JJNY : 4in1 กกต.ส่งศ.รธน.ตีความคำนวณ/ปธ.ทีดีอาร์ไอวิจารณ์ม.44ยืดหนี้มือถือ/กต.มีเงิบ/คาดปชช.​ฐานรากระวังใช้จ่ายสงกรานต์

กกต.มติเอกฉันท์ส่งศาลรธน.วินิจฉัยตีความการคำนวณส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ
https://www.matichon.co.th/politics/news_1447218

เมื่อวันที่ 11 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกเอกสารชี้แจงผลการประชุม กกต. ต่อสื่อมวลชน
โดยที่ประชุมมีมติส่งเรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณเพื่อจัดสรรจำนวน ส.ส. บัญชีรายชื่อ ที่แต่ละพรรคการเมืองพึงมีได้ ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
ซึ่งเอกสารมีเนื้อหาระบุว่า

กกต.ได้พิจารณาหลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อตามมาตรา 91 ของรัฐธรรมนูญ ประกอบกับพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. มาตรา 128 โดยที่ประชุม กกต. มีความเห็นว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 91 วรรคสาม กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการคำนวณ และการคิดอัตราส่วน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ให้เป็นไปตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ดังกล่าว มาตรา 128
ได้กำหนดหลักเกณฑ์ไว้ ซึ่ง กกต. ได้เสนอผล และวิธีการคำนวณตามกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่ได้จัดวิธีการคำนวณ ส.ส. แล้วปรากฏว่าการคำนวณมีพรรคการเมืองหลายพรรค มีส.ส.พึงมีได้เบื้องต้น ต่ำกว่า 1 คน ทั้งนี้ เมื่อคำนวณตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 128 (5) พรรคการเมืองที่มีผลการคำนวณจำนวน ส.ส. จะพึงมีได้ในเบื้องต้นต่ำกว่า 1 คน ดังกล่าว สามารถได้รับการจัดสรรจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน

ขณะเดียวกัน แม้การคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่กกต.ได้ดำเนินการมานาน สามารถจัดสรรจำนวน ส.ส. ได้ครบ 150 คน และสอดคล้องกับความเห็น กรธ. แต่การคำนวณ ส.ส. ตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 128 (5) มีผลขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 91 (2) และ (4) เนื่องจากมีผลให้พรรคการเมืองมีจำนวน ส.ส. จะพึงมีได้ ตาม (2) ต่ำกว่า 1 คนสามารถได้รับการจัดสรรให้มี ส.ส.บัญชีรายชื่อ ได้ 1 คน
จึงอาจทำให้พรรคการเมืองบางพรรค มีจำนวน ส.ส. เกินกว่าจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่พึงมี ซึ่งต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 91 (4)

อย่างไรก็ตาม หากคำนวณหา ส.ส.บัญชีรายชื่อ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 91 แล้ว จะทำให้ไม่สามารถจัดสรร ส.ส. บัญชีรายชื่อได้ครบ 150 คน อีกทั้ง
หากไม่นำจำนวน ส.ส. ที่พึงจะมีได้ในเบื้องต้นของพรรคการเมืองที่มีส.ส.ที่จะพึงมีได้ต่ำกว่า 1 คน ไปคำนวณ ต่อตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ มาตรา 128 (5) ก็ไม่สามารถคิดคำนวณจัดสรร 150 คน ได้เช่นกัน จึงไม่มีวิธีการใดที่จะนำมาคำนวณให้มีส.ส.บัญชีรายชื่อ ได้จำนวน 150 คน ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 83 ได้

