เค้าว่ากันว่า ซานโตรินี ต้องไปหน้าร้อน...
ซึ่ง "เค้าว่าไว้ถูกแล้วแหละแกรรรรรรร"
แต่ถ้าเราไปหน้าร้อนมันก็จะธรรมดาไป โลกจะไม่จดจำ
เราและเพื่อนเลยตัดสินใจไปตะลุยซานโตรินีในช่วงปลายเดือนมีนาคมจนถึงต้นเดือนเมษายน
ซึ่งตรงกับช่วงปลายฤดูหนาวจะเข้าฤดูใบไม้ผลิ
(จริงๆคือด้วยความที่งบจำกัดเลยต้องจำใจไปช่วงนั้น)
อากาศจะอยู่ที่ประมาณ 10-20 องศาเซลเซียส ลมแรงมากกกกกกกกกกก (ก.ไก่ล้านตัว)
ดังนั้น ที่จินตนาการไว้ว่าจะใส่เสื้อผ้าสวยๆ พลิ้วๆ สะบัดๆ ต้องพับโครงการไป
แต่... เดี๋ยวจะหาว่ามีแต่ข้อเสีย จริงๆการมาเที่ยวในช่วงนี้ ดีเริ่ดอยู่อย่างหนึ่งคือ
มีความเป็นส่วนตัวสูง จะถ่ายรูปมุมไหนก็ไร้ผู้คน เข้าร้านอาหาร หรือ คาเฟ่ เค้าก็แทบจะอุ้มเราเข้าไป
เราและเพื่อนเดินทางจากโรม (Fiumicino) ไปยังสนามบินซานโตรินีใช้เวลาบิน 2 ชั่วโมง 10 นาที
โดยสายการบิน Vueling ซึ่งความประทับใจแรกคือ พอคนขึ้นเต็มเครื่อง นักบินก็ประกาศว่าจะออกทันที
"ประเสริฐที่สุด เรามีเวลาเที่ยวเพิ่ม"
[ D a y 1 ]

มาถึงแล้วนะค้าบบบบบบบบบบบบบบบบบ
ตอนลงเครื่องมาลืมถ่าย คือสนามบินเล็กมากๆ ท้องฟ้า (เหมือนจะ) แจ่มใส
ได้แต่หวังว่า 4 วัน 3 คืนของเราจะใสๆแบบนี้ตลอด
วันแรกที่เรามาถึงก็เย็นๆใกล้ค่ำแล้ว พอออกจากสนามบิน เราเช็ครอบบัสหน้าเว็บไซต์
ปรากฎว่าบัสที่จะวิ่งเข้าไปในเมือง Thira หมดแล้ว
เราสองคนเลยต้องจำใจจ้างรถจากสนามบิน ตรงดิ่งไปยังที่พัก ซึ่ง 2 คืนแรก เราพักที่เมือง Thira
ด้วยความเหนื่อยล้า เราจึงหาของกินใกล้ๆที่พัก แล้วค่อยมาลุยต่อในวันพรุ่งนี้
[ D a y 2 ]
วันนี้เราจะไป Oia (เอีย) กัน!!!
ก่อนอื่นกองทัพต้องเดินด้วยท้อง
แต่...เราและเพื่อนตื่นกันเช้า ร้านอาหารที่นี่ส่วนใหญ่เปิดกันสายมากๆ
เช้าๆจึงมีแค่ไม่กี่ร้านที่ให้เลือก และร้านที่เราเลือกคือร้านนี้

เราและเพื่อนเลือกกิน Pasta กันทั้งคู่ รสชาติกลางๆ ถือว่าเหมาะสมกับราคาที่จ่ายไป
จากร้านอาหารสามารถเดินไปท่ารถได้ (ไม่เกิน 10 นาที) จะเห็นป้ายสีเหลืองใหญ่โตนี้
ซึ่งท่ารถนี้ถือเป็นศูนย์กลางของซานโตรินีเลยก็ว่าได้

ตารางเวลารถบัสก็ติดอยู่ตรงบอร์ดข้างล่างป้ายสีเหลือง
* เราไม่รู้ว่าพอเปลี่ยนฤดูกาลแล้ว รถจะเปลี่ยนรอบวิ่งมั้ย อยากให้เพื่อนๆที่ไป เช็ครอบรถอีกทีเผื่อมีการเปลี่ยนแปลงค่ะ

