ขอสารภาพก่อนเลยว่า
“การจับมือรอบพิเศษ 50ใบ”
เป็นอะไรที่ดูเกินเอื้อม และไกลตัวเรามาก แต่เนื่องด้วยอะไรหลายๆอย่าง ที่เหมาะเจาะพอดี ทำให้เกิดสิ่งนี้ขึ้นมาได้ ต้องขอบคุณพี่ๆในแก๊งค์มากๆ ที่ช่วยสนับสนุนให้สิ่งนี้เกิดขึ้น
.
หลังจากทำความสะอาดมือเพื่อเตรียมความพร้อม ที่จะเข้าไปคุยกับน้องในช่วงเวลาที่ยาวนานที่สุด เท่าที่จะทำได้ สตาฟจับเวลาประจำเลน ก็ขอเวลาเราเพื่อปรับนาฬิกา เป็นนับถอยหลัง 6นาที40วินาที ระหว่างนั้น เราก็ตะโกนบอกน้องว่า “วันนี้ ชั้นมาจับเยอะนะ” น้องก็เบะปากมองบน แล้วถามว่า “จริงหราาา” เราไม่ได้ตอบอะไร แต่เป็นสตาฟ ที่บอกกับน้องว่า “เค้าจับ50ใบค่ะ” แล้วเราก็ถามน้องว่า “นานพอป้ะ นานพอรึยัง” “โหวว แล้วมันนานได้มากกว่านี้มั้ยล่ะพี่” พอน้องตอบมา เรากับน้องก็ขำพร้อมกัน 55555 ถือเป็นการละลายพฤติกรรมเล็กๆ ก่อนเข้าไปจับมือ ที่ได้ผลดีทีเดียว
.
“เชิญค่ะ”
สิ้นเสียงสตาฟ เราก็เข้าไปหาน้องด้วยสีหน้าที่ดีใจ ราวกับได้พบหน้าคนที่อยากเจอมานาน “ตื่นเต้นอ้ะ” นั่นคือประโยคแรกที่พูดกับน้อง ซึ่งน้องก็ยังไม่เลิกเบะปาก แล้วตอบว่า “แหมมม มาตั้งหลายรอบแล้ว ยังไม่หายตื่นเต้นอีกหรออ” “ก็มันไม่เหมือนรอบนี้นี่หว่า 5555” เราตอบน้อง แล้วก็พูดต่อ ว่า “ยินดีด้วยอีกทีนะครับ ที่18 จำได้มั้ย ครั้งที่แล้ว ที่พี่บอกให้เราจำความรู้สึกวันที่ได้อยู่แถวหน้า เป็นไงบ้าง?” น้องก็ตอบกลับด้วยท่าทีตื่นเต้นว่า “โหวว ได้เยอะเลยนะพี่ ทั้งโอกาส ทั้งได้ออกงาน” เราก็เสริมว่า “ได้มีโอกาสปล่อยของใช่มั้ย ได้โชว์เต็มที่” น้องก็รับคำเห็นด้วยกับเรามากๆ
.
“เหนื่อยมั้ยอ้ะเห็นวันนี้คนเยอะมากเลยเนาะ” ถึงเราจะเพิ่งมาจับแค่รอบพิเศษ แต่ก็ได้ข่าวจากพี่ๆ ว่าวันนี้เลนน้องคนเยอะมาก “ก็นิดนึงนะคะพี่” น้องตอบด้วยสีหน้าอิดโรยนิดหน่อย “แต่ก็ดีใจมากๆเหมือนกันค่ะ” หน้าเปื้อนยิ้มของน้องกลับมาทันที “คิดถึงช่วงแรกๆเหมือนกันเนาะ ตอนนั้นคนยังไม่เยอะเลย” เราเท้าความถึงช่วงแรกที่มาจับมือน้อง “ช่ายย ที่ตอนนั้นพี่วนเข้าออกตลอดเลยเนาะ ชอบมาเล่นมุก ‘แห้งๆ’ กับหนูตลอด หนูชอบพวกพี่มากเลย” เราเลยหยอดน้องกลับไปว่า “พี่ก็ชอบแบ๊มมากเลยย” “บ้าา เนี่ยชอบแอบบอกรักตลอด” 555555 เป็นอีกครั้งที่เรากับน้องขำออกมาพร้อมกัน
.
“อ้อ เรื่องเรียน เป็นยังไงบ้าง?”
