
ตามหัวข้อกระทู้เลยจ้า จขกท. จะมารีวิวประสบการณ์การขอ
Schengen VISA ประเทศอิตาลี (วีซ่าท่องเที่ยวระยะสั้น) ไม่ยากแต่ก็ไม่ง่าย ผ่านแบบใสๆ ได้รับเล่มส่งคืนถึงบ้านใน 8 วัน.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้มีแถมรีวิว ฉบับ freelance ให้ตอนท้ายด้วยจ้า (เพื่อนที่ จขกท. เดินทางด้วย)
ก่อนอื่นก็ต้องขอขอบคุณเพื่อนๆใน pantip ที่เคยรีวิวการขอวีซ่าอิตาลีไว้ ข้อมูลมีประโยชน์มากๆ เลยค่ะ ส่วนกระทู้นี้ จขกท. ตั้งใจมารีวิว เพื่อเป็นการอัพเดทขั้นตอนและเอกสารต่างๆ บวกกับข้อแนะนำเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจะเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังวางแผนจะยื่นขอวีซ่านะคะ
เรื่องมันเริ่มมาจาก สายการบิน Etihad ปล่อยโปรราคาน่ารักออกมาช่วงปีใหม่ เป็นเที่ยวบินแบบ multi-city เส้นทาง ฮ่องกง-ยุโรป-กรุงเทพฯ ราคา 14,xxx จขกท. ก็ไม่รอช้า รีบจองตั๋ว Hong Kong-Rome, Prague-Bangkok มาครอง โดยจะบินไปเที่ยวเดือน พ.ค. 2019 เป็น
ทริปเที่ยวยาวๆ 20 วัน เริ่มตั้งแต่ อิตาลี-เยอรมัน-ออสเตรีย-ฮังการี-เชค โดย
เที่ยวที่อิตาลีนานสุด จึงต้องยื่นขอวีซ่าของอิตาลีค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ครั้งนี้เป็นการยื่นขอวีซ่าเชงเก้น ครั้งที่ 2 ของ จขกท. ค่ะ ครั้งแรกขอของสเปน แบบ business เดินทางช่วงเดือน พ.ย. 2018 ไปทั้งหมด 18 วัน 4 ประเทศค่ะ (สเปน, ฝรั่งเศส, สวิส, ออสเตรีย) ถ้ามีโอกาสจะมารีวิวให้นะคะ
เอาล่ะ เข้าเรื่องๆ หลังจากเตรียมเอกสารเรียบร้อย จขกท. ก็ทำการนัดหมายวันยื่นสมัคร ผ่านเวป VFS
ซึ่งในเวป VFS บอกข้อมูลต่างๆ ค่อนข้างละเอียดเลยค่ะ สามารถเข้าไปศึกษาข้อมูลได้เลย (ลิงค์หน้าเวป VFS Italy
https://www.vfsglobal.com/italy/thailand/thai/index.html) ซึ่ง จขกท. ก็นัดไปยื่นวันที่ 28 มีนา 2019 ที่ผ่านมา (อย่าลืมปริ้นส์ใบนัดแนบไปด้วยนะคะ)
ค่าธรรมเนียมการขอวีซ่าท่องเที่ยวอิตาลี แบบ single entry ผ่าน VFS=
2,931บาท (รวม VAT) **
ชำระเป็นเงินสดนะคะ ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้ค่ะ
· ค่าธรรมเนียมวีซ่า 2280 บาท
· ค่าบริการ 361 บาท
· ค่าส่ง passport คืนทาง EMS 220 บาท
· ค่าบริการแจ้งสถานะทาง SMS 70 บาท

มาถึง
ขั้นตอนสำคัญค่ะ นั่นคือ การเตรียมเอกสาร ** เอกสารทุกอย่างจะต้องเป็น
ภาษาอังกฤษ ด้านล่างนี้จะเป็นลิงค์ของใบตรวจสอบเอกสารที่ต้องเตรียมนะคะ
https://www.vfsglobal.com/italy/thailand/thai/pdf/Tourist-New-Doc-Thai-Recent.pdf
ซึ่งทริปนี้ จขกท. ออกค่าใช้จ่ายเอง ....ทะเบียนบ้านและ bank certificate
จึงไม่ต้องใช้ค่ะ***
เอกสารที่ยื่นไป มีดังนี้
1. ใบ checklist ปริ้นส์มาเป็นใบปก ไม่ต้องเขียนอะไรในใบนี้ก่อนยื่นนะคะ โดยโหลดได้จากลิงค์นี้ค่ะ
https://www.vfsglobal.com/italy/thailand/thai/pdf/tourist-recent.pdf