จะเห็นว่ารถไป Oia รอบถี่มากๆ
เราสามารถซื้อตั๋วบนรถบัสได้เลยค่ะ คือขึ้นมานั่งชิลๆ แล้วพอล้อหมุนจะมีพ่อหนุ่มเคราเฟิ้มเดินเก็บเงิน
และออกตั๋วให้ค่ะ เหมือนนั่งรถเมล์ที่ไทยเลยค่ะ

จากท่ารถที่เมือง Thira ไป Oia ใช้เวลา 30 นาทีโดยประมาณค่ะ
พอลงจากรถเราและเพื่อนใช้สกิลเดินมั่วค่ะ เดินทะลุตรอกซอกซอย เดินยังไงก็ได้ให้ไปเจอทะเลให้ได้!
และนี่ครือออออออออออ...หู! เอ้ย เอียยยยยยย

จะเห็นว่าเมฆครึ้มและลมแรงมากด้วย เมื่อเก็บภาพจนจุใจ เราและเพื่อนเห็นตรงกันว่า
จะไปหาอะไรกิน และพรุ่งนี้เราจะต้องมาเก็บภาพเอียในวันฟ้าใสให้จงได้!!
ร้านที่เราเลือกฝากท้องเย็นนี้คือ ร้าน Perican Kipos
ร้านบรรยากาศน่ารัก ต้นไม้เยอะ ร่มรื่นค่ะ


ประทับใจ สลัดกรีกค่ะ ปกติเป็นคนไม่ชอบกินมะเขือเทศ แต่ของที่นี่อร่อยจริงๆค่ะ
* ในช่วง Low season บางจุดจะปิดปรับปรุงซ่อมแซม เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับนักท่องเที่ยวค่ะ
* ใครมาเอียแนะนำให้เดินไปให้ถึง Oia Castle นะคะ วิวดีมากๆเลยค่ะ
[ D a y 3 ]
วันนี้เราและเพื่อนย้ายที่พักไปอยู่เมือง Imerovagli โดยนั่งบัสที่มุ่งหน้าไป Oia แต่ลงระหว่างทางค่ะ
เราบอกคนขับไว้เลยว่าจะไปเมืองนี้ พอถึงเขาก็เดินมาเรียกให้ลงค่ะ
โชคดีมากตรงที่ที่พักบอกเขาเพิ่งเปิดทำการเป็นวันแรกของซีซั่นนี้ และเราเป็นลูกค้าคนแรก
เขาเลยอัพเกรดห้องให้ฟรีค่ะ!! ห้องสวยมากๆๆ มี Jacuzzi น้ำอุ่นให้แช่ด้วยค่ะ

นี่คือวิวจากระเบียงห้องค่ะ มองเห็นเอียอยู่ไกลๆ

ตอนเช็คอิน เขาจะให้เราเลือกเมนูอาหารเช้าสำหรับวันพรุ่งนี้ด้วยค่ะ จะมีบริการเสิร์ฟอาหารถึงห้องค่ะ
เราเลยถือโอกาสถามข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวจากพนักงานต้อนรับเลยค่ะ
เขาบอกว่าสามารถเดินไป เอีย จากที่พักได้ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ เขาบอกมี Red Beach จะไปก็ได้แต่เขาไม่แนะนำ เพราะอากาศยังหนาวอยู่
ลมแรง รวมถึงต้องรอรถนานมากตอนขากลับ นอกจากนี้ยังมีเมือง Kamari แต่ช่วงนี้ปิดอยู่
เราและเพื่อนมองหน้ากันและตัดสินใจว่า
เอาวะ! ลองเดินไป เอีย ละกันไหนๆก็ว่าง
พอเช็คระยะทางใน Google Map แทบเป็นลม 7.9 กิโลเมตรเองแกรรรรรรรรร!


ใครที่คิดจะเดินแบบเราไม่ต้องกลัวหลงค่ะ มีป้ายบอกทาง(เกือบ)ตลอดเลยค่ะ

ทางจะโหดหน่อย บางช่วงบางจุดคือ เป็นดินแดง เป็นกรวดบ้าง แต่โดยรวมถือว่าดีค่ะ วิวสวยงาม
เราแนะนำให้พกน้ำไปอย่างน้อย 1 ขวดต่อคนค่ะ
พอไปถึง เอีย เหงื่อท่วมค่ะ แต่ดีใจที่สุดเพราะ ฟ้าเปิด!!! เป็นได้โอกาสเก็บภาพต่อค่ะ

