สวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิปทุกคน 

กลับมาพบกันอีกครั้งกับการรีวิวทริปท่องเที่ยว

ทริป New Zealand เป็นการเดินทางประเทศแรกของเราในปี 2019 

 

ทริปนี้เกิดขึ้นแบบงงๆ คิดอยากจะไปก็จองตั๋วเครื่องบิน จองโรงแรม etc., ทันที 

สมัครวีซ่าไปแบบไม่งง เพราะว่าถ้างง คงไม่ผ่าน

 

เมื่อเราได้วีซ่าแล้วเราก็วางแผนทุกอย่างแบบละเอียดเว่อร์ๆ เพราะทริปนี้เราขับรถเที่ยวคนเดียว

วางแผนทุกอย่างแบบพลาดไม่ได้ แต่ต้องเตรียมตัวเผื่อพลาดด้วย

 

ตอนนี้เรายังอยู่ที่ New Zealand อยู่ (ใกล้จะจบทริปแล้ว เหลืออีก 4 วัน) แต่ก็มานั่งเขียนเล่นๆ ขณะรอเครื่องบิน

(บินจากเกาะใต้ ไปเกาะเหนือ)

 

NZ เป็นประเทศทางตะวันตกเฉียงใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิก แบ่งเป็นเกาะหลักๆ 2 เกาะ คือ เกาะเหนือ กับเกาะใต้ และเกาะเล็กเกาะน้อยประมาณ 600 เกาะ (ไม่นับเกาะพ่อแม่ 555+) นอกจากเกาะหลัก 2 เกาะแล้ว ยังมี 5 เกาะใหญ่ๆ ที่มีคนอยู่อาศัย คือ Stewart, Chatham, Great Barrier, d'Urville และ Waiheke... เมืองหลวงของNZ คือ Wellington แต่ว่าเมืองที่มีประชากรอาศัยอยู่มากที่สุด คืออะไร?? ใครรู้บ้าง ติ๊กต่อกๆ คำตอบ คือ Aucklanddddd นั่นเอง รวมๆแล้ว NZ มีประชากรทั้งหมดโดยประมาณ 4.9 ล้านคน 

 

ประวัติศาสตร์เล็กน้อย มากไปเดี๋ยวปวดหัว เพราะ จขกท.ไม่ถนัดประวัติศาสตร์ .. ช่วงประมาณ ค.ศ. 1250 - 1300 ชาวโปลีนีเชียนเข้ามาตั้งรกรากอยู่ที่ NZ ซึ่งก็คือชนเผ่าเมาคลี เอ้ย เมารีนั่นเอง และในปี 1642 นักสำรวจชาวดัชต์นามว่า Abel Tasman เป็นชาวยุโรปคนแรกที่มาเจอ NZ ต่อมาในปี 1840 ตัวแทนจากอาณาจักรอังกฤษกับหัวหน้าเผ่าชาวเมารีก็เซ็นต์สนธิสัญญากัน ให้อังกฤษปกครอง กุมอำนาจ (แล้วแต่จะกล่าว) ประเทศ NZ ตั้งแต่ 1841 - 1907 NZ ก็อยู่ใต้การปกครองของอังกฤษ มาได้อำนาจในการปกครองตนเองเมื่อปี 1947 นี่เอง แต่ว่าราชวงศ์อังกฤษก็ยังมีอำนาจอยู่

 

พอละ

 

 

หัวข้อนี้ง่ายมาก เช่ารถที่เราคุ้นเคย เป็นอันดีที่สุด

 

เราเช่ารถบริษัทไหน? ทำไม? ตอบ Apex เพราะว่าเพื่อนแนะนำมา ขึ้เกียจหาข้อมูล เพราะว่าเวลาเตรียมตัวก่อนสมัครวีซ่ามีแค่ 2 วันถ้วนเท่านั้น วันที่จองตั๋วเดินทางกับวันยื่นวีซ่าห่างกันแค่เดือนนิดๆ แล้วช่วงที่เรามาเป็นช่วงพีค เลยต้องรีบยื่น แต่บริษัทอื่นที่ถูกกว่า Apex มีเยอะแยะ ลองหาข้อมูล เปรียบเทียบราคาได้ที่ carrentals.com เราเช่ากับ Apex เที่ยวเกาะใต้ 15 วัน ราคา 26,000 บาท ไม่รวมค่าน้ำมัน แต่อย่างที่บอกคือ พอใจบริษัทนี้ ถ้าถูกกว่าไม่เท่าไรก็เอาบริษัทที่ได้ดาวเยอะๆ ส่วนเกาะเหนือเราเช่าของ Ace เพราะว่าเพื่อนแนะนำอีกเหมือนกัน 

