ในที่สุดลิเวอร์พูลก็สามารถผ่านเข้ารอบไปได้สำหรับยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก โดยไปเจอโคตรทีมบาร์เซโลน่า ซึ่งถ้าสามารถผ่านบาร์ซ่าได้น่าจะการันตีแชมป์ได้เลย ต่อไปนี้เป็นประเด็นหลังเกมที่เจอกับปอร์โต
1.หงส์ลงเล่นนัดนี้เน้นตั้งรับอย่างเดียว ส่วนปอร์โต้ก็โจมตีตั้งแต่เขี่ยบอล โดยเน้นการโยนเป็นหลัก เนื่องจากว่าบุกไปธรรมดาจะโดนตัดเกมได้บ่อยๆ
2.เป็นอีกนัดที่ปอร์โต้บุกดีเนื่องจา่กหงส์มาฝึกเกมรับโดยเฉพาะ แต่เนื่องจากเวลาแต่งบอลน้อยเพราะหงส์ถึงตัวเร็วทำให้ยิงกันไม่คมอย่างแรง
3.วันนี้เป็นอีกนัดที่หงส์เช็คล้ำหน้าไม่ได้ หรือบางทีอาจไม่ได้เช็คก็ได้ เพราะรู้สึกเหมือนตั้งใจยอมโดนบุกเหมือนกัน แต่ก็ยอมรับว่าเกมบุกปอร์โต้หลุดล้ำหน้าบ่อยมาก วิ่งทะลุมาจากแนวหลังตลอด ไม่ก็วิ่งออกมาตอนแนวเสมอกันพอดี
4. อลิสสันนัดนี้ได้ออกแรงบ่อยแต่ก็ทำได้ดี ตำแหน่งยืนดี รับไม่กระฉอกเลย ออกมาตัดบอลถูกจังหวะตลอดด้วย
5.นัดนี้หงส์แทบไม่ไล่เพรสเลย ทำให้คิดขึ้นมาได้ว่า คล็อปป์มั่นใจในเกมรับมากๆ ยอมให้ปอร์โต้บุกเข้าใส่ จริงๆจะเห็นว่ามีจังหวะบอลถูกส่งผ่านปากประตูบ่อยมาก มีทั้งลูกที่กองหลังเคลียร์ออกมาได้ ประตูรับได้ และปอร์โต้พลาดเอง ทำให้กองหลังเสียวๆตลอดเหมือนกัน
6.เกมนี้ทำให้เห็นถึงเกมรุกที่อันตรายของหงส์แดง เพราะหลังจากปล่อยให้ปอร์โต้ยิงไปมากกว่า10ครั้ง พอได้จังหวะสวนกลับสวยๆหงส์ก็ทำประตูได้เลยจากการยิงครั้งแรก ปอร์โตก็ย่ามใจบุกเพลินไปหน่อย เลยโดนสวนไว
7. หลังจากโดนยิงไปก็แทบจะหมดโอกาสสำหรับปอร์โต้ จากนั้นเกมบุกของปอร์โต้ดูตื้อไปเองซะงั้น ทั้งๆที่หงส์ก็แทบไม่ได้บีบอะไรอยู่แล้ว
8.เกมนี้ปอร์โต้ยิงเยอะมากๆ แต่ถ้าดูในรายละเอียดแล้วเป็นลูกยิงที่มาจากตำแหน่งที่ไม่ควรยิงหลายลูก พูดง่ายๆก็คือฝืนยิง เพราะเป็นจุดที่ยิงแล้วยังไงก็ไม่เข้า
9.ครึ่งหลังลิเวอร์พูลเอาฟีร์มิโน่ลงมา แสดงให้เห็นว่าจะเน้นมากขึ้นเพื่อต่อเกม อีกทั้งยังแสดงให้เห็นว่าในครึ่งแรกลิเวอร์พูลไม่ได้ตั้งใจจะรับขนาดนั้น แต่มันสวนไม่ได้เพราะโดนตัดบอลบ่อยมาก โอริกิเชื่อมเกมได้ไม่เนียนแบบฟีร์มิโน พอฟีร์มิโน่ลงมาเกมก็ดูคึกคักขึ้น เพราะแกจะลงมาล้วง แล้วก็พยายามตัดบอลตลอด
