อ้างอิงจาก
https://pantip.com/topic/38730737
และ
https://pantip.com/topic/38744152
หลังจาก ดราม่าส่วนตัวผ่านมาเกือบเดือน ในที่สุด JD/PowerBuy ก็อนุมัติเงินคืนให้เรียบร้อย ความคับข้องใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ถือว่าทำบุญไปโดยไม่ได้เรียกร้องอะไรจากผู้ขาย ถ้าได้คูปอง แล้วต้องรูดจ่ายก่อนก็ไม่เอาครับ เข็ดแล้ว
1. ค่าโทรศัพท์ ประมาณ 100 นาที
2. คูปองที่ใช้ไปแล้วไม่ได้คืน
3. ถูกดองเงิน 25 (โทรจิกให้อนุมัติ) + 45 (รอคืนเข้าบัตรเครดิต) วัน ประมาณ 70 วัน
ข้อสรุปมีเพียงอย่างเดียวคือ "เลิก" จ่ายล่วงหน้ากับ JD ตลอดกาล ต่อให้คูปอง ยั่วยวนใจขนาดไหนก็ตาม (ที่ไปใช้คือ ลด 10% ไม่เกิน 800 บาท)
ส่วนวิธีจัดการกับปัญหาไม่ยอมอนุมัติซักที โดยเราต้องเข้าใจปัญหาก่อน
ปัญหาเกิดจาก (สรุปเอาเอง)
ผู้ที่มีหน้าที่ตรวจสอบการคืนเงิน และ อนุมัติไม่ยอมกดอนุมัติ (ส่วนตัวไม่แน่ใจว่าทำงานเป็นรอบหรือเปล่าเช่นรวม ๆ กันให้ครบกี่รายการแล้วกดทีเดียว)
ปัญหาที่สินค้าหมด
คาดการสาเหตุที่สินค้าหมดครับ เครื่องที่ซื้อ ตอนซื้อราคา 5,900 บาท (ก่อนลด) พอซื้อเสร็จซักพัก 2-3 วัน ราคาขึ้นเป็น 10,xxx ทั้งหน้ากระดาน เกือบทุกออนไลน์ที่มีขาย เข้าใจว่ากลัวขาดทุนเลยขอยกเลิกสินค้าที่อยู่ระหว่างดำเนินการทิ้งทั้งหมด และหลาย ๆ คนที่ซื้อแล้วไม่มีของก็น่าจะโดนประมาณว่า รวมคูปองลดแล้วกำไรน้อย เลยยกเลิกซะเลย ถ้าเป็นสาเหตุนี้จริง ๆ JD คงอยู่ได้ไม่นาน
สิ่งที่ดำเนินการไปแล้วไม่ได้ผล
คือการ รอ ให้ JD/PowerBuy กดอนุมัติ เพราะ ถ้าเค้าไม่เดือดร้อน เค้าจะไม่ทำอะไรเลย แค่แจ้งเรื่องไปแล้วผู้อนุมัติไม่กดก็ช่างมัน ไม่ตาม ไม่โทรบอกลูกค้า พอโทรไปตาม PowerBuy จะโยนให้ JD และเช่นกัน ถ้าโทรไปตาม JD จะโยนให้ PowerBuy ซึ่งเป็นสิ่งที่ชวนงุนงงมาก เพราะมีแพะให้โยนเลยไม่เดือดร้อนอะไร (แต่ลูกค้าเดือดร้อนนะครับ เพราะเรายังไม่ได้ day one ที่นับ 45 วันให้บัตรเครดิตคืนเงินเลย)
สิ่งที่ดำเนินการแล้วได้ผล
คือการทำให้เค้าเดือดร้อนบ้าง ทีแรกคิดว่ามาดราม่าใน pantip น่าจะพอ แต่ไม่พอ เพราะเค้าไม่ใส่ใจภาพลักษณ์ตัวเองที่เสียหายในนี้เลย โดยที่ต้องเตรียมตัวไว้คือ
1. โปรโทรจิก เช่นกลางวันโทรฟรี หรือเหลือโปรโทรของเดือน
2. เวลา ซัก 1 - 2 ชม. เพื่อลดเวลาการ "รอ" ให้เค้าโทรติดต่อกลับมา ซึ่งอาจจะเป็นเวลา "1-2" อาทิตย์ ก็เป็นได้
