สวัสดีค่ะ ไม่คิดว่าจะได้มาตั้งกระทู้อะไรแบบนี้เลย แต่เอาล่ะ ถ้าผ่านไปได้ คงได้ยืดกับตัวเองแหล่ะ ว่า

เก่งเหมือนกันนะเนี่ย
เริ่มเลยคือมีปัญหาทางบ้าน กับครอบครัวสามีค่ะ อดทนมานานจนไม่ไหวแล้ว เลยบอกสามีและลูกว่า ขอมาทำงานต่างจังหวัดนะ
โดยไม่สนสี่สนแปดใดๆ ถึงขั้นโดนตราหน้าเลยว่าทิ้งลูกทิ้งผัว คนไม่เข้าใจก็คือไม่เข้าใจ อธิบายไปก็ไม่ช่วยอะไร
ทั้งๆที่ไม่มีความพร้อมใดๆเลย มีแค่ความรู้ความสามารถอันน้อยนิดที่ติดตัวมา กับเงิน 3,000 บาท
วันแรกที่มาถึง จ่ายค่าห้อง 2,500 แถมยังขอป้าเจ้าของบ้านว่า เงินมัดจำหนูขอจ่ายทีหลังนะคะ ตังค์ไม่พอ
ป้าก็ใจดี ไม่เป็นไรอีหนู ค่อยๆทยอยมาก็ได้ โชคดีที่ทำงานมีข้าวให้กิน 2 มื้อ เราก็กิน 10 โมงรอบนึง บ่ายสี่อีกรอบนึง
จากปกติต้องกินสามมื้อเต็มทุกวัน สรุปว่าเคสนี้ผ่าน ถือเป็นการลดความอ้วนไปในตัว วันนี้นับเงินมีอยู่ 400 ได้ เพราะวันแรกที่มาก็เสียค่าข้าว
วันต่อๆไปก็คงได้ใช้แค่ค่ารถ 10 บาท มาลงสุดป้าย แล้วเดินต่ออีกเกือบๆ 2 กม. ถึงที่ทำงาน นี่ไง ได้ออกกำลังกายอีกแล้ว
เพิ่งได้ลิ้มรสคำว่าหน้าชื่นอกตรมก็วันนี้ ต้องปั้นหน้ายิ้มกับคนที่ทำงาน
แต่ในใจนี่ร้องไห้คิดถึงลูกตลอดเวลา รู้ว่าตัวเองคิดผิดที่ทำแบบนี้ แต่ก็ถอยหลังไม่ได้แล้ว มีแต่ต้องสู้กับสู้อย่างเดียว
อยากตบกะโหลกตัวเอง นึกยังไงไปให้ค่ากับกลุ่มคนที่มันเห็นแก่ตัว แต่ไม่นึกถึงความลำบากที่จะเกิดขึ้นกับตัวเอง ความรู้สึกของลูกที่ 12 ปีไม่เคยห่างแม่
ต้องมาห่างกันแบบไม่รู้ว่าวันไหนจะได้เจอกันอีก
เมื่อก่อนใช้ชีวิตแบบไม่มีสติ มีแต่สตางค์ ใครๆก็รัก เป็นที่พึ่งให้ใครหลายๆคน (โดยเฉพาะครอบครัวสามี) อยากกินอะไรบอก ทำให้กินได้หมด แต่ต้องเอาตังค์มานะ เดี๋ยวแม่(ผัว) ทำให้ พอหมดสตางค์ ได้สติกลับมา และพร้อมกับเปลี่ยนร่างเป็นหมา 1 ตัว ไม่มีใครเห็น ไม่มีใครมอง
วันที่ล้ม ก็มีแค่มือสามีนี่แหล่ะที่คอยช่วย เดี๋ยวถ้าแม่เธอตาย เราจะกลับไปตอบแทนบุญคุณเธอนะ ตอนนี้อยู่ได้ คิดถึงกันมันเป็นเรื่องปกติ
ร้องไห้ก็เป็นเรื่องปกติ มีแค่ 2 ทางเลือก สู้ไม่ได้ ก็ยอมตายไปซะ แต่จะให้กลับไปร่วมชายคาเดียวกันอีก คงไม่มีทาง
ฝากเตือนสติบรรดาลูกตะไคร้ (ลูกสะใภ้) ทั้งหลาย
หากทนได้ก็ทนนะคะ อย่ายอมแลกอะไรโง่ๆแบบเรา ครอบครัวสำคัญที่สุด
