อยากทำศัลยกรรมทั้งหน้าควรเริ่มจากทำอะไรก่อนครับ

ก่อนที่คุณจะตัดสินใจทำศัลยกรรมอะไรก็แล้วแต่
คุณต้องมีอาวุธพวกนี้ติดตัวก่อนครับ

ด่านแรก
ตรวจสอบข้อมูลแพทย์ว่ามีตัวตนจริงหรือไม่ ข้อมูลแพทย์ต้องมีอยู่ในระบบจริง ต้องตรวจสอบได้
ว่าแพทย์จบนานหรือยัง มันสามารถเช็คได้จากเว็บแพทยสภา เพียงแค่พิมพ์ชื่อแพทย์และนามสกุลลงไปในระบบและต้อง
มีเลขใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมที่ต้องตรงกับในระบบด้วย อยากแนะนำว่าให้ไปตะเวนดูภายในคลินิกแกล้งทำเป็นไปขอปรึกษา
เกี่ยวกับการทำก่อนก็ได้ครับ แล้วก็แกล้งเซลฟี่ถ่ายรูปแต่เปิดกล้องหลังเพื่อถ่ายเลขประกอบวิชาชีพมาค้นหาข้อมูลอีกทีในเน็ต
ซึ่งถ้าคลินิกมีความบริสุทธิ์ และจริงใจต่อลูกค้า ต่อคนไข้นั้น ทางคลินิกหรือแม้แต่บุคคลากรในคลินิกย่อมแสดงเจตจำนงที่ดี
เขาจะยินยอมเปิดเผยข้อมูลของแพทย์ผู้ทำหัตถการ ให้กับคนไข้หรือผู้มาใช้บริการที่ต้องการทราบ แบบตรงไปตรงมาอยู่แล้วครับ

แต่ถ้าไม่ให้ความร่วมมือหรือมีพิรุธ ก็คิดเอาเองนะครับว่าควรทำหัตถการที่นี่ไหม

ด่านที่สอง
เช็คคุณสมบัติของแพทย์คนนั้น คนที่คุณกำลังจะเอาหน้าไปให้เขาผ่าได้เรียนศัลยกรรมตกแต่งพลาสติกมาหรือเปล่า
แพทย์คนนี้อาจจะถนัดเสริมจมูก คนนี้ถนัดแก้ไขใบหูกาง คนนี้ถนัดเสริมหน้าอก หรือแก้ไขเคสมีปัญหาเฉพาะใบหน้า
ไม่มีหรอกครับที่แพทย์หนึ่งคนจะเก่งรอบด้านหรือแพทย์คนนั้นไปเรียนคอร์สระยะสั้นเอา
แบบนี้ผมบอกเลยว่าอันตราย เช็คว่าแพทย์จบด้านอะไรมา จบศัลยกรรมตกแต่งพลาสติกหรือไม่

และ เลขที่ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมของแพทย์ตรงกันหรือเปล่า ตรงกับในระบบแพทยสภาหรือไม่
เลขใบประกอบวิชาชีพของแพทย์จะต้องติดไว้ในสถานพยาบาลหรือคลินิก ถ้าเป็นคลินิกถูกต้องตามกฎหมาย
เพราะคลินิกจะต้องแสดงข้อมูลแพทย์ผู้ประจำคลินิกที่ทำงานอยู่ภายในคลินิกนั้นด้วย แต่ถ้าเป็นโรงพยาบาลที่มีมาตรฐานก็ไม่ต้องกังวล
และแพทย์ต้องได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมจากแพทยสภาเท่านั้น จบจากเมืองนอกแล้วมามั่วซั่วเปิดอันนี้ไม่ปลอดภัย

ด่านที่สุดท้าย
คลินิกต้องแสดงใบการเสียภาษีประจำปีของคลินิก รวมถึงใบอนุญาตการเปิดสถานพยาบาลด้วย
เช็คให้หมดว่ามีสิ่งไหนผิดปกติ เช็คว่าคลินิกนี้เสียภาษีมั้ย หรือค้างภาษีมาเป็นปีแล้ว ใบอนุญาตที่แปะในร้าน
คนที่เซ็นต์รับรองมีตัวตนจริงหรือไม่ ต้องตรวจสอบลึกลงไปมาก ผมอยากจะบอกว่ามันอาจจะยุ่งยากและเสียเวลา
แต่คุณเชื่อมั้ยว่ามันจะปลอดภัยและเป็นผลดีต่อตัวคุณมาก



ถ้าเกิดสงสัยว่า ทำไมต้องละเอียดขนาดนี้ ดูยุ่งยากวุ่นวายจัง ก็เพราะ...
เพราะเวลางานมีปัญหาก็ไม่พ้นแพทย์ที่เขาไปเรียนมาโดยตรงเรื่องการศัลยกรรมตกแต่ง
แพทย์ที่ไปเรียนเพิ่มมักจะแก้งานกันไม่ค่อยได้ ทำได้แต่แก้ไม่ได้ เคสก็ทำออกมาแบบไม่สวย เย็บแผลไม่เป็น งานไม่ประณีต
มีปัญหาก็ไม่คุยกับคนไข้หรือผลงานที่ตัวเองทำลงไป ศัลยกรรมเป็นงานที่แพทย์ต้องฝีมือเก่งจริงถึงจะลงมือผ่าตัดได้ ต้องมีความละเอียดและแพทย์ต้องมีสมาธิสูงในการทำหัตถการแต่ละเคส

ซึ่งคุณก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าแค่ไปเรียนอบรมระยะสั้น 3-4 เดือน
กับเรียนเฉพาะทางการผ่าตัดตกแต่งที่ต้องเจาะลึกลงไปอีก มันเป็นเหตุผลที่ต้องใช้เวลาฝึกฝน
โดยการลงเรียนบอร์ดพลาสติกยาว 5 ปี มันเป็นตัวบ่งบอกอยู่แล้วว่าความสามารถในขอบเขตงานที่ทำได้ ใครจะละเอียดและชำนาญกว่ากัน

แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง อย่าเห็นแก่ราคาถูก โปรโมชั่นถูก
ไตร่ตรองดูว่าอยากเจ็บตัวครั้งเดียวแล้วจบ  หรือ แก้แล้วแก้อีกไม่จบไม่สิ้นเปลืองเงินและเสียเวลา
หรือคุณอยากเป็นเคสให้พวกแพทย์จบใหม่ร้อนวิชาที่ไม่ได้จบเฉพาะทางมาหรือพวกที่พึ่งอบรมระยะสั้นมาหมาดๆได้ฝึกก็ตามใจคุณ


ค้นหาในอินเตอร์เน็ตว่าในพื้นที่จังหวัดที่อยู่มีแพทย์เชี่ยวชาญ
เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่งของประเทศไทยประจำอยู่กี่คน
แพทย์คนนั้นมีคลินิกมั้ยหรือประจำโรงพยาบาลไหน ทำโรงพยาลก็ช่วยลดความผิดพลาดได้อีกระดับ
แน่นอนว่าโรงพยาบาลห้องผ่าตัดต้องปลอดเชื้อ
ซึ่งอันนี้คนที่คิดจะทำศัลยกรรมกับร่างกายควรมีอยู่แล้ว
เพราะมันเป็นวิธีพื้นฐานในการป้องกันความพลาดของการตัดสินใจผิด

โปรดเช็คและศึกษาข้อมูลก่อนทำศัลยกรรมอย่างละเอียด โปรดให้ความสำคัญของตัวแพทย์ โปรดนึกถึงผลเสียที่จะตามมา

แล้วคุณจะปลอดภัย ขอให้โชคดีครับ