[เล่าเฉยๆ] สิ่งที่ค้นพบในวันที่รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เรื่องเลย รู้สึกว่าชีวิตไม่เป็นหลักเป็นฐานสักที...




ในวันที่ฝนตก



เธอรู้ว่าชีวิตเธอพัง เธอพยายามที่จะซ่อมมันไปทีละอย่าง

แต่พอซ่อมไปได้อย่างหนึ่ง ด้านที่เหลือก็พังล้มกันลงมาเป็นทอดๆเหมือนโดมิโน่ เธอพยายามอดทนซ่อมมันที่ละอย่างอีกครั้ง แล้วก็เหมือนเดิม ซ่อมด้านหนึ่งได้ ด้านที่เหลือก็พังล้มลงมา ,มันสับสนจริงๆนะว่าทำไมพังได้ถึงขนาดนี้

เคยมีความหวัง (Hope) "ใช่ เราทำได้" มันเริ่มค่อยๆกลายเป็น (Hopeless) "..." เวลาที่เศร้ามากที่สุด เราจะไม่ร้องไห้ น้ำตายังไม่สามารถอธิบายความเสียใจของเราได้ ก็พยายามมาตลอด อยากจะมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่กี่ครั้งมันก็พัง จนมันก็แอบสงสัยไม่ได้จริงๆว่าเราจะเหลือความหวังสักเท่าไหร่กัน?

พอมันพังล้มลงไปอีกรอบก็กอดเข่านั่งมองมันเงียบๆที่มุมห้องแล้ว อยากวางแผนสร้างเสาเข็มที่มั่นคงไปที่ละต้น แต่หัวใจเหมือนโดนฉีกกระชาก เหมือนไม่ว่าเลือกอะไรก็กลายเป็นความผิดพลาด จนสุดท้ายกลายเป็นกลัวที่จะเลือกอะไรสักอย่าง แล้วจะต้องผิดพลาด ผิดหวังกับมัน มันดิ่งยิ่งกว่าตอนอยากฆ่าตัวตาย

เราพยายามจัดระเบียบชีวิตตัวเองมาเกือบสามปีแล้วมั้ง มันท้ออ่ะ มันเหมือนมันทำอะไรไม่ได้เลย อยากมีเงินก็ต้องแลกกับสุขภาพ อยากเรียนต่อก็ต้องดรอปชีวิตลงเพราะไม่งั้นเงินทองก็หามาไม่พอใช้อีก มันเหมือนทำอะไรไม่ได้เลย เลือกไม่ได้สักอย่าง จะตายยังตายไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ตายลงไปก็โดนด่าอีกว่าไม่สู้ ฉันสู้จนพังทั้งร่างกายและจิตใจแล้ว

ความรักก็คือ เป็นได้แค่เพื่อนพระเอก "เธอเป็นคนน่ารักมากเลยนะ แต่เธอไม่ใช่" ก็คืออิหยังวะ คืออยู่ด้วยแล้วสบายใจแต่ก็เลือกคนอื่นงี้เหรอ บอกว่าฉันไม่หล่อเรายังยอมรับได้มากกว่าชมเราแต่ไม่เอาเราอ่ะ แต่คิดอีกที ใครจะอยากเสี่ยงกับคนที่ชีวิตตัวเองยังต้องลุ้นไปวันต่อวันวะ ไม่มีหรอก บ้าบอที่สุดเลยเว้ยแก

การเรียนก็คือ เออ เห็นว่าเรียนเก่ง ตั้งใจเรียน ขยัน อยากเรียนจริงๆ แต่ก็ไม่เห็นมีใครสักคนสนับสนุนเรา ทำไมอ่ะ เราดูเอาตัวรอดได้จนไม่น่าช่วยเหลือหรอ หรือเราเป็นเด็กที่นิสัยไม่ดี ? คำถามในใจเต็มไปหมดว่าเราพยายามขนาดนี้แล้ว ไม่มีใครสักคนเข้าใจจริงๆเหรอว่าเราต้องการมันจริงๆนะ น้อยใจทั้งตัวเอง น้อยใจทั้งสังคมรอบๆตัว น้อยใจคณะและมหาวิทยาลัยที่เรียน ที่ไม่เคยเห็นคุณค่าในความพยายามของเรา