2. ใบคำร้องขอทำวีซ่า สามารถกรอกออนไลน์แล้วปริ้นส์ หรือปริ้นส์แบบฟอร์มแล้วมาเขียนด้วยปากกาตัวพิมพ์ใหญ่ก็ได้ค่ะ เข้าไปสมัครตามลิงค์นี้เลย
https://www.vfsglobal.com/italy/thailand/thai/how_to_apply.html
3. รูปถ่าย 2 รูป เป็นรูปสีขนาด 3.5x4.5 cm พื้นหลังสีขาว (ถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน) บอกร้านว่าถ่ายรูปไปทำวีซ่าเลยค่ะ
4. Passport เล่มปัจจุบันตัวจริง (passport ต้องเหลืออายุอย่างน้อย 6 เดือน นับจากวันยื่นสมัครและมีหน้าว่างอย่างน้อย 2 หน้า)
5. สำเนา passport เล่มปัจจุบัน 2 ชุด โดยถ่ายสำเนาหน้าแรกที่มีชื่อเราและหน้าที่แสดงประวัติการเดินทาง ซึ่งของ จขกท. มีแค่วีซ่าเชงเก้นที่เคยเดินทางไปตอนเดือน พ.ย. 2018
**อย่าลืมเซ็นกำกับสำเนาทุกแผ่นให้เหมือนใน passport นะคะ
6. ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ จะใช้ใบจองก็ได้ค่ะ แต่ จขกท. ซื้อตั๋วไว้แล้ว เลยแนบไปเลย โดยต้องมีตั๋วที่เริ่มตั้งแต่เดินทางออกจากไทยจนถึงกลับถึงไทยนะคะ (บางคนได้ตั๋วโปร ที่เริ่มเดินทางจาก ฮ่องกง-ยุโรป-กรุงเทพฯ แต่ลืมจองตั๋ว กรุงเทพฯ-ฮ่องกง แนบไปด้วย แบบนี้ จนท. จะให้ส่งเอกสารเพิ่มทาง email ตามไปอยู่ดีค่ะ)
7. เอกสารการจองโรงแรม จขกท. จองผ่าน
https://www.booking.com แบบ
ยกเลิกได้ฟรี โดยต้องครอบคลุมวันเดินทางตลอดทริป สอดคล้องกับแผนการเดินทางค่ะ ที่สำคัญคือ
ต้องระบุรายชื่อคนที่เข้าพักให้ครบทุกคน***
8. แผนการเดินทาง อันนี้แล้วแต่ว่าจะแสดงข้อมูลละเอียดมากน้อยเพียงใดก็ได้ค่ะ แต่อย่างน้อยต้องมีข้อมูล
แสดงวันที่ ระบุเมืองและประเทศที่พัก และแพลนคร่าวๆ ว่าจะเดินทางข้ามเมืองหรือระหว่างประเทศกลุ่มเชงเก้นโดยใช้
พาหนะอะไรค่ะ
9. Statement ย้อนหลัง 3 เดือน ถ้ามี SCB สามารถขอ statement ออนไลน์ฟรีๆ เข้า email แล้ว ปริ้นส์มาแนบเลยค่ะ จขกท. ขอ 1 วัน ก่อนไปยื่น ซึ่งยอดล่าสุดจะเป็น 1 วันก่อนขอเอกสารนะคะ อันนี้เอาสามเดือนพอค่ะ จขกท. ยื่นไป 6 เดือน จนท. เขาก็หยิบออกมาคืนให้ ทริคคือ ถ้าแพลนจะไปควรให้มีรายการเข้า-ออก บัญชีสม่ำเสมอนะคะ ยอดเงินล่าสุด อาจจะไม่จำเป็นต้องเยอะถึง 6 หลัก ก็ได้ค่ะ (เจอบางรีวิว บอกต้องมีหลักแสนขึ้นไป) เพราะสถานทูตพิจารณาจากหลายๆ ปัจจัย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้จขกท. มียอดอัพเดตสุดท้ายประมาณ 7x,xxx ค่ะ ส่วนสองเดือนก่อนหน้าก็มียอดเข้า-ออกประมาณ 2x,xxx-4x,xxx บาท แถม จขกท. ยังเอาเงินฝากเข้าเป็นก้อนตู้มเดียว 1 วันก่อนขอ statement ไปอีกกกก (ดูไม่เนียนสุดๆ)
10. หลักฐานการทำงานหรือใบรับรองว่าเราต้องกลับมาไทยแน่นอน (ใช้ตัวจริงที่มีอายุไม่เกิน 30 วัน ก่อนยื่น) จขกท. ยังเรียนป. โท อยู่ เลยยื่นใบรับรองการเป็นนักศึกษาอย่างเดียวค่ะ
