วีรกรรมทำเพื่อตัวเองเมื่อครั้งกระนู้น -- 9 วัน 7 ประเทศ

ช่วงนี้อากาศบ้านเราร้อนจับใจ เลยนึกถึงหลายปีก่อนที่ไปทัวร์ยุโรปกับเพื่อนสาวช่วงเดือนตุลาคม ตอนนั้นอากาศเย็นสบาย นั่งรถบัสยาวๆ ข้ามประเทศเป็นว่าเล่น ประเทศละนิดละหน่อยก็เอา ไปกับทัวร์ค่ะ ไม่ได้เน้นช้อปปิ้ง เน้นถ่ายรูป (ตัวเอง) บ้าง วิวบ้าง มีคนในทริปช่วยถ่ายให้บ้าง ระหว่างนั่งรถฟังไกด์เล่าเกร็ดประวัติศาสตร์ยุโรปไป แล้วจุดประกายความอยากรู้จนกลับมาหาหนังสืออ่านเพิ่มเติม..ว่าจะรีวิว + เล่าสู่กันฟังตั้งกะตอนโน้นก็ไม่ได้ทำ มาคิดถึงยุโรปตอนนี้ ที่อากาศร้อนๆ ความทรงจำสีจางๆ สะเปะสะปะหน่อย มีรูปถ่ายจากเม็มโมรี่โทรศัพท์เป็นหลักฐาน ลำดับเหตุการณ์ก่อนหลัง มันก็ประมาณนี้นะคะ ขอพื้นที่ให้ความหลังนิดนึง

ไม่ใช่สายช้อปค่ะ ของที่ซื้อมาจะมาจากร้าน DM ซึ่งไกด์บอกว่าผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือเครื่องสำอาง นั้นใช้ดี ราคาไม่แพง อย่างลิปมันสีนู้ดคือ 1 ยูโร ครีมทาผิว สบู่อาบน้ำ วิตะมิน รู้สึกตอนนี้มีขายในตลาดนัดบ้านเราเยอะมาก ของเขาน่าจะดีจริงค่ะ
จำได้ว่าบินสายการบินอาหรับเอมิเรตต์ออกจากกรุงเทพฯ ต่อดูไบ แล้วเริ่มต้นยามบ่ายจุดหมายแรกที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ค่ะ 
นี่ก็ซอกตึกแถวๆ นั้น
ผู้คนคราคร่ำที่หน้ามหาวิหารดูโอโม่ค่ะ ตอนนั้นเพิ่งเดินทางถึง เราก็จะเบลอๆ
ได้ป้ายละแวกนั้นมาเป็นหลักฐาน สาวแว่น
บ่ายแก่วันนั้นเรานั่งรถจากมิลานเข้า Interlaken สวิตเซอร์แลนด์ ได้ทานมื้อเย็นที่ร้าน Spycher Restaurant ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ถ่ายทำละครเรื่อง "รัตนาวดี" เวอร์ชั่นล่าสุดด้วย มีดนตรีพื้นเมืองและอาหารพื้นเมือง ฟองดูสวิสมาเต็มค่ะ
เช้าวันรุ่งขึ้น คือการนั่งรถไฟขึ้นจุงเฟรา บรรยากาศดีมากๆ สถานีรถไฟ สองข้างทาง เหมือนโปสการ์ดทุกแห่งเลยค่ะ ภูเขา ทุ่งหญ้า และ ท้องฟ้า 
ภาพจากโทรศัพท์มือถือ ถ่ายจากหน้าต่างรถไฟ ระหว่างทางขึ้นไปยอดเขาจุงเฟรา
มื้อกลางวันบนยอดเขาจุงเฟรา รสชาติดีค่ะ นักท่องเที่ยวเยอะมาก ทั้งชาวไทยและชาวยุโรปเอง
ว่าแล้วก็..ต้องได้ภาพบนยอดเขามาซักช้อตนะคะ ที่ระทึกในความหนาวเย็น บวกเวียนหัวจากความกดอากาศบนนั้น
ตกเย็น นั่งรถจาก interlaken ไปเมือง Luzern ค่ะ ได้เห็นสะพานไม้ Chapel Bridge ยามค่ำ 
ตอนนั้นปลื้มละครรัตนาวดีมาก อารมณ์เลยเหมือนมาตามรอยนิดๆ ทั้งส่วนของยอดเขาจุงเฟราและสะพานไม้นี้ สาวแว่น
อนุสาวรีย์สิงโตร้องไห้ ต้องมาค่ะ บรรยากาศยามเช้าตรู่ ก่อนจะออกเดินทางต่อ
มาถึงเมือง Vaduz ประเทศลิกเตนสไตน์  สายๆ วันเดียวกัน  เป็นประเทศเล็กๆ ในทวีปนี้ค่ะ
วันที่ไปก็จะเงียบสงบ ตามท้องเรื่องเพราะเป็นวันธรรมดา
ส่วนหนึ่งของเมือง Vaduz ค่ะ 
แล้วเราก็เดินทางต่อไปประเทศเยอรมันนี โดยแวะทานอาหารกลางวันที่ เบรเกนซ์ เป็นเมืองหลวงของรัฐโฟราร์ลแบร์ก รัฐทางตะวันตกสุดของประเทศออสเตรีย เมืองตั้งอยู่ปลายสุดด้านตะวันออกของทะเลสาบคอนสตันซ์  
ระหว่างทางเดินไปร้านอาหาร ขอสักช็อตเจ้าค่ะหนุ่มแว่นสาวแว่น
อาหารกลางวันที่ร้านนี้ค่ะ รสชาติโอเคนะคะ บรรยากาศก็ดี
อิ่มหนำสำราญนั่งรถต่อเพื่อไปเมืองมิวนิค ค่ะ ก็จะเห็นภาพใบไม้ร่วงตามทาง เพราะเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วงของเขา 
บ่ายแก่ๆ แวะถ่ายรูปที่จตุรัส Marienplatz ค่ะ มาไว เคลมไว แล้วนั่งรถต่อไปเมือง Bratislava ประเทศสโลวัค พักโรงแรมที่เมืองนั้น 1 คืนค่ะ
ข้างในโรงแรมเป็นไงก็ลืมถ่ายไว้ ถ่ายด้านหน้าเลยละกัน มีชื่อโรงแรมพร้อมชื่อเมืองเป็นหลักฐาน
ตึกตรงข้ามโรงแรมที่บราติสลาวา สีโทนสวยมาก
อันนี้สวน/ทางเดิน ข้างๆ โรงแรม อารมณ์ฤดูใบไม้ร่วงมากๆ ค่ะ จากนั้น รถพาเราออกเดินทางไป outlet เพื่อช้อปสินค้าแบรนด์เนมต่างๆ ซึ่งขอข้ามไปนะคะ ตัดภาพมาที่บ่ายคล้อย ที่เราเข้าสู่เมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี เพื่อล่องเรือไปตามแม่น้ำดานูบค่ะ
ไฮไลท์ของการล่องเรือคืออาคารรัฐสภาแห่งนี้ค่ะ
มันก็จะเคลิ้มๆ กับการล่องเรือหารักนะคะสาวแว่น

