา หรือที่เราเรียกกันว่า "แผลสด"
เป็นเพลงเศร้าที่ไม่จำเป็นต้องนั่งเศร้าคนเดียว กลับเป็นเพลงเศร้าที่มีจังหวะเร็วพอโยกและปาร์ตี้ได้พอดี สมควรแล้วสำรับการนำมาเป็นเพลงเปิดในอัลบัม
เพื่อบอกว่าอัลบัมนี้ไม่ได้มีแต่อารมณ์น่าเบื่ออย่างเดียวนะ
"Taking Me Back"
เพลงเร็วเช่นเดียวกับ"Thick And Thin" แต่มีไลน์กลองแซมเพิลที่ไส่เข้ามาเพิ่มบรรยากาศและสีสัน เป็นภาคต่อจากเพลงที่แล้ว
เหมือนกับเป็นการขอคืนดีครั้งแรกหลังจากเลิกรากันไป
"If You See Her"
ที่เป็นเรื่องราวหลังจากการขอคืนดี แต่กับพูดถึงเพื่อนๆหรือบุคคลที่สาม ให้ฝากนำความรักของฉันไปบอกให้เธอเปลี่ยนใจได้ไหม
ซินธิไซเซอร์ที่เข้ามาเป็นพระเอกในเพลงนี้ และแน่นอนยังเป็นเพลงเร็วแบบสองเพลงแรก ภาคต่อจาก"Taking Me Back"
"I Don’t Wanna Love You Anymore"
ขอคืนดีก็แล้ว ฝากคนอื่นไปบอกก็แล้ว หรือว่าเราควรตัดใจ
การตัดใจครั้งแรก ด้วยการบอกตัวเองว่า ฉันไม่ได้รักเธอแล้วนะ เป็นเพลงที่มีภาคดนตรีทั้งกีตาร์และซินธิไซเซอร์รวมไปถึงกลองแซมเพิล
ผสานเข้ากันได้ดี
"Let Me Know"
หรือบอกให้ฉันรู้เสียที
หากมีสิ่งใดที่ฉันพอทำได้ เป็นเพลงช้าเศร้าเอาถึงตาย ที่มีไลน์กีตาร์โดดเด่นเพลินๆที่ไม่ได้มีแต่ความเศร้าเพียงอย่างเดียวแต่กลับแฝงไว้ด้วย
ความคิดถึงและความสุข ผสานกันจนทำให้ผู้เขียน ตกหลุมรักเพลงนี้ และเป็นเพลงที่ชอบที่สุดในอัลบัม
หากมีสิ่งใดที่ฉันพอทำได้
เพื่อให้เธอเปลี่ยนใจกลับมาหา
ขอเธอบอกฉันหน่อยนะแก้วตา
ฉันพร้อมพาใจกลับมาเป็นของเธอ
(ขอบคุณท่อนกลอนจาก เพจแปลเพลงเล่นกลอน)
"Run"
เพลงเร็วที่มีการร้องแทบจะเหมือนRap เอาเข้าจริงเหมือนจะเป็นเพลงด่าหรือขับไล่ใสส่งซะมากกว่า
"Valentine’s Day"
หรือ 14ก.พของทุกคน ที่เป็นวันแห่งความรักและการเริ่มต้นกับความรักครั้งใหม่ แม้ว่าจะเป็นการหลอกตนเองก็ตาม
แต่ในใจยังคงมีเธอคนเดิมอยู่ในทุกอณู
"Thru These Tears"
เพลงที่เข้ากับคอนเซปต์ในอัลบัมนี้มากที่สุด เป็นเพลงเร็วอย่าง3เพลงแรก แต่เพิ่มเติมคือการสร้างบรรยากาศมากกว่า
เหมือนเวลาของเพลงนี้มีทั้งยามเย็นที่อาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าเข้าสู่ค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาราไปจนถึงยามเช้าที่แสงตะวันนำพาทุกอย่างเข้าสู่วันใหม่
ให้เราได้เริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง
"Malibu Nights"
อยากจะแนะนำให้ทุกคนได้เปิดเพลงนี้ฟังในทุกค่ำคืนที่ไร้ดวงดาว
เปียนโนสวยงามที่ขึ้นมาพร้อมกับความเหงา และการอยู่กับตัวเองให้มากที่สุดพร้อมกับ4.47นาที
ดั่งคืนสุดท้ายของบทเพลงในอัลบัมนี้ ค่อยๆลิ้มรสความเหงาให้สุขสมอารมณ์หมาย และบอกลากับความเหงาในเพลงนี้ในตอนเช้า
เพื่อรอคอยให้คืนไร้ดาวดั่งเพลงนี้ได้กลับมาอีกครั้ง
My Best Albums of 2018
ตอนแรกได้ยินได้ฟังวงนี้ในอัลบัมเต็มชุดที่แล้ว ที่มีชื่อเดียวกับวงก็ค่อนข้างเฉยๆนะ
ด้วยแบบความรู้สึกเหมือนๆวงทั่วไปๆ แต่ก็ไม่ได้รังเกียจที่จะฟังอะไร เพียงแต่ไม่ได้ควักกระเป๋าอุดหนุนเท่านั้นเอง
จนมาถึงอัลบัมชุดที่2ทีมีชื่อว่า Malibu Nights
อัลบัมนี้ห่างจากอัลบัมแรกเพียงแค่1ปีนิดๆแต่ก็เพียงพอที่จะบอกเล่าถึงความเจ็บปวด ความไม่สมหวังในรักได้เป็นอย่างดีถึง9เพลง
อัลบัมเต็มชุดที่2นี้ตอนแรกเกือบที่จะได้ใช้ชื่อว่า Januaryดังช่วงเวลาที่เขาได้เขียนเพลง แต่ก็ได้เปลี่ยนมาเป็นMalibu Nights
ที่บ่งบอกถึงช่วงเวลาและสถานที่ ที่เขาได้ปลดปล่อยและเรียนรู้ตัวเองไปกับอารมณ์และความรู้สึกอันนี้ แน่นอนว่าหลายคนรวมถึงผู้เขียนย่อมชื่นชอบ
คำว่าMalibu Nightsมากกว่า
ดนตรีและแนวเพลงในอัลบัมนี้ยังคงยืนพื้นความเป็น Indie rock,Synth-Popเช่นเคย โดยแอบเติมความเป็น Dream Popฟุ้งๆเข้าไป
สร้างบรรยากาศความเหงาเข้าไปอีก แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นเพลงช้าเรียบๆเหงาๆอย่างเดียว ยังพอมีท่วงทำนองและจังหวะที่สนุกสนานพอเคล้าไปให้เพลง
สามารถเข้าถึงทุกคนได้ไม่ยากเกินไปนัก
แน่นอนทั้งหมดแทบจะเป็นเพลงอกหัก ที่เขียนขึ้นมาจากเรื่องจริงของนักร้องนำ Paul Jason Klein กับความสัมพันธ์ชั่วครู่หนึ่งกับDua Lipa
ที่ไม่สมหวังและมีการลาจากอันเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตมนุษย์
โดยPaulได้นำเรื่องราวทั้งหมดในชั่วกาลที่ไม่ถึงครึ่งปีจรดปลายปากกาลงในระยะเวลาเพียง45วัน โดยมีเพื่อนของเขาทั้ง
Jake Clifford GossและLes Priestยังอยู่เคียงข้างเช่นเดิม
อารมณ์ของทุกเพลงในอัลบัมนี้เป็นการหมกหมุ่นในความรักและหลงไปกับความเจ็บปวดแทบจะทั้งอัลบัม จะพูดถึงเรื่องราวเดียวกันทั้งหมดนั่นก็คือความรัก
เรามาลองพูดถึงกันทีล่ะเพลงดีกว่า
Track By Track
"Thick And Thin"
บอกเล่าถึงห้วงภวังค์หลังการเลิกรา หรือที่เราเรียกกันว่า "แผลสด"
เป็นเพลงเศร้าที่ไม่จำเป็นต้องนั่งเศร้าคนเดียว กลับเป็นเพลงเศร้าที่มีจังหวะเร็วพอโยกและปาร์ตี้ได้พอดี สมควรแล้วสำรับการนำมาเป็นเพลงเปิดในอัลบัม
เพื่อบอกว่าอัลบัมนี้ไม่ได้มีแต่อารมณ์น่าเบื่ออย่างเดียวนะ