11. ประกันการเดินทางกลุ่มประเทศเชงเก้น ครอบคลุมตลอดระยะเวลาการเดินทาง (เริ่มจากวันที่ออกจากไทยจนกลับถึงไทย) วงเงินขั้นต่ำ 30,000 ยูโร หรือ 1,500,000 บาทขึ้นไปค่ะ หากไม่ได้มีตั๋วเดินทางแบบ ไปกลับกรุงเทพฯ-ยุโรป โดยตรง ต้องซื้อแบบ worldwide นะคะ เช่น จขกท. แวะเที่ยวฮ่องกงก่อน จึงมีตั๋วแบบ กรุงเทพฯ-ฮ่องกง, ฮ่องกง-โรม, ปราก-กรุงเทพฯ เลยต้องซื้อแบบ
worldwide เพื่อให้คุ้มครองของฮ่องกงด้วยค่ะ (จขกท. ซื้อประกันของ cigna ค่ะ)
12. สำเนา passport เล่มเก่า จำนวน 2 ชุด โดยถ่ายสำเนาหน้าแรกที่มีชื่อเราและหน้าที่มีวีซ่า เชงเก้น, อเมริกา, UK, แคนาดา ของ จขกท. เคยได้รับวีซ่า J-1 ของอเมริกา เมื่อปี 2013 ก็แนบไปค่ะ
**อย่าลืมเซ็นกำกับสำเนาทุกแผ่นให้เหมือนใน passport นะคะ
13. เอกสารเพิ่มเติม (จะแนบหรือไม่แนบก็ได้) จะเป็น พวกตั๋วต่างๆ ที่เราจองหรือจ่ายเงินไปแล้ว เช่น ตั๋วรถไฟ, ตั๋วเข้าชมสถานที่, travel pass เป็นต้น จขกท. ซื้อตั๋วรถไฟที่ใช้เดินทางในอิตาลีล่วงหน้าเลย เพราะกลัวว่าราคาจะขึ้น ก็แนบไปหมดเลยค่ะ (ถือว่ากล้ามาก เพราะยังไม่รู้ว่าวีซ่าจะผ่านมั้ย 5555+ แต่ถ้าจะรอให้ผ่านแล้วซื้อ ราคาคงขึ้น 3-4 เท่า นี่รับไม่ไหวจริงๆ)
อันนี้จะเป็นตัวอย่างแผนการเดินทางนะคะ โดยท้ายตารางแผนการเดินทาง จขกท. มีเขียนสรุปว่าได้จ่ายหรือจองอะไรไปแล้ว รวมถึงค่าใช้จ่ายโดยประมาณเอาไว้ด้วยค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้>>แล้วก็เอาเงินเข้าบัญชี เพื่อให้ยอดเงินล่าสุดที่แสดงใน statement มันครอบคลุมยอดค่าใช้จ่ายที่เราเขียนไว้ เช่น ของ จขกท. ไป 20 วัน ค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียมสำหรับทริปนี้ ตีเป็นเลขกลมๆ ก็ 2,000 ยูโร แสดงว่าต้องมียอดใน บช อย่างน้อย 7x,xxx บาท ค่ะ

เมื่อพร้อมแล้ว…..ก็ไปยื่นได้เลยค่า
จขกท. จองคิวไว้ 10.30 น. แต่ไปถึง ตอนประมาณ 9.30 น. ทางเคาท์เตอร์ก็ให้รับคิวใหม่ค่ะ ทีนี้ก็เข้าไปนั่งรอ เคาท์เตอร์ หมายเลขประมาณ 20 กว่าๆ รอเรียกคิวค่ะ ก็จะมีให้ยื่นเอกสารก่อน แล้วนั่งรอเรียกอีกทีเพื่อมา เซ็นชื่อ+กรอกข้อมูลเพิ่มเติม และชำระเงิน จากนั้น รอเรียกคิวไปสแกนลายนิ้วมือ ก็เสร็จเรียบร้อย รอเช็คสถานะแล้วรับเล่มที่บ้านได้เลยจ้าาาา
.
.
.
.
และแล้วววววว…...วันที่ 4 เมษา เล่ม passport ก็มาถึงบ้านค่ะ พอเปิดดูแล้วรู้ว่า
ผ่าน นี่ดีใจจนดีดแล้วดีดอีกเลย 55555+ ทางสถานทูตอนุมัติวีซ่าตั้งแต่วันที่ 1 เมษา แล้วให้ไปรับเล่ม วันที่ 2 ใช้เวลาแค่
3 วันทำการเอง เร็วมากกกกกกก เร็วจนตอนแรก จขกท. กลัวว่าจะไม่ผ่าน รอบนี้ขอแบบ single entry ไป 20 วัน ได้ duration of stay มา 22 วันค่ะ (วีซ่าที่ จขกท. ได้มีอายุ 33 วัน)


ข้อแนะนำ
1. ถ้าจะเดินทางช่วง summer ควร
จองคิวตั้งแต่เนิ่นๆ ค่ะ จขกท. เข้าเวปไปดูวันที่ว่าง ตอนวันที่ 11/3/62 เจอว่าเดือน เม.ย.-พ.ค. คิวเต็มหมดเลยค่ะ
2.