โทรจิกสลับเลยครับ ตาม JD ถ้ารอที่ Powerbuy ก็โทรตาม PowerBuy โทรจนกว่าเค้าจะรำคาญ และดำเนินการอนุมัติให้
ผมเพิ่งทำมาเอง ใช้เวลาประมาณ 40 นาที โทรสลับ 2-3 ครั้ง สุดท้ายก็อนุมัติให้จนได้ (เรียกได้ว่า ทำเพราะตัดรำคาญลูกค้าโรคจิตนั่นเอง) ซึ่ง ความเห็นส่วนตัวคิดว่าคุ้ม เพราะไม่ต้องรอ นานเป็นอาทิตย์ ๆ (เผื่อตัวเองลืมด้วย เงิน 5,xxx ไม่ใช่น้อย ๆ)
ข้อสรุปย้ำ ๆ มีเพียงอย่างเดียวคือ "เลิก" จ่ายล่วงหน้ากับ JD ตลอดกาล
ปล. ขอแชร์ประสบการณ์นิดนึง การซื้อออนไลน์แล้วต้องต้องคืนสินค้า คืนเงิน ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ที่แย่คือความ ใช้ไม่ได้ของระบบจัดการของแต่ละเจ้ามากกว่า ส่วนตัวซื้อของมาประมาณ 100 ชิ้น เคยคืนเงิน คืนสินค้า 3-4 ครั้ง ไม่มีครั้งไหนเลวร้ายเท่าครั้งนี้
เจ้าคู่แข่ง (ไม่ขอเอ่ยนาม) ขอคืนสินค้าตอนเช้า ตอนสาย ๆ ได้เงินเข้า wallet เรียบร้อยแล้ว ของยังไม่ได้คืนเลย (ไปคืนตอนเที่ยง) (ทุกอย่างดำเนินการ แบบออนไลน์ทั้งหมด ไม่ต้องเปลือง จนท. มารับสาย ไม่ต้องมารับความงุนงงและเดือดดาลของลูกค้า ประหยัดต้นทุนสุด ๆ )
ที่ดราม่าเยอะ ๆ เพราะอยากให้ JD/PowerBuy ปรับปรุงให้ระบบดีขึ้นครับ อยากให้มีหลายเจ้ามากกว่า เจ้าเดียว
ทำไม JD/Power buy ทำกันอย่างนี้#3 (บทสรุปวิธีจัดการการดองของ PowerBuy/JD)
https://pantip.com/topic/38730737
และ
https://pantip.com/topic/38744152
หลังจาก ดราม่าส่วนตัวผ่านมาเกือบเดือน ในที่สุด JD/PowerBuy ก็อนุมัติเงินคืนให้เรียบร้อย ความคับข้องใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ถือว่าทำบุญไปโดยไม่ได้เรียกร้องอะไรจากผู้ขาย ถ้าได้คูปอง แล้วต้องรูดจ่ายก่อนก็ไม่เอาครับ เข็ดแล้ว
1. ค่าโทรศัพท์ ประมาณ 100 นาที
2. คูปองที่ใช้ไปแล้วไม่ได้คืน
3. ถูกดองเงิน 25 (โทรจิกให้อนุมัติ) + 45 (รอคืนเข้าบัตรเครดิต) วัน ประมาณ 70 วัน
ข้อสรุปมีเพียงอย่างเดียวคือ "เลิก" จ่ายล่วงหน้ากับ JD ตลอดกาล ต่อให้คูปอง ยั่วยวนใจขนาดไหนก็ตาม (ที่ไปใช้คือ ลด 10% ไม่เกิน 800 บาท)
ส่วนวิธีจัดการกับปัญหาไม่ยอมอนุมัติซักที โดยเราต้องเข้าใจปัญหาก่อน
ปัญหาเกิดจาก (สรุปเอาเอง)
ผู้ที่มีหน้าที่ตรวจสอบการคืนเงิน และ อนุมัติไม่ยอมกดอนุมัติ (ส่วนตัวไม่แน่ใจว่าทำงานเป็นรอบหรือเปล่าเช่นรวม ๆ กันให้ครบกี่รายการแล้วกดทีเดียว)
