
O แม้ไกลห่างต่างกัน .. ดวงขวัญเอ๋ย
การได้เชยชิดเจ้ายังเฝ้าฝัน
แต่เมื่อร่วมปักปลูกความผูกพัน
จิตเหมือนถูกตรึงมั่น .. สุดบั่นทอน
O กรรมบถ-พจนา .. คือวาระ
ก่อพันธะคุมขังเกินรั้งถอน
รูปนามแนบแววตา .. คืออาวรณ์-
เริ่มช่วงตอนสำทับแนบกับใจ
O กรรมบถ-พจนา .. วิวาทะ
ดุจศรผละจากคัน .. จนสั่นไหว
ลิ่วทะลวงเสียบปลายพร้อมสายใย-
ม้วนพันไว้เกินคนอาจด้นดึง
O จากบัดนั้นจนบัดนี้เท่าที่รู้
ล้วนความหมายสื่อสู่ให้รู้ถึง-
ความอาลัยลึกล้ำ-ห้วงคำนึง-
ล้วนติดตรึงใจอยู่ .. ด้วยผู้เดียว
O จากนั้นความพร้อมเพรียงย่อมเพียงแค่
สายตาคอยเฝ้าแต่ชะแง้เหลียว
โสตสดับเสียงขวัญ ช่วยขันเกลียว
จิตย่อมเหนี่ยวเรียวร่างลงกลางทรวง
O จากนั้นกัมปนาทแห่งชาติภพ
เริ่มตั้งตอนเมื่อพลบบรรจบช่วง
ความอ่อนโยนอ่อนไหวพร้อมในดวง-
ใจผู้ห่วงละห้อยหา .. ด้วยอาวรณ์
O กัมปนาทแห่งชาติภพตระหลบโลก
เริ่มช่วงยามสุขโศกถูกโยกถอน
สังขารในดวงจิตถูกลิดรอน
เสียงออดอ้อนกระซิบนั้น .. ย่อมบันดาล
O เสน่หาในวาทีย่อมมีอยู่
ความสื่อสู่คอยกล่อม .. ล้วนหอมหวาน
สำเนียงถ้อยแว่วดัง .. ย่อมกังวาน
แนบแน่นจิตวิญญาณนับนานมา
O เหมือนเฝ้าคอยพิศเพ่งจากเพรงภพ
พอบรรจบจึงหน่วงให้ห่วงหา
เผยรูปและเผยงามขึ้นล่ามคา
ละห้อยเห็น, ปรารถนา-ก็คาใจ
O หรือทิพสบคำบวง .. แล้วหน่วงเหนี่ยว-
รูปนามแทนโค้งเคียวคอยเกี่ยวให้-
ตา, สัมผัส .. ลุกช่วงเป็นดวงไฟ-
สุมทรวงให้ละห้อยหา เกินกว่าล้าง
O อัตภาพทุกช่วงย่อมหน่วงสิทธิ์
นฤมิตแรงชู้ไม่รู้สร่าง
ย้อนกลับสู่รูปนามในท่ามกลาง
การแนบวางอาวรณ์ .. ให้ร้อนรน
O ให้บัดนี้จนบัดนั้นในวันหน้า
เสน่หา .. เติมเต็มให้เข้มข้น
แรงอาวรณ์อาลัยพึงไหววน-
ให้จิตคนละห้อยเห็นอย่าเว้นวัน
O ให้บัดนี้ .. จนบัดนั้น ดวงขวัญเอ๋ย
การได้เชยชิดเจ้า .. จงเฝ้าฝัน
เพรียกอาวรณ์แรงชู้ .. สื่อสู่กัน
ให้นรกให้สวรรค์ ทุกชั้น-รู้
O ร่วมคอยเถิด .. อัตภาพอันซาบซึ้ง
ร่วมรั้งดึงห่วงละห้อยให้คอยอยู่
แรงอาวรณ์ร้อนรุม ร่วมอุ้มชู
ร่วมเกี่ยวก้อยย่างสู่บ่วงชู้นั้น
O อัตภาพแรงคะนึงเพียงหนึ่งช่วง
จักทาบทวงดวงใจจนไหวสั่น
บำบวงทิพ .. สำทับให้รับกัน
ช่วยปกป้องใฝ่ฝัน .. ตราบวันวาย
O แม้ไกลห่างต่างกัน .. ดวงขวัญเอ๋ย
การได้เชยชิดเจ้ายังเฝ้าหมาย
รู้เถิดว่าอาลัยของใจชาย
นี้-สุดถ่ายสุดถอน .. แม้น-ตอนเดียว !
