
สืบเนื่องจากกระทู้
https://pantip.com/topic/36856960 ที่ผมรีวิวเมื่อ2ปีก่อนนะครับ ต้องขอขอบคุณทุกท่านจริงๆเพราะกระแสตอบรับดีมาก ผมเขียนกระทู้ไม่บ่อยและคิดว่าอาจจะโดนด่าหรือดราม่าก็ได้ เลยเตรียมใจไว้พอสมควรครับ
ผมเป็นแฟนคลับหนัง Cult นอกกระแสจริงๆ มีหนังหลายเรื่องที่อยากดู แต่หาดูไม่ได้ จะมาเอารีวิว
1. สายลับเกมส์โปม่อน 008
2. ผู้สาวขาเลาะ เดอะอินดี้มูฟวี่
3. สงครามครั้งสุดท้าย (หนังสั้น30นาที กำกับโดยป๋าเทพ)
3เรื่องนี้ถ้าเพื่อนๆมีลิงค์รบกวนแชร์ด้วยนะครับ
วันนี้ผมจะมารีวิวหนังเก่าอีกเรื่องที่ผมคุยกับเพื่อนว่า เป็นการดูหนังเพื่อทรมานตัวเอง เพราะดูไปเอือมไป ภาษาอังกฤษเรียกว่า cringe คือประมาณว่า เฮ้ย มุขแม่*งแย่มากเลยรู้สึกเขินๆจั๊กกะจี้ๆแบบเศร้าๆ อันนี้คือ cringe ครับ ผมกับเพื่อนผมก็ชอบอะไรยังงี้ซะด้วย ตอนไปคอนโดมันเลยเปิดเรื่องนี้ทรมานตัวเองกัน
หนังเรื่องนี้ออกฉายเมื่อปี 2553 กำกับโดยพี่หม่ำครับ เปิดเรื่องมาที่ออฟฟิศของโปรดิวเซอร์ คุณพิงลำพระเพลิงก็เข้ามา อ่านตำแหน่งของพี่หม่ำ ซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์ทำหนัง มี 5-6 ตำแหน่ง สื่อว่า บริษัทนี้พี่หม่ำทำหมด ลงท้ายด้วย ตำแหน่ง ภารโรง ยาม คือฉากแรกก็ไม่เรียกว่าขำดีกว่า เบ่งลมออกทางจมูก ฟื่ดดด แบบ เอ้อ นี่คือมุขแล้วหรอวะ โอเค คุณพิงเดินเข้าไปสวัสดีพี่หม่ำ จะเอาโปรเจคหนังมาเสนอ
ย้ำอีกทีนะครับ "คุณพิงเข้าไปสวัสดีพี่หม่ำ เพื่อเสนอโปรเจคหนัง" เนื้อหาของ10นาทีถัดไปมีอยู่แค่นี้จริงๆ ที่เหลือคือเหมือนนั่งคุยกันแซวกัน แล้วก็เปิดกล้องถ่ายฟรีไปงั้น แล้วเอามารวบเป็นหนัง ฉากนี้มีคุณโจอี้ เชิญยิ้มด้วย ส่วนตัวผมชอบคุณโจอี้มากนะ แต่ฉากนี้ แกนั่งเป็นแบคกราวน์ ผมมีคำถามว่า เฮ้ย แกมาทำไมวะ เหมือนพี่หม่ำ โทรบอกแกว่า เฮ้ยโจอี้เข้ามาหน่อยดิ้ จะชวนไปกินลาบ แล้วแกก็มา แต่พี่หม่ำติดถ่ายหนัง แกเลยมานั่งรอเวลา ประกอบฉากไปงั้น คุณแอนนา ชวนชื่นก็มายืนด้วย ก็ไม่มีอะไรทำ ระหว่างคุณพิงเจรจากับพี่หม่ำขออนุมัติโปรเจคทำหนัง คุณโจอี้ก็กินโค้ก ทำเสียง บรื๊อๆๆๆๆๆ (ตอนนั้นมีโฆษณาโค้กกำลังฮิต) คือฉากนี้ผมรู้สึกว่า โค้กแกเอามาเองป่าว แล้วแกก็คิดมุขสดๆเลย คือไม่เกี่ยวอะไรกันเลย สุดท้ายโจอี้ก็ถูกไล่ไปกินโค้กข้างนอก คุณแอนนามากินโค้กอีก ก็ บรื๊ออออ อีกรอบ
นั่นแหละครับ สาระทั้งหมดของฉากแรก
เรื่องปูทางมาต่อ แต่ยังเป็นฉากเดิม ป๋าเทพเข้ามาขออนุมัติโปรเจคงาน แกก็เข้ามา ขออนุมัติเรื่องจิ้งจกจ๋าหนีข้าทำไม
ซึ่งตรงนี้ผมว่าก็ฮาอยู่ เป็นซิกเนเจอร์ของป๋าเทพเลยคือฮาแบบนิ่งๆ พูดให้งง
สุดท้ายจบด้วยการไม่อนุมัติให้ป๋าทำหนัง แต่จะให้ป๋ามาเล่นหนังที่พี่หม่ำกำกับ
ซึ่งตัวการทำหนังซ้อนหนังเนี่ย ผมว่าจุดขายและมุขตลกมันอยู่ที่ความห่วยของกระบวนการทำหนัง
