1 ตุลาคม พ.ศ. 2705...
กลางมหาสมุทรแอตแลนติก...
"นิว คาพาเธีย" เรือสำราญลำใหญ่ แล่นออกจากท่าเรือแอตแลนติกซิตี้แห่งสหรัฐอเมริกา มุ่งหน้าสู่สหราชอาณาจักร แต่จำเป็นต้องหยุดจอดนิ่งกลางมหาสมุทรเพราะเกิดเหตุด่วนซึ่งไม่มีใครคาดคิด เอฟบีไอส่งข่าวด่วนมาถึงเรือว่า มีการจารกรรมเกิดขึ้นที่พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาสมิธโซเนียน ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในตอนกลางดึกของคืนก่อนหน้าที่ นิว คาพาเธีย จะออกจากท่าเรือ
คนร้ายซึ่งปลอมตัวเป็นหัวหน้า ร.ป.ภ.ได้เข้าไปฉกสมบัติล้ำค่าในห้องที่เก็บรักษามันไว้ออกไปจากพิพิธภัณฑ์ นั่นคือ เพชรโฮป !! และเอฟบีไอสืบทราบจนได้เบาะแสแน่ชัดว่า คนร้ายนั้น คือหนึ่งในจำนวนผู้โดยสารที่มากับนิว คาพาเธีย และเป็นผู้โดยสารระดับวีไอพี พักอาศัยอยู่บนชั้นหนึ่งของเรือ!
เมื่อได้รับแจ้งเช่นนั้น นิว คาพาเธีย จึงหยุด ไม่แล่นไปต่อ เพื่อรอการมาของเจ้าหน้าที่จากสหรัฐซึ่งกำลังมาโดยยานบิน และประกาศให้ผู้โดยสารทุกคนอยู่ในห้อง ครั้นมาถึงแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจากสหรัฐพร้อมด้วยหน่วย ร.ป.ภ.ของเรือจึงเริ่มเข้าตรวจค้นห้องผู้โดยสารชั้นหนึ่ง
ในบรรดาห้องเหล่านั้น ห้องหมายเลข 103 เป็นห้องของอดีตวิศวกรแห่งองค์การนาซ่า ผู้เพิ่งหมดสัญญาการว่าจ้างและตัดสินใจไม่ต่อสัญญา เพราะต้องการกลับไปใช้ชีวิตที่ประเทศไทย เขาก็คือ วันชนะ อดีตกัปตันยาน THE FUGITIVE พร้อมกับ เอ็มม่า ภรรยาสาวผู้มาจากดาวเนโอโซรอส และแอนนา ลูกสาว กับแจ๊ค ลูกชาย พวกเขาให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีเมื่อพวกเจ้าหน้าที่และ ร.ป.ภ. ส่วนหนึ่งมาถึงห้อง ปล่อยให้คนเหล่านั้นทำการตรวจค้น ใช้เวลาไม่นานการตรวจค้นก็เสร็จสิ้น ไม่มีอะไรที่น่าสงสัยแต่อย่างใด
พวกเจ้าหน้าที่กล่าวขอบคุณวันชนะและครอบครัวที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แล้วเริ่มจะก้าวออกไปจากห้องนั้นเพื่อตรวจค้นห้องอื่นต่อไป
แต่พวกเขาก็ต้องหูผึ่ง หยุดชะงัก แล้วหันมามองเจ้าของห้องซึ่งเอ่ยขึ้นมา
"พวกคุณสนใจ หรือเชื่อถือคนที่มีพลังจิตไหมครับ ? ผมว่าบางที พวกเขาอาจช่วยพวกคุณได้"
หัวหน้าทีมกลับหลังหันมาหาเขาและถามทันที "ใครกันครับ คุณวันชนะ ?"