ตกเย็นแวะถ่ายรูปที่จัตุรัสวีรบุรุษ ยังคงอยู่ที่เมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ค่ะ
คืนก่อนนอนไหนจำไม่ค่อยได้ แต่รุ่งเช้า นั่งรถมาเมือง Karlovy Vary ที่ประเทศสาธารณรัฐเช็คค่ะ เป็นเมืองสปา บ่อน้ำพุร้อนที่สีสันสวยงามทั้งเมืองเลยค่ะ
อากาศดีมีแดดจัด เดินถ่ายรูปวนไปค่ะ เป็นเมืองเล็กๆ ที่ควรจะแวะไปชมสักครั้ง  เห็นเขานิยมซื้อตะไบเล็บประดับคริสตัลกันที่นี่ค่ะ
เช้าวันต่อมา ยังคงอยู่ที่สาธารณรัฐเช็ค แต่เราจะไปที่เมืองปราก เพื่อเข้าชมมหาวิหารเซนต์วิตุสค่ะ
อลังการมากค่ะ
ถ่ายจากหน้าต่างโค้งมุมหนึ่งในนั้น ประวัติศาสตร์เรื่องเล่ามากมายค่ะ จากจุดนี้ก็ไปเดินเล่นที่สะพานเก่าค่ะ ผู้คนเยอะมากจนพลัดหลงกับชาวคณะ ดีที่รอดมาได้ ก่อนจะถึงเมืองสุดท้ายและประเทศสุดท้ายที่จะแวะ
พระราชวังเชินบรุนน์ค่ะ
จุดหนึ่งในบริเวณวังที่พอถ่ายภาพได้ 
ชมวังเรียบร้อย พอเหลือเวลาเดินเล่นในตัวเมืองเวียนนา ประเทศออสเตรียนิดหน่อยค่ะ

ปิดท้ายทริปด้วยฟาสต์ฟู้ดอาหารจีน ตรงหน้าสถานีรถใต้ดินในเวียนนาค่ะ ก่อนจะมุ่งหน้ากลับกรุงเทพฯ 

พอบอกว่า 7 ประเทศนี่คือ ฟังดูเยอะมาก จริงๆคือประเทศในยุโรปจะมีเขตแดนติดกัน นั่งรถนิดเดียวก็เข้าเขตอีกประเทศหนึ่งแล้ว และบางประเทศก็มีขนาดเล็กนิดเดียว.. การเดินทางระหว่างประเทศของเขาสะดวกมาก ทั้งทางรถยนต์และรถไฟ ทริปนี้นั่งรถเยอะและยาวเหมือนกันค่ะ ชาวคณะซึ่งเป็น สว มีการบ่นขอเข้าห้องน้ำระหว่างทางกันเยอะ แล้วก็ลำบากนิดนึง เพราะเส้นทางระหว่างประเทศจะทอดยาวแบบไม่มีจุดพัก หรือ ปั๊มน้ำมัน

ตอนที่ซื้อทัวร์นี้ จำได้ว่าราคาหกหมื่นนิดๆ ค่ะ เมื่อนึกถึงสายการบิน โรงแรม และอาหารทุกมื้อในทริป รู้สึกว่าคุ้มมากกับการได้เปิดหูเปิดตา รับอากาศเย็นๆ เห็นสถาปัตยกรรมที่สวยงามและมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน (แล้วก็ได้ภาพสวยๆ มาเป็นที่ระลึกด้วย ว่าครั้งหนึ่งในชีวิต เราได้ไปเยือนแล้ว) จนถึงขนาดกลับมาหาซื้อหนังสืออ่านเพิ่มเติม อ่านสิบเล่มก็ไม่เท่าออกเดินทางครั้งเดียวอย่างที่ผู้รู้กล่าวไว้ 

ขอบคุณที่แวะมาอ่านจนถึงบรรทัดนี้นะคะ ว่าแล้วก็เอ็นจอยกับฤดูร้อนบ้านเราต่อไป 
 
 
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่