ถึงคราวของ "ถุงมือเรื่องสั้น" กันบ้างครับ วีคนี้จัด 3 กระทู้ เท่ากับถุงมือกวีครับ
เรื่องแรกนี้บรรยากาศออกแนวบ้านๆ หรือลูกทุ่ง เป็นเรื่องราวของเพื่อนฝากของถึงเพื่อน แล้วก็เกิดความผิดพลาดบางอย่าง...
ใครส่งอะไรให้ใคร และผิดพลาดอย่างไร ลองอ่านกันดูครับ ^^
เกลอปั่น
หลังฝนเทลงมาราวกับฟ้ารั่วตั้งแต่วันวาน แล้วก็ตกใส่หมู่บ้านซ้ำอีกตั้งแต่เช้า จึงพลอยให้วันนี้ไอร้อนระเหยหายไปเกือบหมด เหลือแต่ความเย็นชื่นรอบกาย ใครต่อใครในหมู่บ้านจึงพลอยมีรอยยิ้มแย้ม ใจเย็นลงอีกตั้งเป็นกอง
และถึงแม้หน้าฝนจะทำให้การสัญจรเข้าออกหมู่บ้านไม่สะดวกเอาเสียเลย เพราะรถเล็กรถใหญ่ต่างก็ต้องลุยผ่านลำห้วยนับสิบ เล่นเอาบางคันเครื่องดับ ตายกลางน้ำดื้อๆ เสียอย่างนั้น แต่ฤดูกาลนี้ก็มาพร้อมกับความหวังในการทำมาหากินของคนเหมืองแร่ที่ต้องใช้น้ำช่วยในกระบวนการผลิต
ลุงหนวดเป็นคนงานเหมืองแร่ที่อยู่บนเขากระโจมกับเขาคนหนึ่ง แกนึกครึ้มใจที่ทั้งตนเองและเถ้าแก่จะได้เงินจากแร่ฤดูใหม่เข้ามาอีก แต่ก็ขอนัดหมายขึ้นไปทำงานพรุ่งนี้ เพราะว่ายังคอยลุงแฉ่ คู่หูที่เดินทางกลับไปเยี่ยมญาติที่ทับสะแกและกำลังจะเดินทางกลับมาค่ำนี้
ลุงแฉ่คือคนบ้านเดียวกันกับลุงหนวด ทั้งคู่กอดคอทำงานหาเงินมาด้วยกันตั้งแต่ยังหนุ่มแตกพาน รู้ใจกันทะลุปรุโปร่ง และรักใคร่กันดี รอบนี้ลุงหนวดไม่ได้ไปด้วย เพราะรับปากพาคนไปนั่งห้างส่องสัตว์บนเขา รายได้งามและยังเป็นงานอดิเรกอีกด้วย ลุงแฉ่จึงเดินทางไปเที่ยวบ้านเกิดเพียงคนเดียว
ตะวันลับดวงไปแล้ว ลุงหนวดได้แต่นึกภาวนาให้สหายของเขากลับขึ้นมาบนหมู่บ้านนี้ได้อย่างราบรื่น รถกระบะคันเล็กของเจ้าแหยม น้องชายเจ๊มะยม วิ่งออกไปรับตามที่นัดหมายตั้งแต่ยังไม่ทันถึงสี่โมงเย็น มันขับรถยังกับพายุ ไอ้หนุ่มคนนี้ เดี๋ยวก็พากันเหาะข้ามห้วยมาจนได้นั่นแหละ ลุงหนวดนึกเข้าข้างตัวเอง
ระหว่างคอยคู่หู หลังอิ่มข้าวมื้อเย็นแล้ว ลุงหนวดตามเพื่อนรุ่นเล็กอย่างเจ้ากล้ามาเล่นหมากฮอสฆ่าเวลา ป้าสมร เมียลุงหนวดสุมไฟที่กองเปลือกมะพร้าวเพื่อไล่ยุงและแมลงที่มักจะมารบกวนตอนค่ำ แสงสว่างจากตะเกียงเจ้าพายุสว่างไสวไปทั่วบริเวณหน้าบ้าน
มีเสียงคนคุยกันดังใกล้เข้ามาจากถนนที่ทอดลงไปยังลำห้วยเล็กๆ ด้านล่าง เสียงนั้นดังใกล้เข้ามาทุกขณะจนฟังได้ว่าเป็นเสียงหัวร่อ และพูดคุยกันด้วยความครึกครื้น
“สวัสดีคร้าบผม ใครครับน่ะ ?” ลุงหนวดปล่อยคำทักทายตามสไตล์
คนที่ก้าวเข้าไปสู่แสงไฟก่อนเพื่อนพร้อมกับรอยยิ้มเผล่ก็คือ ลุงแฉ่ เขาหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้ามือหนึ่ง มืออีกข้างหิ้วถุงพลาสติกที่แสดงว่าค่อนข้างมีน้ำหนัก ตามมาด้วยเจ้าแหยม และชาญเพื่อนสนิท ซึ่งเป็นลูกชายคนเล็กของป้ามะตี่กับลุงปูขิ่น คนเก่าแก่ของหมู่บ้านนี้
“เอ๊า !” ลุงหนวดร้องเสียงหลงก่อนจะตั้งคำถาม เด็กหนุ่มที่กำลังเล่นหมากฮอสชะงักไปด้วย “แล้วรถล่ะ ?”