ควรจองช่วงเช้า เพราะคนยังน้อย จะทำให้ไม่เสียเวลามาก และไปก่อนเวลาประมาณชม. นึงกำลังดี เพราะตอน จขกท. ไปถึง เขาก็ให้รับคิวใหม่ค่ะ ใครไปก่อนได้ทำก่อน เพื่อน จขกท. ไปทำช่วงบ่าย คือใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง แต่ จขกท. ไปทำ ช่วงเช้า ใช้เวลา 1 ชั่วโมงพอดีค่ะ (นานมากๆ เพราะของอิตาลีเปิดแค่ 2 เคาท์เตอร์ แถมยังเจอแต่คนยื่นที่เดินทางเป็นกลุ่มอีก)
3. การเดินทางไป VFS ถ้านั่งรถไฟใต้ดินให้ไปลง
สถานีสามย่าน แล้วออกตรงประตู 2 ค่ะ ขึ้นมาก็จะเป็นตึกจามจุรี สแควร์เลย VFS จะอยู่ที่ชั้น 4 ค่ะ จขกท. เดินทางจาก ตจว. ไปลงสนามบินสุวรรณภูมิ ก็ขึ้น airport link ไปลงสถานีมักกะสัน แล้วเดินไปต่อรถไฟใต้ดินสถานีเพชรบุรี ไปลงสถานีสามย่านค่ะ ส่วนขากลับนั่งจากสถานีสามย่าน ไปลงจตุจักร แล้วนั่ง taxi เข้าสนามบินดอนเมือง (ค่า taxi ประมาณ 120 บาท)
4. หากต้องการถ่ายเอกสาร ปริ้นส์ หรือถ่ายรูปด่วน เพิ่มเติม จะมีร้านถ่ายเอกสารในจามจุรี สแควร์ชั้น 2 ตรง Daiso นะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้(แต่หากใครรู้จักร้านอื่นก็ ไปร้านอื่นค่ะได้ค่ะ จขกท. ไปถ่ายเอกสารขาวดำโดนไปแผ่นละ 3 บาท จุกๆ)
5. ไม่ต้องเอาบริการแจ้งทาง SMS ก็ได้ค่ะ (70 บาท) เพราะเขาจะแจ้งทาง email ที่เราเขียนให้อยู่แล้ว หรือเอา app. Ref. ในใบเสร็จไปค้นดูสถานะในเวป VFS ก็ได้ค่ะ

*****มาถึงของแถมจ้าาา เป็นฉบับ freelance สำหรับคนที่ทำงาน part-time หรือ ไม่รู้จะเอาใบรับรองการทำงานมาแนบยังไงดี
เรื่องของเรื่องก็คือ....เพื่อนของ จขกท. ที่เดินทางด้วยกันเนี่ย เรียนจบแล้ว ตอนนี้ทำงาน part-time อยู่ เลยระบุในใบคำร้องขอวีซ่าว่า non-employed จากนั้นก็เตรียมเอกสารตามรายการที่บอกไว้ด้านบนเลยค่ะ ทีนี้ จขกท. จะมาบอกเฉพาะส่วนที่เหมือนและต่างกันกับ จขกท. ที่เป็น student นะคะ
สิ่งที่เหมือนกัน
1. เราออกค่าใช่จ่ายเองทั้งคู่ จึง
ไม่ใช้เอกสารทะเบียนบ้าน
2. เอกสารพวกตั๋ว, โรงแรม, แผนการเดินทาง ใช้ชุดเดียวกันค่ะ
3. เราเคยได้รับวีซ่าเชงเก้น แบบ business เมื่อปี 2018 เหมือนกัน (แต่ไปคนละรอบนะ)
4. ยอดเข้า-ออก ในบัญชีที่เราใช้ยื่น
มีสม่ำเสมอ 2x,xxx-4x,xxx
สิ่งที่ต่าง
1. เพื่อน จขกท.
ใส่เงินตู้มเดียว หกหลัก ก่อนขอ statement มายื่น
2. เพื่อน
ไม่ได้แนบเอกสารรับรองการทำงานอะไรเลยค่ะ (ไม่ได้แนบ cover letter ใดๆ ด้วย)
3. เพื่อนรอสถานทูตพิจารณา
นานกว่าค่ะ รวมก็ 18 วันถึงได้เล่มคืน (14 วันทำการ)
.
.
.