"สองคนนี้ไงครับ" อดีตกัปตันยาน THE FUGITIVE ยิ้มและผายมือไปยังลูกสาวและลูกชาย
"อ้อ...มิสแอนนา และ บิ๊กแจ๊ค!" หัวหน้าทีมเอ่ยชื่อทั้งสอง เขาจำชื่อทั้งสองได้หลังจากเข้ามาในห้องและมีการแจ้งชื่อแต่ละคน "เธอสองคน จะช่วยฉันได้ยังไงล่ะเนี่ย บอกซิ"
"พวกคุณมีภาพของคนร้ายไหมคะ ?" แอนนาถาม
"มีแต่ภาพที่เขาปลอมตัวเป็นหัวหน้า ร.ป.ภ.นะ เราไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขา"
"ถ้างั้น ผมขอดูรูปเพชรที่เขาขโมยหน่อยคับ" น้องแจ๊คเอ่ยปากขอ แล้วหัวหน้าทีมคนนั้นก็ล้วงภาพออกมาจากอกเสื้อโชว์ให้ดู
"ฮืมม...." น้องแจ๊คครางในลำคอ แล้วพูดกับพี่สาว "พี่แอนนา เราร่วมมือกันดีกว่าคับ"
"ได้สิ! มาเลย!!" แอนนาพยักหน้า จากนั้น สองพี่น้องก็จับมือกันทั้งข้างซ้ายและข้างขวา หลับตาลง ทำสมาธิ
ภาพเพชรโฮปสีน้ำเงินเม็ดเบ้อเริ่มซึ่งปัจจุบันราคาสูงถึง 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ลอยเด่นในมโนทวารจักษุของสองพี่น้อง จากนั้นทั้งสองประสานพลังเข้าด้วยกันแล้วแผ่ออกไปทั่วทิศ เสมือนคลื่นสัญญาณตรวจค้น และมันสามารถครอบคลุมอาณาบริเวณได้นับร้อยๆ ไมล์!
ทีมเจ้าหน้าที่และ ร.ป.ภ. ยืนดูสองพี่น้อง บางคนทำหน้าเบ้เพราะไม่เชื่อถือ บางคนก็เฉยๆ บางคนก็ดูท่าทางลุ้นอยู่ด้วยความหวัง
ไม่ถึงนาที น้องแจ๊คก็ลืมตาขึ้นมาก่อนแล้วบอกเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกันชัดเปรี๊ยะ
"ROOM NO.117 !!! "
"เร็วด้วยค่ะ เขากำลังจะหนี !!" แอนนาบอกเพิ่มเติม เท่านั้นเองเจ้าหน้าที่และ ร.ป.ภ.ทีมนั้นก็รีบวิ่งไปยังห้องหมายเลข 117 ทันที โดยหัวหน้าทีมวิทยุถึงทีมอื่นๆ ให้ไปที่ห้องนั้นด้วย
วันชนะและครอบครัวพากันเดินออกมาจากห้องเพื่อตามดูเหตุการณ์ ทันใดนั้นทุกคนก็มองเห็นคนร้ายสวมชุดประดาน้ำและติดเครื่องเจ็ตกลางหลังวิ่งไปที่หัวเรือ แล้วร่างของเขาก็พุ่งขึ้นสู่ฟ้าด้วยเครื่องเจ็ตนั้น!
"เฮ้ !!! คัมแบ๊ค !! ซันออฟอะบิ๊ทช์ !!!!" เจ้าหน้าที่คนหนึ่งตะโกนด่าในขณะวิ่งตามมาพร้อมกับคนอื่นๆ
"ไปกัน! แจ๊ค จัดการมัน!!" แอนนาร้องบอกน้องชายตัวน้อย
ทั้งสองพี่น้องวิ่งไปที่หัวเรือ แหงนหน้ามองคนร้ายซึ่งกำลังเหาะหนีด้วยเครื่องเจ็ต แล้วสองพี่น้องก็ชูสองมือขึ้น เกร็งนิ้วทำท่าขยุ้มและกระชาก!
"เชี๊ยตต!! บ้าอะไรวะเนี่ย ???"
คนร้ายสบถด้วยความตกใจที่ร่างของตนหมุนคว้างกลางอากาศ และค่อยๆ ลอยกลับมาที่เรือ !!
"ฟัคค!!" มันสบถด่าอีกครั้งด้วยความโมโห ในขณะที่ตัวของมันลอยใกล้จะถึงเรือ จึงตัดสินใจ
"ในเมื่อกูไม่ได้ไป คนอื่นก็อย่าได้!!" มันร้องตะโกนด้วยความคั่งแค้น แล้วล้วงเพชรโฮปออกมาจากกระเป๋าเสื้อหนังของชุดประดาน้ำของมัน ขว้างทิ้งลงไปสู่ผืนน้ำอันกว้างใหญ่แห่งมหาสมุทร !!
