ประสบการณ์ตกเครื่องบินกับ 33 ชีวิต ณ สนามบิน Pudong, Shanghai และน้ำใจคนไทยในต่างแดน

สวัสดีค่ะ

จุดประสงค์ในการตั้งกระทู้นี้หลักๆคืออยากมาแบ่งปันประสบการณ์และขอขอบคุณคนไทยที่ถึงแม้จะไม่รู้จักชื่อแต่ก็ให้ความช่วยเหลือพวกเราเป็นอย่างดี
เมื่อวันที่ 12 เมษายน เราได้เดินทางไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นโดยจองตั๋วกับสายการบิน China Eastern และกลับวันที่ 16 โดยทั้งขาไป-กลับต้องต่อเครื่องที่จีน ขาไปต่อเครื่องที่หนานจิงประมาณ 5 ชั่วโมงกว่า ส่วนขากลับต่อเครื่องที่เซี่ยงไฮ้ประมาณ 2 ชั่วโมง จุดสำคัญอยู่ที่พวกเราต้องออกไปรับกระเป๋าและเข้าเช็คอินใหม่

ขาไปพวกเราแอบกังวลอยู่ไม่น้อยเพราะเป็นสนามบินเล็กไม่ค่อยได้รู้จักเท่าไรแต่พอไปถึง ก็มีเจ้าหน้าที่ผู้ชายคนหนึ่งดูแลพวกเราดีมากๆแม้ว่าหน้าจะดุก็ตาม รอพวกเราตั้งแต่เข้าตม. นำทางให้ไปรับกระเป๋า เช็คอินที่นั่งให้ จนกระทั่งตรวจกระเป๋า บอกทางเข้าเกจ พี่คนเดียวทำทุกอย่าง เรียกได้ว่าหนึ่งคนทำให้ทุกอย่าง (อยากจะเปิดเพลง เป็นทุกอย่าง ให้ฟัง ) ทุกอย่างเสร็จสิ้นภายในเวลาแค่ 30 นาทีด้วยความรวดเร็ว มีเวลาเหลือตั้ง 5 ชั่วโมง พวกเราก็หลับกันกลางสนามบินโดยไม่สนใครด้วยความอ่อนเพลียและขึ้นเครื่องต่อไปญี่ปุ่นได้อย่างไร้อุปสรรค

ขาไปดีงาม จนมาถึงจุดเปลี่ยนตอนขากลับ!

เป็นแบบเดียวกันแต่ต่างที่เราจะได้นั่งเครื่องของ JAL ต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่สนามบิน Pudong เซี่ยงไฮ้และนั่งเครื่องของสายการบิน Shanghai Airline กลับกรุงเทพ โดยครั้งนี้มีเวลาแค่ 2 ชั่วโมง 5 นาทีในการเปลี่ยนเครื่องแต่พวกเราก็คุยกัน คิดว่าน่าจะไม่มีปัญหาอะไรหรอกน่า สนามบินก็ใหญ่ เวลาสั้นกว่านี้ก็เคยเปลี่ยนเครื่องมาแล้ว ตอนที่หนานจิงพนักงานยังดูแลดี๊ดี นี่เซี่ยงไฮ้เลยนะ... แต่ว่าพวกเราก็คิดผิดมหันต์ เรานั่งเครื่องบินมาเป็น 10 รอบ นี่คือครั้งแรกในชีวิตที่เราตกเครื่องบินพร้อมกับคนไทยด้วยกันอีก 33 คน

ตามกำหนดการเครื่อง JAL จะถึงสนามบิน Pudong ตอน 4.20น. และเคาน์เตอร์จะปิดเช็คอินตอน 5.30น. และบินตอน 6.25น.