ประโยคคำถามกึ่งเป็นห่วงที่เราเปิดประเด็นคุยกับน้อง ทำให้มีช่วงที่กินเวลาพอสมควร เพราะว่าน้องเพิ่งสอบเทียบ แล้วก็เข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยที่เราจบมา เลยมีการพูดคุย แนะนำ ถามไถ่ จะเรียกว่า เหมือนรุ่นพี่ ที่กำลังคุยกับรุ่นน้อง ก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลย
.
หลังจากคุยเรื่องเรียนจบ ที่มีทั้งเราขิงน้อง น้องขิงเรา น้องก็ถามเราว่า “แล้วพี่ล่ะคะ เป็นไงบ้าง ดูเป็นคนร่าเริงนะ มีเรื่องเครียดบ้างมั้ยคะ” ยอมรับเลยว่า เรารู้สึกตกใจนิดๆที่น้องถามเรากลับ แต่เราก็ตอบน้องไปว่า “พี่เคยบอกแล้วใช่มั้ย ว่าเราเหมือนกันอ้ะ พี่รู้นะ แบ๊มก็มีเรื่องเครียดใช่มั้ย แต่ว่าเราเลือกที่ไม่แสดงมันออกมาไง” น้องได้ยินเราตอบแบบนี้ก็ น่อวววว เราก็เสริมว่า “ใช่มะ เราต้องโชว์ว่าเราสตรองแค่ไหน” น้องยิ่งชอบอกชอบใจมากขึ้นอีก 5555
.
จากนั้น เราไม่รู้จะชวนคุยอะไรต่อ ก็เลยเล่าถึงวันแรกที่ไปหาน้อง “ตั้งแต่ที่พี่ไปหาแบ๊มที่ตู้ปลาอ้ะ ก็มาหาตลอดเลยนะ” “แหมม ติดใจละซี่” น้องตอบมาแบบนี้ เราอึ้งเลย ได้แต่แสยะยิ้ม คิดในใจว่า ‘ก็เออสิว้าา’ ซึ่งเหมือนว่าน้องก็รู้ว่าเราคิดอะไร เลยขำออกมาพร้อมกันอีกครั้ง 55555
.
เราเคยสัญญากับน้องว่า อยากทำเพลงให้ แต่ว่าก็ยังไม่เสร็จซักที “เพลงอ้ะ ยังทำไม่เสร็จเลยนะ ขอโทษ ช้าไปหน่อยย” “อ้าว ละที่หนูพูดๆไปว่า อ๋อ จำได้ เคยฟัง นี่คือหนูพูดมั่วใช่มั้ย 55555” ขำแก้เขินขนาดนี้ ให้อภัยก็ได้จ้า เราก็เลยแนะนำเพลง เพลงนึงให้น้องไปฟัง “แต่ว่า พี่อยากให้เราไปฟังเพลงนี้ ชื่อเพลงว่า ‘โอชิ’ พี่คนที่แต่งเค้าแต่งให้...” “อ้าว 5555 เพลงพึ่งออกเหรอคะ” เราก็ตอบน้องว่า “เพลงนานแล้ว แต่พี่เค้าบอกว่า เป็นเพลงสำหรับเมมเบอร์ทุกคน เนื้อเพลงสื่อความหมายเหมือนเพลง kimi no เลย ที่บอกว่า รักแบบไม่คาดหวัง รักแบบไม่ต้องการอะไรตอบแทน แค่ได้มองเธอ ก็สุขใจมากพอแล้ว” น้องฟังเราสาธยายร่ายยาว ก็ออกอาการตื่นเต้น พอรู้ถึงความหมายของเพลง พร้อมกับถามย้ำ “ชื่อเพลง โอชิ ของศิลปินท่านไหนคะ” เราก็แหวกตัวให้พี่ข้างหลัง ตะโกนชื่อวง บอกน้อง (หวังว่าน้องจะได้กลับไปฟังจริงๆนะ)
.
“หมดเวลาค่ะ”
คำว่าจบ ได้ยินเบาๆก็เจ็บ คือความรู้สึกของเรา ณ ช่วงเวลานั้น เพราะรู้สึกว่ายังมีเรื่องราวอีกเยอะแยะมากมาย อยากคุยกับน้อง บางอย่างที่เตรียมมาจะพูด ก็ลืม ถึงแม้น้องจะให้โอกาส ถามอยู่เป็นครั้งคราวว่า “พี่มีอะไรอยากบอกหนูรึเปล่า” มันกลับนึกไม่ออกเลย เพราะตื่นเต้นมากๆ จับน้องมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง คราวนี้ เป็นครั้งที่ตื่นเต้น ไม่แพ้ครั้งแรกที่มาหาน้องเลย แต่เราก็ไม่ได้รู้สึกเสียดาย เพราะมันก็แลกมาด้วยบทสนทนาที่เราเอง ก็คาดไม่ถึง ไม่คิดว่าน้องจะเปิดใจพูดกับเรามากขนาดนี้ มีความสุขในทุกๆประโยคจริงๆ
.
