5 เมมเบอร์ 48G ที่ดังได้ด้วยวิธีแปลกๆ
การจะก้าวขึ้นมาเป็นไอดอลที่มีชื่อเสียงโด่งดังนั้นมีกันหลายวิธี วิธีที่พวกเรารู้กันดีก็คงเป็นการดึงดูดคนด้วยหน้าตาที่สวยสดงดงาม เสียงร้องอันไพเราะ การเต้นอันทรงพลัง รวมไปถึงการปล่อยมุกตลกที่แพรวพราวจนสามารถชิงแอร์ไทม์มาได้ แต่ในโลกของ 48G ที่อะไรก็เกิดขึ้นได้ มีเมมเบอร์บางคนที่ใช้วิธีที่แปลกๆแหกม่านประเพณีทั้งตั้งใจบ้างและไม่ได้ตั้งใจบ้าง จนมีชื่อเสียงขึ้นมาได้เพียงชั่วข้ามคืน วันนี้ผมจะแนะนำให้รู้จักพวกเธอกันครับ
1. คาวาเอะ รินะ ชื่อเล่น ริจจัง อดีต AKB48 รุ่น11: ดังเพราะโง่
โง่จนเป็นตำนาน
คุณอ่านไม่ผิดหรอก เธอดังขึ้นมาได้ด้วยความโง่จริงๆ ความโง่ที่เป็นสิ่งด้อยทำให้เธอมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาเพียงชั่วข้ามคืน
คาวาเอะเริ่มต้นเส้นทางไอดอลโดยการเข้า AKB ในรุ่นที่ 10 เธอเป็น 1 ใน 3 เมมเบอร์ได้รับการจับตามองว่าจะเป็นเสาหลักให้กับAKBในอนาคตได้ โดย 3 คนที่ว่าได้รับการขนานนามว่า 3 ประสานอันริเร (อันนิน/ริจจัง/เรนัจจิ)
จุดเริ่มต้นตำนานของเธอมาจากตอนที่ AKB48 ได้ไปออกรายการ Mechaike ตอน สอบปลายภาค โดยทางรายการจะให้เมมเบอร์ทำข้อสอบแบบไม่ให้ตั้งตัว จากนั้นจะนำคะแนนมาจัดอันดับเพื่อเฟ้นหาคนที่ฉลาดและโง่ที่สุดในAKB
ซึ่งคนที่โง่ที่สุด 7 อันดับจะได้ตั้งออกเพลงเดี่ยวในยูนิท BKA48 ที่ย่อมาจากบากะ(Baka)ที่แปลว่าโง่นั่นเอง โดยคนที่ได้คะแนนน้อยที่สุดจะได้ตำแหน่งเซนเตอร์ไปครอง
แฟนคลับAKBรู้กันดีครับว่าท้ายที่สุดคาวาเอะก็สามารถคว้าตำแหน่งที่โหล่มาครองได้ โดยคำตอบของคาวาเอะที่รายการเอามาแฉแต่ละข้อเรียกได้ว่าสร้างความตกใจและเรียกเสียงฮาได้เป็นอย่างมาก จนเราแทบไม่อยากจะเชื่อว่ามีคนโง่ขนาดนี้ในAKBด้วยหรอวะ 5555
โจทย์คือให้แปลประโยคนี้
นี่คือคำตอบของคาวาเอะ!!
เรียกเสียงฮาทั้งสตู 555
สรุปคือนางคิดว่า Haste กับ Waste คือชื่อคน 5555
นางยังแถต่อ....