ขากลับนั่ง JAL บอกเลยว่าบริการดี อาหารอร่อย มีหนังให้ดู ผาห่มอุ่น หลับกันสบาย ฟินมากมาย


แล้วก็มีเรื่องไม่คาดฝัน พอล้อแตะพื้นรันเวย์ของสนามบิน Pudong ราวกับมีพลังอะไรบางอย่าง ทำให้เครื่องวนอยู่รอบรันเวย์ไม่จอดซักที เครื่องแตะพื้นเวลา 4.20 ก็จริงแต่กว่าผู้โดยสารจะได้ลงก็ปาไปเกือบ 5โมงแล้ว 

แล้วสิ่งที่ให้เสียเวลาคือสนามบินนี้ ผู้โดยสารจะต้องรอรถบัสมารับจากเครื่องบินเข้าสนามบินทำให้พวกเราเข้าสนามบินได้ในเวลา 5โมงกว่า
พวกเราบางคนเริ่มร้อนใจกลัวจะไม่ทันก็ได้ทำการบอกพนักงานสนามบินว่าเราจะต้องไปต่อเครื่องที่เวลานี้ตอนนี้นะ เขาก็รับคำเหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ พวกเราทั้งหมดจึงต้องต่อคิวเข้าตม.ตามปกติซึ่งคนเยอะล้านแปดมากแต่เคาน์เตอร์ Transfer เปิดแค่ 2 ช่อง ดูเวลาไป 5 โมงจะครึ่ง แถวก็ยังยาวอยู่ มีพนักงานหญิงคนหนึ่งเดินมาถามว่ามีใครไป แบ็งค็อกบ้าง พวกเราคนไทยกว่า 20 คนก็ยกมือกันอย่างพร้อมเพรียง เธอจึงมาเปิดเคาน์เตอร์อีกช่องหนึ่ง

หลุดจากตม.มาได้พวกเรารีบวิ่งไปเอากระเป๋าก็เจอด่านใหญ่อีก คือด่านเช็คกระเป๋าคนก็เยอะล้านแปดมาก ยังดีที่มีพนักงานของ JAL คนหนึ่งใส่ชุดคล้ายกัปตันเห็นพวกเราวิ่งหน้าตั้ง เข้ามาถามว่าบินไปกรุงเทพต่อใช่ไหม เราพยักหน้ากันหงึกๆ เขาก็ลัดคิวให้เราเป็นพิเศษ ก็ผ่านด่านมาได้แต่ก็เจอด่านสุดท้าย Last Boss เคาน์เตอร์ของ China eastern ที่คนต่อคิวเยอะมาก ซึ่งกว่าจะมาถึงเคาน์เตอร์ปิดรับไปเรียบร้อยแล้วจ้าาา (ทั้งที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ T T)


พนักงานจีนคนหนึ่งเดินมาพูดง่ายๆว่า miss flight หรือตกเครื่องแล้วนะ ตอนนั้นนี่รู้สึกเหมือนโลกแตกสลาย เคว้างคว้างเหมือนถูกทิ้งอยู่บนดาวอังคาร อ้าววว แล้วจะทำยังไงละ ซักพักก็เจอพี่คนไทยแถวนั้นเขาก็เรียกๆกันว่า ไปกรุงเทพเหมือนกันใช่ไหม สายการบินนี้ใช่ไหม... พวกเราเลยรวมตัวกันและพบว่า มีคนไทยตกเครื่องลำเดียวกันทั้งหมด 33 คน! (ไม่รู้ว่ามีใครอีกไหมแต่ตอนนั้นพบเจอกันแค่นี้จริงๆ ได้ยินว่ามีคนรอไม่ไหวจนซื้อตั๋วกลับเองไปแล้วด้วย)

ตกใจว่ามี 1 ใน 3 ของทั้งลำ กำลังนั่งตั้งวงอยู่ที่นี่ คนในเครื่องจะสงสัยไหมหนอ ทำไมลำนี้มันว่างจัง 5555
พวกเรากลุ่มตกเครื่อง

ตอนนั้นทุกคนน่าจะรู้สึกแบบเดียวกันคือเคว้งคว้าง แบบมันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง วิ่งหน้าตั้งขนาดนี้ยังตกเครื่อง