ผลก็คือ
วีซ่าเราผ่านทั้งคู่ ได้ duration of stay เท่ากันคือ 22 วัน และวันหมดอายุก็เป็นวันเดียวกันค่ะ ผ่านกันแบบ งงๆ อะเอาจริงงง ^^
หวังว่ากระทู้นี้จะพอช่วยเพื่อนๆ ได้บ้างนะคะ นี่เป็นกระทู้แรกของ จขกท. เลย ถ้าผิดพลาดประการใดก็อย่าว่ากันนะคะ เพื่อนๆ คนไหนที่มีประสบการณ์ หรือมีข้อมูลที่ต่างจากนี้ มาเม้นท์แชร์กันได้ ขอให้ผ่านตั้งแต่ยื่นครั้งแรกทุกคนเลยค่าาาาา


ลิงค์เพิ่มเติม;
ติดตามสถานะการยื่นคำร้องขอวีซ่า
https://www.vfsvisaonline.com/Global-Passporttracking/Track/Index?q=shSA0YnE4pLF9Xzwon/x/IzcvBCb/70NmWcryI2n01f1UXMD0kUoL4wTXymo5mN9P9BbADCbNZe9hMI7AxF0Aw==
[CR] รีวิวประสบการณ์การขอวีซ่าท่องเที่ยวอิตาลี ผ่าน VFS (มีนาคม 2019) ด้วยตัวเอง ฉบับนักศึกษาที่ออกค่าใช้จ่ายเอง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ก่อนอื่นก็ต้องขอขอบคุณเพื่อนๆใน pantip ที่เคยรีวิวการขอวีซ่าอิตาลีไว้ ข้อมูลมีประโยชน์มากๆ เลยค่ะ ส่วนกระทู้นี้ จขกท. ตั้งใจมารีวิว เพื่อเป็นการอัพเดทขั้นตอนและเอกสารต่างๆ บวกกับข้อแนะนำเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจะเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังวางแผนจะยื่นขอวีซ่านะคะ
เรื่องมันเริ่มมาจาก สายการบิน Etihad ปล่อยโปรราคาน่ารักออกมาช่วงปีใหม่ เป็นเที่ยวบินแบบ multi-city เส้นทาง ฮ่องกง-ยุโรป-กรุงเทพฯ ราคา 14,xxx จขกท. ก็ไม่รอช้า รีบจองตั๋ว Hong Kong-Rome, Prague-Bangkok มาครอง โดยจะบินไปเที่ยวเดือน พ.ค. 2019 เป็นทริปเที่ยวยาวๆ 20 วัน เริ่มตั้งแต่ อิตาลี-เยอรมัน-ออสเตรีย-ฮังการี-เชค โดยเที่ยวที่อิตาลีนานสุด จึงต้องยื่นขอวีซ่าของอิตาลีค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เอาล่ะ เข้าเรื่องๆ หลังจากเตรียมเอกสารเรียบร้อย จขกท. ก็ทำการนัดหมายวันยื่นสมัคร ผ่านเวป VFS
ซึ่งในเวป VFS บอกข้อมูลต่างๆ ค่อนข้างละเอียดเลยค่ะ สามารถเข้าไปศึกษาข้อมูลได้เลย (ลิงค์หน้าเวป VFS Italy https://www.vfsglobal.com/italy/thailand/thai/index.html) ซึ่ง จขกท. ก็นัดไปยื่นวันที่ 28 มีนา 2019 ที่ผ่านมา (อย่าลืมปริ้นส์ใบนัดแนบไปด้วยนะคะ)
ค่าธรรมเนียมการขอวีซ่าท่องเที่ยวอิตาลี แบบ single entry ผ่าน VFS= 2,931บาท (รวม VAT) **ชำระเป็นเงินสดนะคะ ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้ค่ะ
· ค่าธรรมเนียมวีซ่า 2280 บาท
· ค่าบริการ 361 บาท
· ค่าส่ง passport คืนทาง EMS 220 บาท
· ค่าบริการแจ้งสถานะทาง SMS 70 บาท
มาถึงขั้นตอนสำคัญค่ะ นั่นคือ การเตรียมเอกสาร ** เอกสารทุกอย่างจะต้องเป็นภาษาอังกฤษ ด้านล่างนี้จะเป็นลิงค์ของใบตรวจสอบเอกสารที่ต้องเตรียมนะคะ https://www.vfsglobal.com/italy/thailand/thai/pdf/Tourist-New-Doc-Thai-Recent.pdf