เช่น ทีมงาน ทีมเอฟเฟค เสื้อผ้า ทุกอย่างต้องกากต้องห่วย ฉากบวงสรวงเปิดก็กากๆ ข้าวที่กองก็ใช้มือตักแบบสกปรก คนตักข้าวขี้โมโห ให้นั่งกินกะพื้น หนังก็ยำรวมกันฉากต่างๆที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน ฉากดาราตลกหน้าผีบอกเลิกสาวสวยที่โรงหนัง ฉากป๋าเทพเป็นยามไล่ตัวเงินตัวทอง ฉากป๋าเทพดูแลพ่อที่กำลังจะตาย ฉากเล่นมุขของนักข่าวที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับหนังเลย ฉากเลิฟซีนของโหน่งเท่ง ฉากถ่ายทำหนังแล้วไปติดคนยืนระเบียงหน้าบ้าน
คือพิจารณาจากความห่วยของทุกอย่างแล้ว ประกอบกับที่รู้มาว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ทำขึ้นเพื่อหาเงินเพื่อป๋าเทพใช้หนี้
ผมเลยแอบคิดว่า หรือความห่วยทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันทำขึ้นเพื่อล้อเลียนความล้มเหลวของป๋าเทพรึเปล่า ความห่วยของหนังเรื่องดึกดำดึ๋ย สะท้อนถึงความห่วยของการจัดการหนังทุกอย่าง อีกอย่าง มุขที่ป๋าเทพชอบเล่นก็มักเป็นมุขเล่นตัวเอง แสดงความกาก ความห่วยตลอดอยู่แล้ว หรือเจตนาที่แท้จริงของพี่หม่ำคือการทำให้หนังเรื่องนี้ เป็นหนัง Tribute ให้ป่าเทพล้วนๆ
อีกฉากนึงที่แย่เอามากๆแต่ผมก็ขำมากๆเช่นกัน คือฉาก
"โจอี้ ยุงเดินมากัด"
ลองไปเสิชคำนี้ในยูทูปนะครับ ฉากนี้ผมตลกแกมเศร้าๆ คือถ้าอยู่ในระดับต่างประเทศ ฉากนี้อาจเรียกได้ว่าเป็น offensive joke ระดับ dehumanization (ลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์) ได้เลย
ฉากนี้คือการล้อเลียนคุณโจอี้ว่าเป็นคนดำ ถามว่าบ้านคุณโจอี้มีไก่มั้ย ไก่ร้องเหมือนเมืองไทยป่าว คุณโจอี้กระพริบตาได้มั้ย แล้วบอกว่า "เฮ้ย มันกระพริบตาได้ว่ะ" "เออ มันก็เหมือนมนุษย์อะเนอะ" "บ้านคุณโจอี้กินไก่ดิบหรือไก่สุก"
อันนี้แม่*งสุดมากๆ คือ ถ้าไปถึงหูองค์การระหว่างประเทศ ผมว่าเรื่องนี้มีโดนประณาม แต่ที่ตลกแบบเศร้าๆคือ เวลาผ่านมาเกือบ 10 ปี ไม่มีใครยกประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมา คลิปยังอยู่บนยูทูป คุณโจอี้ ตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ ก็ไม่รู้สึกอะไร แกก็ใช้identityตัวเองขายความตลกไป
ซึ่งแบบ เฮ้ย ผมก็ไม่ได้เป็นคนคลั่งเสรีภาพนะ แต่ผมนับถือคุณโจอี้ที่มองข้ามสิ่งเหล่านี้ แล้วมองเป็นเรื่องตลกไปได้
แต่อย่างน้อยผมคิดว่า เออ คนผิวดำ (หรือชาติพันธุ์อื่นๆ) มันหลีกหนีการเหยียดไม่ได้หรอก เราไม่สามารถไปไล่ลงโทษทุกคนที่เหยียดได้ แต่เมืองไทยควรจะตระหนักรู้หน่อยมั้ยอะ คนไทยควรจะเข้าใจหน่อยมั้ยอะว่า ไม่ควรไปล้อเค้าโต้งๆขนาดนี้ แล้วออกมาเป็นหนังด้วย แบบสุดๆ
