สวัสดีครับ
ตอนนี้ผมเครียดมาก ไม่มีใครให้คุย มีปัญหาปรึกษาใครก็ไม่ได้ ผมจะพยายามย่อให้ได้ใจความนะครับ
ย้อนกลับไปเมื่อ มีนา 61 ผมกับเพื่อนทั้งหมด 4 คนโดนไล่ออกจากงาน แค่นั้นยังไม่พอนายจ้างยังแจ้งความจับพวกผมอีก พอแฟนผมรู้เรื่องเค้าก็กลัวว่าผมจะเครียด(ผมกับแฟนอยู่ด้วยกันมา6-7ปีแล้ว) ก็ลาออกจากงานมาอยู่เพื่อน(ซึ่งเป็นการกระทำที่แย่มาก) ตำรวจเรียกสอบค่อยข้างบ่อย ผมก็ไปทุกครั้ง
ช่วงเดือนเมษาระหว่างรอตำรวจส่งสำนวนให้อัยการ อาผมก็ชวนไปเที่ยวแฟนผมก็ไปด้วย(ผมอยู่คนละจังหวัดกับอา) ไปเที่ยวกลับมาก็นั่งๆนอนๆอยู่บ้านอาหลายวันมาก แฟนผมก็บ่นอยากกลับบ้านแล้ว ผมเลยบอกไปถ้าอยากกลับให้กลับไปก่อน พอถึงวันที่เค้าจะกลับเค้าทำท่าทางแบบไม่พอใจ(เพราะผมไม่ได้กลับไปด้วย) อาผมเห็นอาการเค้า อาก็ถามเค้าว่าเป็นอะไร แฟนผมกลับไม่พอใจหนักขึ้นไปอีกโวยวายพาลคนทั้งบ้าน ทีนี้ก็ทะเลาะกันหนักเลย ผมเลยต้องให้ลุงเอาแฟนผมไปส่งขึ้นรถกลับบ้าน เหตุการณ์เหตุการณ์นี้ทำให้ไม่มีใครปลื้มแฟนผมอีกเลย แล้วผมก็ไม่ได้คุยกับแฟนผมเลย หลังจากนั้นสองสามวันเหมือนแฟนผมจะคิดได้(เหมือนจะคิดได้นะ) ก็ได้โทรขอโทษทุกๆคน รวมทั้งผมด้วย พยายามโทรหาอ้อนวอนให้ผมกลับบ้าน อยู่ๆแม่ผมก็โทรมาว่าอยากกลับบ้านมารับแม่กลับบ้านที(แม่ผมติดบ่อนมากผมเลยเอาไปฝากไว้บ้านญาติคนละจังหวัด) ผมเลยจำเป็นต้องไปรับแม่กลับบ้าน กลับมาก็เจอแฟนผมนั้นแระ อาผมรู้ว่าผมกลับไปบ้านไปเจอแฟน อาผมเค้าว่าผมใหญ่เลย แทบจะตัดญาติ สุดท้ายเค้าก็บอกว่ามีปัญหาอะไรโทรมาปรึกษาเค้าได้เหมือนเดิม แต่เค้าจะไม่ช่วยเหลืออะไรนะถ้าอยู่กับแฟนคนนี้ ถามว่าผมให้อภัยแฟนผมไหมก็ไม่นะ ผมมองว่ามันเป็นใหญ่นะไม่ควรจะเกิดขึ้นเลยด้วยซ่ำเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้ ถามว่าทำไมผมเลิกกับเค้าไปเลย บ้านผมอยุ่นี้แล้วเค้าไม่ยอมไปไหน เค้าพยายามทำดีกับคนรอบข้างทำดีกับแม่ผม แม่ผมก็พูดอยู่นั้นแระเรื่องแค่นี้ก็ให้อภัยกันอยู่ด้วยกันมาต้องนานอะไรแบบนี้ พูดๆ แฟนผมเค้าก็สัญญาจะกลับตัวเป็นคนดีนู้นนี้นั้น เรื่องคดีไม่มีใครช่วย เค้าก็จะช่วยให้เต็มที่ เพราะไปพูดว่าคนอื่นเค้าไว้เยอะจนเค้าเอื่อมจนไม่มีใครอยากยุ่ง ก็อยู่ด้วยมาก็ไม่ได้มีความสุขนะ เพราะต่างคนมีปมในใจ ทุกผมโทรคุยกับญาติ(คนที่แฟนผมเค้าทะเลาะด้วย)ผมกับแฟนจะมีปัญหากัน เค้าจะหาเรื่องผเรื่องผมตลอด แล้วก็จะเอาเรื่องที่เค้าทะเลาะกับอาผมมาพูดทุกครั้งว่า วันนั้นทำไมถึงไม่ช่วยเค้า ทำไมถึงไปเข้าข้างอา จะเป็นแบบนี้ซ้ำๆ บ่อยมาก แล้วต่างคนต่างไม่ได้ทำงาน ภาระก็ยังมี และมีเพิ่มขึ้นด้วย ก็ทำให้เป็นปัญหาหนักขึ้นมาอีก ผมทนไม่ไหวหนีออกจากบ้าน แม่ก็โทรตามแม้ป่วยแม่ไม่สบายกลับมาบ้านเถอะบอกว่าแฟนผมไม่อยู่แล้ว