ซึ่งทริปนี้ จขกท. ออกค่าใช้จ่ายเอง ....ทะเบียนบ้านและ bank certificate จึงไม่ต้องใช้ค่ะ***
เอกสารที่ยื่นไป มีดังนี้
1. ใบ checklist ปริ้นส์มาเป็นใบปก ไม่ต้องเขียนอะไรในใบนี้ก่อนยื่นนะคะ โดยโหลดได้จากลิงค์นี้ค่ะ https://www.vfsglobal.com/italy/thailand/thai/pdf/tourist-recent.pdf
2. ใบคำร้องขอทำวีซ่า สามารถกรอกออนไลน์แล้วปริ้นส์ หรือปริ้นส์แบบฟอร์มแล้วมาเขียนด้วยปากกาตัวพิมพ์ใหญ่ก็ได้ค่ะ เข้าไปสมัครตามลิงค์นี้เลย
https://www.vfsglobal.com/italy/thailand/thai/how_to_apply.html
3. รูปถ่าย 2 รูป เป็นรูปสีขนาด 3.5x4.5 cm พื้นหลังสีขาว (ถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน) บอกร้านว่าถ่ายรูปไปทำวีซ่าเลยค่ะ
4. Passport เล่มปัจจุบันตัวจริง (passport ต้องเหลืออายุอย่างน้อย 6 เดือน นับจากวันยื่นสมัครและมีหน้าว่างอย่างน้อย 2 หน้า)
5. สำเนา passport เล่มปัจจุบัน 2 ชุด โดยถ่ายสำเนาหน้าแรกที่มีชื่อเราและหน้าที่แสดงประวัติการเดินทาง ซึ่งของ จขกท. มีแค่วีซ่าเชงเก้นที่เคยเดินทางไปตอนเดือน พ.ย. 2018 **อย่าลืมเซ็นกำกับสำเนาทุกแผ่นให้เหมือนใน passport นะคะ
6. ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ จะใช้ใบจองก็ได้ค่ะ แต่ จขกท. ซื้อตั๋วไว้แล้ว เลยแนบไปเลย โดยต้องมีตั๋วที่เริ่มตั้งแต่เดินทางออกจากไทยจนถึงกลับถึงไทยนะคะ (บางคนได้ตั๋วโปร ที่เริ่มเดินทางจาก ฮ่องกง-ยุโรป-กรุงเทพฯ แต่ลืมจองตั๋ว กรุงเทพฯ-ฮ่องกง แนบไปด้วย แบบนี้ จนท. จะให้ส่งเอกสารเพิ่มทาง email ตามไปอยู่ดีค่ะ)
7. เอกสารการจองโรงแรม จขกท. จองผ่าน https://www.booking.com แบบยกเลิกได้ฟรี โดยต้องครอบคลุมวันเดินทางตลอดทริป สอดคล้องกับแผนการเดินทางค่ะ ที่สำคัญคือ ต้องระบุรายชื่อคนที่เข้าพักให้ครบทุกคน***
8. แผนการเดินทาง อันนี้แล้วแต่ว่าจะแสดงข้อมูลละเอียดมากน้อยเพียงใดก็ได้ค่ะ แต่อย่างน้อยต้องมีข้อมูลแสดงวันที่ ระบุเมืองและประเทศที่พัก และแพลนคร่าวๆ ว่าจะเดินทางข้ามเมืองหรือระหว่างประเทศกลุ่มเชงเก้นโดยใช้พาหนะอะไรค่ะ
9. Statement ย้อนหลัง 3 เดือน ถ้ามี SCB สามารถขอ statement ออนไลน์ฟรีๆ เข้า email แล้ว ปริ้นส์มาแนบเลยค่ะ จขกท. ขอ 1 วัน ก่อนไปยื่น ซึ่งยอดล่าสุดจะเป็น 1 วันก่อนขอเอกสารนะคะ อันนี้เอาสามเดือนพอค่ะ จขกท. ยื่นไป 6 เดือน จนท. เขาก็หยิบออกมาคืนให้ ทริคคือ ถ้าแพลนจะไปควรให้มีรายการเข้า-ออก บัญชีสม่ำเสมอนะคะ ยอดเงินล่าสุด อาจจะไม่จำเป็นต้องเยอะถึง 6 หลัก ก็ได้ค่ะ (เจอบางรีวิว บอกต้องมีหลักแสนขึ้นไป) เพราะสถานทูตพิจารณาจากหลายๆ ปัจจัย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
10. หลักฐานการทำงานหรือใบรับรองว่าเราต้องกลับมาไทยแน่นอน (ใช้ตัวจริงที่มีอายุไม่เกิน 30 วัน ก่อนยื่น) จขกท. ยังเรียนป. โท อยู่ เลยยื่นใบรับรองการเป็นนักศึกษาอย่างเดียวค่ะ