รีวิวหนังเก่า โป๊ะแตก (2010) การจั๊กกะจี้แบบเศร้าๆ ความฮาในมิติที่5 แฝงการเสียดสี และการเหยียดแบบโจ่งแจ้ง
สืบเนื่องจากกระทู้ https://pantip.com/topic/36856960 ที่ผมรีวิวเมื่อ2ปีก่อนนะครับ ต้องขอขอบคุณทุกท่านจริงๆเพราะกระแสตอบรับดีมาก ผมเขียนกระทู้ไม่บ่อยและคิดว่าอาจจะโดนด่าหรือดราม่าก็ได้ เลยเตรียมใจไว้พอสมควรครับ
ผมเป็นแฟนคลับหนัง Cult นอกกระแสจริงๆ มีหนังหลายเรื่องที่อยากดู แต่หาดูไม่ได้ จะมาเอารีวิว
1. สายลับเกมส์โปม่อน 008
2. ผู้สาวขาเลาะ เดอะอินดี้มูฟวี่
3. สงครามครั้งสุดท้าย (หนังสั้น30นาที กำกับโดยป๋าเทพ)
3เรื่องนี้ถ้าเพื่อนๆมีลิงค์รบกวนแชร์ด้วยนะครับ
วันนี้ผมจะมารีวิวหนังเก่าอีกเรื่องที่ผมคุยกับเพื่อนว่า เป็นการดูหนังเพื่อทรมานตัวเอง เพราะดูไปเอือมไป ภาษาอังกฤษเรียกว่า cringe คือประมาณว่า เฮ้ย มุขแม่*งแย่มากเลยรู้สึกเขินๆจั๊กกะจี้ๆแบบเศร้าๆ อันนี้คือ cringe ครับ ผมกับเพื่อนผมก็ชอบอะไรยังงี้ซะด้วย ตอนไปคอนโดมันเลยเปิดเรื่องนี้ทรมานตัวเองกัน
หนังเรื่องนี้ออกฉายเมื่อปี 2553 กำกับโดยพี่หม่ำครับ เปิดเรื่องมาที่ออฟฟิศของโปรดิวเซอร์ คุณพิงลำพระเพลิงก็เข้ามา อ่านตำแหน่งของพี่หม่ำ ซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์ทำหนัง มี 5-6 ตำแหน่ง สื่อว่า บริษัทนี้พี่หม่ำทำหมด ลงท้ายด้วย ตำแหน่ง ภารโรง ยาม คือฉากแรกก็ไม่เรียกว่าขำดีกว่า เบ่งลมออกทางจมูก ฟื่ดดด แบบ เอ้อ นี่คือมุขแล้วหรอวะ โอเค คุณพิงเดินเข้าไปสวัสดีพี่หม่ำ จะเอาโปรเจคหนังมาเสนอ
ย้ำอีกทีนะครับ "คุณพิงเข้าไปสวัสดีพี่หม่ำ เพื่อเสนอโปรเจคหนัง" เนื้อหาของ10นาทีถัดไปมีอยู่แค่นี้จริงๆ ที่เหลือคือเหมือนนั่งคุยกันแซวกัน แล้วก็เปิดกล้องถ่ายฟรีไปงั้น แล้วเอามารวบเป็นหนัง ฉากนี้มีคุณโจอี้ เชิญยิ้มด้วย ส่วนตัวผมชอบคุณโจอี้มากนะ แต่ฉากนี้ แกนั่งเป็นแบคกราวน์ ผมมีคำถามว่า เฮ้ย แกมาทำไมวะ เหมือนพี่หม่ำ โทรบอกแกว่า เฮ้ยโจอี้เข้ามาหน่อยดิ้ จะชวนไปกินลาบ แล้วแกก็มา แต่พี่หม่ำติดถ่ายหนัง แกเลยมานั่งรอเวลา ประกอบฉากไปงั้น คุณแอนนา ชวนชื่นก็มายืนด้วย ก็ไม่มีอะไรทำ ระหว่างคุณพิงเจรจากับพี่หม่ำขออนุมัติโปรเจคทำหนัง คุณโจอี้ก็กินโค้ก ทำเสียง บรื๊อๆๆๆๆๆ (ตอนนั้นมีโฆษณาโค้กกำลังฮิต) คือฉากนี้ผมรู้สึกว่า โค้กแกเอามาเองป่าว แล้วแกก็คิดมุขสดๆเลย คือไม่เกี่ยวอะไรกันเลย สุดท้ายโจอี้ก็ถูกไล่ไปกินโค้กข้างนอก คุณแอนนามากินโค้กอีก ก็ บรื๊ออออ อีกรอบ
นั่นแหละครับ สาระทั้งหมดของฉากแรก
เรื่องปูทางมาต่อ แต่ยังเป็นฉากเดิม ป๋าเทพเข้ามาขออนุมัติโปรเจคงาน แกก็เข้ามา ขออนุมัติเรื่องจิ้งจกจ๋าหนีข้าทำไม
ซึ่งตรงนี้ผมว่าก็ฮาอยู่ เป็นซิกเนเจอร์ของป๋าเทพเลยคือฮาแบบนิ่งๆ พูดให้งง
สุดท้ายจบด้วยการไม่อนุมัติให้ป๋าทำหนัง แต่จะให้ป๋ามาเล่นหนังที่พี่หม่ำกำกับ