หน้าที่การงานก็คือ รัก ทุ่มเทให้กับการทำงาน ก็ดี มีแต่คนชมว่าดี มันดี มันแตกต่าง มันไม่เหมือนใคร แต่ขายไม่ได้ ทำหมดทุกอย่างแล้ว ใครบอกว่าทำอะไรแล้วจะดีขึ้น ทำ ตั้งใจ พยายามอดทน แต่ไม่มีประโยชน์อะไรเลย สุดท้ายแล้วคือเราแพ้ในโลกทุนนิยมอ่ะ ไม่ว่าจะเป็นงานที่รักมากขนาดไนห ส่งผลดีต่อตนอื่นยังไง ทำรายได้ไม่ได้ = เป็นได้แค่งานอดิเรก

สุขภาพก็คือ รู้แหละว่ามันพังทั้งกายและใจ แต่พื้นฐานเป็นคนบวกๆ แย่ที่สุดในชีวิต คือวันที่รู้ว่าร่างกายไม่ไหวแล้ว มันร้องเตือนดังลั่น อาการชานิ้วมือไม่ใช่เรื่องตลกเลย ชาตั้งแต่โคนแขนจรดปลายนิ้วมือ แค่กดแป้นพิมพ์ก็เจ็บแล้ว แต่ถามว่าหยุดทำได้เหรอ? เราเลือกได้เหรอ? ก็ทนๆทำไปทั้งร่างกายและจิตใจ ...พังไหมละ?

ตลอดชีวิตที่ผ่านมา นึกไม่ออกเหมือนกันว่ามีบทบาทไหนที่ไม่พยายาม พยายามจะเป็นทุกอย่าง 'ที่ดี' ลูกที่ดี ลูกศิษย์ที่ดี พนง.ที่ดี เพื่อนที่ดี คนรักที่ดี ทำทุกอย่างด้วยความพยายาม แต่ไม่มีอะไรตอบกลับมาเลย กลายเป็น "ชีวิตที่ยังนึกไม่ออกว่ามีอะไรดีเหลืออยู่บ้าง" นึกไม่ออกจริงๆ เบลอไปหมด

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหลายคนถึงเลือกจะยอมแพ้ ปล่อยชีวิตให้มันล่องลอยไปวันๆ มันเจ็บนะที่คุณพยายามทำทุกอย่างแล้ว แต่เสียงของคุณเบามาก ไม่มีใครได้ยิน สุดท้ายแล้วคุณก็ถูกทอดทิ้งให้เหลือแต่ตัวคุณ แพ้แล้วคัดออก อดทนหรือทำได้อย่างมากสุดก็แค่ร้องไห้เงียบๆคนเดียว

แล้วชีวิตคุณก็พังเหมือนเดิม

ถ้าเราไม่เคยทำอะไรเลย เราแค่นั่งงอมืองอเท้าโทษฟ้าดินที่เกิดมาจนเฉยๆ เออเราจะไม่นอยด์เลยที่ชีวิตมันดูล้มละลายในการจัดระเบียบขนาดนั้น แต่นี้อะไรที่จะทำให้ชีวิตดีขึ้นทำหมด ตั้งใจเรียน งานการก็ทำจนจะตายคากองงานแล้ว พยายามปรับทุกอย่างแล้ว ไม่เห็นมีใครเห็นคุณค่ามันเลย นอยด์จ๊น...

.
.
.
.