“คาห้วยอยู่แถวโรงเรียนโน่นแน่ะ” ลุงแฉ่ตอบพร้อมเสียงหัวเราะ “บอกให้เจ้าแหยมเร่งเครื่องเต็มที่แล้วนา มันยังอยากแช่น้ำท่าเดียว”
ป้าสมรเชื้อเชิญแขกนั่งลง พร้อมกับตักน้ำดื่มใส่ขันมาต้อนรับ
“น้ำเคียงขาผมเลยนะลุงหนวด” เจ้าแหยมทำไม้ทำมือแสดงระดับน้ำในห้วย แล้วก็ปล่อยก๊ากออกมาขณะที่ชี้นิ้วไปทางลุงแฉ่ “ดูของฝากสิ ของฝาก ฮ่าๆ”
ถึงตอนนี้ ชาญที่ยังไม่ทันพูดอะไรก็หลุดเสียงหัวเราะออกมาด้วย ลุงแฉ่ทำหน้าปั้นยาก ยกถุงพลาสติกในมือขึ้นชู
“โธ่ แค่โดนน้ำ เอาไปล้างออกแล้วย่างใหม่ก็ได้วะ”
“อะไรของเอ็งวะแฉ่ ไก่ย่างเรอะ ?”
ลุงแฉ่อ้าปากถุงออกให้เพื่อนรักเห็นภายใน ไก่ย่างยังมีกลิ่นหอมแม้จะผ่านอุบัติเหตุมาสักครู่ใหญ่ๆ
“ตอนเดินลุยห้วยอยู่ดันเหยียบลงไปในหลุมน่ะซี เอียงซ้ายวูบเลย ใครจะระวังทันวะ ดีที่ชาญมันช่วยดึงไว้ทัน”
“ไม่งั้นไก่ว่ายน้ำแน่ ฮ่าๆ” เจ้าแหยมหัวเราะอีกชุด ลุงแฉ่ได้แต่ส่ายหน้า ทำปากจิ๊กจั๊ก เขาวางกระเป๋าเสื้อผ้าลงพร้อมถุงไก่ เปิดซิปกระเป๋าผ้าออกอย่างคล่องแคล่ว
“เขาเรียกแจ๊กพ็อตว่ะแฉ่” ลุงหนวดพูดขันๆ ทำท่าจะถามต่อ ก็พอดี ลุงแฉ่หยิบห่ออะไรสักอย่างออกมาจากกระเป๋า
“มีของฝากเอ็งด้วยว่ะ หนวด จากทับสะแก””
ทุกคนมองไปที่ของในมือลุงแฉ่เป็นจุดเดียวกัน รวมทั้งป้าสมรด้วย
“แฟนเก่าลุงหนวดรึเปล่า ฮะฮะฮ่า” เจ้าแหยมกระเซ้าอีก ตานี้เจ้าของบ้านเลยทุบที่กลางหลังเข้าให้
“รู้มากนักเอ็ง เฉยๆ ก่อนเว้ย”
ลุงแฉ่ส่งให้กับมือเพื่อนรักพร้อมประโยคต่อไป
“เอ็งอย่าว่าข้านะโว้ย หนวด อโหสิว่ะ” คนพูดมองหน้าคนฟังที่กำลังจ้องหน้ากันอยู่ในอาการงวยงง
