[บันทึกเดินทางของชาวสองล้อ] ครั้งหนึ่งที่ "กอทูเล"

ในทุกการเดินทางมักมีเรื่องราวให้เล่าขาน  แม้ออกเดินทางเพียงครั้งเดียว แต่ความทรงจำที่เก็บเกี่ยวไว้จะถูกบันทึกในใจตลอดไป

กระทู้นี้ เป็นเรื่องราวที่บอกเล่าส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น พ่อแม่ปู่ย่าสู่ลูกหลาน
ชวนให้นึกจินตนาการกันว่า  ทริปลุยด้วยใจ บนเส้นทางชาวสองล้อ มันจะโหด มันส์ และฮา แค่ไหน

ในยุคที่การติดต่อสื่อสารไม่ได้สะดวกสบายอย่างทุกวันนี้ ไม่มีมือถือ ไม่มีเพจเจอร์ ไม่มี google หรือ GPS คอยบอกข้อมูลและชี้นำ
มีแต่ใจ และแก๊งค์เพื่อนร่วมความฝัน ที่อยากจะออกไปสัมผัสสิ่งที่ได้ยินเล่าอ้างมาว่า สถานที่นั้นงดงาม ตื่นเต้น ชวนหลงใหล
จนต้องแพ๊กกระเป๋า โดดขึ้นสองล้อ พร้อมลุยทะยานออกไปในวัยคึกคะนอง พร้อมสาวคู่ใจออกลุยโคลนไปด้วยกัน

ทริปนี้ เป็นอีกความฝันของพ่อ ที่อยากจะสัมผัสกับ "สุดแผ่นดินตะวันตก" แต่ดันเกิดหลงทาง จนหลุดไปไกลถึงยังแดนที่เรียกว่า "กอทูเล"


เป็นที่น่าเสียดายที่ภาพถ่าย ดินแดนกอทูเล มีเพียงไม่กี่ภาพเท่านั้น เพราะหากอยู่เก็บภาพนานกว่านี้
เกรงว่า เราอาจจะไม่ได้เกิดมาก็เป็นได้ และพ่อพร้อมชาวแก๊งค์ อาจจะได้ไปนอนคุยใต้ต้นไผ่กัน

เรื่องราวมันเริ่มขึ้นมาจาก  ความฝันของพ่อ ที่อยากสัมผัสสุดแผ่นดินประเทศไทยน่ะแหล่ะ  และครั้งนี้เป้าหมายคือ "ตะวันตก"

การวางแผน :  เมื่อกำหนดเป้าหมายได้ชัดเจนแล้ว  ก็รวมพลชาวแก๊งค์มาพูดคุยกันถึงการจัดขบวนรูปแบบเดินทาง 
เพราะความยากลำบากในการติดต่อสื่อสาร จึงทำให้ต้องออกแบบการเดินทางให้รัดกุม
รวมไปถึงเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน และการจัดเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นต่างๆ เช่น เมื่อยางแตก เมื่อพลัดหลง ฯลฯ และแบ่งหน้าที่กันไป

รถที่มี CC สูง จะได้รับหน้าที่ให้อยู่หลังๆ หรือ ปิดท้ายขบวน
เนื่องจากเมื่อมีรถสูญหาย จะสามารถเร่งเครื่องขึ้นไปตามคันข้างหน้าให้หยุดชะลอได้
ส่วนคนที่มีความชำนาญเส้นทาง หรือ พื้นที่ จะได้รับหน้าที่ในการนำขบวน 
และการรักษาขบวน จะใช้วิธีให้คันหลังดูคันก่อนหน้าเพียง 1 คัน เท่านั้น จะไม่มีการแซงกัน
มีการส่งสัญญาณมือในแบบต่างๆ ตามที่นัดแนะกันไว้เป็นระยะ เพื่อให้การเดินทางราบรื่น


........................ เริ่มต้นเดินทาง .......................................

ราชบุรี ขึ้นชื่อเรื่องของโอ่งมาช้านาน ดังนั้นจุดหมายแรกเลยคือ ไปพิสูจน์ให้รู้จริงกันถึงโรงปั้นโอ่ง 
และก็พบว่า สมคำร่ำลือ  ทำให้ปัจจุบันที่บ้านมีโอ่งยักษ์ของราชบุรีนับ 10 ใบ ซึ่งคอยทำหน้าที่เก็บกักน้ำฝนมาจะร่วม 30 ปีล่ะ


ต่อมาก็ของดีราชบุรีอีกแห่ง ในยุคที่แกะยังไม่เข้ามาเป็นมาสคอต  ที่เที่ยวจึงเน้นไปที่วิถีชาวบ้าน ในจุดนี้จึงออกเดินทางแวะไปที่ ตลาดน้ำดำเนินสะดวก


และเสียงลือเล่าอ้างว่า  มีธารน้ำร้อน หลบซ่อนตัวอยู่ในป่า  ซึ่งปัจจุบันคือ บ่อคลึง ซึ่งกว่าจะเดินทางไปถึงก็ตัวเลอะกันไปตามๆกัน  แม้จะหลงทาง และ เส้นทางลำบากแค่ไหน  แต่เมื่อรักจะเล่นน้ำ ก็ต้องไปให้ได้  (พ่อบอก สาวๆรีเควสมา พ่อบ้านใจกล้าจึงต้องทำให้สำเร็จ)




ตอนนั้นยังเข้าฟรีอยู่นะ

ระหว่างทางก็ขอแนะนำสถานที่เที่ยวขึ้นชื่อของราชบุรีได้แก่   ถ้ำเขาบิน  เขางู และ   โป่งยุบ
ความงามของธรรมชาติ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ก็ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงไปจากความเดิมนัก
จะมีก็เพิ่มเติมที่ความศิวิไลย์  ได้รับการพัฒนาให้เป็นที่ท่องเที่ยวเหมาะสำหรับครอบครัวมากขึ้น 


.
.
.
.
แต่ทั้งหมดนี้ ยังไม่ใช่ไฮไลท์ของทริป  เพราะจุดหมายคือ จะออกไปแตะขอบฟ้า เฮ้ย  ไปแตะเทือกเขาตะนาวศรี 
ไม่เห็นสุดเขตแดนธงไทยไตรรงค์ ล้อต้องยังไม่หยุดหมุน...... จึงมุ่งหน้ากันต่อไปโดยไม่รู้ว่า เกือบจะได้เป็นทริปสุดท้ายของชีวิตซะแล้ว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่