เห็นข่าวการอ่านของคนไทยเหลือเพียงไม่กี่บรรทัดก็รู้สึกไม่สบายใจ เพราะการอ่านแบบนี้แหละ มันจะส่งผลที่ไม่ดีมากเลยล่ะครับ กรณีใกล้ตัวก็อย่างการพาดหัวข่าวที่มันสั้น กะทัดรัด อาจทำให้หลายคนอ่านแค่ส่วนนั้น ไม่ได้อ่านเนื้อข่าวข้างใน ก็เกิดความเข้าใจผิดไปจากเนื้อหาจริงๆของข่าว เกิดการเอาไปพูดส่งต่อๆกันเกิดปัญหาตามมาติดๆ เป็นการเข้าใจผิดที่หนักกว่าเดิม ซึ่งจะเรียกเป็นสำนวนก็ได้ว่า ฟังไม่ได้ศัพท์ จับไปกระเดียด วันนี้เลยขอมานำเสนอหนังสือที่เรียกว่าอาจจะพอช่วยให้คนไทยอ่านได้หลายบรรทัดขึ้น เพราะด้วยมนต์เสน่ห์หรืออาถรรพ์บางอย่างทำให้ผู้อ่านหลายคนอ่านข้ามวันข้ามคืนหยุดมิได้ ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจนักว่าโดนกับเขารึป่าว เพราะมีนิสัยไม่ชอบที่จะอ่านค้างๆคาๆนัก ซึ่งรับรองว่าถ้าโดนเข้าแล้วจะอ่านได้มากกว่า1,000 บรรทัดแน่นอน ก็เพราะหนังสือที่ว่ามี48เล่ม 5555 หลายคนคิดว่าอ่านไม่ไหวแน่ๆ แต่ส่วนใหญ่สัก60%ในประเทศไทยนี้ (ประมาณเอานะ) ยังอ่านจบมาแล้ว ไล่มาตั้งแต่นายกรัฐมนตรี ข้าราชการตำแหน่งสำคัญต่างๆ ตำรวจ ทหาร ทนาย ผู้พิพากษา นักร้อง ดารา นักแสดง พิธีกร หรือประชาชนคนเดินดินอย่างเราๆหลายคนอ่านจบมาแล้ว เพราะนี่เป็นตำนานวรรณกรรมการผจญภัยในป่ากว้างที่ยิ่งใหญ่และได้รับความนิยมมากที่สุดของไทย ที่ว่ามาทั้งหมดนั่นคือ เพชรพระอุมา
เรื่องย่อ

เป็นเรื่องราวการผจญภัยในดินแดนลึกลับที่เต็มไปด้วยอาถรรพณ์ เรื่องราวแปลกประหลาดต่าง ๆ ในป่าดงดิบของรพินทร์ ไพรวัลย์ พรานป่าผู้รับจ้างนำทางในการออกติดตามค้นหาผู้สูญหายของคณะนายจ้างชาวเมือง ที่มี พันโทหม่อมราชวงศ์เชษฐา วราฤทธิ์ เป็นหัวหน้าคณะเดินทางพร้อมด้วย หม่อมราชวงศ์ดาริน วราฤทธิ์ น้องสาวคนเล็ก และ พันตรีไชยยันต์ อนันตรัยเพื่อนชายคนสนิท โดยมีพรานบุญคำ พรานจันพรานเกิดและพรานเส่ยพรานป่าคู่ใจของรพินทร์ ไพรวัลย์ จำนวน 4 คน และแงซาย กะเหรี่ยงลึกลับที่มาขอสมัครเป็นคนรับใช้เพื่อขอร่วมเดินทางในครั้งนี้ด้วย
การเดินทางเต็มไปด้วยอุปสรรคและอันตรายนานาชนิด ที่ทำให้คณะเดินทางต้องเสี่ยงภัยและเผชิญกับสัตว์ร้ายในป่าดงดิบ อาถรรพณ์ของป่า นางไม้ ภูตผีปีศาจหรือแม้แต่สัตว์ประหลาด ที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนตลอดระยะเวลาในการเดินทาง พลัดหลงเข้าไปในดินแดนลึกลับของอาณาจักรนิทรานคร ต่อสู้กับจอมผีดิบร้ายมันตรัยที่มีพละกำลังกล้าแข็งและมีอำนาจอย่างแรงกล้า ผ่านห้วงเวลาเหลื่อมซ้อนกันจนหลุดผ่านเข้าไปในยุคของโลกดึกดำบรรพ์ และค้นพบปริศนาความจริงของกะเหรี่ยงลึกลับในฐานะคนรับใช้และองค์รักษ์ประจำตัวของดาริน ที่ติดสอยห้อยตามคณะเดินทางมายังเนินพระจันทร์และมรกตนคร ซึ่งฐานะที่แท้จริงของแงซายถูกเปิดเผยและคณะเดินทางของเชษฐาได้พบเจอกับบุคคลที่ออกติดตามค้นหารวมทั้งช่วยกันกอบกู้บัลลังก์คืนให้แก่อาณาจักรโบราณที่ซ่อนเร้นไว้นามมรกตนคร