พิธีกรถึงกับงงว่าไอ้ 2 คนนี้มันใครวะ
ทางรายการถึงกับสร้างฮัสเต้จังกับวัสเต้จังให้คาวาเอะเลยทีเดียว 5555
เหมือนจะทำมาเอาฮาแต่ได้ออกงานด้วยนะเออ
รายการจบคนไม่จบ
หลังจากรายการจบ ด้วยคาร์แร๊คเตอร์ที่ชัดเจน(คาร์โง่) บวกกับหน้าตาที่น่ารัก ทำให้ความนิยมของคาวาเอะพุ่งกระฉูดแตก ดังเพียงชั่วข้ามคืนเลยก็ว่าได้
ชื่อของเธอเริ่มจะเป็นที่พูดถึงในหมู่แฟนคลับ ลามไปถึงคนญี่ปุ่นทั่วไปที่ได้ดูรายการนี้ด้วย
จากเด็กที่ไม่ติดอันดับ ก็ก้าวขึ้นมาติดเซมเพลงSayonara Crawl ต่อมาในงานเลือกตั้งเธอสามารถทะยานขึ้นมาติดได้ถึงอันดับ 25 ซึ่งสร้างความฮือฮาได้อย่างมาก หลังจากนั้นเธอก็กลายเป็นขาประจำเซมบัตสึซิงหลักอยู่เรื่อยมา
นอกจากนี้เธอยังมีงานนอกเข้ามาอย่างมากมาย โดยเฉพาะรายการตลก พอไปออกรายการไหนก็จะโดนขยี้เรื่องโง่เป็นประจำ แม้บางครั้งสีหน้าของเธอจะดูไม่ชอบหรือรำคาญไปบ้างแต่ก็ต้องยอมรับว่าเพราะความโง่ของเธอทำให้เธอสามารถก้าวขึ้นมาเป็นตัวท๊อปคนนึงของวงเลยทีเดียว
ต่อมาในงานเลือกตั้งซิงเกิ้ลที่ 37 ของAKB คาวาเอะสามารถก้าวขึ้นมาติดเซมบัตสึในอันดับที่ 16 ได้อย่างเต็มภาคภูมิ
ภาพริจจังตอนคว้าตำแหน่งเซมครั้งแรก หลังจากโดนมือมีดทำร้าย
มือมีด
ถึงแม้ในช่วงปลายของชีวิตในAKBเธอจะต้องไปเจอกับคดีมือมีดอันโด่งดังที่คนร้ายแอบพกมีดไปฟันเธอถึงในเลนจับมือ ทำให้เธอได้รับผลกระทบด้านจิตใจอย่างหนักต้องพักยาว และกลายเป็นคนกลัวงานจับมือไปเลย ท้ายที่สุดเธอก็ตัดสินใจจบเส้นทางการเป็นAKB48เร็วกว่าที่ควร โดยเธอให้เหตุผลในการจบการศึกษาว่า"งานจับมือเป็นงานสำคัญสำหรับ AKB48 ค่ะ แต่ฉันไม่สามารถไปงานจับมือในครั้งนี้ได้ และต่อไปก็คงไม่สามารถไปได้ค่ะ ในอนาคต ฉันอยากจะทำสิ่งที่ฉันอยากทำค่ะ ฉันอยากเรียนการแสดงค่ะ ฉันจะตามหาความฝันของฉันค่ะ"
ไม่ว่ายังไงวีรกรรมของเธอทำให้เธอกลายเป็นอีกหนึ่งในตำนานของAKBที่แฟนคลับยังพูดกันถึงทุกวันนี้และจะพูดถึงไปอีกนาน
โฉมหน้าคนร้ายที่ก่อเหตุฟันริจจังและอันนิน เค้าให้เหตุผลในการก่อเหตุว่า "ผมอยากจะฆ่าใครสักคนในที่ที่มีคนอยู่เยอะ"
2.ชิมาซากิ ฮารุกะ ชื่อเล่น พารูรุ (อดีต AKB48 รุ่นที่ 9) ดังเพราะเย็นชาใส่แฟนคลับ
หากพูดถึงไอดอล การมอบยิ้มหวาน มอบคำพูดที่ให้แรงบันดาลใจ และส่งความสุขให้แฟนคลับในงานจับมือถือว่าเป็นของคู่กันเหมือนคนไทยกับล๊อตเตอร์รี่ แต่ในโลกของ48กลับมีไอดอลคนนึงที่กล้าแหกขนบธรรมเนียมเดิมๆจนก้าวขึ้นมามีชื่อเสียงได้ เธอคนนั้นคือ ชิมาซากิ ฮารุกะ aka พารูรุ ผู้นี้นี่เอง เงง เงง.....
เด็กขี้อาย
พารูรุเข้ามาAKBในรุ่นที่ 9ที่เรียกได้ว่าเป็นยุคทองของAKBเลยทีเดียว หากมองย้อนไปในตอนที่เธอเริ่มต้นเส้นทางไอดอลนั้นไม่ง่ายเลย
พารูรุเป็นคนที่ขี้อายและไม่กล้าแสดงออกสุดๆ เธอเล่าว่าตอนออดิชั่นเธอร้องเพลงไม่จบด้วยซ้ำ ที่เธอมาสมัครAKBเพราะว่ามาสมัครตามเพื่อนเฉยๆ ไม่กะว่าจะติดด้วยซ้ำ
ภาพโปรไฟล์แรกของพารูรุ
จางในจาง
ด้วยความที่พารูรุเป็นคนที่ขี้อายทำให้ตอนเปิดตัวใหม่ๆพารูรุเรียกได้ว่าแทบจะไม่มีตัวตนในวง หน้าตางั้นๆ ร้องเพลงก็ห่วย เต้นก็ไม่ได้เรื่อง และด้วยความเป็นคนไม่ค่อยพูดทำให้สกิลวาร์ไรตี้เรียกได้ว่าติดลบ ประกอบกับตอนนี้ทีมงานเลือกที่จะฉายสปอร์ตไลต์ไปที่ ทาเคอุจิ มิยุ (ใครดูPD48น่าจะรู้จัก) เพื่อนร่วมรุ่นของพารุที่มีความสามารถครบเครื่องทั้ง หน้าตา สกิลการร้องเพลงและการเต้นขั้นเทพ แถมยังเล่นเปียโนได้อีกต่างหาก ยิ่งทำให้พารูรุจืดจางเข้าไปอีก
ทาเคอุจิ มิยุ อดีต AKB48 รุ่นที่ 9
โชคดีบนความโชคร้าย
แต่ทว่าจุดเปลี่ยนของพารุก็มาถึง เมื่อจู่ๆทีมงานก็เลิกที่จะดันมิยุจัง ซึ่งแฟนๆเดากันว่าน่าจะเพราะมิยุจังไม่สามารถทำได้ตามที่ทีมงานคาดหวังไว้ ได้
ในตอนนั้นทีมงานต้องการทดลองดันเมมเบอร์Genใหม่ๆหลายๆคนขึ้นมาเพื่อหาคนขึ้นมาแทนที่เมมเบอร์รุ่นแรกๆที่เริ่มอายุมากขึ้น ดังนั้นหวยจึงมาตกที่พารุ (ลือกันว่าลุงแว่นเป็นคนเลือกดันพารุด้วยตัวเองเลย) ทำให้ตอนนั้นสปอร์ตไลท์เริ่มจับมาที่พารุมากขึ้น ด้วยภาพลักษณ์เด็กสาวขี้อาย ทำอะไรไม่ค่อยเป็น(พงคัตสึ) บวกกับหน้าตาที่ดูน่าเอ็นดู ทำให้พารุเริ่มกลายเป็นที่พูดถึงในหมู่แฟนคลับมากขึ้น แต่ก็เป็นเพียงแค่คลื่นลูกเล็กๆที่กระทบฝั่งเท่านั้น
ทว่าด้วยความขี้อายและไม่มีลูกอ้อนของพารุทำให้ตอนจับมือเธอไม่สามารถทำให้แฟนคลับประทับใจได้ จนโดนถล่มจากแฟนคลับที่ไปจับมือว่าเกลือ โคตรเสียดายบัตรจับมือเลย เดือดร้อนไปถึงทีมงานจนต้องไปขอร้องลุงแว่นให้ช่วยไปบอกน้องให้ปรับตัวหน่อย แต่ลุงแกก็สวนกลับแบบนิ่มๆว่า ไอดอลที่ไม่ได้พยายามเอาใจแฟนๆมันก็ดูน่าสนุกดี มีเมมเบอร์แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
โอตะที่จับมือพารุรีวิวเป็นเสียงเดียวกันว่าน้องจะพูดแค่ “อืมมม...หรอคะ....”