พอเก็บภาพเสร็จ เราและเพื่อนตกลงกันว่า จะกลับไปดูพระอาทิตย์ตกที่โรงแรม
เลยหาคาเฟ่นั่งพักให้หายเหนื่อยแปปนึง และนั่งรถบัสกลับโรงแรมค่ะ เดินกลับไม่ไหวจริงๆ

[ D a y 4 ]
ก่อนเดินทางไปสนามบินก็ฟินไปกับอาหารเช้าที่เขาจัดมาให้ค่ะ

Good Bye Santorini ไว้เราจะกลับมาใหม่ในช่วงอากาศดีนะ ฮ่าๆ
.
[CR] 4 วัน 3 คืน หน๊าวหนาวที่ Santorini...Greece
ซึ่ง "เค้าว่าไว้ถูกแล้วแหละแกรรรรรรร"
แต่ถ้าเราไปหน้าร้อนมันก็จะธรรมดาไป โลกจะไม่จดจำ
เราและเพื่อนเลยตัดสินใจไปตะลุยซานโตรินีในช่วงปลายเดือนมีนาคมจนถึงต้นเดือนเมษายน
ซึ่งตรงกับช่วงปลายฤดูหนาวจะเข้าฤดูใบไม้ผลิ
(จริงๆคือด้วยความที่งบจำกัดเลยต้องจำใจไปช่วงนั้น)
อากาศจะอยู่ที่ประมาณ 10-20 องศาเซลเซียส ลมแรงมากกกกกกกกกกก (ก.ไก่ล้านตัว)
ดังนั้น ที่จินตนาการไว้ว่าจะใส่เสื้อผ้าสวยๆ พลิ้วๆ สะบัดๆ ต้องพับโครงการไป
แต่... เดี๋ยวจะหาว่ามีแต่ข้อเสีย จริงๆการมาเที่ยวในช่วงนี้ ดีเริ่ดอยู่อย่างหนึ่งคือ
มีความเป็นส่วนตัวสูง จะถ่ายรูปมุมไหนก็ไร้ผู้คน เข้าร้านอาหาร หรือ คาเฟ่ เค้าก็แทบจะอุ้มเราเข้าไป
เราและเพื่อนเดินทางจากโรม (Fiumicino) ไปยังสนามบินซานโตรินีใช้เวลาบิน 2 ชั่วโมง 10 นาที
โดยสายการบิน Vueling ซึ่งความประทับใจแรกคือ พอคนขึ้นเต็มเครื่อง นักบินก็ประกาศว่าจะออกทันที
"ประเสริฐที่สุด เรามีเวลาเที่ยวเพิ่ม"
[ D a y 1 ]
ตอนลงเครื่องมาลืมถ่าย คือสนามบินเล็กมากๆ ท้องฟ้า (เหมือนจะ) แจ่มใส
ได้แต่หวังว่า 4 วัน 3 คืนของเราจะใสๆแบบนี้ตลอด
วันแรกที่เรามาถึงก็เย็นๆใกล้ค่ำแล้ว พอออกจากสนามบิน เราเช็ครอบบัสหน้าเว็บไซต์
ปรากฎว่าบัสที่จะวิ่งเข้าไปในเมือง Thira หมดแล้ว
เราสองคนเลยต้องจำใจจ้างรถจากสนามบิน ตรงดิ่งไปยังที่พัก ซึ่ง 2 คืนแรก เราพักที่เมือง Thira
ด้วยความเหนื่อยล้า เราจึงหาของกินใกล้ๆที่พัก แล้วค่อยมาลุยต่อในวันพรุ่งนี้
[ D a y 2 ]
วันนี้เราจะไป Oia (เอีย) กัน!!!
ก่อนอื่นกองทัพต้องเดินด้วยท้อง
แต่...เราและเพื่อนตื่นกันเช้า ร้านอาหารที่นี่ส่วนใหญ่เปิดกันสายมากๆ
เช้าๆจึงมีแค่ไม่กี่ร้านที่ให้เลือก และร้านที่เราเลือกคือร้านนี้
จากร้านอาหารสามารถเดินไปท่ารถได้ (ไม่เกิน 10 นาที) จะเห็นป้ายสีเหลืองใหญ่โตนี้
ซึ่งท่ารถนี้ถือเป็นศูนย์กลางของซานโตรินีเลยก็ว่าได้
ตารางเวลารถบัสก็ติดอยู่ตรงบอร์ดข้างล่างป้ายสีเหลือง
* เราไม่รู้ว่าพอเปลี่ยนฤดูกาลแล้ว รถจะเปลี่ยนรอบวิ่งมั้ย อยากให้เพื่อนๆที่ไป เช็ครอบรถอีกทีเผื่อมีการเปลี่ยนแปลงค่ะ