 

การขับรถที่ประเทศนี้เป็นอะไรที่ง่ายมากถึงมากที่สุด สำหรับคนที่ขับรถเลนซ้าย (ฝั่งเดียวกับบ้านเรา) Speed Limit 100 มีบางคนขับเกินนะ เรามีบ้างเวลาแซง เพราะบางคันอ้อยอิ่งมาก แต่ส่วนใหญ่อยู่ที่ 90 (มาขับช้าได้ก็ที่ประเทศนี้แหละ ไม่งั้นเจอตำรวจเรียก แถมมีใบสั่งตามมาเก็บเงินที่บ้านอีก)

ส่วนในตัวเมือง Speed Limit จะอยู่ที่ 30 50 60 70 80  

 

การปฏิบัติตามกฏจราจร ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เดี๋ยวการขับรถแบบละเอียดจะตามมาทีหลัง ขอกลับจากเที่ยวก่อน

สัญญาเกี่ยวก้อยว่าจะทำให้ เผื่อใครจะไปเที่ยวในอนาคตจะได้เข้าใจก่อนไปเที่ยวจริงจัง

 

เส้นทางที่เราเห็นตำรวจเรียกมนุษย์ให้จอดข้างทางมากสุด คือ เส้น Te Anau - Milford Sound บนทางหลวงหมายเลข 94

 

มีอะไรอีกมั้ยนะ? ถ้ามีเดี๋ยวมาเพิ่มเติม คิดไม่ออกจีจี

 

เริ่มกันเลยกับทริปเดินทางเที่ยวนิวซีแลนด์ ฉบับมนุษย์ผู้หญิงคนเดียว 

ทริปนี้เป็น Road Trip แรก นอกประเทศของเรา ตอนก่อนมาก็กังวลนะ เพราะเพื่อนที่เคยมาบอกว่าขับรถยากมากบางช่วง โค้งเยอะ ทางชัน ทางแคบ บลาๆๆ แต่ถ้าใครที่ขับรถชำนาญก็ไม่ต้องกลัว เพราะว่าเราเป็นมนุษย์ที่ไม่ค่อยได้ขับรถเองเลยตอนอยู่ไทย แล้วยังรอดมาได้ ก็ถือว่าไม่ยากนัก 

 

โอเค พล่ามมาเยอะแล้ว เริ่มกันเลย 

แต่ก่อนที่จะเริ่ม ขอฝากเพจก่อน เพิ่งเปิดเพจใหม่ค่ะ ประเดิมปี 2019 

จะอัพเดตเร็วๆนี้ หลังจากกลับจากทริปนะจ๊ะ

 

ฝากกดไลค์ด้วยนะคะ จะอัพเดตเกี่ยวกับที่เที่ยวแบบละเอียดเว่อร์วังอลังการผ่านเพจ

ถ้าใครมีคำถามก็ช่วย Inbox ไปทางเพจนะคะ 

ยินดีตอบทุกคำถามเกี่ยวกับเรื่องท่องเที่ยว เพราะว่าในกระทู้ พอโพสต์จบแล้วจะเข้ามาดูอีกที ก็อีกประมาณชาติเศษๆ

 

เราเดินทางโดยสายการบิน Emirates .. Bangkok -> Sydney

ต่อเครื่องโดยสายการบิน Qantas .. Sydney -> Auckland

และท้ายที่สุด Jetstar .. Auckland -> Christchurch

เป็นการทรมานตัวเองอย่างที่สุด 555+ เพราะว่าราคารวมแล้ว 29,000 บาทเอง (ปัดเป็นเลขกลมๆ) 

ราคานี้เมื่อเทียบกับสายการบินอื่นแล้ว ถือว่าถูกเลยแหละ เพราะว่าเจ้าอื่น 34,000 บาทอัพ แล้วไปลงแค่ที่ Auckland ถ้าจะต่อไป Christchurch ต้องซื้อตั๋วเพิ่มเอง จะจองเป็นสายการบิน Air New Zealand หรือว่า JetStar ก็ว่ากันไป

 

หมายเหตุ: แอร์สายการบิน Emirates ที่เจอคือ หล่อมากกกกกก กอไก่ล้านตัว เห็นละอื้อหือ อยากบินด้วยทุกวัน บ้าจริง

สายการบิน Qantas (เพิ่งเคยใช้บริการครั้งแรก) บริการดีมาก นอกจากจะมีอาหารมื้อหลักแล้ว ยังมีขนม, chocolate, ไอศกรีมมะม่วงแจกด้วยนะ 