ในวันที่ท้องฟ้ายังไม่สว่างสดใส...แต่เมฆหมอกเริ่มจางลง




"หนูรู้สึกว่ามันตั้งหลักไม่ได้สักที มันล้มตลอด อยากให้มันมั่นคงสักอย่างให้ชีวิตเป็นชิ้นเป็นอัน อะไรก็ได้ หน้าที่การงาน การเงิน การเรียน สุขภาพ"
"พ่อก็ล้มมาทั้งชีวิตนะลูก"
"..."
"หนูไม่ได้มาจากศูนย์เหมือนคนอื่นเขา หนูมาจากติดลบด้วยซ้ำ มาวันนี้หนูพยายามไปเรื่อยๆ มันไม่ได้หยุดอยู่ที่เดิม จากติดลบมันก็ค่อยๆกลับมาไม่ใช่เหรอ"
"ครับ"
"หนูแค่ยังไม่ถึงเป้าหมายที่ตัวเองตั้งไว้ แต่หนูไม่ได้อยู่ที่เดิม ถ้ามันไม่ไหวจริงๆก็กลับมาอยู่กับพ่อ กลับมาอยู่บ้านเราก็ได้ พร้อมแล้วค่อยไปใหม่ไหม หรือยังไง พ่อก็พยายามทำที่พ่อช่วยได้ ขอโทษด้วยเหมือนกันที่บ้านเรามีไม่มากพอนะ"
"ครับ หนูเข้าใจ"
"..แล้วนี้กินข้าวยัง"
"กินแล้วครับ"
"อื้มๆ พักผ่อนๆ ไหวค่อยเอาใหม่นะลูก"
"ขอบคุณครับพ่อ"

"หนูตั้งเป้าหมายไว้สูง มันไม่ง่าย ถ้ามันง่ายทุกคนก็ทำได้หมดแล้วสิ"
"ครับแม่ หนูแค่อยากให้ชีวิตมันโอเคกว่านี้"
"แล้วหนูลองเทียบกันรึยัง ระหว่างวันนี้กับเมื่อวาน เดือนนี้กับเดือนที่แล้ว ปีนี้กับปีที่แล้ว มันเปลี่ยนไปแล้วไหมหรือยังเหมือนเดิม"
"...."
"หนูไม่ได้อยู่ที่เดิมนะ"
"ครับ"
"ค่อยๆเก็บ ค่อยๆหาไปเรื่อยๆลูก วันนี้มีสิบบาทเก็บสิบบาท พรุ่งนี้มีเท่าไหร่ก็เก็บเท่านั้น ให้เวลาได้ทำหน้าที่ของมัน"
"ครับแม่"
"พ่อกับแม่ก็จะพยายามในส่วนของตัวเองนะ"
"ครับ"
"สู้ๆนะลูก"
"คิดถึงแม่นะครับ"

.
.
.
.

ในวันที่เมฆหมอกจางหายไป(จากใจของเรา)




สงกรานต์นี้เราไม่ได้ไปเที่ยวไหน ทำงานพิเศษอยู่กับห้อง ก็ถือโอกาสปีใหม่ไทย พยายามจัดระเบียบชีวิตใหม่อีกสักรอบ เราเอาเสื้อผ้าทุกตัวไปซัก ซักรองเท้า เปลี่ยนผ้าปูที่นอนใหม่ เก็บกวาดห้องน้ำ ขัดจนมันเงาวับ ทำอาหารกินเองช่วงบ่าย เหนื่อยมาก แต่พอทำเสร็จแล้วก็เออ สะอาดว่ะ พอตากผ้าเสร็จ เอาไปเก็บใส่ตู้ ล้มตัวลงบนที่นอน มองไปรอบๆห้องแล้วมีความสุขมาก

ข้าวของทุกชิ้นหามาด้วยตัวเอง พอนึก ๆ ย้อนดูแล้ว เสื้อผ้าทุกตัวที่ใส่ รองเท้า คอมพ์ แม้กระทั่งห้อง ๆ นี้ เราหามาเองทุกอย่างด้วยตัวเราเองจริง ๆ เรานอนกอดกองเสื้อผ้าที่กำลังจะพับเก็บ มันมีความสุขมาก ๆ เลยนะ มันรู้สึกว่า เราไม่ได้ถึงขนาดไม่ได้เรื่อง ชีวิตที่มันลุ่นๆดอนๆ หาเช้ากินค่ำก็จริง ยังไม่ได้มีอนาคตอะไรแน่นหนา แต่มันไม่ได้อยู่กับที่ เรา 'สะสม' อะไรหลาย ๆ อย่างมาเหมือนกัน

นึก ๆ ดูแล้วก็อย่างที่พ่อกับแม่บอก ชีวิตมันไม่ได้เริ่มจากศูนย์ เราเริ่มจากติดลบ ค่อย ๆ สะสมให้มันเป็นศูนย์ ค่อย ๆ เริ่มต้น เดินทางตามหา ค้นหา ไขว้คว้า ใช้ชีวิตในรูปของตัวเราเอง ผ่านเรื่องราวหลากหลายร้ายดี เจอทั้งคนที่ทำให้มีความสุข คนที่ดีจนไม่คิดว่าจะมีอยู่จริง คนที่แย่จนไม่คิดว่าชีวิตจะประสบพบเจอ ทุกอย่างล้วนดำเนินในรูปแบบของมัน เป็นชีวิตที่เต็มชีวิต