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=06-2015&date=11&group=11&gblog=624
O แก้วตาพี่ .. O
O แม้ไกลห่างต่างกัน .. ดวงขวัญเอ๋ย
การได้เชยชิดเจ้ายังเฝ้าฝัน
แต่เมื่อร่วมปักปลูกความผูกพัน
จิตเหมือนถูกตรึงมั่น .. สุดบั่นทอน
O กรรมบถ-พจนา .. คือวาระ
ก่อพันธะคุมขังเกินรั้งถอน
รูปนามแนบแววตา .. คืออาวรณ์-
เริ่มช่วงตอนสำทับแนบกับใจ
O กรรมบถ-พจนา .. วิวาทะ
ดุจศรผละจากคัน .. จนสั่นไหว
ลิ่วทะลวงเสียบปลายพร้อมสายใย-
ม้วนพันไว้เกินคนอาจด้นดึง
O จากบัดนั้นจนบัดนี้เท่าที่รู้
ล้วนความหมายสื่อสู่ให้รู้ถึง-
ความอาลัยลึกล้ำ-ห้วงคำนึง-
ล้วนติดตรึงใจอยู่ .. ด้วยผู้เดียว
O จากนั้นความพร้อมเพรียงย่อมเพียงแค่
สายตาคอยเฝ้าแต่ชะแง้เหลียว
โสตสดับเสียงขวัญ ช่วยขันเกลียว
จิตย่อมเหนี่ยวเรียวร่างลงกลางทรวง
O จากนั้นกัมปนาทแห่งชาติภพ
เริ่มตั้งตอนเมื่อพลบบรรจบช่วง
ความอ่อนโยนอ่อนไหวพร้อมในดวง-
ใจผู้ห่วงละห้อยหา .. ด้วยอาวรณ์
O กัมปนาทแห่งชาติภพตระหลบโลก
เริ่มช่วงยามสุขโศกถูกโยกถอน
สังขารในดวงจิตถูกลิดรอน
เสียงออดอ้อนกระซิบนั้น .. ย่อมบันดาล
O เสน่หาในวาทีย่อมมีอยู่
ความสื่อสู่คอยกล่อม .. ล้วนหอมหวาน
สำเนียงถ้อยแว่วดัง .. ย่อมกังวาน
แนบแน่นจิตวิญญาณนับนานมา
O เหมือนเฝ้าคอยพิศเพ่งจากเพรงภพ
พอบรรจบจึงหน่วงให้ห่วงหา
เผยรูปและเผยงามขึ้นล่ามคา
ละห้อยเห็น, ปรารถนา-ก็คาใจ
O หรือทิพสบคำบวง .. แล้วหน่วงเหนี่ยว-
รูปนามแทนโค้งเคียวคอยเกี่ยวให้-
ตา, สัมผัส .. ลุกช่วงเป็นดวงไฟ-
สุมทรวงให้ละห้อยหา เกินกว่าล้าง
O อัตภาพทุกช่วงย่อมหน่วงสิทธิ์
นฤมิตแรงชู้ไม่รู้สร่าง
ย้อนกลับสู่รูปนามในท่ามกลาง
การแนบวางอาวรณ์ .. ให้ร้อนรน
O ให้บัดนี้จนบัดนั้นในวันหน้า
เสน่หา .. เติมเต็มให้เข้มข้น
แรงอาวรณ์อาลัยพึงไหววน-
ให้จิตคนละห้อยเห็นอย่าเว้นวัน
O ให้บัดนี้ .. จนบัดนั้น ดวงขวัญเอ๋ย
การได้เชยชิดเจ้า .. จงเฝ้าฝัน
เพรียกอาวรณ์แรงชู้ .. สื่อสู่กัน
ให้นรกให้สวรรค์ ทุกชั้น-รู้
O ร่วมคอยเถิด .. อัตภาพอันซาบซึ้ง
ร่วมรั้งดึงห่วงละห้อยให้คอยอยู่
แรงอาวรณ์ร้อนรุม ร่วมอุ้มชู
ร่วมเกี่ยวก้อยย่างสู่บ่วงชู้นั้น
O อัตภาพแรงคะนึงเพียงหนึ่งช่วง
จักทาบทวงดวงใจจนไหวสั่น
บำบวงทิพ .. สำทับให้รับกัน
ช่วยปกป้องใฝ่ฝัน .. ตราบวันวาย
O แม้ไกลห่างต่างกัน .. ดวงขวัญเอ๋ย
การได้เชยชิดเจ้ายังเฝ้าหมาย
รู้เถิดว่าอาลัยของใจชาย
นี้-สุดถ่ายสุดถอน .. แม้น-ตอนเดียว !
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=06-2015&date=11&group=11&gblog=624