ชื่อกระทู้ฟังแล้วตลกใช่ไหมครับ? จุดประสงค์ของกระทู้คือต้องการเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์รายวันที่ต้องเจอ
กับผู้สูงอายุที่บ้าน บ่นได้เพราะแกไม่ใช้พันทิพย์
อธิบายก่อน แม่ผมมีลูกตอนอายุมากแล้ว กล่าวคือแม่เป็นสุภาพสตรีสูงอายุ ที่มีการศึกษาสูง
ที่บ้านผมฐานะปานกลางไม่จนไม่รวย กล่าวคือไม่มีปัญหาด้านสุขภาพ แต่มีปัญหาด้านความสัมพันธ์เนื่องมาจากเหตุผลด้านล่าง
1.generation gap - ความห่างของอายุ 20 ปี ทำให้ผมเป็นเด็กในสายตาแม่ตลอดเวลา นึกถึงหนังพวก insidious อะไรแบบนี้นะครับ
เป็นภาพของผู้หญิงที่ดูเนี้ยบๆดุๆที่ยืนอยู่ข้างหลังเด็กที่หวาดกลัว ความห่างของอายุทำให้คุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง ผมจะอธิบายอะไรให้แม่เชื่อได้ยากมาก
แต่ในขณะเดียวกันเหมือนเป็นกฏของบ้านที่ผมต้องเชื่อแม่ทุกอย่าง ตัวอย่างเช่น ผมพยายามบอกแม่ว่าพวกข้อความที่ส่งๆกันในไลน์บางทีเชื่อไม่ได้
ให้ไปอ่านข่าว official ดีกว่า ก็โดนโกรธ หาว่าทำลายความสุขวัยเกษียณ ผมแค่หวังดีไม่อยากให้แม่โดนหลอก ผมทำผิดตรงไหน
2.กฏของบ้าน - ทุกมุมของบ้านมีกฏที่ต้องปฏิบัติตาม เช่น ถังขยะห้ามทิ้งปนกัน ไฟห้ามเปิดทิ้งไว้ ผ้าห้ามซักปนกัน ต้องถูบ้านวันละครั้ง อาบน้ำรึยัง แปรงฟันรึยัง รดน้ำต้นไม้รึยัง ต้นนี้ห้ามใส่น้ำเยอะ ต้นนี้รดเยอะได้ ผ้าแบบนี้ต้องตากตรงจุดนี้ ล้างจานทำไมใช้น้ำยาเยอะอย่างนี้ ต้องนอนไม่เกินสี่ทุ่ม ซื้อนมมาต้องเช็ดขวดก่อนเข้าตู้เย็น อาหารขยะไม่ดีต่อสุขภาพ ชาต้องชงสองรอบเป็นอย่างน้อย และอีกสารพัด วันไหนลืมต้องโดนว่า แค่ทิ้งขยะผิดถังต้องโดนว่า ลองคิดดูสิครับว่าเรื่องเล็กน้อยๆอย่างนี้กลับกลายเป็นเรื่องใหญ่ ผมเบื่อแล้ว เบื่อที่จะต้องเถียงกันด้วยเรื่องเล็กๆน้อยๆ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมจะพูดกันดีๆไม่ได้ ผมอิจฉาบ้านที่พูดกับลูกดีๆ อาจเพราะแม่ผมเป็นคนจีน เลยชอบพูดเสียงดังกับชอบตะโกนเรียก ผมกลัวมากเวลาโดนแม่ตะโกนเรียกชื่อ คุณเข้าใจไหมครับ ในหัวผมตอนนั้นคือ "เอาแล้วไง นี่เผลอทำอะไรผิดอีกแล้วเนี่ย" สิ่งที่มันมองข้ามได้ ทุกครั้งที่ผมเผลอ ต้องโดนบ่นว่า ผมจะอธิบาย "บ่นว่า" ยังดี
นิยามของการบ่นว่าที่ผมชังมากคือ มันเป็นการพูดตรงแบบสุดๆ เช่น "ฟันไม่ยอมแปรง จะให้มันร่วงหมดปากหรือไง เดี่ยวแก่ไปต้องไปใช้ฟันปลอม อยากใช้ฟันปลอมหรือไงหา!!" หรือ "หัดล้างหน้าซะบ้าง ไปทำอะไรมาหน้าเหมือนกำแพง..." sample ประมาณนี้อ่ะครับ
ผมเข้าใจว่าเพราะแม่ใช้ภาษาจีนเป็นภาษาที่หนึ่ง อาจมี expression อะไรบางอย่างในภาษาที่ต่างออกไป การพูดกันแข็งๆห้วนๆถือเป็นเรื่องปกติ
แต่ฟังแล้วเครียดจริงๆนะ