ไปหางานทำแล้ว ผมไม่เชื่อนะผมก็ไม่กลับ แต่มีเหตุที่ผมต้องก็เรื่องคดีนั้นแระทำให้ผมไปไหนไม่ได้ แฟนผมเค้ารู้วันนัด เค้าก็ไปดักรอที่อัยการ พอเจอผมก็ทำเหมือนเดิม ขอโทษนู้นนี้นั้น ทำตัวเหมือนสำนึกผิด ผมก็คุยกับเค้า พูดเหตุผลหลายๆอย่างว่าทำไมผมถึงอยากทนไม่อยากอยู่ ก็ทำเหมือนจะเข้าใจ เค้าก็บอกเค้าจะไปหางานทำแล้ว แต่ให้ผมไปอยู่ด้วย ผมตัดรำคาญเลยตกลงไป ก็เข้ามางานในกรุงเทพน่าจะเป็นช่วงเดือนสิงหา61 เค้าก็ได้งานผมก็ขายของออนไลน์ของผมไปเรื่อยเพราะติดคดีหางานประจำทำไม่ได้
จนมาถึงวันที่อัยการสั่งฟ้อง แฟนผมเค้าก็เป็นคนจัดการเองทุกอย่างทั้งเรื่องประกัน จัดหาทนาย แล้วเค้าเลือกที่จะจ้างทนายอันดับต้นๆของประเทศ ค่าจ้างแพงมาก เงินที่เหลืออยู่ก้อนสุดท้ายก็เอาไปเป็นค่าจ้างทนาย นั้นยังไม่พอ ยังต้องผ่อนอีก 2เดือน แต่ก็โชคดีที่เลือกที่นี้ ได้ทนายที่เข้าใจในระบบงาน ไม่ต้องอธิบายเยอะ (ที่อื่นถูที่อื่นถูกจริงแต่เค้าไม่เข้าใจอธิบายอย่างไงก็ไม่เข้าใจจ้างไปคงจะเสียเงินป่าวๆ)
ตอนที่ผมโดนไล่ออก ตอนนั้นผมได้แจ้งแรงงานไว้ด้วย แรงงานมีคำสั่งให้นายจ้างจ่ายเงินทั้งหมดที่พวกผมเรียกไป นายจ้างได้อุทธรณ์ ศาลแรงงานนัดสือพยานแล้วให้ใช้ผลคดีอาญามาตัดสิ้น ตามที่นายจ้างเสนอ ตอนนี้ผมรู้สึกโล่งใจขึ้นมานิดนึง เพราะมีเวลาหาเงินอีกหลายเดือนกว่าจะขึ้นสืบพยานคดีแรงงาน แต่ในวันที่นายจ้างได้มาขึ้นศาลแรงงาน ได้ไปแจ้งความผมกับเพื่อนร่วมงานเพิ่มอีก ผมอารมณ์เสียมากตอนนั้น คดีเก่ายังจ่ายค่าทนายยังครบยังไม่ได้ขึ้นสืบพยานด้วย ฟ้องคดีใหม่มาอีก ตอนนั้นขับรถ กรุงเทพกลับบ้าน อาทิตย์เว้นอาทิตย์เลยก็ว่าได้ หาเงินไม่ทันครับ บัตรเครดิตบัตรกดเงินสดเต็มทุกใบ ผมกับแฟนก็ทะเลาะกันหนักขึ้น ทุกครั้งทีครั้งที่ทะเลาะจะไม่พ้นเรื่องอาผม ก็จะวนอยู่แบบนี้ ผมทะเลาะกันหนักจนผมต้องเก็บของหนีออกมา แล้วก็เหมือนเดิมครับ รอบนี้ให้แม่เค้าโทรมาขอโทษนู้นนั้นนี้สารพัด แล้วรู้ว่าวันนัดผมวันไหน เค้าก็จะตามไป แล้วก็โทษนู้นนี้นั้นเหมือนเดิม จากนั้นผมก็ตกลงกันนะ ต่อจากนี้ใช้เงินใครใช้เงินใครเงินมัน คดีของผมค่าทนายไม่มายุ่งแล้วผมจะหาเงินจ่ายเอง ตอนนั้นผมเลิกขายของออนไลน์เพราะทุนไม่เหลือ มีรถอยู่ก็เลยเอามาขับGrab
ขอข้ามไปเรื่องคดีเลยแล้วกัน เดือนมกราปี62 มาถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ก็ใช้เวลาหนึ่งวันเต็มๆ วันถัดมาสืบพยานจำเลย(ตัวผมเอง) อัยการขอเลื่อนวันสืบพยานออกไป อัยการให้เหตุผลว่าตำรวจเจ้าของคดีไม่สามารถมาได้เลยจำเป็นต้องเลื่อน วันนั้นผมชาไปหมดทั้งตัว เหมือนผมไปเสียเงินเสียเวลาป่าวๆ ไหนจะค่าเดินทางทนาย ค่าเดินทางผมอีก พยานที่ผมเรียกมา เสียเวลากันไปหมด ที่สำคัญเลย ผมกะว่าจบคดีแรกก็จะได้เงินจากคดีแรงงาน และผมจะได้เอาเงินตรงนี้มาสู้คดีที่สองต่อ วันนั้นแทบไม่อยากจะเดินต่อเลยครับ ตอนนี้คดีที่สองยังอยู่ที่อัยการและผมก็ยังต้องมาตามนัดที่อัยการอยู่ตลอด