"บ้าเอ๊ยย! มันโยนเพชรทิ้ง !!" เจ้าหน้าที่คนหนึ่งตะโกนบอก จากนั้นเจ้าหน้าที่หลายคนรีบขึ้นยานบิน กว่ายานลำนั้นจะพาพวกเขาไปถึงกลางมหาสมุทรบริเวณที่เพชรตก เพชรก็จมดิ่งลึกลงไปมากแล้ว และกระแสแห่งคลื่นใต้น้ำก็ยิ่งพัดพาไปไกลจากจุดตกอีก
คนบนเรือต่างเฝ้ามองการลงไปค้นหาเพชรกัน ซึ่งการที่มนุษย์จะสวมชุดประดาน้ำแล้วดำดิ่งลงไปใต้น้ำนั้นทำได้ด้วยความลึกที่จำกัด ในอดีตเคยมีนักดำน้ำชาวอังกฤษคนหนึ่งทำสถิติโลกดำน้ำแบบสคูบาที่ความลึก 313 เมตร หรือเท่ากับ 1026.9 ฟุตโดยดำอยู่ ณ จุดนั้น 12 นาที ใช้ถังออกซิเจน 6 ถังติดตัวลงไป และยังมีอีก 24 ถังที่จัดเตรียมไว้ในระดับความลึกต่าง ๆ ก่อนจะขึ้นสู่ผิวน้ำ เขายังต้องใช้เวลาสำหรับการพักอยู่ในน้ำเพื่อปรับระดับความดันในร่างกายนานถึง 6 ชั่วโมง 40 นาที ก่อนที่จะกลับคืนมาสู่ผิวน้ำได้อย่างปลอดภัย หากขึ้นมาโดยไม่มีการปรับความดันในร่างกายเลย อาจทำให้เกิดอาการปอดฉีกรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
เพราะฉะนั้น การที่มนุษย์จะดำดิ่งลงไปก้นมหาสมุทรซึ่งลึกเกินกว่า 3 พัน 5 ร้อยเมตร จึงเป็นไปไม่ได้ !! นอกจากจะนั่งยานหรือเรือดำน้ำลงไปเท่านั้น
และแล้ว เพชรโฮป ก็จมดิ่งลึกลงไปมากกว่าสามพันเมตร...
เจ้าหน้าที่จากสหรัฐฯ ทำแผนที่ระบุจุดตกของเพชรอย่างคร่าวๆ แล้วติดต่อขอให้เรือดำน้ำของกองทัพมายังบริเวณนั้นในเวลาต่อมา
แต่หลังจากที่เรือดำน้ำมาถึงที่ตามพิกัดที่ได้รับแจ้ง บริเวณก้นมหาสมุทรก็เกิดแผ่นดินไหวขึ้นมาโดยฉับพลัน! ส่งผลให้เกิดคลื่นปั่นป่วนอยู่ประมาณสองสามนาที แล้วก็ค่อยๆ สงบไป แต่ผลจากคลื่นที่ปั่นป่วนก็ทำให้เรือนิว คาพาเธียถูกน้ำซัดสาดและเอนเอียงจนเกือบจะล่ม!
ผลจากแผ่นดินไหวบริเวณก้นมหาสมุทรนั้นซึ่งสำคัญมากก็คือ ทำให้สิ่งที่เคยจมลึกลงไปใต้ก้นมหาสมุทรซึ่งใหญ่เป็นอันดับสองของโลกนั้นผุดขึ้นมาเหนือพื้นดินแห่งก้นมหาสมุทร!
และสิ่งที่ถูกดันขึ้นมานั้น คือ ส่วนหนึ่งของกำแพงเมืองโบราณ และ แท่นหินขนาดใหญ่อันเป็นฐานรองรับรูปปั้นของอะไรสักอย่างหนึ่งซึ่งข้างบนหักพังไปแล้วและไม่รู้ว่าส่วนที่หักไปนั้นอยู่ที่ไหน เหลือแต่ขาสองข้าง และเสาหินทั้งข้างซ้ายและข้างขวาซึ่งอยู่ห่างกัน และกุดจนเหลือเพียงโคนเสา !!
เมื่อแผ่นดินไหวสงบลง ปรากฏว่า เพชรโฮปเม็ดนั้น ตกอยู่ระหว่างโคนเสาสองเสานั้นพอดี !!
