[CR] Spiti Valley เทือกเขาสองวัฒนธรรม

             

สวัสดีครับ ^_^  วันนี้ได้มีโอกาสได้มารีวิวที่สวยๆ สงบน่าไปอีกที่หนึ่งให้เพื่อนๆได้อ่านกันเผื่อว่าจะเป็นทางเลือกในการไปเที่ยวอีกที่นะครับ 

ถ้าเอ่ยถึงดินแดนแห่งทิเบตน้อยอย่างเลห์ลาดัคนักท่องเที่ยวส่วนมากจะรู้จักกันดีอยู่แล้วแต่ถ้าพูดถึง Spiti Valley ก็จะงงๆแล้วถามกลับมาว่ามันคือที่ไหน ? 
Spiti Valley เป็นแนวเทือกเขาหิมาลัยทางตะวันออกเฉียงเหนือของรัฐหิมาจัลประเทศของอินเดียและอยู่ทางใต้ของเลห์ลาดัคลงมา   

ชื่อ "Spiti" หมายถึง "ดินแดนกลาง" คือดินแดนสองวัฒนธรรมระหว่างทิเบตและอินเดียฝั่งฮินดู เป็นพื้นที่ภูเขาสูงโดยต้องข้าม Kunzum pass ที่ความสูง4590m อีกด้วย ที่นี่ยังมีความเป็นธรรมชาติอยู่มากเมื่อเทียบกับเลห์ ลาดัค นักท่องเที่ยวถือว่าน้อยเพราะว่าการเดินทางจะต้องเดินทางด้วยรถเท่านั้นซึ่งถนนค่อนข้างจะลำบากในการเข้าพื้นที่พอสมควร  ยิ่งช่วงหน้าหนาวแล้วถนนบางเส้นใช้งานไม่ได้ ทำให้ไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้เลยครับ 

ช่วงที่ทางกลุ่มผมไปนั้นจะเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ช่วงเดือนตุลาคม ข้อดีของการไปช่วงนี้อีกอย่างก็คือแอปเปิ้ลกำลังออกผล มีสวนแอปเปิ้ลมากมายที่ส่งไปจำหน่ายหลายที่ในอินเดีย จะบอกว่าแอปเปิ้ลสดๆจากต้นนี่กรอบอร่อยมากๆ เลยละครับ  ^^ 
วันที่1 : 
การเดินทางจากไทยไปแนะนำ Air India สายการบินแห่งชาติของอินเดียครับ การบริการของสายการบินนี้ได้มาตรฐานและตรงเวลาดีมาก ไฟลท์ไม่ค่อยเจอปัญหาเรื่องดีเลย์และมีการรับผิดชอบต่อผู้โดยสายสูง

ซึ่งสนามบินปลายทางเราจะลงที่ New Delhi และต่อรถไปยังมานาลีก็ได้แต่การเดินทางแบบนี้จะใช้เวลานานหน่อย ถ้ามีเวลาน้อยควรต่อเครื่องไปลงสนามบิน Kullu ได้เลย ซึ่งจะประหยัดเวลาในการเดินทางไปกลับไปถึง 2 วันเลยครับ 
ใครที่ทำวีซ่าออนไลน์ก็เข้าช่องตรวจคนเข้าเมืองที่เป็นออนไลน์วีซ่าได้เลย สะดวกและรวดเร็วมาก สนามบินที่นิวเดลี ทันสมัย สะอาด สวยมาก
รถคันนี้คือรถที่ไกด์เตรียมให้  วันแรกนั่งรถจากนิวเดลีไปเมืองชิมลา ระยะทางประมาณ 360km นี่ใช้เวลา 7-8 ชั่วโมงกันเลย กว่าจะออกจากเดลีได้ก็ใช้เวลามาก พอไปถึงChandigar  ก็จะเป็นพื้นที่ภูเขาขับไวไม่ได้อีก ก็นั่งชมเมืองเค้าไปเรื่อยๆ ง่วงก็นอน เพลินดีเหมือนกัน 555 
การเดินทางใช้เวลานาน  กองทัพต้องเดินด้วยท้องพวกเราบอกไกด์ว่าอยากกินอาหารอินเดียตั้งแต่วันแรกเลย ร้านที่แวะก็ไม่ธรรมดานะครับ มีการแสดงร้องเพลงด้วย ฮ่าๆๆ เพลิดเพลินกันไป 
อาหารหลักๆ ของคนฮินดูคือมังสวิรัติ การที่จะอาหารอะไรที่เป็นเนื้อๆเน้นๆแทบจะยากแล้วในช่วงกลางคืน  เค้าก็ปรุงได้อร่อยดีนะครับโอเคเลย จะมีกลิ่นเครื่องเทศหอมๆสไตล์อินเดียอยู่เกือบทุกเมนู  ใครชอบอาหารแนวนี้แนะนำต้องไปทานให้ได้นะครับ 
พอมาถึงเมืองชิมลาก็ดึกแล้ว (จะบอกว่าดึกมากด้วย ใช้เวลาเดินทางมากกว่า 7  ชั่วโมงด้วยซ้ำ เพราะบางช่วงถนนมีปัญหาเรื่องดินถล่ม ทำให้ไม่สามารถผ่านได้ต้องเปลี่ยนเส้นทางกัน ) แต่อากาศที่นี่ดีมากเนื่องจากเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ที่สูงราวๆ 2300m ก็เกือบเท่ายอดดอยอินทนนท์ของเราละครับ  ยังก่อน ที่นี่ยังไม่สูงพอ  ^^ จุดหมายของเราสูงกว่านี้ครับ 
วันที่2 เราออกจากชิมลาเพื่อเดินทางต่อไปยัง Kalpa  ระหว่างทางช่วงนี้สามารถมองเห็นภูเขาหิมะไกลๆ สวยงาม  และ Kalpa อยู่ที่ความสูงประมาณ 3000m  กลางคืนอากาศหนาวและสามารถมองเห็นดาวเต็มท้องฟ้าและชัดเจนมากครับ เนื่องจากกลางคืนมืดสนิทเลย
    