และก็มีพี่ผู้หญิงคนหนึ่งใส่แจ็คเก็ตสีน้ำเงินม่วงๆ เข้าไปคุยกับเจ้าหน้าที่ให้ด้วยความเป๊ะในอังกฤษจนเรารู้สึกเลยว่าพี่เขาเป็นความหวังของหมู่บ้าน ทางเจ้าหน้าที่ก็ยืนยันว่าเครื่องมาลงตรงเวลาแต่พวกเราผิดเองที่ไปไม่ทัน พวกยูมีเวลาตั้ง2ชั่วโมงทำไมมาไม่ทันละ ต้องออกค่าตั๋วกลับเองนะ ! เห้ย แบบนี้ก็ได้เหรอ

ด้วยความไม่ยอม พี่เขาก็ไฟท์ให้และพวกเราก็ช่วยกันยืนยันว่าเครื่องบินวนอยู่ในรันเวย์นานเกินไป จนในที่สุด JAL ยอมออกใบดีเลย์ให้ 


พวกเราก็แจกให้กับทุกคนจนครบที่อยู่ในบริเวณนั้นและทำการจดชื่อว่าแต่ละกรุ๊ปมีกี่คน ชื่ออะไร 
เราไม่ทราบรายละเอียดลึกมากเนื่องจากไม่ได้อยู่ฟังด้วยตลอดแต่ก็ช่วยกันไปยืนยันกับเจ้าหน้าที่ว่าพบอะไรบ้าง

มีพนักงานคนจีนมาคุยกับพวกเราหลายคนมาก ประมาณ 3-4 คน มีคนหนึ่งบอกว่าเราต้องรอไฟลท์กลับพรุ่งนี้ตอน 3 ทุ่มนะ เพราะวันนี้ไม่มีไฟลท์ไปกรุงเทพแล้ว What?

ณ จุดนั้นเวลาก็เกือบ2ทุ่มแล้ว แต่ละคนก็เหนื่อยล้าและกังวล พี่ๆก็ยังคุยต่อไปจนได้ข้อสรุปว่าจะต้องแบ่งกันกลับเพราะไม่สามารถใส่พวกเราทั้ง 34 คนกลับในคราวเดียวกันได้

จึงมีการแบ่งกันเป็น 2 กรุ๊ป กรุ๊ปแรกซึ่งแบกรับความเสี่ยงที่อาจจะได้กลับหรือไม่ได้กลับก็ได้และอาจจะต้องแยกกับเพื่อนตัวเองเพราะไม่รู้จะมีว่างกี่ที่นั่ง ถ้ากลับไม่ได้ก็ต้องรอวันต่อไป
ส่วนกรุ๊ป 2 จะได้ค้างคืนและกลับในวันต่อมา อย่างแน่นอนและจัดทำ Waiting list ให้กับกรุ๊ปที่ต้องนอนค้างคืน

สุดท้ายคนที่มาช่วยคุยกับพวกเราและสายการบิน China Eastern ให้คือ พนักงานของ JAL ที่ทั้งช่วยไกล่เกลี่ย โทรศัพท์ปรึกษากับเมเนเจอร์และคุยกับพวกเราว่าตอนนี้มีที่นั่งว่างกี่ที่ จะได้กลับเมื่อไร ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ JAL คนนั้นมากๆ ถ้าไม่มี พนักงานของ JAL คนนั้นช่วยคุยให้ก็ไม่รู้จะเป็นยังไง ทางด้านพนักงาน สายการบิน China Eastern วุ่นกับการดูแลผู้โดยสารที่มาเข้าคิวยาวรอเช็คอินจนไม่ว่างพอจะมาดูแลพวกเราได้

หน้าเคาน์เตอร์สายการบิน Cina Eastern ที่นั่งรอตั้งแต่1ทุ่มกว่ายัน3ทุ่มครึ่งเพราะไม่รู้จะมีที่นั่งว่างไหม วุ่นวายมาก
 

สุดท้ายกลุ่มแรกก็ได้กลับในรอบ 3 ทุ่มครึ่ง จำนวน 8 คน
และกลุ่มที่สอง กลับในรอบ 4 ทุ่มครึ่ง จำนวน 4 คน