เรือดำน้ำของสหรัฐฯ ดำดิ่งลงไปจนถึงก้นมหาสมุทร และปล่อย "เรือบริวาร" สิบลำ ซึ่งเป็นเหมือนหุ่นยนต์ ควบคุมโดยคนในเรือดำน้ำใหญ่ ให้ออกไปสำรวจสิ่งปรักหักพังที่ผุดขึ้นมา
หลังจากนั้น เพชรโฮป ก็ถูกหาพบ และส่งคืนพิพิธภัณฑ์เดิม พร้อมกับรายงานข่าวด่วนที่สร้างความฮือฮาไปทั่วโลก...
แผ่นดินไหวใต้พื้นมหาสมุทรแอตแลนติก เมืองโบราณโผล่ !!
เพชรโฮป นอนอยู่บนแท่นศิลาของรูปปั้นนิรนาม !!
เมืองโบราณผุดหลังเกิดแผ่นดินไหว 7 ริกเตอร์ใต้ก้นมหาสมุทรแอตแลนติก !!
ปริศนาปฏิมากรรมโบราณ อาจเป็นเสาศิลาแห่งเฮอร์คิวลิส !!
และถ้าเป็นเช่นนั้น ซากกำแพงเมืองที่โผล่ขึ้นมานั้นก็เป็นของ แอตแลนติส !!!
สารพัดพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์ที่ปรากฏต่อผู้อ่านในวันรุ่งขึ้น
-----------------------------------------------------------------------------
หลังจากที่คนร้ายผู้ทำการโจรกรรมฉกเพชรโฮปถูกแอนนาและน้องแจ๊คช่วยกันใช้พลังจิตดึงจากกลางอากาศลอยกลับมาร่วงตกบนบริเวณหัวเรือนิว คาพาเธียและถูกเจ้าหน้าที่จับไปแล้ว ตัวแทนของเจ้าหน้าที่ FBI ได้มาขอพบวันชนะและครอบครัว และกล่าวขอบคุณที่ได้รับความช่วยเหลือจากการใช้พลังจิตอันน่าอัศจรรย์ใจของลูกสาวและลูกชายของเขาจนทำให้สามารถจับคนร้ายได้สำเร็จ ซึ่งวันชนะก็ตอบว่าไม่เป็นไร ยินดีให้ความร่วมมือช่วยเหลือ
"ผมก็ทำงานให้กับรัฐบาลสหรัฐฯ มาหลายปี บางครั้งก็รู้สึกว่าเป็นพลเมืองสหรัฐไปแล้ว ก็ยินดีที่ลูกสาวและลูกชายของผมได้มีส่วนช่วยครับ" กัปตันวันชนะบอกกับหัวหน้าเจ้าหน้าที่ FBI
"ขอบคุณคุณและครอบครัวอีกครั้งครับ เราซาบซึ้งมาก ประทับใจมากกับลูกๆ ของคุณ และเราจะหาทางตอบแทนคุณความดีของพวกคุณให้จงได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม หากทางเราทราบ เราจะช่วยพวกคุณทันที หากคุณมีอะไรให้ช่วย โปรดบอกมาได้เลยนะครับ" หัวหน้าทีม FBI ให้คำสัญญา
"ขอบคุณครับ" วันชนะตอบและจับมือกับเขา
สองวันต่อมา วันชนะและครอบครัว กลับถึงประเทศไทย และทราบข่าวการหายไปของสถาพร เอวา และสามหนุ่มอาข่า จากสาวเล็กซึ่งติดต่อเข้ามาในวันแรกทันทีที่เขากลับถึงบ้านพักในจังหวัดเชียงใหม่ เขาและครอบครัวจึงนัดพบกับเธอและแอนดี้ที่บ้านของเธอในจังหวัดเชียงราย พร้อมกับอดีตสมาชิกยาน THE FUGITIVE ที่เหลือ คือ สาวจอย แซม เอก และสองภรรยาพี่น้องฝาแฝด รัชนก รัชนี
เวลาประมาณเก้าโมงเช้า ทุกคนเดินทางไปที่บ้านของสถาพรทันทีหลังจากได้พบกันแล้ว และช่วยกันสำรวจภายในบ้านของสถาพรซึ่งเปิดประตูทิ้งไว้ และโรงเก็บยาน SAVIOR FALCON จึงเห็นว่า ยานของด็อกเตอร์หนุ่มก็หายไปด้วย