3.แม่ไม่ค่อยชอบติดต่อกับคนนอกบ้าน - ผมพยายาม บอกแม่ว่าให้ไปลองสังคมกับเพื่อนสมัยเรียนอะไรแบบนี้บ้าง (เพราะไหนๆก็พูดกันไม่ค่อยเข้าใจ) แต่แม่ก็ไม่ยอม แม่ไม่ค่อยชอบติดต่อกับใคร วันไหนตลาดหุ้นปิดคือวันซวยเพราะแม่จะว่าง มีเวลามายุ่งกับชีวิตผมทั้งวัน ผมออกไปเที่ยวไหนก็ไม่เป็น ผมลองสมัครสมาชิกเน็กฟลิกซ์หาหนังเกาหลีให้แม่ดูแต่ก็แก้ปัญหาไม่ได้อย่างถาวร ผมไม่เข้าใจเลย ทำไมบางบ้านแม่ปล่อยลูกไปมีสังคมของตัวเอง แต่บ้านผมแม่ไม่ยอมปล่อยผมไปสักที
4.พฤติกรรมแปลกๆ - เวลาแม่ว่างหรือเครียดจะชอบทำงานบ้าน เช่น ซักผ้า แม่บอกว่าซักผ้าสนุกดี แม้ว่าจะมีเครื่องซักผ้าแต่แม่ก็ยังชอบซักมือมากกว่า แม่บอกว่าซักมือแล้วคลายเครียด แม่ประหยัดในบางเรื่องผิดปกติ เช่น แม่บังคบผมห้ามขึ้นมอเตอร์ไซค์รับจ้างเพราะหาว่าแพง แม่ไม่ยอมนั่งแกร็บเพราะหาว่าแพง (แล้วเวลาผมใช้แกร็บต้องไม่ให้แม่รู้เพราะเดี๋ยวจะโดนสอบสวนค่าแท็กซี่) แม่บังคับให้ใช้แต่รถเมล์ แล้วรถเมล์ต้องเป็นสีที่ approve แล้วด้วยนะ รถร่วมห้ามขึ้น ผมพยายามบอกแม่ว่า ใช้แกร็บเถอะ เป็นห่วง แกก็ยังดึงดันจะขึ้นรถเมล์ให้ได้ เพราะเคยชิน
สรุปคือ แม่เข้ามาบังคับควบคุมชีวิตผมในทุกๆด้าน ตลอดเวลา ย้ำ ตลอดเวลา ผมไม่สามารถหนีไปเช่าบ้านอยู่เองได้เพราะรายได้เด็กจบใหม่มันสุดต่ำ
และไม่มีใครที่สนิทพอจะไปแชร์หอด้วย ผมหนีไปไหนไม่ได้ ผมเหนื่อยมาก ผมไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใครเลย ผมแค่อยากจะเล่า เพราะเคยพยายามบ่นกับคนรู้จักสมัยเรียนแต่ก็ไม่เข้าใจ ผมเลยคิดว่าเขียนเอาดีกว่า
แม่จู้จี้ผิดปกติอยากให้สังคมเข้าใจ
กับผู้สูงอายุที่บ้าน บ่นได้เพราะแกไม่ใช้พันทิพย์
อธิบายก่อน แม่ผมมีลูกตอนอายุมากแล้ว กล่าวคือแม่เป็นสุภาพสตรีสูงอายุ ที่มีการศึกษาสูง
ที่บ้านผมฐานะปานกลางไม่จนไม่รวย กล่าวคือไม่มีปัญหาด้านสุขภาพ แต่มีปัญหาด้านความสัมพันธ์เนื่องมาจากเหตุผลด้านล่าง
1.generation gap - ความห่างของอายุ 20 ปี ทำให้ผมเป็นเด็กในสายตาแม่ตลอดเวลา นึกถึงหนังพวก insidious อะไรแบบนี้นะครับ
เป็นภาพของผู้หญิงที่ดูเนี้ยบๆดุๆที่ยืนอยู่ข้างหลังเด็กที่หวาดกลัว ความห่างของอายุทำให้คุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง ผมจะอธิบายอะไรให้แม่เชื่อได้ยากมาก
แต่ในขณะเดียวกันเหมือนเป็นกฏของบ้านที่ผมต้องเชื่อแม่ทุกอย่าง ตัวอย่างเช่น ผมพยายามบอกแม่ว่าพวกข้อความที่ส่งๆกันในไลน์บางทีเชื่อไม่ได้
ให้ไปอ่านข่าว official ดีกว่า ก็โดนโกรธ หาว่าทำลายความสุขวัยเกษียณ ผมแค่หวังดีไม่อยากให้แม่โดนหลอก ผมทำผิดตรงไหน