(ภาคแรก)

ภายหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจและเดินทางกลับจากเมืองมรกตนครของแงซาย รพินทร์ ไพรวัลย์ ได้ถูกว่าจ้างให้ออกติดตามหาเครื่องบินที่สูญหายพร้อมด้วยระเบิดนิวเคลียร์อีกครั้ง รพินทร์จำใจรับจ้างเป็นพรานผู้นำทางออกติดตามค้นหาซากเครื่องบินที่สูญหายไปจากแผนที่ประเทศไทย โดยมีฝรั่งจำนวน 4 คน เป็นผู้ว่าจ้าง แต่เมื่อพันโทหม่อมราชวงศ์เชษฐา วราฤทธิ์ และ หม่อมราชวงศ์ดาริน วราฤทธิ์ ซึ่งเป็นอดีตนายจ้างของรพินทร์ ได้ทราบข่าวการรับจ้างเป็นพรานผู้นำทางของรพินทร์ ก็เกรงว่าจะถูกฆ่าทิ้งเมื่อทำงานเสร็จสิ้น เนื่องจากเป็นงานลับขององค์กร จึงออกติดตามคณะนายจ้างใหม่ของรพินทร์ การติดตามค้นหารพินทร์และคณะนายจ้างฝรั่ง คณะเดินทางของเชษฐาได้เผชิญหน้ากับมันตรัยที่ฟื้นคืนชีพที่อาณาจักรนิทรานคร และกับเล่าถึงอดีตชาติของดารินและรพินทร์ที่เคยเป็นศัตรูคู่อาฆาตในชาติปางก่อน รวมทั้งพยายามล่อลวงเอาตัวดารินไปยังอาณาจักรนิทรานคร เพื่อให้ได้ในตัวของจิตรางคนางค์หรือดารินในชาติปัจจุบัน แต่ก็ได้เชษฐาและไชยันต์มาช่วยเหลือไว้อย่างทันท่วงที และปราบมันตรัยด้วยบ่วงนาคบาศย์ได้สำเร็จ รพินทร์นำคณะนายจ้างฝรั่งบุกป่าเพื่อค้นหาซากเครื่องบินและระเบิดนิวเคลียร์จนพบ โดยได้รับความช่วยเหลือจากแงซายในรูปของจิตใต้สำนึก จนภายหลังทั้ง 2 คณะได้เดินทางมาพบกันที่เมืองมรกตนคร แงซายรวบรัดให้ดารินและรพินทร์แต่งงานกันที่เมืองมรกตนคร ก่อนจะอำลากันเป็นครั้งสุดท้ายในการพบกันระหว่างบุคคลทั้งหมด
(ภาคสมบูรณ์)
เนื่องจากนิยายได้แบ่งออกเป็น2ภาค เลยจะขอรีวิวเป็นภาคๆก่อน
ปฐมบท
เรื่องราวในภาคแรกนี่ คุณปู่พนมเทียนดำเนินเรื่องได้สนุกมาก เล่าเรื่องได้ลื่นไหลมาก ค่อยๆปูเรื่องไปทีละนิทีละหน่อย แต่ก็ไม่ได้ทำให้น่าเบื่อแต่อย่างใด พร้อมกับการที่จะเริ่มผูกปมในแต่ละประเด็นซึ่งก็จะค่อยๆแก้ไปทีละปม โดยใช้วิธีการบรรยายและพรรณนาเหตุการณ์ต่างๆเป็นหลักซึ่งถือว่าเป็นได้ทั้งข้อดีและข้อเสีย เช่น การบรรยายฉากต่างๆก็เห็นภาพ กล่าวถึงลักษณะนิสัยบุคลิกตัวละครก็ทำให้เรารู้จักตัวละครนั้นดีขึ้นแต่อย่างพระเอกของเรานั้นผู้เขียนก็ให้น้ำหนักและยกย่องมากไป จนเหมือนเป็นการ “อวย” ที่มากเกินไป ซึ่งอาจทำให้เสียเวลากับส่วนนั้นมากเกินไป แต่ด้วยสำนวนต่างๆทำให้อ่านได้ไม่เบื่อ โดยมีการสร้างตัวละครที่มีเสน่ห์ที่ทำให้เราหลงรักและลุ้นคอยเอาใจช่วยให้คณะเดินทางตามหาคนหายอยู่รอดปลอดภัยทุกคน ไม่ว่าจะเป็น บุญคำ จอมสัปดน และเหล่าพรานคู่ใจของรพินทร์ ที่ค่อยสร้างสีสันให้เราสนุกสนาน และมีนายทหารอารมณ์ดีอย่างไชยยันต์ที่แท็คทีมกับบุญคำสร้างเสียงหัวเราะให้คณะเดินทางกับคนงานเสมอ โดยมีนายใหญ่อย่างเชษฐาที่ควบคุมดูแลและให้คำปรึกษาวางแผนในการเดินทาง และที่ขาดไม่ได้เลยก็เห็นจะเป็นตัวละครหลัก3ตัว อย่าง พรานใหญ่รพินทร์ คุณหญิงดาริน และ แงซาย ที่เป็นตัวเด่นทำให้เรื่องนี้สนุกมากขึ้นในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความรักของคู่พระนางอย่างรพินทร์กับดารินที่ทะเลาะกันเป็นประจำแต่กระนั้นก็มีความน่ารัก โรแมนติก อยู่ด้วย และเรื่องราวการหักเหลี่ยมเชือนคมของรพินทร์และแงซายคู่รักคู่แค้นซึ่งเต็มไปด้วย การกวนทีน กวนประสาท หมั่นไส้ แต่แท้จริงก็ล้วนเคารพนับถือฝืมือของกันและกัน แต่ถ้าสาววายคนไหนมาอ่านเรื่องของคู่นี้ก็จะฟินกันหน่อยๆล่ะครับ เพราะบทสนทนาของทั้งคู่มันชวนจิ้นพอสมควร เป็นิยายที่ครบรสเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น แอคชั่น ผจญภัย ดราม่า คอมมาดี้ โรแมนติก แฟนตาซี ไซไฟนิดๆ หลอนๆมีผีด้วย แถมมีอีโรติกหน่อยๆ 555 ด้วยความที่เรื่องนี้เขียนขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2507 ซึ่งยังไม่เข้มงวดในการออกกฎห้ามล่าสัตว์ป่า ทำให้ในเรื่องล้วนเต็มไปด้วยการปะทะประหัตประหารสัตว์เกือบตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งทั้งนี้ก็ล้วนเป็นการป้องกันตัวหรือหาอาหารทั้งนั้น แต่ก็จะมีแค่ช่วงแรกๆเท่านั้นที่เป็นการล่าสัตว์เพื่อความสนุก และด้วยค่านิยมบริบทต่างๆในยุคนั้นมันแตกต่างจากยุคนี้มากทำให้บางครั้งอ่านไปขัดใจไป เลยอยากจะเตือนทุกท่านไว้ก่อนแต่เนิ่นๆ และด้วยความที่เป็นการผจญภัยแบบเต็มขั้น ขาดไม่ได้เลยคือฉากบู๊ซึ่งพนมเทียนสามารถบรรยายได้ละเอียดยิบ เห็นภาพชัดเจน และมันส์มากๆ(แต่ก็ไม่ได้ยิงถล่มกันระเบิดภูเขาเผากะท่อมตามล่ากันแบบหนังอาหลองนะครับ 555 เพราะศัตรูของเรื่องนี้เป็นสัตว์ร้ายต่างๆซะมากกว่า) โดยอุปสรรคที่คอยขัดขวางคณะเดินทางนอกจากจะเป็นสัตว์ป่าดุร้ายธรรมดาแล้วยังมีสัตว์ป่าที่ฉลาดเป็นกรดทันเล่ห์เหลี่ยมมนุษย์ด้วย และยังมีเรื่องราวของภูตผีปีศาจต่างๆ สัตว์ประหลาด ภัยธรรมชาติที่เรียกได้ว่ามีครบเกือบทุกอย่างยกเว้นสึนามิ พืชประหลาดกินคน คนป่ากินคน และถ้าหากแบทแมนมีคู่ปรับตลอดกาลเป็นโจ๊กเกอร์ กัลป์ เกรียงไกร มีคู่แค้นอย่างแสน ราชสีห์ และ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ต้องต่อสู้กับความชั่วร้ายของลอร์ดโวลเดอมอร์ ในเพชรพระอุมาก็ย่อมต้องมีตัวร้ายหลักวายร้ายตัวสำคัญที่เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเดินทาง นั่นคือ มันตรัย ปุโรหิตพ่อมดผีดิบหมื่นปี ที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นในอดีตกาลที่คอยควบคุมในพื้นที่เส้นทางซึ่งในอดีตเป็นอาณาจักรโบราณ นิทรานคร ที่เป็นเส้นทางที่พวกเขาต้องตัดเดินผ่าน กว่าจะปราบมันได้ก็แทบแย่ เพราะอิทธิฤทธิ์เวทมนตร์คาถาที่แกร่งกล้านัก แถมยังมีบริวารผู้น่าสงสารที่ต้องคำสาปของมันคอยเป็นอุปสรรคอีก และหนีเล็ดรอดไปตามรังควานถึงภาคสองอีก ถือเป็นตัวร้ายหลักของหนังสือเรื่องนี้จริงๆ ซึ่งในการสู้รบทำสงครามก็กับอุปสรรคต่างๆนั้นเต็มไปด้วยความสมจริงในการใช้อาวุธปืน เพราะคุณปู่พนมเทียนเป็นนักเลงปืนตัวจริงเสียงจริง ดังนั้นในเรื่องจะกล่าวถึงข้อมูลของการใช้ปืนที่สมจริง ไม่ว่าจะเป็น ต้องใช้ปืนชนิดไหนในการล้มสัตว์ตัวไหน ปืนแบบไหนเหมาะไปใช้ในสถานการณ์แบบไหน เจาะลึกไปถึงแรงปะทะวิถีของกระสุนปืน รวมไปถึงวิธีการบำรุงรักษาปืนชนิดต่างๆ นอกจากสาระความรู้ของเรื่องปืนแล้ว พนมเทียนได้เห็นสาระความรู้เรื่องป่า การเดินป่า พืชพรรณต้นไม้ๆในป่า การดำรงชีวิตในป่า รวมทั้งการเตรียมตัวในการเอาชีวิตรอดจากการหลงป่า และให้ความมูลของวิถีพรานว่าพวกเขาดำเนินชีวิตต่างๆอย่างไรในป่า เรื่องเล่าความเชื่อของชาวบ้านป่า อาถรรพ์ภูตผีปีศาจต่างๆที่อยู่ในป่า เรียกได้ว่า นอกจากความบันเทิงแล้วสาระความรู้ต่างๆก็ล้นเต็มเปี่ยม โดยเฉพาะเรื่อง “ป่า”ยังมีข้อคิดที่ว่าการร่วมไม้ร่วมมือช่วยเหลือกันในการฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆอย่างสามัคคีกลมเกลียวกันและไม่แบ่งชนชั้นวรรณะล้วนทำให้การฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆสำเร็จลุล่วงลงไปได้ดี
ปัจฉิมบท
เนื่องจากภาคแรกที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ภาคสองจึงต่อมาติดๆ ซึ่งเป็นการต่อยอดจากตอนจบของภาคแรก บอกได้ว่าความสนุกน้อยลงครับ เพราะเรื่องราวบู๊ ผจญภัย แบบเต็มขั้นในภาคแรกจะลดน้อยลง แต่จะแทนที่ด้วย ความเป็นดราม่า แฟนตาซี มากกว่า ตัวละครนายจ้างของรพินทร์ในภาคนี้ก็ไม่ค่อยมีเสน่ห์เท่าภาคแรกแทบจะมีปัญหาตลอดการเดินทางแต่สุดท้ายก็ลงเอยด้วยดี