ขอท้าวความไปตอนเป็นเด็กเลยนะครับ ตอน ป.2ผมบอกพ่อกับแม่ว่าอยากเป็นนักศิลปะผมโดนด่ายับเลยครับ พอขึ้น ป.4 ผมต้องเรียนพิเศษตั้งแต่แปดโมงถึงเที่ยงครึ่ง แล้วก็กินข้าวบนรถเพราะบ่ายโมงมีเรียนต่อยาวถึงห้าโมงเย็น พอกลับบ้านต้องอ่านหนังตั้งแต่สองทุ่มถึงสี่ทุ่ม วันธรรมดาพอเลิกเรียนต้องเรียนพิเศษถึงห้าโมง กลับบ้านอ่านหนังสือตั้งแต่สองทุ่มถึงสี่ทุ่ม เป็นแบบนี้วนไปจนถึงตอนจะสอบเข้า ม.1วันสอบผมป่วยด้วยแต่ก็ต้องไปสอบเข้า ส.ค.ว บอกเลยโจทย์ผมก็ยังไม่อ่านท้องก็ปวดเวียนหัวอยากอาเจียนอีก รีบทำมั่วๆจะได้นอนพัก ผลสอบออกภายในสี่วันซึ่งผมไม่มีทางติด ผมโดนด่ายับขนาดผมป่วยยังไม่สนใจผมเลย ก็เลยไปสอบห้องธรรมดา ซึ่งติดแบบสบายๆ พอ ม.1ผมขี้เกียจแบบเบื่อทนไม่ไหวเกรดเลยตกมาสองกว่าๆ แต่พอ ม.2ถึง ม.3ก็เรียนบ้างเล่นบ้างได้เกรดสามเกือบสี่ พ่อกับแม่ก็ยังไม่พอใจ ไล่ผมออกจากบ้านด้วยซำ้(คงคิดว่าผมไม่กล้า)ผมก็เลยออกเอาเงินเก็บไปเช่าหออยู่ แล้วก็เริ่มทำงานรับวาดรูป มีของอะไรฮิตๆช่วงนั้นก็เอาไปขายที่โรงเรียน ศุกร์เสาร์ผมก็ไปขายที่ตลาด ช่วงกีฬาสีก็ทาสีป้ายแกะโฟม ช่วงเทศกาลต่างๆงานก็จะเยอะหน่แยคนจ้างเยอะปิดเมอมบางทีพี่ที่รู้จัก ทั้งที่จบแล้ว หรือเรียนอยู่เทคนิค อาชีวะ ก็ชวนไปทาสีวัดบ้างแกะไม้บ้าง ทำภาพพิมพ์ ทำป้าย เขียนแบบ(รู้สึกโชคดีที่เป็นคนเฟรนลี่ไก้เรียนได้ทำอะไรพวกนี้ฟรีไม่ต้องไปหาติว)รู้สึกมีความสุขมากเหมือนเหนื่อยแต่เอาจริงๆไม่เหนื่อยเลยนะมีความสุขเพราะได้ทำสิ่งที่ชอบ ชีวิตแฮปปี้กว่าตอนเรียนหนักๆหลายเท่า เงินเดือนๆนึงก็ได้5หลัก ช่วงปิดเทอมนี่ยิ่งได้เยอะไปกันใหญ่ แฮปปี้อยากได้อะไรก็ได้มีความสุขที่ยืนด้วยตัวเอง ไม่เหมือนตอนเด็กชีวิตมีแต่เรียนๆๆๆๆๆๆๆ ของขวัญวันเกิดยังเป็นหนังสือ แบบชุดนึงสิบกว่าเล่ม บางทีก็หนังสือเล่มใหญ่ๆ ราคามันแพงเกือบหมื่นก็มีแต่มันไม่ทำให้ผมมีความสุขเลย ผมอาจจะไม่ได้เรียนได้แต่เกรดสี่และที่หนึ่งตลอดแบบพ่อกับแม่ แต่ผมว่าผมแกร่งในการใช้ชีสิตมากกว่า สุดท้ายทุกท่านคิดว่าที่ผมทำแบบนี้ผิดไหมครับ
ผมผิดไหม