อันดับแรกบอกเลยว่าตอนนี้แฟนเรียนอยู่ ป.ตรี ใกล้จบแล้วอีกไม่กี่เดือน ตอนแรกแฟนทำงานประจำอยู่รายได้ก็ไม่ได้มากอะไร เดือนๆนึงถ้าไม่ทำโอเงินเดือนก็ไม่ถึงหมื่น เพราะได้เป็นรายวัน แต่ถ้าเดือนไหนทำโอก็ได้เพิ่มแต่ก็ไม่ได้มากมายอะไรเพราะฐานเงินเดือนไม่สูง แต่นิสัยเขาเป็นคนชอบใช้ของแพง เช่น ถ้าซื้อรองเท้าผ้าใบหรือกางเกงยีนก็ต้องซื้อคู่ละเป็นพัน แต่เราก็คิดว่าเขาทำงานเหนื่อง เขาก็คงอยากได้อะไรตอบแทนบ้าง (หรือมันเป็นนิสัยของผู้ชาย) เราก็คิดว่าเขายังเรียนไม่จบเขาอยากทำอะไรเราก็ให้ทำ (แต่เราก็คิดว่าถึงเขาจะยังเรียนไม่จบแต่เขาก็ควรโตได้แล้ว) จะซื้ออะไรก็ควรคิดบ้าง
ภาระที่เขามีในตอนนี้ คือ ค่างวดรถยนต์ ค่าโทรศัพท์ และก็เป็นนิสัยของผู้ชายอีกแหละค่ะที่พอมีรถเขาก็อยากแต่ง แต่เราก็ห้ามแล้วเตือนแล้วเพราะขนาดยังไม่แต่งรถเงินเดือนนึงยังไม่พอกินยังต้องมายืมเราอยู่เลย แต่เขาก็คืนในเดือนถัดไปนะคะ เริ่มจากเปลี่ยนล้อแมกก่อนเลย เราก็แบบห้ามไม่ได้แล้วตังเขา เขาเอาตังที่ได้จากโบนัสมาซื้อล้อหมดเลยค่ะ ต่อมาก็โช็ค ซึ่งเราเตือนเขาแล้วเขาก็ไม่ฟังอะไรทั้งนั้น จนทะเลาะกันใหญ่โต ตอนแรกเขาจะมาเลิกกับเราเพระาเราห้ามเขา และเราก็สวยค่ะ 555 ล้อเล่น อยากไปก็ไปถ้าคิดได้แค่นี้ก็ไปเหอะค่ะ รู้ไหมค่ะทำไมเราถึงเตือน เพราะเงินเขาไม่มีซื้อแต่เขาก็ไปยืมญาติเขา คือแบบไม่มีแต่ก็ดันทุรังแต่เราก็ให้เขาเอาเงินไปคืนญาติแล้วเอาจากเราแทนแล้วค่อยมาผ่อนเราเอาทุกเดือน และในตอนนั้นพอเขาได้สิ่งที่เขาต้องการภาระเพิ่มขึ้นเขาก็คิดว่างานที่เขาทำอยู่มันไม่พอกับรายจ่ายซึ่งเราก็คิดแบบนั้นมานานแล้วแต่เขาไม่ฟัง พอภาระเพิ่มขึ้นเขาพึ่งมาคิดแล้วเขาก็ออกจากงานและได้ที่ใหม่ทำงานได้อาทิตนึงออกแล้วได้ที่ใหม่ แล้วก็ทำงานได้อีกสามอาทิตย์เขาบอกว่ามันไม่ใช่ แล้วก็ได้ที่ใหม่ เขาบอกว่าจะทำที่นี่แบบจริงจังละ พอเริ่มงานได้หนึ่งวันเขาบอกว่ามันไม่ใช่ คือตอนนี้เราท่อใจมากเพราะค่าใช้จ่ายเขาตั้งแต่เขาออกจากงานประจำมาเราก็ช่วยทุกอย่าง แต่ค่างวดรถเขาออกเองเพราะเงินออกมาพอจ่ายค่ารถ ส่วนอย่างอื่นเราก็ช่วย ค่าใช้จ่ายรายวันเราก็ให้ เราคิดว่าคนเป็นแฟนกันก็ต้องช่วยเหลือกันในตอนที่ลำบาก คอยให้กำลังใจกัน แต่เมื่อเขาเริ่มทำงานที่ใหม่เขาก็คอยโทรมาบอกว่าจะออกละนะ มันไม่ใช่ตัวเขาเลย คือเราเครียดมากเราไม่รู้จะพูดยังไงดีที่จะให้เขามองเห็นถึงค่าใช้จ่ายที่รอเขาอยู่ ซึ่งเราก็บอกเขาว่าคนเราไม่มีใครช่วยเหลือเราไปได้ตลอดหรอกนะ คือเราอยากให้เขาคิดถึงอนาคตบ้างไม่ใช่แค่วันนี้