ภาคนี้รพินทร์จะป่วยหนักบ่อยทั้งจากโรคประจำตัวและโรคของใจทำให้รพินทร์หงุดงิดง่าย อันเนื่องจากจำใจแกมบังคับในการมาทำงานนี้ การแก้ปัญหาต่างๆในภาคนี้ก็ไม่ค่อยเหมือนในภาคแรก เพราะในคราวก่อนรพินทร์จะแก้ปัญหาต่างๆอย่างเป็นเหตุเป็นผลตามหลักวิทยาศาสตร์ แต่ครั้งนี้ไสยศาสตร์ล้วนๆ 555 กลายเป็นคนอยู่ยงคงกระพัน พูดคุยได้ทั้งภูตผีปีศาจ นางไม้ เทวดา พญายม พญานาค โหดจริงๆ 555 ด้วยความที่แงซายผู้ซึ่งเป็นคู่แค้นคู่หูรวมคิดได้หมดบทบาทไปในภาคแรกภาคนี้เขายังกลับมาช่วยคิดปรึกษาให้ แต่คงความกวนทีนดังเดิม แต่แงซายก็ใช่เล่นนะครับ กลายเป็นผู้วิเศษเหมือนกัน บรรลุธรรมแล้วมั้ง 555 ภาคนี้พยายามให้รพินทร์เจอรักใหม่กับสาวนายจ้างฝรั่ง ซึ่งรพินทร์เองก็หวั่นไหวใจบ้างล่ะครับ ทั้งรูปร่างหน้าตาฝืมือก็ใกล้เคียงดารินนี่ และยังมีตัวละครอีกตัวที่ผมชอบอยากให้คู่เป็นนางเอกเลย 555 ด้วยความขี้เล่น น่ารัก ของตัวละครตัวนั่น รวมถึงลีลาการหยอดของรพินทร์ ทำให้ผมชอบส่วนนี้พอสมควร และเธอยังเป็นอาวุธสำคัญที่ปราบมันตรัย ที่ครั้งนี้มันเล่นบุกตั้งแต่ต้นเรื่อง เพราะรู้อดีตชาติของคู่พระนางที่เชื่อมโยงกับมัน ส่วนนี้ผมว่าสนุกมากเหมือนกันในเรื่องอดีตชาติที่คุณปู่พนมเทียนผูกกันขึ้นมาได้อย่างลงตัว รู้สึกเข้าใจและเศร้าไปกับชะตากรรมของทั้งสองในอดีตชาติ ที่ส่งผลโยงใยมาถึงปัจจุบัน ฉากบู๊ในเรื่องไม่ค่อยถึงใจถึงอารมณ์นัก ศัตรูในเรื่องนี้ไม่หลากหลายเหมือนภาคแรก มีความทะลึ่งตึงตังมากกว่าภาคแรก 555 ในภาคนี้เป็นการรวมตัวละครของเพชรพระอุมาทั้งหมดไว้ด้วยกัน บางตัวละครอาจจะมีบทไม่มากแต่ทำให้เราดีใจที่ได้พบเจอ ถือว่าเป็นบทสรุปแห่งมหากาพย์การผจญภัยที่สะดุดบ้างเล็กน้อยแต่เป็นบทสรุปที่ประทับใจไม่รู้ลืม
[CR] (รีวิวบ้านๆ) อ่านแล้วมาเล่า [3] : เพชรพระอุมา ของ พนมเทียน
เรื่องย่อ
เป็นเรื่องราวการผจญภัยในดินแดนลึกลับที่เต็มไปด้วยอาถรรพณ์ เรื่องราวแปลกประหลาดต่าง ๆ ในป่าดงดิบของรพินทร์ ไพรวัลย์ พรานป่าผู้รับจ้างนำทางในการออกติดตามค้นหาผู้สูญหายของคณะนายจ้างชาวเมือง ที่มี พันโทหม่อมราชวงศ์เชษฐา วราฤทธิ์ เป็นหัวหน้าคณะเดินทางพร้อมด้วย หม่อมราชวงศ์ดาริน วราฤทธิ์ น้องสาวคนเล็ก และ พันตรีไชยยันต์ อนันตรัยเพื่อนชายคนสนิท โดยมีพรานบุญคำ พรานจันพรานเกิดและพรานเส่ยพรานป่าคู่ใจของรพินทร์ ไพรวัลย์ จำนวน 4 คน และแงซาย กะเหรี่ยงลึกลับที่มาขอสมัครเป็นคนรับใช้เพื่อขอร่วมเดินทางในครั้งนี้ด้วย