ก่อนเราจะก้าวถอยออกมา เราขอกับน้องว่า “ต่อไปนี้ ถ้าเจอกล้องที่ไหน ไม่ว่าจะเป็นกล้องใคร ทำท่าของเรา ให้หน่อยนะ” พูดจบน้องก็ยก2นิ้วอ้อมมาไขว้ข้างหน้า เป็นการตอกย้ำว่า น้องยังจำสัญญาณรักอันนี้ ได้อย่างดี (เป็นท่าที่เราไป2shotกับน้อง แล้วน้องก็ทำทุกครั้งที่เห็นหน้าเราเข้าเลน)
.
เราถอยออกมา ไม่ได้แปะมือ ไม่ได้เกี่ยวก้อย แต่เราได้ให้ความมั่นใจกับน้อง ว่าไม่ว่ายังไง ก็จะมีเรา อยู่ข้างน้องเสมอ
.
เวลากว่า7นาที ระหว่างเรากับน้อง เหมือนได้ปลดล็อคอะไรหลายๆอย่าง การได้คุยแบบสนิทสนม เหมือนพี่น้องที่รู้จักมักคุ้นกันมานาน ทำให้ยิ่งรู้สึกรัก และถูกจริตกับน้องมากขึ้นไปอีก
.
เนื้อหาอาจไม่ครบถ้วน หากแต่ขาดช่วงที่เป็นเรื่องส่วนตัวของน้อง กับช่วงที่น้องเล่นกับเราและพี่ๆที่มาด้วยกันข้างหลัง เป็นการจับมือ50ใบ ที่เราได้แบ่งปันเรื่องราว กับคนข้างหลังด้วย
ปล. พี่ๆเลนแบ๊มที่จับ50ใบอยู่ประจำเค้าเตือนเราว่า “น้อง วงการ50ใบอ้ะ พอเข้าแล้ว มันออกยากนะ”
“ผมเชื่อแล้วครับ”
[ รีวิวจับมือ 50 ใบ : Bamboo BNK48 ]
“การจับมือรอบพิเศษ 50ใบ”
เป็นอะไรที่ดูเกินเอื้อม และไกลตัวเรามาก แต่เนื่องด้วยอะไรหลายๆอย่าง ที่เหมาะเจาะพอดี ทำให้เกิดสิ่งนี้ขึ้นมาได้ ต้องขอบคุณพี่ๆในแก๊งค์มากๆ ที่ช่วยสนับสนุนให้สิ่งนี้เกิดขึ้น
.
หลังจากทำความสะอาดมือเพื่อเตรียมความพร้อม ที่จะเข้าไปคุยกับน้องในช่วงเวลาที่ยาวนานที่สุด เท่าที่จะทำได้ สตาฟจับเวลาประจำเลน ก็ขอเวลาเราเพื่อปรับนาฬิกา เป็นนับถอยหลัง 6นาที40วินาที ระหว่างนั้น เราก็ตะโกนบอกน้องว่า “วันนี้ ชั้นมาจับเยอะนะ” น้องก็เบะปากมองบน แล้วถามว่า “จริงหราาา” เราไม่ได้ตอบอะไร แต่เป็นสตาฟ ที่บอกกับน้องว่า “เค้าจับ50ใบค่ะ” แล้วเราก็ถามน้องว่า “นานพอป้ะ นานพอรึยัง” “โหวว แล้วมันนานได้มากกว่านี้มั้ยล่ะพี่” พอน้องตอบมา เรากับน้องก็ขำพร้อมกัน 55555 ถือเป็นการละลายพฤติกรรมเล็กๆ ก่อนเข้าไปจับมือ ที่ได้ผลดีทีเดียว
.