วันที่3 จาก Kalpa ไปยัง Nako  : เราเริ่มจะเห็นวัฒธรรมที่เริ่มเปลี่ยนแปลงแล้วจากเมือง Kalpa ที่คนส่วนมากเป็นชาวฮินดู พอเดินทางมาถึง Nako วัฒนธรรมที่นี่จะออกแนวทิเบต  หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านชายแดนที่ติดกับจีนครับ  มีทะเลสาบเล็กๆความสูง 3,636 m ซึ่งสวยงามเห็นภาพสะท้อนของภูเขาและใบไม้เปลี่ยนสีได้ตรงนี้  คนที่นี่ส่วนมากจะปลูกมันฝรั่งกันในหน้าร้อนส่วนหน้าหนาวหิมะปกคลุมหมดเพาะปลูกไม่ได้ครับต้องตุนเสบียงไว้ช่วงหน้าหนาวกันด้วย 

ที่ Nako จะมีความสูงเพียงพอที่ทำให้พวกเราบางคนมีอาการแพ้ความสูงกันบ้างแล้ว  แต่ก็พอปรับตัวและดูและกันได้ครับ อาจจะต้องจิบน้ำบ่อยๆ หรือบางคนต้องทานยาแก้แพ้ความสูงด้วยครับ 

วันที่4 จาก Nako ไปยัง Kaza : 
หมู่บ้านที่ใหญ่ที่สุดในระแวกนี้ และเป็นจุดที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นการมาเยือน Pin Valley และ Spiti Valley อย่างแท้จริง 
ระหว่างทางพวกเราแวะ Gue Monastery ที่มีอายุกว่า 500 ปีเป็นอีกไฮไลท์หนึ่งที่ต้องมาเยือน (ภาพมัมมี่เอามาจาก internet ครับเนื่องจากเค้าไม่อนุญาติให้ถ่ายภาพด้านใน) 
ส่วนบรรยากาศของ Monastery นั้นก็ดูสวยงามและออกสไตล์ทิเบตเลยครับ บริเวณนี้มีต้นไม้ที่เปลี่ยนเป็นสีเหลืองเยอะเลย ดูมุมกว้างแล้วสวยมากครับ 

วันที่5 Kaza มายัง Tabo 
ที่ Tabo Monastery เป็นอีกหนึ่งที่ ที่ต้องแวะมาเพราะว่ามีอายุยาวนานกว่า 1022 ปี เรื่องราวมากมาย เราสามารถเห็นร่องรอยของอารยธรรมได้ ข้างใน Monastery มีภาพวาดสวยมากแต่เหมือนเดิมครับเค้าไม่อนุญาติให้ถ่ายภาพ , ที่วัดนี้ก็ยังมีพระอาศัยอยู่และประกอบพิธีทางศาสนาปกติครับ 
ระหว่างทางจะเห็นวิวสวยงาม ถึงเป็นพื้นที่สูงและแห้งแล้งแต่บริเวณที่มีน้ำใกล้เคียงก็จะมีต้นไม้และสวนแอปเปิ้ลให้เห็นตลอดทาง

วันที่6 Kaza ไปยัง Ki (Key) Monastery , Komik หมู่บ้านที่สูงที่สุดในโลก 4,520m(เค้าว่างั้น 555 )  ,Hikkim ที่ทำการไปรษณีย์ที่สูงที่สุดในโลก 4460m(หน้าหนาวปิดนะจ๊ะ เจ้าหน้าที่หนีไปชิมลา 555)