นอกจากนี้ การคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ตามมาตรา 91 วรรค 3 ของรัฐธรรมนูญ ผลของการคำนวณจะไม่สามารถนำไปประกาศผลการเลือกตั้งได้
เพราะอาจขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 91 (4) โดยเหตุผลทั้งหมดที่ได้กล่าวมา ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ ตามมาตรา 210 (1) และ (2) ของรัฐธรรมนูญ และพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ มาตรา 7 วรรคหนึ่ง (1) และ (2) ว่ากรณี กกต. จะคำนวณหา ส.ส. บัญชีรายชื่อ ตามวิธีการดังกล่าวข้างต้น ไม่มีวิธีใดทำให้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ครบ 150 คนได้ มีเพียงการคำนวณตามมาตรา 91 วรรคสาม ของรัฐธรรมนูญ ประกอบมาตรา 128 ของพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ที่จะสามารถคำนวณให้ได้จำนวน ส.ส. ให้ครบ 150 คนได้ ดังนั้น
กกต.จะคำนวณหาส.ส.บัญชีรายชื่อตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 128 โดยการคำนวณดังกล่าวอาจทำให้พรรคการเมืองบางพรรค ที่มีจำนวนส.ส.ที่จะพึงมีได้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ส.ส.ที่พึงมี ได้ส.ส. 1 คน กกต.จะดำเนินการได้หรือไม่ และการดำเนินการดังกล่าวชอบด้วยรัฐธรรมนูญมาตรา 91 หรือไม่



ปธ.ทีดีอาร์ไอ โพสเฟซบุ๊กวิจารณ์ผลใช้ม.44 ยืดค่าหนี้มือถือ
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_1447082

จากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ออกคำสั่งตามมาตรา 44 ขยายระยะเวลาการชำระค่าใบอนุญาตคลื่นความถี่ย่าน 900 เมกะเฮิรตซ์ งวดสุดท้าย ตามที่ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (โอเปอเรเตอร์) ทั้ง 3 ราย ได้แก่ บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (เอดับบลิวเอ็น) ในเครือบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส, บริษัท ทรูมูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (ทียูซี) ในเครือบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือทรู และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค ได้มีการยื่นหนังสือถึง คสช.เพื่อพิจารณา

นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ได้เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า

การยืดหนี้มือถือเท่ากับยกผลประโยชน์หมื่นล้านให้นายทุน ทั้งนี้มีว่า การออกคำสั่งจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ตามมาตรา 44 เพื่อยืดหนี้ให้กับบริษัทโทรศัพท์มือถือ 3 ราย ทำให้หุ้นของบริษัททั้ง 3 บริษัทเด้งสูงทันที

ทั้งนี้ จากการที่หุ้นเด้งสูงขึ้นรับข่าวดังกล่าวชี้ให้เห็นว่าผู้ถือหุ้นของบริษัททั้ง 3 บริษัท จะได้ประโยชน์หากมีมาตรการยืดหนี้ออกมาจริง ตรงกันข้ามกับความพยายามก่อนหน้านี้ของคนในภาครัฐที่ระบุว่า มาตรการนี้ไม่ได้เอื้อผลประโยชน์ให้นายทุน นอกจากนี้ พบว่านักวิเคราะห์หลักทรัพย์บางรายได้ข้อสรุปว่า ทรูจะได้ประโยชน์มากสุด ขณะที่ดีแทคจะได้ผลประโยชน์น้อยที่สุด เพราะหนี้งวดสุดท้ายที่จะถูกยืดออกไปมีมูลค่าน้อยที่สุด

“การคำนวณของผม พบว่า ที่จริงแล้ว ทั้ง 3 บริษัทจะได้ผลประโยชน์ใกล้เคียงกัน แม้ว่าหนี้ก้อนสุดท้ายที่จะยืดออกไปจะใหญ่ไม่เท่ากัน แต่การปรับระยะเวลาในการยืดหนี้ที่แตกต่างกัน ทำให้สุดท้ายได้ตัวเลขเท่าๆกันคือ แต่ละรายได้ผลประโยชน์ไปประมาณ 8 พันล้านบาท ใกล้เคียงกันอย่างน่ามหัศจรรย์ เสมือนมีการหารือกันมาก่อนเพื่อไม่ให้ได้เปรียบเสียเปรียบกัน แต่ผู้ที่จะเสียเปรียบจากมาตรการดังกล่าวคือ ประชาชนผู้เสียภาษี เพราะการที่รัฐยืดหนี้ให้ทั้งสามรายคือ การยกผลประโยชน์ของประชาชน 2.4 หมื่นล้านบาท ให้กับนายทุนโทรคมนาคม” นายสมเกียรติ กล่าว

https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10219224531226525&set=a.1847179781672&type=3
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่