เราว่าบางทีการที่เราโฟกัสอะไรมากเกินไป กดดันตัวเองจนลืมมองไปรอบ ๆ ตัว หลายครั้งเราก็เหนื่อย เราก็ท้อแท้จนลืมไปว่าเราไม่ใช่มนุษย์คนเดียวที่ยังอยู่บนโลกใบนี้ เราคงต้องลองหยุดพัก คงต้องหันไปมองหลายสิ่งหลายอย่าง ค้นหาอะไรบางอย่างที่มีความหมายในชีวิตของเราด้วยตัวเราเอง มันต้องมี ต้องมีอะไรสักอย่างในชีวิตเรา ที่พอเรามองเห็นมันแล้ว เราจะยิ้มได้และภูมิใจในชีวิตของตัวเราเอง

.
.
.
.

No rain no flowers,no rain no rainbow



เราทุกคนจะมีวันที่ทุกข์ที่สุดในชีวิต มีวันที่ทำผิดพลาดและโหยหาโอกาส มีวันที่รู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว นี้คือความผิดที่ยิ่งใหญ่มาก ๆ ไม่สามารถไปต่ออะไรได้อีกแล้ว แต่ที่สุดแล้วชีวิตคือชีวิต ตราบเท่าที่เรายังไม่ตาย เราจะมีพรุ่งนี้เสมอ พระอาทิตย์จะขึ้นเสมอในเช้าวันถัดไป และเรื่องที่น่าลำบากใจมากกว่านั้น ไม่ว่าเราจะระมัดระวังมากแค่ไหน ตราบเท่าที่เรายังเป็นมนุษย์ เรา จะ ผิด พลาด เสมอ ไม่เรื่องใดก็เรื่องไหน

แต่ความผิดพลาดและเรื่องบัดซบเองก็เป็นส่วนหนึ่งของการเติบโต เวลาที่เรามองเขาไปที่คนๆหนึ่ง เรามองไม่เห็นหรอกว่าตามร่างกายและหัวใจของเขามีที่ว่างและรอยแผลเป็นมากมายแค่ไหน แต่ทั้งหมดนั้นคือชีวิต ทั้งหมดนั้นคือส่วนหนึ่งของการเป็นมนุษย์ คือร่องรอยที่มองย้อนกลับไปแล้ว เป็นสิ่งที่ยืนยันว่ามันเกิดขึ้นแล้วจริง ๆ และคุณก็ผ่านมันมาได้แล้วจริง ๆ ทั้งหมดนั้นมันโคตรน่าภูมิใจ เพราะการไม่มีร่องรอยอะไร ชีวิตคุณคงว่างเปล่าน่าดู

แค่ยังมีชีวิตอยู่ต่อไป สักวันท้องฟ้าต้องสว่างสดใส สักวันมันต้องมาถึงเรา ไม่วันใดก็วันหนึ่ง พรุ่งนี้ มะรืนหน้า เดือนต่อไป ปีต่อไป หลายปีต่อไป

แล้วสักวันจะเป็นวันที่เรายิ้มให้กับตัวเองได้กว้างมากที่สุดในชีวิต โอบกอดตัวเองไว้ด้วยความรัก และใช้ชีวิตต่อไปนะ

ไม่รู้เหมือนกันว่าจะช่วยอะไรใครได้ไหมจากสิ่งที่เราเขียน แต่ขอให้ทุกคนที่ได้อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ ขอจงมีความสุขกับชีวิตในรูปแบบของตัวเองต่อไปนะครับ พยายามและอดทนนะ คุณไม่ได้ต่อสู้เพียงลำพัง เราไม่รู้จักกัน แต่ผมเองจะเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่พยายามหาชีวิตไปอยู่ในจุดที่ดีกว่าเดิมในทุก ๆ วันเสมอ แค่ดีกว่าเมื่อวานก็คือดีมากแล้วจริง ๆ  




หวังว่าท้องฟ้าของคุณจะสว่างสดใสตลอดไป

,S
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่