Key Monastery เก่าแก่และใหญ่ที่สุดใน Spiti Valley อายุราวๆ 1100 ปี ที่ความสูง 4,166m เป็นจุดสำคัญที่มาแล้วต้องไปให้ได้  ของจริงใหญ่และอลังการมากครับ มีห้องเยอะ มีพระและเณรอาศัยอยู่ มีโรงเรียนสำหรับสอนเณรด้วยครับ  คนแถวนี้ถ้ามีลูกหลานผู้ชายจะนิยมให้มาเป็นเณรที่นี่เพื่อให้ได้มีการศึกษาและมีอาหารการกินที่ดีกว่าอยู่บ้าน
ระหว่างทางโชคดีมากๆที่เราเห็นเสือดาวหิมะไกลๆอีกฝั่งของหน้าผา ในภาพคือใช้กล้องเลนส์ซูมไปเต็มที่ 300mm เล็งไปยังน้องเสือที่นอนอาบแดดสบายใจ  บางคนมารอถ่ายภาพเสือดาวหิมะเป็นเดือนๆยังไม่เจอเลยครับ ถือว่าพวกเราสายตายาวและโชคดีจริง 555 

วันที่7 Kaza - Kungri monastery เป็นวัดเก่าแก่ที่สุดอันดับสองใน Spiti Valley , Dhaankar Monastery ตั้งตระหง่านอยู่บนเขา
Dhaankar Monastery
 
แพะภูเขาที่นี่สามารถเห็นได้บ่อยๆครับ ไม่ค่อยกลัวคนด้วยเนื่องจากคนที่นั่นเค้าไม่ทำร้าย
วันที่แปดจริงๆ แล้วเรามีแพลนไปนอนที่ Chandataal Lake แต่ว่าหิมะตกหนักทำให้ถนนปิดและรถไม่สามารถไปได้ เราเลยอยู่เที่ยวแถวๆ Kaza อีก 1 วัน

วันที่9 กลับไปยังManali 
วันนี้ต้องข้าม Kunzum pass แล้ว เป็นจุดที่สูงที่สุดที่ต้องผ่าน ระหว่างทางหิมะปกคลุมตลอด ลมแรงและหนาวมากครับ ถนนแทบจะไม่มีรถผ่านเลย ทำให้หิมะหนา บางช่วงรถผ่านได้ยากมาก
มาถึง Manali ตอนค่ำๆเข้าที่พัก  ออกมาเดินถนนคนเดิน ตรงนี้สะอาดและคึกคักครับ  อากาศช่วงตุลาคมกำลังสบายเลย อุณหภูมิกลางคืนไม่เกิน 5 องศา
แถวนี้มีร้านอาหารอร่อยๆหลายร้านและไม่แพงด้วยนะครับ 
วันที่ 10 เดินทางเข้านิวเดลีแวะพักที่ Chandigarh ก่อนเพราะว่ารถใช้เวลานานมากกว่าจะถึง
วันที่ 11 จาก Chandigarh มานิวเดลีและบินกลับไทยครับ 

สำหรับการเตรียมตัว
>อาการแพ้ความสูงสามารถเกิดขึ้นได้ง่ายแนะนำเตรียม Diamox ไป ลักษณะทริปเป็นทริปนั่งรถเที่ยวดังนั้นโอกาสที่จะแพ้ความสูงจะมีมาก จิบน้ำเรื่อยๆ ช่วงที่อยู่ Spiti Valley เราจะอยู่ที่ความสูงราวๆ 3,500-4,500m

สิ่งสำคัญอื่นๆ มีตามนี้
> เสื้อกันหนาว เสื้อขนเป็ด ชุด base layer ประเภท heat tech
> รองเท้า และ ถุงเท้าที่ใส่แล้วอุ่นเท้า ที่พักไม่มีฮีตเตอร์และน้ำอุ่นสำหรับอาบน้ำไม่มีเพราะเป็นพื้นที่ห่างไกล
> แว่นกันแดดจำเป็นมาก แดดจ้าสุดๆ
> ครีมกันแดด
> ลิปมันทาปาก และ โลชั่นทาตัว
> กระดาษทิชชู่เปียก
> แบตเตอรี่กล้องสำรอง
> ของใช้ส่วนตัว ขนม อาหาร สบู่แปรงสีฟัน ผ้าขนหนูเผื่อว่าที่โรงแรมเตรียมให้ไม่ได้ดั่งใจ
> ยาสามัญ
> เป้แบบ daypack เอาไว้ใส่ของจำเป็นระหว่างวัน
> สำเนาหน้า passport และหน้า visa ถ่ายสำเนาไว้ด้วยครับ
> น้ำบางวันก็ไม่ได้อาบ ไม่ต้องซีเรียส เพราะมันหนาวมาก

ใครอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมสอบถามมาได้นะครับ ที่ https://www.facebook.com/TrekkingGoRound/
ขอบคุณมากครับ _/\_
ชื่อสินค้า:   Spiti Valley
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่