เอากะเค้าสิ ประมาณว่าขึ้นสายการบินชั้นต้องอิ่มอะ

 

เราเดินทางจากกทม. 1 ทุ่ม 45 นาที ถึง Christchurch 3 ทุ่มของอีกวันนึง เรียกได้ว่าอ่วมจริงๆ 555+

 

วันแรกเราวางแผนเดินทางจาก Christchurch -> Greymouth 

เราเลือก Greymouth เพราะว่ามีคนไป Hokitika เยอะแล้ว เลยเปลี่ยนที่ใหม่บ้าง

ความแตกต่างสถิตอยู่กับเราเสมอ 

 

 

การเดินทางไป Greymouth ใช้ทางหลวง State Highway 73 ระยะเวลา 3 hr 2 min ระยะทาง 234 km 

วันแรกที่ไปถึงก็ประทับใจกับทัศนียภาพระหว่างทางแล้ว คือประเทศอะไร มองไปทางไหนก็สวย เรียกได้ว่าแทบจะจอดรถทุกๆ 5 นาที

(อันนี้ไม่ได้เว่อร์ ใครไปมาแล้วจะทราบดีถึงความสวยงาม ใครยังไม่ไปต้องไปให้เห็นด้วยตาตัวเองแล้วจะบอกว่าเออจริง! 

ทุก 15 นาทีก็ได้อ่ะ 5 นาทีน่าจะน้อยไป) 

แค่ต้นหญ้าข้างทางก็สวยแล้วค่ะ เว่อร์มะ?

 

สถานที่แรกระหว่างทาง ที่เราแวะ คือ 'The Famous Sheffield Pie Shop'

ใครไป ใครมาเส้นทางนี้ต้องแวะค่ะ เมื่อได้ลองแล้วจะติดใจ 

รสชาติพายคือดีมาก กรอบนอก นุ่มใน ไส้แน่นมาก รสชาติเลิศ

 

พายที่ร้านมีให้เลือกหลากหลายมากๆ มีทุกอย่าง หมู เนื้อ ไก่ ผัก 

เราซื้อมา 2 ไส้ เป็นTraditional Chicken กับ Chicken Camembert Apricot 

อร่อยทั้ง 2 ไส้ แต่ชอบTraditional มากกว่า เพราะว่า Apricot จะติดหวานไปหน่อย

 

ภาพระหว่างทางก่อนถึง Castle Hill

    

 

จากร้านพาย ขับไปอีกประมาณครึ่งชม.ก็ถึง 'Castle Hill'

เป็นสถานที่ที่อลังการงานสร้างสุดๆ เหล่าหินพวกนี้รูปทรงแปลกๆ มาตั้งอยู่บนเนินเขา

Flock Hill ที่อยู่ใกล้ๆ Castle Hill เป็นสถานที่ที่ใช้ถ่ายทำหนัง เรื่อง Narnia ด้วย

 

   

 

ถ้าใครมีเวลา แนะนำให้ปีนขึ้นไปดูวิวข้างบนค่ะ 

ข้างบนวิวดีมากๆ ใช้เวลาเดินไม่เกิน ชม.ครึ่งจากที่จอดรถ (หมายถึงไป-กลับนะ)

อยู่ที่ความยาวของขา และความเร็ว 

 

 

 

เมื่อเดินทอดน่องที่ Castle Hill เป็นที่พอใจ สูดอากาศจากข้างบนเต็มปอดแล้ว

เราก็ขับรถต่อไปที่ 'Lake Pearson' แค่ถ่ายรูปเฉยๆ 555+ คือมันเป็นทางผ่านอะ เลยแวะซะหน่อย

 

 

 

จากนั้น เราก็มุ่งหน้าสู่ Arthur's Pass 

ก่อนจะถึง Otira Viaduct Lookout จะผ่านหมู่บ้านเล็กๆของ Arthur's Pass มีร้านกาแฟ ร้านอาหาร ขายของฝากจำหน่าย ก็ไปเดินเล่นกันได้

พักผ่อนสายตา พักก้นกันได้ เผื่อใครที่นั่งมานาน ขับรถมานาน

 

เมื่อเราพร้อมอีกครั้ง เราก็ขับไปที่มุมมหาชนกันต่อ 'Otira Viaduct Lookout'

Otiraviaduct ก่อสร้างเสร็จเมื่อปี 1999 โดยบริษัท McConnell Smith

 

ระหว่างทางก่อนถึง Viaduct Lookout

 

  [/c