ซึ่งตัวการทำหนังซ้อนหนังเนี่ย ผมว่าจุดขายและมุขตลกมันอยู่ที่ความห่วยของกระบวนการทำหนัง
เช่น ทีมงาน ทีมเอฟเฟค เสื้อผ้า ทุกอย่างต้องกากต้องห่วย ฉากบวงสรวงเปิดก็กากๆ ข้าวที่กองก็ใช้มือตักแบบสกปรก คนตักข้าวขี้โมโห ให้นั่งกินกะพื้น หนังก็ยำรวมกันฉากต่างๆที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน ฉากดาราตลกหน้าผีบอกเลิกสาวสวยที่โรงหนัง ฉากป๋าเทพเป็นยามไล่ตัวเงินตัวทอง ฉากป๋าเทพดูแลพ่อที่กำลังจะตาย ฉากเล่นมุขของนักข่าวที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับหนังเลย ฉากเลิฟซีนของโหน่งเท่ง ฉากถ่ายทำหนังแล้วไปติดคนยืนระเบียงหน้าบ้าน
คือพิจารณาจากความห่วยของทุกอย่างแล้ว ประกอบกับที่รู้มาว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ทำขึ้นเพื่อหาเงินเพื่อป๋าเทพใช้หนี้
ผมเลยแอบคิดว่า หรือความห่วยทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันทำขึ้นเพื่อล้อเลียนความล้มเหลวของป๋าเทพรึเปล่า ความห่วยของหนังเรื่องดึกดำดึ๋ย สะท้อนถึงความห่วยของการจัดการหนังทุกอย่าง อีกอย่าง มุขที่ป๋าเทพชอบเล่นก็มักเป็นมุขเล่นตัวเอง แสดงความกาก ความห่วยตลอดอยู่แล้ว หรือเจตนาที่แท้จริงของพี่หม่ำคือการทำให้หนังเรื่องนี้ เป็นหนัง Tribute ให้ป่าเทพล้วนๆ
อีกฉากนึงที่แย่เอามากๆแต่ผมก็ขำมากๆเช่นกัน คือฉาก
"โจอี้ ยุงเดินมากัด"
ลองไปเสิชคำนี้ในยูทูปนะครับ ฉากนี้ผมตลกแกมเศร้าๆ คือถ้าอยู่ในระดับต่างประเทศ ฉากนี้อาจเรียกได้ว่าเป็น offensive joke ระดับ dehumanization (ลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์) ได้เลย
ฉากนี้คือการล้อเลียนคุณโจอี้ว่าเป็นคนดำ ถามว่าบ้านคุณโจอี้มีไก่มั้ย ไก่ร้องเหมือนเมืองไทยป่าว คุณโจอี้กระพริบตาได้มั้ย แล้วบอกว่า "เฮ้ย มันกระพริบตาได้ว่ะ" "เออ มันก็เหมือนมนุษย์อะเนอะ" "บ้านคุณโจอี้กินไก่ดิบหรือไก่สุก"
อันนี้แม่*งสุดมากๆ คือ ถ้าไปถึงหูองค์การระหว่างประเทศ ผมว่าเรื่องนี้มีโดนประณาม แต่ที่ตลกแบบเศร้าๆคือ เวลาผ่านมาเกือบ 10 ปี ไม่มีใครยกประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมา คลิปยังอยู่บนยูทูป คุณโจอี้ ตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ ก็ไม่รู้สึกอะไร แกก็ใช้identityตัวเองขายความตลกไป
ซึ่งแบบ เฮ้ย ผมก็ไม่ได้เป็นคนคลั่งเสรีภาพนะ แต่ผมนับถือคุณโจอี้ที่มองข้ามสิ่งเหล่านี้ แล้วมองเป็นเรื่องตลกไปได้
แต่อย่างน้อยผมคิดว่า เออ คนผิวดำ (หรือชาติพันธุ์อื่นๆ) มันหลีกหนีการเหยียดไม่ได้หรอก เราไม่สามารถไปไล่ลงโทษทุกคนที่เหยียดได้ แต่เมืองไทยควรจะตระหนักรู้หน่อยมั้ยอะ คนไทยควรจะเข้าใจหน่อยมั้ยอะว่า ไม่ควรไปล้อเค้าโต้งๆขนาดนี้ แล้วออกมาเป็นหนังด้วย แบบสุดๆ