เราสามารถซื้อตั๋วบนรถบัสได้เลยค่ะ คือขึ้นมานั่งชิลๆ แล้วพอล้อหมุนจะมีพ่อหนุ่มเคราเฟิ้มเดินเก็บเงิน
และออกตั๋วให้ค่ะ เหมือนนั่งรถเมล์ที่ไทยเลยค่ะ
จากท่ารถที่เมือง Thira ไป Oia ใช้เวลา 30 นาทีโดยประมาณค่ะ
พอลงจากรถเราและเพื่อนใช้สกิลเดินมั่วค่ะ เดินทะลุตรอกซอกซอย เดินยังไงก็ได้ให้ไปเจอทะเลให้ได้!
และนี่ครือออออออออออ...หู! เอ้ย เอียยยยยยย
จะไปหาอะไรกิน และพรุ่งนี้เราจะต้องมาเก็บภาพเอียในวันฟ้าใสให้จงได้!!
ร้านที่เราเลือกฝากท้องเย็นนี้คือ ร้าน Perican Kipos
ร้านบรรยากาศน่ารัก ต้นไม้เยอะ ร่มรื่นค่ะ
* ในช่วง Low season บางจุดจะปิดปรับปรุงซ่อมแซม เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับนักท่องเที่ยวค่ะ
* ใครมาเอียแนะนำให้เดินไปให้ถึง Oia Castle นะคะ วิวดีมากๆเลยค่ะ
[ D a y 3 ]
วันนี้เราและเพื่อนย้ายที่พักไปอยู่เมือง Imerovagli โดยนั่งบัสที่มุ่งหน้าไป Oia แต่ลงระหว่างทางค่ะ
เราบอกคนขับไว้เลยว่าจะไปเมืองนี้ พอถึงเขาก็เดินมาเรียกให้ลงค่ะ
โชคดีมากตรงที่ที่พักบอกเขาเพิ่งเปิดทำการเป็นวันแรกของซีซั่นนี้ และเราเป็นลูกค้าคนแรก
เขาเลยอัพเกรดห้องให้ฟรีค่ะ!! ห้องสวยมากๆๆ มี Jacuzzi น้ำอุ่นให้แช่ด้วยค่ะ
เราเลยถือโอกาสถามข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวจากพนักงานต้อนรับเลยค่ะ
เขาบอกว่าสามารถเดินไป เอีย จากที่พักได้ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ เขาบอกมี Red Beach จะไปก็ได้แต่เขาไม่แนะนำ เพราะอากาศยังหนาวอยู่
ลมแรง รวมถึงต้องรอรถนานมากตอนขากลับ นอกจากนี้ยังมีเมือง Kamari แต่ช่วงนี้ปิดอยู่
เราและเพื่อนมองหน้ากันและตัดสินใจว่า
เอาวะ! ลองเดินไป เอีย ละกันไหนๆก็ว่าง
พอเช็คระยะทางใน Google Map แทบเป็นลม 7.9 กิโลเมตรเองแกรรรรรรรรร!
ใครที่คิดจะเดินแบบเราไม่ต้องกลัวหลงค่ะ มีป้ายบอกทาง(เกือบ)ตลอดเลยค่ะ
ทางจะโหดหน่อย บางช่วงบางจุดคือ เป็นดินแดง เป็นกรวดบ้าง แต่โดยรวมถือว่าดีค่ะ วิวสวยงาม
เราแนะนำให้พกน้ำไปอย่างน้อย 1 ขวดต่อคนค่ะ
พอไปถึง เอีย เหงื่อท่วมค่ะ แต่ดีใจที่สุดเพราะ ฟ้าเปิด!!! เป็นได้โอกาสเก็บภาพต่อค่ะ
พอเก็บภาพเสร็จ เราและเพื่อนตกลงกันว่า จะกลับไปดูพระอาทิตย์ตกที่โรงแรม
เลยหาคาเฟ่นั่งพักให้หายเหนื่อยแปปนึง และนั่งรถบัสกลับโรงแรมค่ะ เดินกลับไม่ไหวจริงๆ
[ D a y 4 ]
ก่อนเดินทางไปสนามบินก็ฟินไปกับอาหารเช้าที่เขาจัดมาให้ค่ะ
Good Bye Santorini ไว้เราจะกลับมาใหม่ในช่วงอากาศดีนะ ฮ่าๆ
.
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้