"Taking Me Back"
เพลงเร็วเช่นเดียวกับ"Thick And Thin" แต่มีไลน์กลองแซมเพิลที่ไส่เข้ามาเพิ่มบรรยากาศและสีสัน เป็นภาคต่อจากเพลงที่แล้ว
เหมือนกับเป็นการขอคืนดีครั้งแรกหลังจากเลิกรากันไป
"If You See Her"
ที่เป็นเรื่องราวหลังจากการขอคืนดี แต่กับพูดถึงเพื่อนๆหรือบุคคลที่สาม ให้ฝากนำความรักของฉันไปบอกให้เธอเปลี่ยนใจได้ไหม
ซินธิไซเซอร์ที่เข้ามาเป็นพระเอกในเพลงนี้ และแน่นอนยังเป็นเพลงเร็วแบบสองเพลงแรก ภาคต่อจาก"Taking Me Back"
"I Don’t Wanna Love You Anymore"
ขอคืนดีก็แล้ว ฝากคนอื่นไปบอกก็แล้ว หรือว่าเราควรตัดใจ
การตัดใจครั้งแรก ด้วยการบอกตัวเองว่า ฉันไม่ได้รักเธอแล้วนะ เป็นเพลงที่มีภาคดนตรีทั้งกีตาร์และซินธิไซเซอร์รวมไปถึงกลองแซมเพิล
ผสานเข้ากันได้ดี
"Let Me Know"
หรือบอกให้ฉันรู้เสียที
หากมีสิ่งใดที่ฉันพอทำได้ เป็นเพลงช้าเศร้าเอาถึงตาย ที่มีไลน์กีตาร์โดดเด่นเพลินๆที่ไม่ได้มีแต่ความเศร้าเพียงอย่างเดียวแต่กลับแฝงไว้ด้วย
ความคิดถึงและความสุข ผสานกันจนทำให้ผู้เขียน ตกหลุมรักเพลงนี้ และเป็นเพลงที่ชอบที่สุดในอัลบัม
หากมีสิ่งใดที่ฉันพอทำได้
เพื่อให้เธอเปลี่ยนใจกลับมาหา
ขอเธอบอกฉันหน่อยนะแก้วตา
ฉันพร้อมพาใจกลับมาเป็นของเธอ
(ขอบคุณท่อนกลอนจาก เพจแปลเพลงเล่นกลอน)
"Run"
เพลงเร็วที่มีการร้องแทบจะเหมือนRap เอาเข้าจริงเหมือนจะเป็นเพลงด่าหรือขับไล่ใสส่งซะมากกว่า
"Valentine’s Day"
หรือ 14ก.พของทุกคน ที่เป็นวันแห่งความรักและการเริ่มต้นกับความรักครั้งใหม่ แม้ว่าจะเป็นการหลอกตนเองก็ตาม
แต่ในใจยังคงมีเธอคนเดิมอยู่ในทุกอณู
"Thru These Tears"
เพลงที่เข้ากับคอนเซปต์ในอัลบัมนี้มากที่สุด เป็นเพลงเร็วอย่าง3เพลงแรก แต่เพิ่มเติมคือการสร้างบรรยากาศมากกว่า
เหมือนเวลาของเพลงนี้มีทั้งยามเย็นที่อาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าเข้าสู่ค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาราไปจนถึงยามเช้าที่แสงตะวันนำพาทุกอย่างเข้าสู่วันใหม่
ให้เราได้เริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง
"Malibu Nights"
อยากจะแนะนำให้ทุกคนได้เปิดเพลงนี้ฟังในทุกค่ำคืนที่ไร้ดวงดาว
เปียนโนสวยงามที่ขึ้นมาพร้อมกับความเหงา และการอยู่กับตัวเองให้มากที่สุดพร้อมกับ4.47นาที
ดั่งคืนสุดท้ายของบทเพลงในอัลบัมนี้ ค่อยๆลิ้มรสความเหงาให้สุขสมอารมณ์หมาย และบอกลากับความเหงาในเพลงนี้ในตอนเช้า
เพื่อรอคอยให้คืนไร้ดาวดั่งเพลงนี้ได้กลับมาอีกครั้ง