10. อีกตัวที่ได้ลงก็คือโกเมซ นับเป็นสัญญาณที่ดี เพราะช่วงนี้ตัวเจ็บเยอะมาก และโกเมซมาถูกเวลาพอดี จากบุคลิกของคล็อปป์ แกจะไม่ส่งพวกที่หายเจ็บแล้วลงมาต่อให้ฟิตยังไงก็ตาม จนกว่าจะผ่านไปอีก2-3สัปดาห์ เรียกว่าเอาชัวร์ ไม่อยากให้เจ็บเพิ่ม ทำให้ผมนึกถึงกรณีสเตอรริดจ์ที่ช่วงนั้นพอหายเจ็บแล้วแกเอาลงเลย ปรากฏว่าเจ็บต่อ ซึ่งแกอาจจะเข็ดสำหรับเรื่องนั้นก็ได้
11.วันนี้ตัวสำรองที่เด่นที่สุดคงต้องยกให้เฮนเดอร์สันอีกครั้ง ลงมาก็โชว์แอสซิสต์เลย พอได้เล่นในตำแหน่งเดิมของตัวเองก็โชว์สายตาและจังหวะการส่ง ลูกที่ส่งนั้นก็แม่นและน้ำหนักดีมาก เฮนเดอร์สันนั้นโชคดีเพราะเวลาได้บอลไม่มีใครประกบติด อาจจะภาพลักษณ์เดิมที่แกเป็นตัวรับ จะไม่ค่อยเห็นแกส่งทะลุนอกจากแปะไปแปะมา จุดนี้อาจทำให้คู่ต่อสู้คิดว่าไม่น่ามีอะไรก็ได้ ทำให้เวลาเฮนเดอร์สันได้บอลนั้นค่อนข้างมีพื้นที่และเวลา เลยมีจังหวะจ่ายสวยๆใน2-3เกมหลัง และเป็นจังหวะได้ประตูทั้งนั้น
12. ซาล่าห์กลับมาเป็นตัวของตัวเองอย่างสมบูรณ์ ไม่มีลูกฝืน การเล่นแบบนี้ทำให้คู่ต่อสู้จับทางยากจากที่คอยดักทางเลี้ยงก็ต้องระวังเรื่องการส่งอีก ทำให้ซาล่าห์เล่นง่ายขึ้น เพื่อนก็เล่นง่ายขึ้น
13.ลูกสูตรที่โยนมุมให้ซาล่าห์วอลเลย์แบบไม่จับนั้นก่อนหน้านี้เราจะได้เห็น2ครั้งแล้วจากนัดที่เจอเชลซีและเซาธ์ ซึ่งเป็นลูกสูตรที่ยาก แต่ก็เป็นลูกสูตรที่มีโอกาสจบสกอร์ได้จริงๆ เพราะแผงหลังฝั่งตรงข้ามจะไปออกันตรงประตูทำให้ซาล่าห์ได้ยินโล่งๆ แต่ต้องฝึกบ่อยๆเพราะจาก3ครั้งซาล่าห์ยิงแป้กไป1ครั้ง และโดนแข้งไป2ครั้ง
14. ในช่วง20นาทีหลังเหมือนปอร์โต้จะหมดแรง ทำให้เกมบุกนั้นบุกไม่ออก ก็เลยโดนลิเวอร์พูลที่เซฟแรงไว้ไล่บุกคืนจนสกอร์ขาด
15.วันนี้ต้องชมแผงหลังที่ครึ่งแรกโดนทดสอบเกมรับอยู่เกือบทั้งเกม ซึ่งจะเห็นว่ามีหลุดเป็นระยะๆแต่ยังสามารถตามมาช่วยกันไวทำให้ปอร์โต้ไม่ได้ยิงถนัดจนยิงเสียกันไปเอง มาติปวันนี้ก็ดูกลมกลืนดี