11. ประกันการเดินทางกลุ่มประเทศเชงเก้น ครอบคลุมตลอดระยะเวลาการเดินทาง (เริ่มจากวันที่ออกจากไทยจนกลับถึงไทย) วงเงินขั้นต่ำ 30,000 ยูโร หรือ 1,500,000 บาทขึ้นไปค่ะ หากไม่ได้มีตั๋วเดินทางแบบ ไปกลับกรุงเทพฯ-ยุโรป โดยตรง ต้องซื้อแบบ worldwide นะคะ เช่น จขกท. แวะเที่ยวฮ่องกงก่อน จึงมีตั๋วแบบ กรุงเทพฯ-ฮ่องกง, ฮ่องกง-โรม, ปราก-กรุงเทพฯ เลยต้องซื้อแบบ worldwide เพื่อให้คุ้มครองของฮ่องกงด้วยค่ะ (จขกท. ซื้อประกันของ cigna ค่ะ)
12. สำเนา passport เล่มเก่า จำนวน 2 ชุด โดยถ่ายสำเนาหน้าแรกที่มีชื่อเราและหน้าที่มีวีซ่า เชงเก้น, อเมริกา, UK, แคนาดา ของ จขกท. เคยได้รับวีซ่า J-1 ของอเมริกา เมื่อปี 2013 ก็แนบไปค่ะ **อย่าลืมเซ็นกำกับสำเนาทุกแผ่นให้เหมือนใน passport นะคะ
13. เอกสารเพิ่มเติม (จะแนบหรือไม่แนบก็ได้) จะเป็น พวกตั๋วต่างๆ ที่เราจองหรือจ่ายเงินไปแล้ว เช่น ตั๋วรถไฟ, ตั๋วเข้าชมสถานที่, travel pass เป็นต้น จขกท. ซื้อตั๋วรถไฟที่ใช้เดินทางในอิตาลีล่วงหน้าเลย เพราะกลัวว่าราคาจะขึ้น ก็แนบไปหมดเลยค่ะ (ถือว่ากล้ามาก เพราะยังไม่รู้ว่าวีซ่าจะผ่านมั้ย 5555+ แต่ถ้าจะรอให้ผ่านแล้วซื้อ ราคาคงขึ้น 3-4 เท่า นี่รับไม่ไหวจริงๆ)
อันนี้จะเป็นตัวอย่างแผนการเดินทางนะคะ โดยท้ายตารางแผนการเดินทาง จขกท. มีเขียนสรุปว่าได้จ่ายหรือจองอะไรไปแล้ว รวมถึงค่าใช้จ่ายโดยประมาณเอาไว้ด้วยค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จขกท. จองคิวไว้ 10.30 น. แต่ไปถึง ตอนประมาณ 9.30 น. ทางเคาท์เตอร์ก็ให้รับคิวใหม่ค่ะ ทีนี้ก็เข้าไปนั่งรอ เคาท์เตอร์ หมายเลขประมาณ 20 กว่าๆ รอเรียกคิวค่ะ ก็จะมีให้ยื่นเอกสารก่อน แล้วนั่งรอเรียกอีกทีเพื่อมา เซ็นชื่อ+กรอกข้อมูลเพิ่มเติม และชำระเงิน จากนั้น รอเรียกคิวไปสแกนลายนิ้วมือ ก็เสร็จเรียบร้อย รอเช็คสถานะแล้วรับเล่มที่บ้านได้เลยจ้าาาา
.
.
.
.
และแล้วววววว…...วันที่ 4 เมษา เล่ม passport ก็มาถึงบ้านค่ะ พอเปิดดูแล้วรู้ว่าผ่าน นี่ดีใจจนดีดแล้วดีดอีกเลย 55555+ ทางสถานทูตอนุมัติวีซ่าตั้งแต่วันที่ 1 เมษา แล้วให้ไปรับเล่ม วันที่ 2 ใช้เวลาแค่ 3 วันทำการเอง เร็วมากกกกกกก เร็วจนตอนแรก จขกท. กลัวว่าจะไม่ผ่าน รอบนี้ขอแบบ single entry ไป 20 วัน ได้ duration of stay มา 22 วันค่ะ (วีซ่าที่ จขกท. ได้มีอายุ 33 วัน)
ข้อแนะนำ
1. ถ้าจะเดินทางช่วง summer ควรจองคิวตั้งแต่เนิ่นๆ ค่ะ จขกท. เข้าเวปไปดูวันที่ว่าง ตอนวันที่ 11/3/62 เจอว่าเดือน เม.ย.-พ.ค. คิวเต็มหมดเลยค่ะ
2. ควรจองช่วงเช้า เพราะคนยังน้อย จะทำให้ไม่เสียเวลามาก และไปก่อนเวลาประมาณชม. นึงกำลังดี เพราะตอน จขกท. ไปถึง เขาก็ให้รับคิวใหม่ค่ะ ใครไปก่อนได้ทำก่อน เพื่อน จขกท. ไปทำช่วงบ่าย คือใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง แต่ จขกท. ไปทำ ช่วงเช้า ใช้เวลา 1 ชั่วโมงพอดีค่ะ (นานมากๆ เพราะของอิตาลีเปิดแค่ 2 เคาท์เตอร์ แถมยังเจอแต่คนยื่นที่เดินทางเป็นกลุ่มอีก)