ลูกสำคัญยิ่งกว่า
จะอยู่ให้ได้ทั้งเดือนด้วยเงิน 400 และชีวิตเริ่มต้นเมื่ออายุ 33
เริ่มเลยคือมีปัญหาทางบ้าน กับครอบครัวสามีค่ะ อดทนมานานจนไม่ไหวแล้ว เลยบอกสามีและลูกว่า ขอมาทำงานต่างจังหวัดนะ
โดยไม่สนสี่สนแปดใดๆ ถึงขั้นโดนตราหน้าเลยว่าทิ้งลูกทิ้งผัว คนไม่เข้าใจก็คือไม่เข้าใจ อธิบายไปก็ไม่ช่วยอะไร
ทั้งๆที่ไม่มีความพร้อมใดๆเลย มีแค่ความรู้ความสามารถอันน้อยนิดที่ติดตัวมา กับเงิน 3,000 บาท
วันแรกที่มาถึง จ่ายค่าห้อง 2,500 แถมยังขอป้าเจ้าของบ้านว่า เงินมัดจำหนูขอจ่ายทีหลังนะคะ ตังค์ไม่พอ
ป้าก็ใจดี ไม่เป็นไรอีหนู ค่อยๆทยอยมาก็ได้ โชคดีที่ทำงานมีข้าวให้กิน 2 มื้อ เราก็กิน 10 โมงรอบนึง บ่ายสี่อีกรอบนึง
จากปกติต้องกินสามมื้อเต็มทุกวัน สรุปว่าเคสนี้ผ่าน ถือเป็นการลดความอ้วนไปในตัว วันนี้นับเงินมีอยู่ 400 ได้ เพราะวันแรกที่มาก็เสียค่าข้าว
วันต่อๆไปก็คงได้ใช้แค่ค่ารถ 10 บาท มาลงสุดป้าย แล้วเดินต่ออีกเกือบๆ 2 กม. ถึงที่ทำงาน นี่ไง ได้ออกกำลังกายอีกแล้ว
เพิ่งได้ลิ้มรสคำว่าหน้าชื่นอกตรมก็วันนี้ ต้องปั้นหน้ายิ้มกับคนที่ทำงาน
แต่ในใจนี่ร้องไห้คิดถึงลูกตลอดเวลา รู้ว่าตัวเองคิดผิดที่ทำแบบนี้ แต่ก็ถอยหลังไม่ได้แล้ว มีแต่ต้องสู้กับสู้อย่างเดียว
อยากตบกะโหลกตัวเอง นึกยังไงไปให้ค่ากับกลุ่มคนที่มันเห็นแก่ตัว แต่ไม่นึกถึงความลำบากที่จะเกิดขึ้นกับตัวเอง ความรู้สึกของลูกที่ 12 ปีไม่เคยห่างแม่
ต้องมาห่างกันแบบไม่รู้ว่าวันไหนจะได้เจอกันอีก
เมื่อก่อนใช้ชีวิตแบบไม่มีสติ มีแต่สตางค์ ใครๆก็รัก เป็นที่พึ่งให้ใครหลายๆคน (โดยเฉพาะครอบครัวสามี) อยากกินอะไรบอก ทำให้กินได้หมด แต่ต้องเอาตังค์มานะ เดี๋ยวแม่(ผัว) ทำให้ พอหมดสตางค์ ได้สติกลับมา และพร้อมกับเปลี่ยนร่างเป็นหมา 1 ตัว ไม่มีใครเห็น ไม่มีใครมอง
วันที่ล้ม ก็มีแค่มือสามีนี่แหล่ะที่คอยช่วย เดี๋ยวถ้าแม่เธอตาย เราจะกลับไปตอบแทนบุญคุณเธอนะ ตอนนี้อยู่ได้ คิดถึงกันมันเป็นเรื่องปกติ
ร้องไห้ก็เป็นเรื่องปกติ มีแค่ 2 ทางเลือก สู้ไม่ได้ ก็ยอมตายไปซะ แต่จะให้กลับไปร่วมชายคาเดียวกันอีก คงไม่มีทาง
ฝากเตือนสติบรรดาลูกตะไคร้ (ลูกสะใภ้) ทั้งหลาย
หากทนได้ก็ทนนะคะ อย่ายอมแลกอะไรโง่ๆแบบเรา ครอบครัวสำคัญที่สุด
ลูกสำคัญยิ่งกว่า