16. เป็นอันที่แน่นอนว่ารอบรองนั้นเจอกับทีมบาร์เซโลน่า ซึ่งบอกตามตรงว่าผมอยากให้เจอมานานแล้ว เพราะอยากรู้จริงๆว่า ลิเวอร์พูลที่เล่นบีบเร็ว เพรสหนักจะตัดเกมและหยุดเมสซี่ได้มั้ย และเกมบุกลิเวอร์พูลจะทะลุแนวรับของบาร์เซโลน่าได้มั้ย เพราะผมมองว่า บาร์เซโลน่านั้นเกมรับไม่ค่อยดี เพราะถ้าเจอพวกไวๆความสามารถเฉพาะตัวดี โต้กลับแม่นๆ ก็เสียประตูได้ตลอด เรียกว่าถ้าหลุดการเพรสของบาร์ซ่าได้ก็ได้ยิงแน่นอน อีกอย่างถ้าลิเวอร์พูลโดนเพรสกลับก็จะเพรสสวนคืนหนักเช่นกัน บางครั้งก็ใช้วิธีโยนบอลให้กองหน้าเลย
17.แมนซิตี้ก็จะคล้ายๆบาร์เซโลน่าคือกองหลังไม่ดี แต่ทั้ง2ทีมนี้ไม่ค่อยมีโอกาสเล่นเกมรับเพราะจะขึงและไล่เพรสจนคู่ต่อสู้บุกไปไม่ได้ ข้อเสียคือเลยไม่เห็นว่ารูปแบบการบุกของฝั่งตรงข้ามเป็นยังไง เพราะถ้าเจอฝั่งตรงข้ามที่คล่องๆแล้วหลุดมาได้ก็ทำให้ตั้งรับไม่ดี
18.รอบรองนี้เราก็มาดูกันว่าทีมที่ว่ากันว่ามีเกมรุกที่ดีที่สุดในโลกอย่างบาร์ซ่ากับทีมที่รับดีที่สุดในโลกอย่างลิเวอร์พูล แถมมีลูกตั้งเตะที่อันตราย ใครจะเป็นฝ่ายผ่านเข้าสู่รอบชิง
cr หงส์แดงรุ่นลุง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=397968797661188&id=341536523304416&__tn__=K-R
ประเด็นหลังเกม ปอร์โต้ ลิเวอร์พูลครับ
1.หงส์ลงเล่นนัดนี้เน้นตั้งรับอย่างเดียว ส่วนปอร์โต้ก็โจมตีตั้งแต่เขี่ยบอล โดยเน้นการโยนเป็นหลัก เนื่องจากว่าบุกไปธรรมดาจะโดนตัดเกมได้บ่อยๆ
2.เป็นอีกนัดที่ปอร์โต้บุกดีเนื่องจา่กหงส์มาฝึกเกมรับโดยเฉพาะ แต่เนื่องจากเวลาแต่งบอลน้อยเพราะหงส์ถึงตัวเร็วทำให้ยิงกันไม่คมอย่างแรง
3.วันนี้เป็นอีกนัดที่หงส์เช็คล้ำหน้าไม่ได้ หรือบางทีอาจไม่ได้เช็คก็ได้ เพราะรู้สึกเหมือนตั้งใจยอมโดนบุกเหมือนกัน แต่ก็ยอมรับว่าเกมบุกปอร์โต้หลุดล้ำหน้าบ่อยมาก วิ่งทะลุมาจากแนวหลังตลอด ไม่ก็วิ่งออกมาตอนแนวเสมอกันพอดี
4. อลิสสันนัดนี้ได้ออกแรงบ่อยแต่ก็ทำได้ดี ตำแหน่งยืนดี รับไม่กระฉอกเลย ออกมาตัดบอลถูกจังหวะตลอดด้วย
5.นัดนี้หงส์แทบไม่ไล่เพรสเลย ทำให้คิดขึ้นมาได้ว่า คล็อปป์มั่นใจในเกมรับมากๆ ยอมให้ปอร์โต้บุกเข้าใส่ จริงๆจะเห็นว่ามีจังหวะบอลถูกส่งผ่านปากประตูบ่อยมาก มีทั้งลูกที่กองหลังเคลียร์ออกมาได้ ประตูรับได้ และปอร์โต้พลาดเอง ทำให้กองหลังเสียวๆตลอดเหมือนกัน