***ช่วยแนะนำหน่อยค่ะไม่รู้จะพูดอย่างไรดี
แฟนใช้เงินเกินตัว ทำยังไงดี
ภาระที่เขามีในตอนนี้ คือ ค่างวดรถยนต์ ค่าโทรศัพท์ และก็เป็นนิสัยของผู้ชายอีกแหละค่ะที่พอมีรถเขาก็อยากแต่ง แต่เราก็ห้ามแล้วเตือนแล้วเพราะขนาดยังไม่แต่งรถเงินเดือนนึงยังไม่พอกินยังต้องมายืมเราอยู่เลย แต่เขาก็คืนในเดือนถัดไปนะคะ เริ่มจากเปลี่ยนล้อแมกก่อนเลย เราก็แบบห้ามไม่ได้แล้วตังเขา เขาเอาตังที่ได้จากโบนัสมาซื้อล้อหมดเลยค่ะ ต่อมาก็โช็ค ซึ่งเราเตือนเขาแล้วเขาก็ไม่ฟังอะไรทั้งนั้น จนทะเลาะกันใหญ่โต ตอนแรกเขาจะมาเลิกกับเราเพระาเราห้ามเขา และเราก็สวยค่ะ 555 ล้อเล่น อยากไปก็ไปถ้าคิดได้แค่นี้ก็ไปเหอะค่ะ รู้ไหมค่ะทำไมเราถึงเตือน เพราะเงินเขาไม่มีซื้อแต่เขาก็ไปยืมญาติเขา คือแบบไม่มีแต่ก็ดันทุรังแต่เราก็ให้เขาเอาเงินไปคืนญาติแล้วเอาจากเราแทนแล้วค่อยมาผ่อนเราเอาทุกเดือน และในตอนนั้นพอเขาได้สิ่งที่เขาต้องการภาระเพิ่มขึ้นเขาก็คิดว่างานที่เขาทำอยู่มันไม่พอกับรายจ่ายซึ่งเราก็คิดแบบนั้นมานานแล้วแต่เขาไม่ฟัง พอภาระเพิ่มขึ้นเขาพึ่งมาคิดแล้วเขาก็ออกจากงานและได้ที่ใหม่ทำงานได้อาทิตนึงออกแล้วได้ที่ใหม่ แล้วก็ทำงานได้อีกสามอาทิตย์เขาบอกว่ามันไม่ใช่ แล้วก็ได้ที่ใหม่ เขาบอกว่าจะทำที่นี่แบบจริงจังละ พอเริ่มงานได้หนึ่งวันเขาบอกว่ามันไม่ใช่ คือตอนนี้เราท่อใจมากเพราะค่าใช้จ่ายเขาตั้งแต่เขาออกจากงานประจำมาเราก็ช่วยทุกอย่าง แต่ค่างวดรถเขาออกเองเพราะเงินออกมาพอจ่ายค่ารถ ส่วนอย่างอื่นเราก็ช่วย ค่าใช้จ่ายรายวันเราก็ให้ เราคิดว่าคนเป็นแฟนกันก็ต้องช่วยเหลือกันในตอนที่ลำบาก คอยให้กำลังใจกัน แต่เมื่อเขาเริ่มทำงานที่ใหม่เขาก็คอยโทรมาบอกว่าจะออกละนะ มันไม่ใช่ตัวเขาเลย คือเราเครียดมากเราไม่รู้จะพูดยังไงดีที่จะให้เขามองเห็นถึงค่าใช้จ่ายที่รอเขาอยู่ ซึ่งเราก็บอกเขาว่าคนเราไม่มีใครช่วยเหลือเราไปได้ตลอดหรอกนะ คือเราอยากให้เขาคิดถึงอนาคตบ้างไม่ใช่แค่วันนี้
***ช่วยแนะนำหน่อยค่ะไม่รู้จะพูดอย่างไรดี