การเดินทางเต็มไปด้วยอุปสรรคและอันตรายนานาชนิด ที่ทำให้คณะเดินทางต้องเสี่ยงภัยและเผชิญกับสัตว์ร้ายในป่าดงดิบ อาถรรพณ์ของป่า นางไม้ ภูตผีปีศาจหรือแม้แต่สัตว์ประหลาด ที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนตลอดระยะเวลาในการเดินทาง พลัดหลงเข้าไปในดินแดนลึกลับของอาณาจักรนิทรานคร ต่อสู้กับจอมผีดิบร้ายมันตรัยที่มีพละกำลังกล้าแข็งและมีอำนาจอย่างแรงกล้า ผ่านห้วงเวลาเหลื่อมซ้อนกันจนหลุดผ่านเข้าไปในยุคของโลกดึกดำบรรพ์ และค้นพบปริศนาความจริงของกะเหรี่ยงลึกลับในฐานะคนรับใช้และองค์รักษ์ประจำตัวของดาริน ที่ติดสอยห้อยตามคณะเดินทางมายังเนินพระจันทร์และมรกตนคร ซึ่งฐานะที่แท้จริงของแงซายถูกเปิดเผยและคณะเดินทางของเชษฐาได้พบเจอกับบุคคลที่ออกติดตามค้นหารวมทั้งช่วยกันกอบกู้บัลลังก์คืนให้แก่อาณาจักรโบราณที่ซ่อนเร้นไว้นามมรกตนคร (ภาคแรก)
ภายหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจและเดินทางกลับจากเมืองมรกตนครของแงซาย รพินทร์ ไพรวัลย์ ได้ถูกว่าจ้างให้ออกติดตามหาเครื่องบินที่สูญหายพร้อมด้วยระเบิดนิวเคลียร์อีกครั้ง รพินทร์จำใจรับจ้างเป็นพรานผู้นำทางออกติดตามค้นหาซากเครื่องบินที่สูญหายไปจากแผนที่ประเทศไทย โดยมีฝรั่งจำนวน 4 คน เป็นผู้ว่าจ้าง แต่เมื่อพันโทหม่อมราชวงศ์เชษฐา วราฤทธิ์ และ หม่อมราชวงศ์ดาริน วราฤทธิ์ ซึ่งเป็นอดีตนายจ้างของรพินทร์ ได้ทราบข่าวการรับจ้างเป็นพรานผู้นำทางของรพินทร์ ก็เกรงว่าจะถูกฆ่าทิ้งเมื่อทำงานเสร็จสิ้น เนื่องจากเป็นงานลับขององค์กร จึงออกติดตามคณะนายจ้างใหม่ของรพินทร์ การติดตามค้นหารพินทร์และคณะนายจ้างฝรั่ง คณะเดินทางของเชษฐาได้เผชิญหน้ากับมันตรัยที่ฟื้นคืนชีพที่อาณาจักรนิทรานคร และกับเล่าถึงอดีตชาติของดารินและรพินทร์ที่เคยเป็นศัตรูคู่อาฆาตในชาติปางก่อน รวมทั้งพยายามล่อลวงเอาตัวดารินไปยังอาณาจักรนิทรานคร เพื่อให้ได้ในตัวของจิตรางคนางค์หรือดารินในชาติปัจจุบัน แต่ก็ได้เชษฐาและไชยันต์มาช่วยเหลือไว้อย่างทันท่วงที และปราบมันตรัยด้วยบ่วงนาคบาศย์ได้สำเร็จ รพินทร์นำคณะนายจ้างฝรั่งบุกป่าเพื่อค้นหาซากเครื่องบินและระเบิดนิวเคลียร์จนพบ โดยได้รับความช่วยเหลือจากแงซายในรูปของจิตใต้สำนึก จนภายหลังทั้ง 2 คณะได้เดินทางมาพบกันที่เมืองมรกตนคร แงซายรวบรัดให้ดารินและรพินทร์แต่งงานกันที่เมืองมรกตนคร ก่อนจะอำลากันเป็นครั้งสุดท้ายในการพบกันระหว่างบุคคลทั้งหมด (ภาคสมบูรณ์)
เนื่องจากนิยายได้แบ่งออกเป็น2ภาค เลยจะขอรีวิวเป็นภาคๆก่อน
ปฐมบท
