อยากทราบว่าตอนนี้เวียดนามพัฒนากว่าไทยแล้วยังครับ

คือตอนนี้เห็นจากข่าวต่างๆเวียดนามเค้าดูพัฒนามากทั้งมีรถยนต์ และโทรศัพท์เป็นแบรนด์ของตัวเอง ประชากรก็ IQ สูงจึงสงสัยว่าเวียดนามเค้านำไทยแล้วยังครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
ถ้าบอกว่า เวียดนามลอกข้อสอบมาไม่ครบ จะผิดไหมครับ

ย้อนกลับไปเรื่องการย้ายฐานการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิคส์ของบริษัทเกาหลีทั้งซัมซุงและ LG ไปเวียดนามตั้งแต่ปี 2013 แล้วย้ายไปทั้งหมดในปี 2015

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

จนทำให้มูลค่าการส่งออกของเวียดนามไล่ตามไทยจนใกล้เคียงกันมากขึ้น

https://data.worldbank.org/indicator/BX.GSR.GNFS.CD?end=2017&locations=TH-VN&start=2010

https://www.statista.com/statistics/444771/export-of-goods-to-vietnam/

https://www.statista.com/statistics/332201/export-of-goods-to-thailand/

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

แต่ในขณะเดียวกันมูลค่าการนำเข้าของเวียดนามกลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนใกล้เคียงไทย แต่ของไทยกลับมีมูลค่าใกล้เคียงกับของเดิม

https://data.worldbank.org/indicator/BM.GSR.MRCH.CD?end=2017&locations=TH-VN&start=2010

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ส่งผลให้ดุลการค้าของเวียดนาม แม้จะขายของได้เพิ่มมากขึ้น แต่กำไรที่ได้มาก็ไม่ได้เพิ่มตามสัดส่วนเดียวกับการส่งออกที่เพิ่มขึ้น แสดงว่าไม่ได้เกิดจากการใช้สินค้าภายในประเทศเป็นหลัก แต่เกิดจากการนำเข้าชิ้นส่วนจากต่างประเทศเข้ามาประกอบแล้วส่งออกเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปออกไป
ผิดกับไทยที่ขายได้เพิ่ม แต่กำไรที่เข้ามาก็เพิ่มมากกว่า

https://data.worldbank.org/indicator/BN.GSR.MRCH.CD?end=2017&locations=TH-VN&start=2010&view=chart

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

และเมื่อดูที่ดุลบัญชีเดินสะพัด(ดุลการค้า+ดุลบริการ) จะพบว่า เวียดนามมีแนวโน้มที่คงที่ แม้ว่าดุลการค้าจะเพิ่มขึ้น แสดงว่าดุลบริการมีแนวโน้มที่แย่ลง
ในขณะที่ของไทยมีแนวโน้มเติบโตขึ้นมากกว่ามาก

https://data.worldbank.org/indicator/BN.CAB.XOKA.CD?end=2017&locations=TH-VN&start=2010&view=chart

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

และเมื่อพิจารณาถึงดุลการบริการที่แย่ลงของเวียดนาม จะพบว่า แม้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในเวียดนามจะโตขึ้นตลอด น่าจะส่งผลให้ดุลบัญชีเดิมสะพัดเพิ่มได้มากขึ้นเรื่อยๆ แต่ปรากฎว่ามูลค่าดุลบัญชีเดินสะพัดยังเท่าเดิม
แสดงให้เห็นถึงการโอนเงินออกจากเวียดนามมากขึ้นเรื่อยๆ จากการส่งเงินกลับประเทศของบริษัทข้ามชาติที่เข้าไปส่งทุนในเวียดนามครับ

https://seekingalpha.com/article/4162664-asia-frontier-capital-vietnam-myanmar-cambodia-travel-report

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

สรุป เวียดนามได้ผลประโยชน์จากการเป็นฐานการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิคส์ แค่ค่าแรงและภาษี ส่วนการทำให้เกิดการเชื่อมโยงกันเป็นเครือข่ายการผลิตสินค้า(Cluster) ของ SME คิดว่ายังไม่น่าจะเกิดขึ้นมากนัก จึงเทียบไม่ได้กับการเป็นฐานผลิตรถยนต์ของไทย ที่แม้จะผลิตออกมาขายในตราสินค้าของต่างประเทศเหมือนกัน แต่มีระบบ Cluster ชัดเจน และอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ ทั้ง 1st, 2nd, 3rd Tier ก็เป็นบริษัทของไทยเป็นส่วนใหญ่ ทำให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีและการใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศมากกว่าด้วยเช่นกันครับ