"ไม่น่าเลย คุณสถาพรนี่! เล็กเตือนเค้าแล้วนะคะกัปตัน ว่าอย่าขับยานข้ามเวลาไปไหน สุดท้ายก็หายไปจนได้! แถมพากันไปหมดทั้งบ้าน !!" สาวเล็กกล่าวอย่างขัดเคือง เธอมั่นใจว่าสถาพรคงจะขับยาน SAVIOR FALCON ข้ามเวลาไปที่อื่นกาลอื่นแล้วแน่นอน
"คุณเล็กอย่าเพิ่งด่วนสรุปครับ" วันชนะเบรคเธอไว้ "เรายังไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงว่าเขาและทุกคนหายไปไหน พวกเขาอาจจะไปเที่ยวกันที่ไหนสักแห่งก็ได้"
"ไปเที่ยวอะไรกันคะกัปตัน นี่มันผ่านมาเกือบเดือนนึงแล้วนะคะ ปกติเค้าไม่เคยหายตัวไปนานเท่านี้นะคะ" สาวเล็กแย้ง "อย่างมากที่สุดที่เค้าเคยหายไปจากบ้านก็ไม่เกินสัปดาห์เดียวเท่านั้นแหละค่ะ! และถ้าเค้าหายไป ก็หายไปคนเดียวนะคะกัปตัน เอวาอยู่ บรรจง อาบือ อาเจอะ อยู่ค่ะ! แต่คราวนี้มันผิดปกติแล้วค่ะกัปตัน เพราะพวกเค้าหายไปหมดทุกคน แถมยานของเค้าก็หายไปด้วย มันเข้าใจเป็นอย่างอื่นไม่ได้อะค่ะ กัปตัน!"
"เอาน่า...ใจเย็นๆ คุณเล็ก อย่าเพิ่งใจร้อน ขอผมตรวจดูทุกอย่างให้ถ้วนทั่วเสียก่อน" วันชนะบอกกับสาวเล็กแล้วหันมาพูดกับแอนดี้ "ว่าไง แอนดี้ สบายดีนะเราอะ ?"
"ครับผม เจ้านาย" แอนดี้ก้มหัวให้เจ้านายตลอดกาลของตน "สบายดีครับ"
"เราไม่ได้ร่วมงานกันมานาน วันนี้ได้โอกาสแล้ว แอนดี้"
"ผมยินดีรับใช้เจ้านายเสมอครับ"
"ดีมาก! เอาละ ตอนนี้นายช่วยไปเช็คระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งควบคุมบ้านนี้ทีซิ ดูว่า วันสุดท้ายของสถาพรซึ่งอยู่ในบ้านนี้ เป็นวันที่เท่าไร เดือนไหน "
(ต่อครับ)
💫🕛💫🚀 แดนศิวิไลซ์ ( หลงกาล ภาค 2 ) ตอนที่ 3 🚀💫🕛💫
"นิว คาพาเธีย" เรือสำราญลำใหญ่ แล่นออกจากท่าเรือแอตแลนติกซิตี้แห่งสหรัฐอเมริกา มุ่งหน้าสู่สหราชอาณาจักร แต่จำเป็นต้องหยุดจอดนิ่งกลางมหาสมุทรเพราะเกิดเหตุด่วนซึ่งไม่มีใครคาดคิด เอฟบีไอส่งข่าวด่วนมาถึงเรือว่า มีการจารกรรมเกิดขึ้นที่พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาสมิธโซเนียน ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในตอนกลางดึกของคืนก่อนหน้าที่ นิว คาพาเธีย จะออกจากท่าเรือ คนร้ายซึ่งปลอมตัวเป็นหัวหน้า ร.ป.ภ.ได้เข้าไปฉกสมบัติล้ำค่าในห้องที่เก็บรักษามันไว้ออกไปจากพิพิธภัณฑ์ นั่นคือ เพชรโฮป !! และเอฟบีไอสืบทราบจนได้เบาะแสแน่ชัดว่า คนร้ายนั้น คือหนึ่งในจำนวนผู้โดยสารที่มากับนิว คาพาเธีย และเป็นผู้โดยสารระดับวีไอพี พักอาศัยอยู่บนชั้นหนึ่งของเรือ!