เรื่องราวในภาคแรกนี่ คุณปู่พนมเทียนดำเนินเรื่องได้สนุกมาก เล่าเรื่องได้ลื่นไหลมาก ค่อยๆปูเรื่องไปทีละนิทีละหน่อย แต่ก็ไม่ได้ทำให้น่าเบื่อแต่อย่างใด พร้อมกับการที่จะเริ่มผูกปมในแต่ละประเด็นซึ่งก็จะค่อยๆแก้ไปทีละปม โดยใช้วิธีการบรรยายและพรรณนาเหตุการณ์ต่างๆเป็นหลักซึ่งถือว่าเป็นได้ทั้งข้อดีและข้อเสีย เช่น การบรรยายฉากต่างๆก็เห็นภาพ กล่าวถึงลักษณะนิสัยบุคลิกตัวละครก็ทำให้เรารู้จักตัวละครนั้นดีขึ้นแต่อย่างพระเอกของเรานั้นผู้เขียนก็ให้น้ำหนักและยกย่องมากไป จนเหมือนเป็นการ “อวย” ที่มากเกินไป ซึ่งอาจทำให้เสียเวลากับส่วนนั้นมากเกินไป แต่ด้วยสำนวนต่างๆทำให้อ่านได้ไม่เบื่อ โดยมีการสร้างตัวละครที่มีเสน่ห์ที่ทำให้เราหลงรักและลุ้นคอยเอาใจช่วยให้คณะเดินทางตามหาคนหายอยู่รอดปลอดภัยทุกคน ไม่ว่าจะเป็น บุญคำ จอมสัปดน และเหล่าพรานคู่ใจของรพินทร์ ที่ค่อยสร้างสีสันให้เราสนุกสนาน และมีนายทหารอารมณ์ดีอย่างไชยยันต์ที่แท็คทีมกับบุญคำสร้างเสียงหัวเราะให้คณะเดินทางกับคนงานเสมอ โดยมีนายใหญ่อย่างเชษฐาที่ควบคุมดูแลและให้คำปรึกษาวางแผนในการเดินทาง และที่ขาดไม่ได้เลยก็เห็นจะเป็นตัวละครหลัก3ตัว อย่าง พรานใหญ่รพินทร์ คุณหญิงดาริน และ แงซาย ที่เป็นตัวเด่นทำให้เรื่องนี้สนุกมากขึ้นในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความรักของคู่พระนางอย่างรพินทร์กับดารินที่ทะเลาะกันเป็นประจำแต่กระนั้นก็มีความน่ารัก โรแมนติก อยู่ด้วย และเรื่องราวการหักเหลี่ยมเชือนคมของรพินทร์และแงซายคู่รักคู่แค้นซึ่งเต็มไปด้วย การกวนทีน กวนประสาท หมั่นไส้ แต่แท้จริงก็ล้วนเคารพนับถือฝืมือของกันและกัน แต่ถ้าสาววายคนไหนมาอ่านเรื่องของคู่นี้ก็จะฟินกันหน่อยๆล่ะครับ เพราะบทสนทนาของทั้งคู่มันชวนจิ้นพอสมควร เป็นิยายที่ครบรสเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น แอคชั่น ผจญภัย ดราม่า คอมมาดี้ โรแมนติก แฟนตาซี ไซไฟนิดๆ หลอนๆมีผีด้วย แถมมีอีโรติกหน่อยๆ 555 ด้วยความที่เรื่องนี้เขียนขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2507 ซึ่งยังไม่เข้มงวดในการออกกฎห้ามล่าสัตว์ป่า ทำให้ในเรื่องล้วนเต็มไปด้วยการปะทะประหัตประหารสัตว์เกือบตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งทั้งนี้ก็ล้วนเป็นการป้องกันตัวหรือหาอาหารทั้งนั้น แต่ก็จะมีแค่ช่วงแรกๆเท่านั้นที่เป็นการล่าสัตว์เพื่อความสนุก และด้วยค่านิยมบริบทต่างๆในยุคนั้นมันแตกต่างจากยุคนี้มากทำให้บางครั้งอ่านไปขัดใจไป เลยอยากจะเตือนทุกท่านไว้ก่อนแต่เนิ่นๆ และด้วยความที่เป็นการผจญภัยแบบเต็มขั้น ขาดไม่ได้เลยคือฉากบู๊ซึ่งพนมเทียนสามารถบรรยายได้ละเอียดยิบ เห็นภาพชัดเจน