ถามว่าถ้าฐานการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิคส์ย้ายมาไทยแล้วมันจะต่างจากเวียดนามหรือไม่ ก็ต้องตอบว่าไม่ต่างกันมากนัก เพราะชิ้นส่วนที่นำเข้ามาประกอบก็นำเข้ามาจากต่างประเทศเหมือนกัน ระบบ Cluster สินค้าอิเล็กทรอนิคส์ของไทยก็ไม่ได้เข้มแข็งอีกด้วย สินค้าอิเล็กทรอนิคส์ที่เด่นๆ ของไทยที่มีลักษณะเป็น Cluster แล้วก็มีแค่ IC และ Hard disk drive เท่านั้นครับ ดังนั้นถ้าโรงงานผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิคส์พวกนี้ เช่นโทรศัพท์มือถือ, Iphone ต่างๆ ย้ายเข้ามาในไทยก็ต้องนำเข้าชิ้นส่วนจากต่างประเทศมาประกอบอยู่ดีไม่แตกต่างจากเวียดนาม เพราะเราไม่มี Cluster ในกลุ่มพวกนี้ครับ คงได้แค่ค่าจ้างประกอบและภาษีกับลดอัตราการว่างงานเท่านั้น ในความคิดผมคิดว่าไม่ค่อยคุ้มซักเท่าไหร่ เว้นเสียแต่ว่า จะโปรโมต Cluster ชนิดอื่น ส่งเสริมให้เกิด Suppliers ชิ้นส่วนอื่นๆ แต่ต้องใช้เวลา ซึ่งกว่าจะสำเร็จ อุตสาหกรรมนี้ก็คง Out ไปแล้ว หันไปทำอะไรที่เราสามารถพัฒนา Cluster ของเดิมที่มีอยู่ได้ หรือ ใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตเองภายในประเทศเยอะๆ แบบนี้ หรือ ทำ 5 อุตสาหกรรมใหม่ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมแห่งอนาคต (พวก New S Curve ใน โครงการ EEC) เสริมสร้างให้มี Cluster ที่แข็งแกร่ง รอวัน Boom จะเป็นการดีกว่าเยอะครับ   

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

อีกอย่างหนึ่งที่เราต้องยอมรับคือ ประเทศไทยไม่ได้ใหญ่พอที่จะผลิตทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตัวเอง การที่จีนทำแบบนั้นได้เพราะเค้าใหญ่พอแค่ตลาดภายในประเทศเพียงอย่างเดียวก็ทำให้เกิด Economy of scale ได้แล้ว ไทยจึงไม่สมควรไปเลียนแบบจีนในกรณีนี้ครับ

ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ ไทยสมควรไปเน้นอุตสาหกรรมอื่นที่มีอนาคตและทำเงินได้มาก เช่นรถยนต์ไฟฟ้า, เครื่องบิน, ยาและเวชภัณฑ์, โรบอทและหุ่นยนต์ พวกนี้มีราคาค่า innovation ที่สูงกว่าและเป็นไปตามกระแสในอนาคตครับ

ปล. ที่บอกว่า เวียดนาม ลอกข้อสอบ มาไม่ครบ เพราะการชูรง อุตสาหกรรม อะไรก็แล้วแต่ ต้องดูการบริโภคว่า Economy of Scale เพียงพอหรือไม่ ถ้าพอ ต้องส่งเสริมให้ใช้ Suppliers ในประเทศตนเอง เพื่อให้เกิด Supply Chain เช่น ต้องใช้วัสดุ ในประเทศ 50% จึงจะได้ BOI แล้วจึง ค่อย ส่งเสริมการลงทุน จาก ต่างชาติ ให้มาลงทุนในประเทศ แล้วใช้ BOI บีบรัด บริษัท เหล่านั้น แต่ เวียดนาม เขา ไม่ได้ทำตรงนี้ ดันไปข้ามขั้น ส่งเสริม การลงทุน เลยโดยตรง โดยบริษัทที่ไปลงทุน ไม่ถูกควบคุม สิทธิ์ BOI ทำให้ เวียดนาม...

1) เติบโต ไม่เต็มที่ ไม่เกิด Suppliers เวียดนาม เพราะไว้ใจ Suppliers ต่างประเทศมากกว่า

2) ไม่ประสบความสำเร็จมากเท่าที่ควร เพราะ ไม่สามารถเก็บภาษีจาก Suppliers ในประเทศได้อีกทอด หรือ เก็บก็เก็บได้น้อยมาก

3) ไม่ก่อให้เกิดการจ้างงาน มากเท่าที่ควรจะเป็น เพราะ Suppliers ในประเทศ ไม่เกิด ไม่บูม จึงไม่จ้างคนมาก

...ผิดกับ ประเทศเพื่อนบ้าน บางประเทศแถบนี้ ที่ ถูกลอกข้อสอบมา ทำครบทุกข้อ ทุก Process ปัญหา 3 ข้อ ด้านบนจึงไม่เกิด ดังนั้น เมื่อถูกเปรียบเทียบกัน ก็จะเกิดเหตุการณ์ ลักษณะ ข้างต้นที่ได้ อธิบายไปครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่