คาดการสาเหตุที่สินค้าหมดครับ เครื่องที่ซื้อ ตอนซื้อราคา 5,900 บาท (ก่อนลด) พอซื้อเสร็จซักพัก 2-3 วัน ราคาขึ้นเป็น 10,xxx ทั้งหน้ากระดาน เกือบทุกออนไลน์ที่มีขาย เข้าใจว่ากลัวขาดทุนเลยขอยกเลิกสินค้าที่อยู่ระหว่างดำเนินการทิ้งทั้งหมด และหลาย ๆ คนที่ซื้อแล้วไม่มีของก็น่าจะโดนประมาณว่า รวมคูปองลดแล้วกำไรน้อย เลยยกเลิกซะเลย ถ้าเป็นสาเหตุนี้จริง ๆ JD คงอยู่ได้ไม่นาน
คือการ รอ ให้ JD/PowerBuy กดอนุมัติ เพราะ ถ้าเค้าไม่เดือดร้อน เค้าจะไม่ทำอะไรเลย แค่แจ้งเรื่องไปแล้วผู้อนุมัติไม่กดก็ช่างมัน ไม่ตาม ไม่โทรบอกลูกค้า พอโทรไปตาม PowerBuy จะโยนให้ JD และเช่นกัน ถ้าโทรไปตาม JD จะโยนให้ PowerBuy ซึ่งเป็นสิ่งที่ชวนงุนงงมาก เพราะมีแพะให้โยนเลยไม่เดือดร้อนอะไร (แต่ลูกค้าเดือดร้อนนะครับ เพราะเรายังไม่ได้ day one ที่นับ 45 วันให้บัตรเครดิตคืนเงินเลย)
สิ่งที่ดำเนินการแล้วได้ผล
คือการทำให้เค้าเดือดร้อนบ้าง ทีแรกคิดว่ามาดราม่าใน pantip น่าจะพอ แต่ไม่พอ เพราะเค้าไม่ใส่ใจภาพลักษณ์ตัวเองที่เสียหายในนี้เลย โดยที่ต้องเตรียมตัวไว้คือ
1. โปรโทรจิก เช่นกลางวันโทรฟรี หรือเหลือโปรโทรของเดือน
2. เวลา ซัก 1 - 2 ชม. เพื่อลดเวลาการ "รอ" ให้เค้าโทรติดต่อกลับมา ซึ่งอาจจะเป็นเวลา "1-2" อาทิตย์ ก็เป็นได้
โทรจิกสลับเลยครับ ตาม JD ถ้ารอที่ Powerbuy ก็โทรตาม PowerBuy โทรจนกว่าเค้าจะรำคาญ และดำเนินการอนุมัติให้
ผมเพิ่งทำมาเอง ใช้เวลาประมาณ 40 นาที โทรสลับ 2-3 ครั้ง สุดท้ายก็อนุมัติให้จนได้ (เรียกได้ว่า ทำเพราะตัดรำคาญลูกค้าโรคจิตนั่นเอง) ซึ่ง ความเห็นส่วนตัวคิดว่าคุ้ม เพราะไม่ต้องรอ นานเป็นอาทิตย์ ๆ (เผื่อตัวเองลืมด้วย เงิน 5,xxx ไม่ใช่น้อย ๆ)
ข้อสรุปย้ำ ๆ มีเพียงอย่างเดียวคือ "เลิก" จ่ายล่วงหน้ากับ JD ตลอดกาล
ปล. ขอแชร์ประสบการณ์นิดนึง การซื้อออนไลน์แล้วต้องต้องคืนสินค้า คืนเงิน ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ที่แย่คือความ ใช้ไม่ได้ของระบบจัดการของแต่ละเจ้ามากกว่า ส่วนตัวซื้อของมาประมาณ 100 ชิ้น เคยคืนเงิน คืนสินค้า 3-4 ครั้ง ไม่มีครั้งไหนเลวร้ายเท่าครั้งนี้
เจ้าคู่แข่ง (ไม่ขอเอ่ยนาม) ขอคืนสินค้าตอนเช้า ตอนสาย ๆ ได้เงินเข้า wallet เรียบร้อยแล้ว ของยังไม่ได้คืนเลย (ไปคืนตอนเที่ยง) (ทุกอย่างดำเนินการ แบบออนไลน์ทั้งหมด ไม่ต้องเปลือง จนท. มารับสาย ไม่ต้องมารับความงุนงงและเดือดดาลของลูกค้า ประหยัดต้นทุนสุด ๆ )
ที่ดราม่าเยอะ ๆ เพราะอยากให้ JD/PowerBuy ปรับปรุงให้ระบบดีขึ้นครับ อยากให้มีหลายเจ้ามากกว่า เจ้าเดียว