เมื่อได้รับแจ้งเช่นนั้น นิว คาพาเธีย จึงหยุด ไม่แล่นไปต่อ เพื่อรอการมาของเจ้าหน้าที่จากสหรัฐซึ่งกำลังมาโดยยานบิน และประกาศให้ผู้โดยสารทุกคนอยู่ในห้อง ครั้นมาถึงแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจากสหรัฐพร้อมด้วยหน่วย ร.ป.ภ.ของเรือจึงเริ่มเข้าตรวจค้นห้องผู้โดยสารชั้นหนึ่ง
ในบรรดาห้องเหล่านั้น ห้องหมายเลข 103 เป็นห้องของอดีตวิศวกรแห่งองค์การนาซ่า ผู้เพิ่งหมดสัญญาการว่าจ้างและตัดสินใจไม่ต่อสัญญา เพราะต้องการกลับไปใช้ชีวิตที่ประเทศไทย เขาก็คือ วันชนะ อดีตกัปตันยาน THE FUGITIVE พร้อมกับ เอ็มม่า ภรรยาสาวผู้มาจากดาวเนโอโซรอส และแอนนา ลูกสาว กับแจ๊ค ลูกชาย พวกเขาให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีเมื่อพวกเจ้าหน้าที่และ ร.ป.ภ. ส่วนหนึ่งมาถึงห้อง ปล่อยให้คนเหล่านั้นทำการตรวจค้น ใช้เวลาไม่นานการตรวจค้นก็เสร็จสิ้น ไม่มีอะไรที่น่าสงสัยแต่อย่างใด
พวกเจ้าหน้าที่กล่าวขอบคุณวันชนะและครอบครัวที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แล้วเริ่มจะก้าวออกไปจากห้องนั้นเพื่อตรวจค้นห้องอื่นต่อไป
แต่พวกเขาก็ต้องหูผึ่ง หยุดชะงัก แล้วหันมามองเจ้าของห้องซึ่งเอ่ยขึ้นมา
"พวกคุณสนใจ หรือเชื่อถือคนที่มีพลังจิตไหมครับ ? ผมว่าบางที พวกเขาอาจช่วยพวกคุณได้"
หัวหน้าทีมกลับหลังหันมาหาเขาและถามทันที "ใครกันครับ คุณวันชนะ ?"
"สองคนนี้ไงครับ" อดีตกัปตันยาน THE FUGITIVE ยิ้มและผายมือไปยังลูกสาวและลูกชาย
"อ้อ...มิสแอนนา และ บิ๊กแจ๊ค!" หัวหน้าทีมเอ่ยชื่อทั้งสอง เขาจำชื่อทั้งสองได้หลังจากเข้ามาในห้องและมีการแจ้งชื่อแต่ละคน "เธอสองคน จะช่วยฉันได้ยังไงล่ะเนี่ย บอกซิ"
"พวกคุณมีภาพของคนร้ายไหมคะ ?" แอนนาถาม
"มีแต่ภาพที่เขาปลอมตัวเป็นหัวหน้า ร.ป.ภ.นะ เราไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขา"
"ถ้างั้น ผมขอดูรูปเพชรที่เขาขโมยหน่อยคับ" น้องแจ๊คเอ่ยปากขอ แล้วหัวหน้าทีมคนนั้นก็ล้วงภาพออกมาจากอกเสื้อโชว์ให้ดู
"ฮืมม...." น้องแจ๊คครางในลำคอ แล้วพูดกับพี่สาว "พี่แอนนา เราร่วมมือกันดีกว่าคับ"
"ได้สิ! มาเลย!!" แอนนาพยักหน้า จากนั้น สองพี่น้องก็จับมือกันทั้งข้างซ้ายและข้างขวา หลับตาลง ทำสมาธิ
ภาพเพชรโฮปสีน้ำเงินเม็ดเบ้อเริ่มซึ่งปัจจุบันราคาสูงถึง 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ลอยเด่นในมโนทวารจักษุของสองพี่น้อง จากนั้นทั้งสองประสานพลังเข้าด้วยกันแล้วแผ่ออกไปทั่วทิศ เสมือนคลื่นสัญญาณตรวจค้น และมันสามารถครอบคลุมอาณาบริเวณได้นับร้อยๆ ไมล์!