และมันส์มากๆ(แต่ก็ไม่ได้ยิงถล่มกันระเบิดภูเขาเผากะท่อมตามล่ากันแบบหนังอาหลองนะครับ 555 เพราะศัตรูของเรื่องนี้เป็นสัตว์ร้ายต่างๆซะมากกว่า) โดยอุปสรรคที่คอยขัดขวางคณะเดินทางนอกจากจะเป็นสัตว์ป่าดุร้ายธรรมดาแล้วยังมีสัตว์ป่าที่ฉลาดเป็นกรดทันเล่ห์เหลี่ยมมนุษย์ด้วย และยังมีเรื่องราวของภูตผีปีศาจต่างๆ สัตว์ประหลาด ภัยธรรมชาติที่เรียกได้ว่ามีครบเกือบทุกอย่างยกเว้นสึนามิ พืชประหลาดกินคน คนป่ากินคน และถ้าหากแบทแมนมีคู่ปรับตลอดกาลเป็นโจ๊กเกอร์ กัลป์ เกรียงไกร มีคู่แค้นอย่างแสน ราชสีห์ และ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ต้องต่อสู้กับความชั่วร้ายของลอร์ดโวลเดอมอร์ ในเพชรพระอุมาก็ย่อมต้องมีตัวร้ายหลักวายร้ายตัวสำคัญที่เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเดินทาง นั่นคือ มันตรัย ปุโรหิตพ่อมดผีดิบหมื่นปี ที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นในอดีตกาลที่คอยควบคุมในพื้นที่เส้นทางซึ่งในอดีตเป็นอาณาจักรโบราณ นิทรานคร ที่เป็นเส้นทางที่พวกเขาต้องตัดเดินผ่าน กว่าจะปราบมันได้ก็แทบแย่ เพราะอิทธิฤทธิ์เวทมนตร์คาถาที่แกร่งกล้านัก แถมยังมีบริวารผู้น่าสงสารที่ต้องคำสาปของมันคอยเป็นอุปสรรคอีก และหนีเล็ดรอดไปตามรังควานถึงภาคสองอีก ถือเป็นตัวร้ายหลักของหนังสือเรื่องนี้จริงๆ ซึ่งในการสู้รบทำสงครามก็กับอุปสรรคต่างๆนั้นเต็มไปด้วยความสมจริงในการใช้อาวุธปืน เพราะคุณปู่พนมเทียนเป็นนักเลงปืนตัวจริงเสียงจริง ดังนั้นในเรื่องจะกล่าวถึงข้อมูลของการใช้ปืนที่สมจริง ไม่ว่าจะเป็น ต้องใช้ปืนชนิดไหนในการล้มสัตว์ตัวไหน ปืนแบบไหนเหมาะไปใช้ในสถานการณ์แบบไหน เจาะลึกไปถึงแรงปะทะวิถีของกระสุนปืน รวมไปถึงวิธีการบำรุงรักษาปืนชนิดต่างๆ นอกจากสาระความรู้ของเรื่องปืนแล้ว พนมเทียนได้เห็นสาระความรู้เรื่องป่า การเดินป่า พืชพรรณต้นไม้ๆในป่า การดำรงชีวิตในป่า รวมทั้งการเตรียมตัวในการเอาชีวิตรอดจากการหลงป่า และให้ความมูลของวิถีพรานว่าพวกเขาดำเนินชีวิตต่างๆอย่างไรในป่า เรื่องเล่าความเชื่อของชาวบ้านป่า อาถรรพ์ภูตผีปีศาจต่างๆที่อยู่ในป่า เรียกได้ว่า นอกจากความบันเทิงแล้วสาระความรู้ต่างๆก็ล้นเต็มเปี่ยม โดยเฉพาะเรื่อง “ป่า”ยังมีข้อคิดที่ว่าการร่วมไม้ร่วมมือช่วยเหลือกันในการฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆอย่างสามัคคีกลมเกลียวกันและไม่แบ่งชนชั้นวรรณะล้วนทำให้การฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆสำเร็จลุล่วงลงไปได้ดี
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้