ทว่าคนอื่นๆ อีก 22 คนนั้นไม่มีที่นั่งแล้ว ทาง JAL ก็ได้ช่วยคุยให้ว่าจะออกค่าใช้จ่ายให้ไปนอนโรงแรมคืนหนึ่งและจะช่วยหาไฟลท์ให้ในวันต่อมา (ได้ยินมาคร่าวๆแต่รายละเอียดจริงไม่รู้เป็นยังไง) 

เราอยู่ในกลุ่มกลับรอบ 4 ทุ่มครึ่ง แยกกลับกับเพื่อนในตอนแรกที่กลับไปรอบ 3 ทุ่มและเราถึงไทยเวลาตี 2 กว่า นี่เป็นครั้งแรกที่ตกเครื่องและไม่คาดคิดเลยว่าจะเจอเหตุการณ์แบบนี้ ตกเครื่องกันแบบเกือบยกลำเลยทีเดียว

ตั๋วที่ได้นั่งกลับ

รวมๆแล้ว สาเหตุที่คิดว่าทำให้พวกเราทั้ง 34 ชีวิตตกเครื่องมาจาก

1. สนามบินไม่พร้อมสำหรับการบริการ เครื่องของ JAL ต้องวนอยู่บนรันเวย์นานเกือบ 20 นาทีกว่าจะจอดและจะไปสนามบินได้ต้องรอรถบัสมาเป็นรอบๆ
ไม่เอื้อเฟื้อต่อคนที่รีบไปต่อเครื่อง

2.พนักงานสนามบิน ไม่สนใจว่าพวกเราจะต่อเครื่องทันหรือไม่ ปกติที่เคยเจอมาหากเวลาต่อเครื่องน้อย พนักงานควรจะพาพวกเราไปทางพิเศษ
เพื่อให้ต่อเครื่องได้ทันเพราะรู้ว่าเราต้องออกไปรับกระเป๋าอีก ไม่ใช่มาต่อในช่องทางตม.ตามปกติ แจ้งพนักงานไปแล้วก็ไม่สนใจเลย

3.รู้สึกได้เลยว่าพนักงานของสายการบินไม่เพียงพอต่อการให้บริการ จำนวนพนักงานน้อยจนงานล้นมือ ทำให้มาใส่ใจกับปัญหานี้ไม่ไหว
ไม่รู้สึกว่าสายการบินของ China Eastern ดูแลเราดีเท่าที่ควร ในทางกลับกัน คนที่ลงมาช่วยคุยกับพวกเรามากที่สุดคือพนักงานของ JAL ทั้งที่เราไม่ได้ซื้อบริการของเขา แค่ Operate กันเฉยๆ

สุดท้ายนี้ขอฝากเป็นบทเรียนให้กับตัวเองและคนที่คิดจะใช้บริการสายการบินนี้ให้ดี ยอมรับว่าซื้อเพราะตั๋วถูกแต่ถ้าเจอแบบนี้อีกก็ไม่ไหว ถ้าใครจะใช้บริการแนะนำให้เผื่อเวลาต่อเครื่องไว้เยอะๆก่อน อาจจะมาแจ็คพ็อตลงแบบพวกเราทั้ง 34 คนนี้เมื่อไรก็ไม่รู้

และขอขอบคุณน้ำใจคนไทย พี่ๆที่ช่วยกันคุยกับพนักงานให้และไกล่เกลี่ยจนพวกเราได้กลับบ้าน พนักงานจะให้พวกพี่กลับก่อนแต่พี่ๆก็ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ทั้งที่พวกพี่ต้องไปทำงานในวันต่อมาก็เสียสละให้น้องๆและผู้หญิงกลับก่อน

ไม่รู้ว่าคนที่ยังค้างอยู่สนามบินอีก 20กว่าคน จะได้กลับถึงประเทศไทยแล้วหรือยัง แต่ขอให้เดินทางด้วยความปลอดภัยค่ะ 
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่