“พูดอะไรของมันเนี่ย เอาให้กระจ่างหน่อยสิวะ”
ลุงแฉ่ยิ้มกว้าง สบตาเพื่อนรักแล้วค่อยๆ ขยายความ
“จดหมายที่เอ็งฝากให้ไอ้ปั่นน่ะ ขออภัยว่ะ ข้าเอาไปหย่อนตู้ไปรษณีย์ที่ราชบุรี ตอนหลังมาเจออีกฉบับที่คนเขาฝากทิ้งตู้น่ะซี
ข้าถึงรู้ว่าหยิบซองส่งผิด พอไปบอกไอ้ปั่น มันเสียดายใหญ่เลยที่ไม่ได้อ่านจดหมาย เก๊าะเลยฝากขนมมาให้เอ็งเนี่ย”
ลุงหนวดนึกถึงจดหมายน้อยที่จ่าหน้าซองสั้นๆ ถึง
“เกลอปั่น” เพื่อนเก่าที่บ้านเกิดซึ่งถูกคอกันดีอีกคน
แล้วก็สะดุ้งโหยงเมื่อนึกได้ว่า นอกจากจดหมายแล้ว เขายังแนบแบงค์ร้อยใส่ในซองไปให้ด้วยสองใบเป็นการชำระหนี้เก่าที่มีต่อกัน
“shipหายกันพอดี ในซองนั่นมีเงินสองร้อยด้วยนะโว้ย แฉ่เอ๊ย ! มาให้ข้าเขกกบาลสักเปรี้ยงเหอะ” ว่าแล้วลุงหนวดก็เงื้อมือมาเหนือหัวเพื่อน ลุงแฉ่หลบทันควัน หัวร่อชอบใจขณะวิ่งหนีเข้าบ้าน
“ไม่มีเจตนาโว้ยเพื่อน ฮ่าๆ กินไก่ย่างปลอบใจไปก่อนก็แล้วกันว่ะไอ้เกลอ”
“ไก่ย่างชุบโคลนเนี่ยนะ ! ” ลุงหนวดร้องเสียงหลง เมื่อหันมาดูที่ถุงไก่ ทุกคนส่งเสียงหัวร่อกันอย่างครื้นเครง เป็นอันส่งท้ายต้อนรับการกลับบ้านของลุงแฉ่ในค่ำคืนนั้น
/// จบ ///
ถุงมือเบสบอล
***** เฉลย กระทู้นี้ วันที่ 20 เมษายน ศกนี้ (วันเสาร์) เวลา 20:00 น. ครับ *****
ป.ล. อีกสองเรื่อง จะวาง หลังเที่ยงคืนครับ
😂🤘🏽😁 THE SUMMER GLOVES 2019 <ถุงมือเรื่องสั้น> #16 "เกลอปั่น" โดย "ถุงมือเบสบอล" 😁🤘🏽😂
เรื่องแรกนี้บรรยากาศออกแนวบ้านๆ หรือลูกทุ่ง เป็นเรื่องราวของเพื่อนฝากของถึงเพื่อน แล้วก็เกิดความผิดพลาดบางอย่าง...