ทีมเจ้าหน้าที่และ ร.ป.ภ. ยืนดูสองพี่น้อง บางคนทำหน้าเบ้เพราะไม่เชื่อถือ บางคนก็เฉยๆ บางคนก็ดูท่าทางลุ้นอยู่ด้วยความหวัง
ไม่ถึงนาที น้องแจ๊คก็ลืมตาขึ้นมาก่อนแล้วบอกเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกันชัดเปรี๊ยะ "ROOM NO.117 !!! "
"เร็วด้วยค่ะ เขากำลังจะหนี !!" แอนนาบอกเพิ่มเติม เท่านั้นเองเจ้าหน้าที่และ ร.ป.ภ.ทีมนั้นก็รีบวิ่งไปยังห้องหมายเลข 117 ทันที โดยหัวหน้าทีมวิทยุถึงทีมอื่นๆ ให้ไปที่ห้องนั้นด้วย
วันชนะและครอบครัวพากันเดินออกมาจากห้องเพื่อตามดูเหตุการณ์ ทันใดนั้นทุกคนก็มองเห็นคนร้ายสวมชุดประดาน้ำและติดเครื่องเจ็ตกลางหลังวิ่งไปที่หัวเรือ แล้วร่างของเขาก็พุ่งขึ้นสู่ฟ้าด้วยเครื่องเจ็ตนั้น!
"เฮ้ !!! คัมแบ๊ค !! ซันออฟอะบิ๊ทช์ !!!!" เจ้าหน้าที่คนหนึ่งตะโกนด่าในขณะวิ่งตามมาพร้อมกับคนอื่นๆ
"ไปกัน! แจ๊ค จัดการมัน!!" แอนนาร้องบอกน้องชายตัวน้อย
ทั้งสองพี่น้องวิ่งไปที่หัวเรือ แหงนหน้ามองคนร้ายซึ่งกำลังเหาะหนีด้วยเครื่องเจ็ต แล้วสองพี่น้องก็ชูสองมือขึ้น เกร็งนิ้วทำท่าขยุ้มและกระชาก!
"เชี๊ยตต!! บ้าอะไรวะเนี่ย ???"
คนร้ายสบถด้วยความตกใจที่ร่างของตนหมุนคว้างกลางอากาศ และค่อยๆ ลอยกลับมาที่เรือ !!
"ฟัคค!!" มันสบถด่าอีกครั้งด้วยความโมโห ในขณะที่ตัวของมันลอยใกล้จะถึงเรือ จึงตัดสินใจ
"ในเมื่อกูไม่ได้ไป คนอื่นก็อย่าได้!!" มันร้องตะโกนด้วยความคั่งแค้น แล้วล้วงเพชรโฮปออกมาจากกระเป๋าเสื้อหนังของชุดประดาน้ำของมัน ขว้างทิ้งลงไปสู่ผืนน้ำอันกว้างใหญ่แห่งมหาสมุทร !!
"บ้าเอ๊ยย! มันโยนเพชรทิ้ง !!" เจ้าหน้าที่คนหนึ่งตะโกนบอก จากนั้นเจ้าหน้าที่หลายคนรีบขึ้นยานบิน กว่ายานลำนั้นจะพาพวกเขาไปถึงกลางมหาสมุทรบริเวณที่เพชรตก เพชรก็จมดิ่งลึกลงไปมากแล้ว และกระแสแห่งคลื่นใต้น้ำก็ยิ่งพัดพาไปไกลจากจุดตกอีก
คนบนเรือต่างเฝ้ามองการลงไปค้นหาเพชรกัน ซึ่งการที่มนุษย์จะสวมชุดประดาน้ำแล้วดำดิ่งลงไปใต้น้ำนั้นทำได้ด้วยความลึกที่จำกัด ในอดีตเคยมีนักดำน้ำชาวอังกฤษคนหนึ่งทำสถิติโลกดำน้ำแบบสคูบาที่ความลึก 313 เมตร หรือเท่ากับ 1026.9 ฟุตโดยดำอยู่ ณ จุดนั้น 12 นาที ใช้ถังออกซิเจน 6 ถังติดตัวลงไป และยังมีอีก 24 ถังที่จัดเตรียมไว้ในระดับความลึกต่าง ๆ ก่อนจะขึ้นสู่ผิวน้ำ เขายังต้องใช้เวลาสำหรับการพักอยู่ในน้ำเพื่อปรับระดับความดันในร่างกายนานถึง 6 ชั่วโมง 40 นาที ก่อนที่จะกลับคืนมาสู่ผิวน้ำได้อย่างปลอดภัย หากขึ้นมาโดยไม่มีการปรับความดันในร่างกายเลย อาจทำให้เกิดอาการปอดฉีกรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
เพราะฉะนั้น การที่มนุษย์จะดำดิ่งลงไปก้นมหาสมุทรซึ่งลึกเกินกว่า 3 พัน 5 ร้อยเมตร จึงเป็นไปไม่ได้ !! นอกจากจะนั่งยานหรือเรือดำน้ำลงไปเท่านั้น
และแล้ว เพชรโฮป ก็จมดิ่งลึกลงไปมากกว่าสามพันเมตร...