3. การเดินทางไป VFS ถ้านั่งรถไฟใต้ดินให้ไปลงสถานีสามย่าน แล้วออกตรงประตู 2 ค่ะ ขึ้นมาก็จะเป็นตึกจามจุรี สแควร์เลย VFS จะอยู่ที่ชั้น 4 ค่ะ จขกท. เดินทางจาก ตจว. ไปลงสนามบินสุวรรณภูมิ ก็ขึ้น airport link ไปลงสถานีมักกะสัน แล้วเดินไปต่อรถไฟใต้ดินสถานีเพชรบุรี ไปลงสถานีสามย่านค่ะ ส่วนขากลับนั่งจากสถานีสามย่าน ไปลงจตุจักร แล้วนั่ง taxi เข้าสนามบินดอนเมือง (ค่า taxi ประมาณ 120 บาท)
4. หากต้องการถ่ายเอกสาร ปริ้นส์ หรือถ่ายรูปด่วน เพิ่มเติม จะมีร้านถ่ายเอกสารในจามจุรี สแควร์ชั้น 2 ตรง Daiso นะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
5. ไม่ต้องเอาบริการแจ้งทาง SMS ก็ได้ค่ะ (70 บาท) เพราะเขาจะแจ้งทาง email ที่เราเขียนให้อยู่แล้ว หรือเอา app. Ref. ในใบเสร็จไปค้นดูสถานะในเวป VFS ก็ได้ค่ะ
*****มาถึงของแถมจ้าาา เป็นฉบับ freelance สำหรับคนที่ทำงาน part-time หรือ ไม่รู้จะเอาใบรับรองการทำงานมาแนบยังไงดี
เรื่องของเรื่องก็คือ....เพื่อนของ จขกท. ที่เดินทางด้วยกันเนี่ย เรียนจบแล้ว ตอนนี้ทำงาน part-time อยู่ เลยระบุในใบคำร้องขอวีซ่าว่า non-employed จากนั้นก็เตรียมเอกสารตามรายการที่บอกไว้ด้านบนเลยค่ะ ทีนี้ จขกท. จะมาบอกเฉพาะส่วนที่เหมือนและต่างกันกับ จขกท. ที่เป็น student นะคะ
สิ่งที่เหมือนกัน
1. เราออกค่าใช่จ่ายเองทั้งคู่ จึงไม่ใช้เอกสารทะเบียนบ้าน
2. เอกสารพวกตั๋ว, โรงแรม, แผนการเดินทาง ใช้ชุดเดียวกันค่ะ
3. เราเคยได้รับวีซ่าเชงเก้น แบบ business เมื่อปี 2018 เหมือนกัน (แต่ไปคนละรอบนะ)
4. ยอดเข้า-ออก ในบัญชีที่เราใช้ยื่น มีสม่ำเสมอ 2x,xxx-4x,xxx
สิ่งที่ต่าง
1. เพื่อน จขกท. ใส่เงินตู้มเดียว หกหลัก ก่อนขอ statement มายื่น
2. เพื่อนไม่ได้แนบเอกสารรับรองการทำงานอะไรเลยค่ะ (ไม่ได้แนบ cover letter ใดๆ ด้วย)
3. เพื่อนรอสถานทูตพิจารณานานกว่าค่ะ รวมก็ 18 วันถึงได้เล่มคืน (14 วันทำการ)
.
.
.
ผลก็คือ วีซ่าเราผ่านทั้งคู่ ได้ duration of stay เท่ากันคือ 22 วัน และวันหมดอายุก็เป็นวันเดียวกันค่ะ ผ่านกันแบบ งงๆ อะเอาจริงงง ^^
หวังว่ากระทู้นี้จะพอช่วยเพื่อนๆ ได้บ้างนะคะ นี่เป็นกระทู้แรกของ จขกท. เลย ถ้าผิดพลาดประการใดก็อย่าว่ากันนะคะ เพื่อนๆ คนไหนที่มีประสบการณ์ หรือมีข้อมูลที่ต่างจากนี้ มาเม้นท์แชร์กันได้ ขอให้ผ่านตั้งแต่ยื่นครั้งแรกทุกคนเลยค่าาาาา
ลิงค์เพิ่มเติม;
ติดตามสถานะการยื่นคำร้องขอวีซ่า
https://www.vfsvisaonline.com/Global-Passporttracking/Track/Index?q=shSA0YnE4pLF9Xzwon/x/IzcvBCb/70NmWcryI2n01f1UXMD0kUoL4wTXymo5mN9P9BbADCbNZe9hMI7AxF0Aw==
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้