ใครส่งอะไรให้ใคร และผิดพลาดอย่างไร ลองอ่านกันดูครับ ^^
ลุงหนวดเป็นคนงานเหมืองแร่ที่อยู่บนเขากระโจมกับเขาคนหนึ่ง แกนึกครึ้มใจที่ทั้งตนเองและเถ้าแก่จะได้เงินจากแร่ฤดูใหม่เข้ามาอีก แต่ก็ขอนัดหมายขึ้นไปทำงานพรุ่งนี้ เพราะว่ายังคอยลุงแฉ่ คู่หูที่เดินทางกลับไปเยี่ยมญาติที่ทับสะแกและกำลังจะเดินทางกลับมาค่ำนี้
ลุงแฉ่คือคนบ้านเดียวกันกับลุงหนวด ทั้งคู่กอดคอทำงานหาเงินมาด้วยกันตั้งแต่ยังหนุ่มแตกพาน รู้ใจกันทะลุปรุโปร่ง และรักใคร่กันดี รอบนี้ลุงหนวดไม่ได้ไปด้วย เพราะรับปากพาคนไปนั่งห้างส่องสัตว์บนเขา รายได้งามและยังเป็นงานอดิเรกอีกด้วย ลุงแฉ่จึงเดินทางไปเที่ยวบ้านเกิดเพียงคนเดียว
ตะวันลับดวงไปแล้ว ลุงหนวดได้แต่นึกภาวนาให้สหายของเขากลับขึ้นมาบนหมู่บ้านนี้ได้อย่างราบรื่น รถกระบะคันเล็กของเจ้าแหยม น้องชายเจ๊มะยม วิ่งออกไปรับตามที่นัดหมายตั้งแต่ยังไม่ทันถึงสี่โมงเย็น มันขับรถยังกับพายุ ไอ้หนุ่มคนนี้ เดี๋ยวก็พากันเหาะข้ามห้วยมาจนได้นั่นแหละ ลุงหนวดนึกเข้าข้างตัวเอง
ระหว่างคอยคู่หู หลังอิ่มข้าวมื้อเย็นแล้ว ลุงหนวดตามเพื่อนรุ่นเล็กอย่างเจ้ากล้ามาเล่นหมากฮอสฆ่าเวลา ป้าสมร เมียลุงหนวดสุมไฟที่กองเปลือกมะพร้าวเพื่อไล่ยุงและแมลงที่มักจะมารบกวนตอนค่ำ แสงสว่างจากตะเกียงเจ้าพายุสว่างไสวไปทั่วบริเวณหน้าบ้าน
มีเสียงคนคุยกันดังใกล้เข้ามาจากถนนที่ทอดลงไปยังลำห้วยเล็กๆ ด้านล่าง เสียงนั้นดังใกล้เข้ามาทุกขณะจนฟังได้ว่าเป็นเสียงหัวร่อ และพูดคุยกันด้วยความครึกครื้น
“สวัสดีคร้าบผม ใครครับน่ะ ?” ลุงหนวดปล่อยคำทักทายตามสไตล์
คนที่ก้าวเข้าไปสู่แสงไฟก่อนเพื่อนพร้อมกับรอยยิ้มเผล่ก็คือ ลุงแฉ่ เขาหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้ามือหนึ่ง มืออีกข้างหิ้วถุงพลาสติกที่แสดงว่าค่อนข้างมีน้ำหนัก ตามมาด้วยเจ้าแหยม และชาญเพื่อนสนิท ซึ่งเป็นลูกชายคนเล็กของป้ามะตี่กับลุงปูขิ่น คนเก่าแก่ของหมู่บ้านนี้
“เอ๊า !” ลุงหนวดร้องเสียงหลงก่อนจะตั้งคำถาม เด็กหนุ่มที่กำลังเล่นหมากฮอสชะงักไปด้วย “แล้วรถล่ะ ?”
“คาห้วยอยู่แถวโรงเรียนโน่นแน่ะ” ลุงแฉ่ตอบพร้อมเสียงหัวเราะ “บอกให้เจ้าแหยมเร่งเครื่องเต็มที่แล้วนา มันยังอยากแช่น้ำท่าเดียว”
ป้าสมรเชื้อเชิญแขกนั่งลง พร้อมกับตักน้ำดื่มใส่ขันมาต้อนรับ
“น้ำเคียงขาผมเลยนะลุงหนวด” เจ้าแหยมทำไม้ทำมือแสดงระดับน้ำในห้วย แล้วก็ปล่อยก๊ากออกมาขณะที่ชี้นิ้วไปทางลุงแฉ่ “ดูของฝากสิ ของฝาก ฮ่าๆ”
ถึงตอนนี้ ชาญที่ยังไม่ทันพูดอะไรก็หลุดเสียงหัวเราะออกมาด้วย ลุงแฉ่ทำหน้าปั้นยาก ยกถุงพลาสติกในมือขึ้นชู
“โธ่ แค่โดนน้ำ เอาไปล้างออกแล้วย่างใหม่ก็ได้วะ”
“อะไรของเอ็งวะแฉ่ ไก่ย่างเรอะ ?”