เจ้าหน้าที่จากสหรัฐฯ ทำแผนที่ระบุจุดตกของเพชรอย่างคร่าวๆ แล้วติดต่อขอให้เรือดำน้ำของกองทัพมายังบริเวณนั้นในเวลาต่อมา
แต่หลังจากที่เรือดำน้ำมาถึงที่ตามพิกัดที่ได้รับแจ้ง บริเวณก้นมหาสมุทรก็เกิดแผ่นดินไหวขึ้นมาโดยฉับพลัน! ส่งผลให้เกิดคลื่นปั่นป่วนอยู่ประมาณสองสามนาที แล้วก็ค่อยๆ สงบไป แต่ผลจากคลื่นที่ปั่นป่วนก็ทำให้เรือนิว คาพาเธียถูกน้ำซัดสาดและเอนเอียงจนเกือบจะล่ม!
ผลจากแผ่นดินไหวบริเวณก้นมหาสมุทรนั้นซึ่งสำคัญมากก็คือ ทำให้สิ่งที่เคยจมลึกลงไปใต้ก้นมหาสมุทรซึ่งใหญ่เป็นอันดับสองของโลกนั้นผุดขึ้นมาเหนือพื้นดินแห่งก้นมหาสมุทร!
และสิ่งที่ถูกดันขึ้นมานั้น คือ ส่วนหนึ่งของกำแพงเมืองโบราณ และ แท่นหินขนาดใหญ่อันเป็นฐานรองรับรูปปั้นของอะไรสักอย่างหนึ่งซึ่งข้างบนหักพังไปแล้วและไม่รู้ว่าส่วนที่หักไปนั้นอยู่ที่ไหน เหลือแต่ขาสองข้าง และเสาหินทั้งข้างซ้ายและข้างขวาซึ่งอยู่ห่างกัน และกุดจนเหลือเพียงโคนเสา !!
เมื่อแผ่นดินไหวสงบลง ปรากฏว่า เพชรโฮปเม็ดนั้น ตกอยู่ระหว่างโคนเสาสองเสานั้นพอดี !!
เรือดำน้ำของสหรัฐฯ ดำดิ่งลงไปจนถึงก้นมหาสมุทร และปล่อย "เรือบริวาร" สิบลำ ซึ่งเป็นเหมือนหุ่นยนต์ ควบคุมโดยคนในเรือดำน้ำใหญ่ ให้ออกไปสำรวจสิ่งปรักหักพังที่ผุดขึ้นมา
หลังจากนั้น เพชรโฮป ก็ถูกหาพบ และส่งคืนพิพิธภัณฑ์เดิม พร้อมกับรายงานข่าวด่วนที่สร้างความฮือฮาไปทั่วโลก...
แผ่นดินไหวใต้พื้นมหาสมุทรแอตแลนติก เมืองโบราณโผล่ !!
เพชรโฮป นอนอยู่บนแท่นศิลาของรูปปั้นนิรนาม !!
เมืองโบราณผุดหลังเกิดแผ่นดินไหว 7 ริกเตอร์ใต้ก้นมหาสมุทรแอตแลนติก !!
ปริศนาปฏิมากรรมโบราณ อาจเป็นเสาศิลาแห่งเฮอร์คิวลิส !!
และถ้าเป็นเช่นนั้น ซากกำแพงเมืองที่โผล่ขึ้นมานั้นก็เป็นของ แอตแลนติส !!!
สารพัดพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์ที่ปรากฏต่อผู้อ่านในวันรุ่งขึ้น