เกลือที่เริ่มหวาน
นานวันเข้าภาพลักษณ์เด็กขี้อายเริ่มจางหายไป กลายเป็นพารูรุที่ขึ้นชื่อเรื่องความเย็นชาต่อแฟนคลับซะงั้น ทำให้สถานการณ์ในวงพารุเริ่มเหมือนแขวนบนเส้นด้าย ไม่มีใครรู้ว่าทีมงานจะปล่อยมือเธอเมื่อไร
ทว่าเมื่อคาร์แร็คเตอร์ชัด หน้าตาที่เริ่มอีโวแบบสวยวันสวยคืน บวกกับโอกาสที่ได้รับมากขึ้น เปรียบเสมือนดวงดาว 3 ดวงเรียงตัวตรงกันจนเกิดปาฏิหาริย์ เสียงบ่นเริ่มกลายเป็นเหมือนการโฆษณาชั้นดี ยิ่งเธอเย็นชาก็เหมือนท้าทายให้โอตะไปลองของที่เลนจับมือมากขึ้น แถวจับมือที่เคยสั้นเริ่มยาวขึ้นเรื่อยๆ จนในทีสุดบุของพารุก็ขึ้นมาเทียบเท่ากับเมมเบอร์ระดับตัวท๊อปเลยทีเดียว จนในที่สุดเธอก็สามารถติดเซมบัตสึครั้งแรกในเพลง Manatsu no Sounds Good! หลังจากที่เดบิ้วมาถึง 4 ปี
จากนั้นไม่นานเธอสามารถคว้าแชมป์ในงานเป่ายิ้งฉุบได้ ทำให้พารุได้เป็นเซนเตอร์ของเพลง Eien Pressure ซึ่งเพลงนี้จัดว่าเป็นเพลงประจำของพารุ เรียกว่าเป็นการต่อยอดกระแสของพารุให้ยิ่งดังกระฉูดแตกขึ้นไปอีก
จากเด็กที่ไม่เคยติดอันดับก็สามารถไต่เต้าขึ้นมาได้เรื่อยๆ จากอันเดอร์สู่เซ็ม จากเซ็มสู่คามิ7เลยทีเดียว
พารุในตำแหน่งเซนเตอร์เพลง Eien Pressure
ปัญหาสุขภาพ
ในช่วงปลายชีวิตในAKB อันดับของพารุหล่นมาที่ 8 ที่ 9 บ้างบวกกับปัญหาสุขภาพที่รุมเร้า สุดท้ายเธอตัดสินจบการศึกษาจากAKBในเดือนธันวาคมปี 2016 ปิดตำนานเมมเบอร์สายเกลือไว้เพียงเท่านี้
บางทีเรื่องราวของพารุก็สอนเราได้เหมือนกันว่าบางทีการขึ้นรถไฟผิดขบวนก็สามารถไปถึงจุดหมายได้เช่นกัน หากวันนั้นพารุเลือกที่จะเปลี่ยนตัวเองเพื่อคนอื่น ทุกวันนี้เราอาจจะไม่ได้รู้จักเด็กสาวขี้อายที่ชื่อ พารูรุก็เป็นได้
ทุกวันนี้ก็ยังไม่มีเมมเบอร์คนไหนกล้าเอาคาร์แร็คเตอร์ของพารุไปใช้อีกเลย
[บทความ] 5 เมมเบอร์ 48กรุ๊ปที่ดังได้ด้วยวิธีแปลกๆ