6.เกมนี้ทำให้เห็นถึงเกมรุกที่อันตรายของหงส์แดง เพราะหลังจากปล่อยให้ปอร์โต้ยิงไปมากกว่า10ครั้ง พอได้จังหวะสวนกลับสวยๆหงส์ก็ทำประตูได้เลยจากการยิงครั้งแรก ปอร์โตก็ย่ามใจบุกเพลินไปหน่อย เลยโดนสวนไว
7. หลังจากโดนยิงไปก็แทบจะหมดโอกาสสำหรับปอร์โต้ จากนั้นเกมบุกของปอร์โต้ดูตื้อไปเองซะงั้น ทั้งๆที่หงส์ก็แทบไม่ได้บีบอะไรอยู่แล้ว
8.เกมนี้ปอร์โต้ยิงเยอะมากๆ แต่ถ้าดูในรายละเอียดแล้วเป็นลูกยิงที่มาจากตำแหน่งที่ไม่ควรยิงหลายลูก พูดง่ายๆก็คือฝืนยิง เพราะเป็นจุดที่ยิงแล้วยังไงก็ไม่เข้า
9.ครึ่งหลังลิเวอร์พูลเอาฟีร์มิโน่ลงมา แสดงให้เห็นว่าจะเน้นมากขึ้นเพื่อต่อเกม อีกทั้งยังแสดงให้เห็นว่าในครึ่งแรกลิเวอร์พูลไม่ได้ตั้งใจจะรับขนาดนั้น แต่มันสวนไม่ได้เพราะโดนตัดบอลบ่อยมาก โอริกิเชื่อมเกมได้ไม่เนียนแบบฟีร์มิโน พอฟีร์มิโน่ลงมาเกมก็ดูคึกคักขึ้น เพราะแกจะลงมาล้วง แล้วก็พยายามตัดบอลตลอด
10. อีกตัวที่ได้ลงก็คือโกเมซ นับเป็นสัญญาณที่ดี เพราะช่วงนี้ตัวเจ็บเยอะมาก และโกเมซมาถูกเวลาพอดี จากบุคลิกของคล็อปป์ แกจะไม่ส่งพวกที่หายเจ็บแล้วลงมาต่อให้ฟิตยังไงก็ตาม จนกว่าจะผ่านไปอีก2-3สัปดาห์ เรียกว่าเอาชัวร์ ไม่อยากให้เจ็บเพิ่ม ทำให้ผมนึกถึงกรณีสเตอรริดจ์ที่ช่วงนั้นพอหายเจ็บแล้วแกเอาลงเลย ปรากฏว่าเจ็บต่อ ซึ่งแกอาจจะเข็ดสำหรับเรื่องนั้นก็ได้
11.วันนี้ตัวสำรองที่เด่นที่สุดคงต้องยกให้เฮนเดอร์สันอีกครั้ง ลงมาก็โชว์แอสซิสต์เลย พอได้เล่นในตำแหน่งเดิมของตัวเองก็โชว์สายตาและจังหวะการส่ง ลูกที่ส่งนั้นก็แม่นและน้ำหนักดีมาก เฮนเดอร์สันนั้นโชคดีเพราะเวลาได้บอลไม่มีใครประกบติด อาจจะภาพลักษณ์เดิมที่แกเป็นตัวรับ จะไม่ค่อยเห็นแกส่งทะลุนอกจากแปะไปแปะมา จุดนี้อาจทำให้คู่ต่อสู้คิดว่าไม่น่ามีอะไรก็ได้ ทำให้เวลาเฮนเดอร์สันได้บอลนั้นค่อนข้างมีพื้นที่และเวลา เลยมีจังหวะจ่ายสวยๆใน2-3เกมหลัง และเป็นจังหวะได้ประตูทั้งนั้น