“เชิญค่ะ”
สิ้นเสียงสตาฟ เราก็เข้าไปหาน้องด้วยสีหน้าที่ดีใจ ราวกับได้พบหน้าคนที่อยากเจอมานาน “ตื่นเต้นอ้ะ” นั่นคือประโยคแรกที่พูดกับน้อง ซึ่งน้องก็ยังไม่เลิกเบะปาก แล้วตอบว่า “แหมมม มาตั้งหลายรอบแล้ว ยังไม่หายตื่นเต้นอีกหรออ” “ก็มันไม่เหมือนรอบนี้นี่หว่า 5555” เราตอบน้อง แล้วก็พูดต่อ ว่า “ยินดีด้วยอีกทีนะครับ ที่18 จำได้มั้ย ครั้งที่แล้ว ที่พี่บอกให้เราจำความรู้สึกวันที่ได้อยู่แถวหน้า เป็นไงบ้าง?” น้องก็ตอบกลับด้วยท่าทีตื่นเต้นว่า “โหวว ได้เยอะเลยนะพี่ ทั้งโอกาส ทั้งได้ออกงาน” เราก็เสริมว่า “ได้มีโอกาสปล่อยของใช่มั้ย ได้โชว์เต็มที่” น้องก็รับคำเห็นด้วยกับเรามากๆ
.
“เหนื่อยมั้ยอ้ะเห็นวันนี้คนเยอะมากเลยเนาะ” ถึงเราจะเพิ่งมาจับแค่รอบพิเศษ แต่ก็ได้ข่าวจากพี่ๆ ว่าวันนี้เลนน้องคนเยอะมาก “ก็นิดนึงนะคะพี่” น้องตอบด้วยสีหน้าอิดโรยนิดหน่อย “แต่ก็ดีใจมากๆเหมือนกันค่ะ” หน้าเปื้อนยิ้มของน้องกลับมาทันที “คิดถึงช่วงแรกๆเหมือนกันเนาะ ตอนนั้นคนยังไม่เยอะเลย” เราเท้าความถึงช่วงแรกที่มาจับมือน้อง “ช่ายย ที่ตอนนั้นพี่วนเข้าออกตลอดเลยเนาะ ชอบมาเล่นมุก ‘แห้งๆ’ กับหนูตลอด หนูชอบพวกพี่มากเลย” เราเลยหยอดน้องกลับไปว่า “พี่ก็ชอบแบ๊มมากเลยย” “บ้าา เนี่ยชอบแอบบอกรักตลอด” 555555 เป็นอีกครั้งที่เรากับน้องขำออกมาพร้อมกัน
.
“อ้อ เรื่องเรียน เป็นยังไงบ้าง?”
ประโยคคำถามกึ่งเป็นห่วงที่เราเปิดประเด็นคุยกับน้อง ทำให้มีช่วงที่กินเวลาพอสมควร เพราะว่าน้องเพิ่งสอบเทียบ แล้วก็เข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยที่เราจบมา เลยมีการพูดคุย แนะนำ ถามไถ่ จะเรียกว่า เหมือนรุ่นพี่ ที่กำลังคุยกับรุ่นน้อง ก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลย
.
หลังจากคุยเรื่องเรียนจบ ที่มีทั้งเราขิงน้อง น้องขิงเรา น้องก็ถามเราว่า “แล้วพี่ล่ะคะ เป็นไงบ้าง ดูเป็นคนร่าเริงนะ มีเรื่องเครียดบ้างมั้ยคะ” ยอมรับเลยว่า เรารู้สึกตกใจนิดๆที่น้องถามเรากลับ แต่เราก็ตอบน้องไปว่า “พี่เคยบอกแล้วใช่มั้ย ว่าเราเหมือนกันอ้ะ พี่รู้นะ แบ๊มก็มีเรื่องเครียดใช่มั้ย แต่ว่าเราเลือกที่ไม่แสดงมันออกมาไง” น้องได้ยินเราตอบแบบนี้ก็ น่อวววว เราก็เสริมว่า “ใช่มะ เราต้องโชว์ว่าเราสตรองแค่ไหน” น้องยิ่งชอบอกชอบใจมากขึ้นอีก 5555
.
จากนั้น เราไม่รู้จะชวนคุยอะไรต่อ ก็เลยเล่าถึงวันแรกที่ไปหาน้อง “ตั้งแต่ที่พี่ไปหาแบ๊มที่ตู้ปลาอ้ะ ก็มาหาตลอดเลยนะ” “แหมม ติดใจละซี่” น้องตอบมาแบบนี้ เราอึ้งเลย ได้แต่แสยะยิ้ม คิดในใจว่า ‘ก็เออสิว้าา’ ซึ่งเหมือนว่าน้องก็รู้ว่าเราคิดอะไร เลยขำออกมาพร้อมกันอีกครั้ง 55555
.