2.กฏของบ้าน - ทุกมุมของบ้านมีกฏที่ต้องปฏิบัติตาม เช่น ถังขยะห้ามทิ้งปนกัน ไฟห้ามเปิดทิ้งไว้ ผ้าห้ามซักปนกัน ต้องถูบ้านวันละครั้ง อาบน้ำรึยัง แปรงฟันรึยัง รดน้ำต้นไม้รึยัง ต้นนี้ห้ามใส่น้ำเยอะ ต้นนี้รดเยอะได้ ผ้าแบบนี้ต้องตากตรงจุดนี้ ล้างจานทำไมใช้น้ำยาเยอะอย่างนี้ ต้องนอนไม่เกินสี่ทุ่ม ซื้อนมมาต้องเช็ดขวดก่อนเข้าตู้เย็น อาหารขยะไม่ดีต่อสุขภาพ ชาต้องชงสองรอบเป็นอย่างน้อย และอีกสารพัด วันไหนลืมต้องโดนว่า แค่ทิ้งขยะผิดถังต้องโดนว่า ลองคิดดูสิครับว่าเรื่องเล็กน้อยๆอย่างนี้กลับกลายเป็นเรื่องใหญ่ ผมเบื่อแล้ว เบื่อที่จะต้องเถียงกันด้วยเรื่องเล็กๆน้อยๆ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมจะพูดกันดีๆไม่ได้ ผมอิจฉาบ้านที่พูดกับลูกดีๆ อาจเพราะแม่ผมเป็นคนจีน เลยชอบพูดเสียงดังกับชอบตะโกนเรียก ผมกลัวมากเวลาโดนแม่ตะโกนเรียกชื่อ คุณเข้าใจไหมครับ ในหัวผมตอนนั้นคือ "เอาแล้วไง นี่เผลอทำอะไรผิดอีกแล้วเนี่ย" สิ่งที่มันมองข้ามได้ ทุกครั้งที่ผมเผลอ ต้องโดนบ่นว่า ผมจะอธิบาย "บ่นว่า" ยังดี
นิยามของการบ่นว่าที่ผมชังมากคือ มันเป็นการพูดตรงแบบสุดๆ เช่น "ฟันไม่ยอมแปรง จะให้มันร่วงหมดปากหรือไง เดี่ยวแก่ไปต้องไปใช้ฟันปลอม อยากใช้ฟันปลอมหรือไงหา!!" หรือ "หัดล้างหน้าซะบ้าง ไปทำอะไรมาหน้าเหมือนกำแพง..." sample ประมาณนี้อ่ะครับ
ผมเข้าใจว่าเพราะแม่ใช้ภาษาจีนเป็นภาษาที่หนึ่ง อาจมี expression อะไรบางอย่างในภาษาที่ต่างออกไป การพูดกันแข็งๆห้วนๆถือเป็นเรื่องปกติ
แต่ฟังแล้วเครียดจริงๆนะ
3.แม่ไม่ค่อยชอบติดต่อกับคนนอกบ้าน - ผมพยายาม บอกแม่ว่าให้ไปลองสังคมกับเพื่อนสมัยเรียนอะไรแบบนี้บ้าง (เพราะไหนๆก็พูดกันไม่ค่อยเข้าใจ) แต่แม่ก็ไม่ยอม แม่ไม่ค่อยชอบติดต่อกับใคร วันไหนตลาดหุ้นปิดคือวันซวยเพราะแม่จะว่าง มีเวลามายุ่งกับชีวิตผมทั้งวัน ผมออกไปเที่ยวไหนก็ไม่เป็น ผมลองสมัครสมาชิกเน็กฟลิกซ์หาหนังเกาหลีให้แม่ดูแต่ก็แก้ปัญหาไม่ได้อย่างถาวร ผมไม่เข้าใจเลย ทำไมบางบ้านแม่ปล่อยลูกไปมีสังคมของตัวเอง แต่บ้านผมแม่ไม่ยอมปล่อยผมไปสักที
4.พฤติกรรมแปลกๆ - เวลาแม่ว่างหรือเครียดจะชอบทำงานบ้าน เช่น ซักผ้า แม่บอกว่าซักผ้าสนุกดี แม้ว่าจะมีเครื่องซักผ้าแต่แม่ก็ยังชอบซักมือมากกว่า แม่บอกว่าซักมือแล้วคลายเครียด แม่ประหยัดในบางเรื่องผิดปกติ เช่น แม่บังคบผมห้ามขึ้นมอเตอร์ไซค์รับจ้างเพราะหาว่าแพง แม่ไม่ยอมนั่งแกร็บเพราะหาว่าแพง (แล้วเวลาผมใช้แกร็บต้องไม่ให้แม่รู้เพราะเดี๋ยวจะโดนสอบสวนค่าแท็กซี่) แม่บังคับให้ใช้แต่รถเมล์ แล้วรถเมล์ต้องเป็นสีที่ approve แล้วด้วยนะ รถร่วมห้ามขึ้น ผมพยายามบอกแม่ว่า ใช้แกร็บเถอะ เป็นห่วง แกก็ยังดึงดันจะขึ้นรถเมล์ให้ได้ เพราะเคยชิน
สรุปคือ แม่เข้ามาบังคับควบคุมชีวิตผมในทุกๆด้าน ตลอดเวลา ย้ำ ตลอดเวลา ผมไม่สามารถหนีไปเช่าบ้านอยู่เองได้เพราะรายได้เด็กจบใหม่มันสุดต่ำ
และไม่มีใครที่สนิทพอจะไปแชร์หอด้วย ผมหนีไปไหนไม่ได้ ผมเหนื่อยมาก ผมไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใครเลย ผมแค่อยากจะเล่า เพราะเคยพยายามบ่นกับคนรู้จักสมัยเรียนแต่ก็ไม่เข้าใจ ผมเลยคิดว่าเขียนเอาดีกว่า