ลุงแฉ่อ้าปากถุงออกให้เพื่อนรักเห็นภายใน ไก่ย่างยังมีกลิ่นหอมแม้จะผ่านอุบัติเหตุมาสักครู่ใหญ่ๆ
“ตอนเดินลุยห้วยอยู่ดันเหยียบลงไปในหลุมน่ะซี เอียงซ้ายวูบเลย ใครจะระวังทันวะ ดีที่ชาญมันช่วยดึงไว้ทัน”
“ไม่งั้นไก่ว่ายน้ำแน่ ฮ่าๆ” เจ้าแหยมหัวเราะอีกชุด ลุงแฉ่ได้แต่ส่ายหน้า ทำปากจิ๊กจั๊ก เขาวางกระเป๋าเสื้อผ้าลงพร้อมถุงไก่ เปิดซิปกระเป๋าผ้าออกอย่างคล่องแคล่ว
“เขาเรียกแจ๊กพ็อตว่ะแฉ่” ลุงหนวดพูดขันๆ ทำท่าจะถามต่อ ก็พอดี ลุงแฉ่หยิบห่ออะไรสักอย่างออกมาจากกระเป๋า
“มีของฝากเอ็งด้วยว่ะ หนวด จากทับสะแก””
ทุกคนมองไปที่ของในมือลุงแฉ่เป็นจุดเดียวกัน รวมทั้งป้าสมรด้วย
“แฟนเก่าลุงหนวดรึเปล่า ฮะฮะฮ่า” เจ้าแหยมกระเซ้าอีก ตานี้เจ้าของบ้านเลยทุบที่กลางหลังเข้าให้
“รู้มากนักเอ็ง เฉยๆ ก่อนเว้ย”
ลุงแฉ่ส่งให้กับมือเพื่อนรักพร้อมประโยคต่อไป
“เอ็งอย่าว่าข้านะโว้ย หนวด อโหสิว่ะ” คนพูดมองหน้าคนฟังที่กำลังจ้องหน้ากันอยู่ในอาการงวยงง
“พูดอะไรของมันเนี่ย เอาให้กระจ่างหน่อยสิวะ”
ลุงแฉ่ยิ้มกว้าง สบตาเพื่อนรักแล้วค่อยๆ ขยายความ
“จดหมายที่เอ็งฝากให้ไอ้ปั่นน่ะ ขออภัยว่ะ ข้าเอาไปหย่อนตู้ไปรษณีย์ที่ราชบุรี ตอนหลังมาเจออีกฉบับที่คนเขาฝากทิ้งตู้น่ะซี ข้าถึงรู้ว่าหยิบซองส่งผิด พอไปบอกไอ้ปั่น มันเสียดายใหญ่เลยที่ไม่ได้อ่านจดหมาย เก๊าะเลยฝากขนมมาให้เอ็งเนี่ย”
ลุงหนวดนึกถึงจดหมายน้อยที่จ่าหน้าซองสั้นๆ ถึง “เกลอปั่น” เพื่อนเก่าที่บ้านเกิดซึ่งถูกคอกันดีอีกคน แล้วก็สะดุ้งโหยงเมื่อนึกได้ว่า นอกจากจดหมายแล้ว เขายังแนบแบงค์ร้อยใส่ในซองไปให้ด้วยสองใบเป็นการชำระหนี้เก่าที่มีต่อกัน
“shipหายกันพอดี ในซองนั่นมีเงินสองร้อยด้วยนะโว้ย แฉ่เอ๊ย ! มาให้ข้าเขกกบาลสักเปรี้ยงเหอะ” ว่าแล้วลุงหนวดก็เงื้อมือมาเหนือหัวเพื่อน ลุงแฉ่หลบทันควัน หัวร่อชอบใจขณะวิ่งหนีเข้าบ้าน
“ไม่มีเจตนาโว้ยเพื่อน ฮ่าๆ กินไก่ย่างปลอบใจไปก่อนก็แล้วกันว่ะไอ้เกลอ”
“ไก่ย่างชุบโคลนเนี่ยนะ ! ” ลุงหนวดร้องเสียงหลง เมื่อหันมาดูที่ถุงไก่ ทุกคนส่งเสียงหัวร่อกันอย่างครื้นเครง เป็นอันส่งท้ายต้อนรับการกลับบ้านของลุงแฉ่ในค่ำคืนนั้น