เราเคยสัญญากับน้องว่า อยากทำเพลงให้ แต่ว่าก็ยังไม่เสร็จซักที “เพลงอ้ะ ยังทำไม่เสร็จเลยนะ ขอโทษ ช้าไปหน่อยย” “อ้าว ละที่หนูพูดๆไปว่า อ๋อ จำได้ เคยฟัง นี่คือหนูพูดมั่วใช่มั้ย 55555” ขำแก้เขินขนาดนี้ ให้อภัยก็ได้จ้า เราก็เลยแนะนำเพลง เพลงนึงให้น้องไปฟัง “แต่ว่า พี่อยากให้เราไปฟังเพลงนี้ ชื่อเพลงว่า ‘โอชิ’ พี่คนที่แต่งเค้าแต่งให้...” “อ้าว 5555 เพลงพึ่งออกเหรอคะ” เราก็ตอบน้องว่า “เพลงนานแล้ว แต่พี่เค้าบอกว่า เป็นเพลงสำหรับเมมเบอร์ทุกคน เนื้อเพลงสื่อความหมายเหมือนเพลง kimi no เลย ที่บอกว่า รักแบบไม่คาดหวัง รักแบบไม่ต้องการอะไรตอบแทน แค่ได้มองเธอ ก็สุขใจมากพอแล้ว” น้องฟังเราสาธยายร่ายยาว ก็ออกอาการตื่นเต้น พอรู้ถึงความหมายของเพลง พร้อมกับถามย้ำ “ชื่อเพลง โอชิ ของศิลปินท่านไหนคะ” เราก็แหวกตัวให้พี่ข้างหลัง ตะโกนชื่อวง บอกน้อง (หวังว่าน้องจะได้กลับไปฟังจริงๆนะ)
.
“หมดเวลาค่ะ”
คำว่าจบ ได้ยินเบาๆก็เจ็บ คือความรู้สึกของเรา ณ ช่วงเวลานั้น เพราะรู้สึกว่ายังมีเรื่องราวอีกเยอะแยะมากมาย อยากคุยกับน้อง บางอย่างที่เตรียมมาจะพูด ก็ลืม ถึงแม้น้องจะให้โอกาส ถามอยู่เป็นครั้งคราวว่า “พี่มีอะไรอยากบอกหนูรึเปล่า” มันกลับนึกไม่ออกเลย เพราะตื่นเต้นมากๆ จับน้องมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง คราวนี้ เป็นครั้งที่ตื่นเต้น ไม่แพ้ครั้งแรกที่มาหาน้องเลย แต่เราก็ไม่ได้รู้สึกเสียดาย เพราะมันก็แลกมาด้วยบทสนทนาที่เราเอง ก็คาดไม่ถึง ไม่คิดว่าน้องจะเปิดใจพูดกับเรามากขนาดนี้ มีความสุขในทุกๆประโยคจริงๆ
.
ก่อนเราจะก้าวถอยออกมา เราขอกับน้องว่า “ต่อไปนี้ ถ้าเจอกล้องที่ไหน ไม่ว่าจะเป็นกล้องใคร ทำท่าของเรา ให้หน่อยนะ” พูดจบน้องก็ยก2นิ้วอ้อมมาไขว้ข้างหน้า เป็นการตอกย้ำว่า น้องยังจำสัญญาณรักอันนี้ ได้อย่างดี (เป็นท่าที่เราไป2shotกับน้อง แล้วน้องก็ทำทุกครั้งที่เห็นหน้าเราเข้าเลน)
.
เราถอยออกมา ไม่ได้แปะมือ ไม่ได้เกี่ยวก้อย แต่เราได้ให้ความมั่นใจกับน้อง ว่าไม่ว่ายังไง ก็จะมีเรา อยู่ข้างน้องเสมอ
.
เวลากว่า7นาที ระหว่างเรากับน้อง เหมือนได้ปลดล็อคอะไรหลายๆอย่าง การได้คุยแบบสนิทสนม เหมือนพี่น้องที่รู้จักมักคุ้นกันมานาน ทำให้ยิ่งรู้สึกรัก และถูกจริตกับน้องมากขึ้นไปอีก
.
เนื้อหาอาจไม่ครบถ้วน หากแต่ขาดช่วงที่เป็นเรื่องส่วนตัวของน้อง กับช่วงที่น้องเล่นกับเราและพี่ๆที่มาด้วยกันข้างหลัง เป็นการจับมือ50ใบ ที่เราได้แบ่งปันเรื่องราว กับคนข้างหลังด้วย
ปล. พี่ๆเลนแบ๊มที่จับ50ใบอยู่ประจำเค้าเตือนเราว่า “น้อง วงการ50ใบอ้ะ พอเข้าแล้ว มันออกยากนะ”
“ผมเชื่อแล้วครับ”