12. ซาล่าห์กลับมาเป็นตัวของตัวเองอย่างสมบูรณ์ ไม่มีลูกฝืน การเล่นแบบนี้ทำให้คู่ต่อสู้จับทางยากจากที่คอยดักทางเลี้ยงก็ต้องระวังเรื่องการส่งอีก ทำให้ซาล่าห์เล่นง่ายขึ้น เพื่อนก็เล่นง่ายขึ้น
13.ลูกสูตรที่โยนมุมให้ซาล่าห์วอลเลย์แบบไม่จับนั้นก่อนหน้านี้เราจะได้เห็น2ครั้งแล้วจากนัดที่เจอเชลซีและเซาธ์ ซึ่งเป็นลูกสูตรที่ยาก แต่ก็เป็นลูกสูตรที่มีโอกาสจบสกอร์ได้จริงๆ เพราะแผงหลังฝั่งตรงข้ามจะไปออกันตรงประตูทำให้ซาล่าห์ได้ยินโล่งๆ แต่ต้องฝึกบ่อยๆเพราะจาก3ครั้งซาล่าห์ยิงแป้กไป1ครั้ง และโดนแข้งไป2ครั้ง
14. ในช่วง20นาทีหลังเหมือนปอร์โต้จะหมดแรง ทำให้เกมบุกนั้นบุกไม่ออก ก็เลยโดนลิเวอร์พูลที่เซฟแรงไว้ไล่บุกคืนจนสกอร์ขาด
15.วันนี้ต้องชมแผงหลังที่ครึ่งแรกโดนทดสอบเกมรับอยู่เกือบทั้งเกม ซึ่งจะเห็นว่ามีหลุดเป็นระยะๆแต่ยังสามารถตามมาช่วยกันไวทำให้ปอร์โต้ไม่ได้ยิงถนัดจนยิงเสียกันไปเอง มาติปวันนี้ก็ดูกลมกลืนดี
16. เป็นอันที่แน่นอนว่ารอบรองนั้นเจอกับทีมบาร์เซโลน่า ซึ่งบอกตามตรงว่าผมอยากให้เจอมานานแล้ว เพราะอยากรู้จริงๆว่า ลิเวอร์พูลที่เล่นบีบเร็ว เพรสหนักจะตัดเกมและหยุดเมสซี่ได้มั้ย และเกมบุกลิเวอร์พูลจะทะลุแนวรับของบาร์เซโลน่าได้มั้ย เพราะผมมองว่า บาร์เซโลน่านั้นเกมรับไม่ค่อยดี เพราะถ้าเจอพวกไวๆความสามารถเฉพาะตัวดี โต้กลับแม่นๆ ก็เสียประตูได้ตลอด เรียกว่าถ้าหลุดการเพรสของบาร์ซ่าได้ก็ได้ยิงแน่นอน อีกอย่างถ้าลิเวอร์พูลโดนเพรสกลับก็จะเพรสสวนคืนหนักเช่นกัน บางครั้งก็ใช้วิธีโยนบอลให้กองหน้าเลย
17.แมนซิตี้ก็จะคล้ายๆบาร์เซโลน่าคือกองหลังไม่ดี แต่ทั้ง2ทีมนี้ไม่ค่อยมีโอกาสเล่นเกมรับเพราะจะขึงและไล่เพรสจนคู่ต่อสู้บุกไปไม่ได้ ข้อเสียคือเลยไม่เห็นว่ารูปแบบการบุกของฝั่งตรงข้ามเป็นยังไง เพราะถ้าเจอฝั่งตรงข้ามที่คล่องๆแล้วหลุดมาได้ก็ทำให้ตั้งรับไม่ดี
18.รอบรองนี้เราก็มาดูกันว่าทีมที่ว่ากันว่ามีเกมรุกที่ดีที่สุดในโลกอย่างบาร์ซ่ากับทีมที่รับดีที่สุดในโลกอย่างลิเวอร์พูล แถมมีลูกตั้งเตะที่อันตราย ใครจะเป็นฝ่ายผ่านเข้าสู่รอบชิง
cr หงส์แดงรุ่นลุง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้