ผมกับแฟนเราไม่ค่อยได้คุยกัน(ยังอยู่ด้วยกันนะ) ไม่ค่อยได้เจอหน้ากัน เลยไม่ค่อยได้ทะเลาะกัน แต่เค้าก็ยังหาเรื่องทะเลาะกับผมได้อยู่ดี วันนั้นผมไปกินเลี้ยงกับเพื่อน กลับคอนโดเกือบเช้า เค้าตื่นมาก็ถามว่าผมมีเงินเท่าไหร่ ผมก็ตอบไป มีอยู่พันสองพันนี้แระ แล้วเค้าบังคับเอาเงินนั้นไป(ใช้คำว่าบังคับนะคับ) ผมก็บอกว่าเงินนั้นเก็บไว้จ่ายค่าบัตรที่กำลังจะมาถึง เค้าก็ไม่สนเค้าบอกเค้าก็ต้องจ่ายเหมือนกัน เค้าว่าผมเห็นแก่ตัวด่าผมสารพัด ลำเลิกบุญคุณทุกอย่าง ถ้าผมไม่มีเค้าก็คงติดคุกไปนานแล้ว ญาติคนไหนก็ไม่ไปประกันให้ มีใครมาสนใจผมไหม เค้าก็จะพูดๆอยู่อย่างนี้ ทุกครั้งที่ทะเลาะกัน
ล่าสุดเค้าบอกว่า 11 เมษา ไปหาแม่เค้านะ ผมก็บอกเค้าว่าผมไม่ไปค่าใช้จ่ายเยอะ หลังสงกรานต์อัยการฟ้องแล้วหาเงินไม่ทัน เค้าก็ไม่ว่าอะไร แต่เค้าบอกว่าเค้าจะเอารถไปนะเพราะนัดกับน้องไ้ว้แล้ว (ผมขับแกร็บไม่มีรถแล้วผมจะหาเงินอย่างไง) ผมบอกให้เค้าเช่ารถกลับบ้านได้ไหม แต่เค้ากลับให้ผมเช่ารถมาขับแกร็บเอง
ผมรู้สึกเหนื่อยอย่างบอกไม่ถูก คือเค้าไม่คิดจะผมแล้วผมก็ไม่ว่านะ เพราะเค้าก็ช่วยมาเยอะ แต่ไม่ช่วยแล้วก็ไม่ควรจะขวางกันถูกไหมครับ ทุกวันนี้ที่เค้ารั้งให้ผมอยู่กับเค้าเนี่ย ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าด้วยเหตุผลอะไร ผมปัญหาอยากเล่าอยากคุย ก็กลายเป็นปัญหา กลายเป็นทะเลาะกัน ทุกวันนี้ผมเหมือนใช้ชีวิตอยู่คนเดียว ทุกวันนี้หาเงินได้ไม่เคยพอไหนจะหนี้สินที่มีไหนจะคดีมีอยู่ ทุกคนรอบไม่มีใครช่วยแก้ปัญหา มีแต่เพิ่มภาระให้ จนตอนนี้ผมเหนื่อยท้อ ไม่มีความสุขเลย นั่งกินข้าวอยู่ๆน้ำตาก็ไหก็ไหล มันเป็นอะไรที่ทรมานมากครับ มีแต่คนบอกให้ทนบอกให้สู้ ผมทนจนผมแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว
ทั้งหมดนี้มันทำให้ผมไม่อยากอยู่ต่อไปแล้ว แต่ทำไรไม่นอกจากทน ทน แล้วก็ทน
เหนื่อยกับปัญหาชีวิต
ตอนนี้ผมเครียดมาก ไม่มีใครให้คุย มีปัญหาปรึกษาใครก็ไม่ได้ ผมจะพยายามย่อให้ได้ใจความนะครับ
ย้อนกลับไปเมื่อ มีนา 61 ผมกับเพื่อนทั้งหมด 4 คนโดนไล่ออกจากงาน แค่นั้นยังไม่พอนายจ้างยังแจ้งความจับพวกผมอีก พอแฟนผมรู้เรื่องเค้าก็กลัวว่าผมจะเครียด(ผมกับแฟนอยู่ด้วยกันมา6-7ปีแล้ว) ก็ลาออกจากงานมาอยู่เพื่อน(ซึ่งเป็นการกระทำที่แย่มาก) ตำรวจเรียกสอบค่อยข้างบ่อย ผมก็ไปทุกครั้ง
ช่วงเดือนเมษาระหว่างรอตำรวจส่งสำนวนให้อัยการ อาผมก็ชวนไปเที่ยวแฟนผมก็ไปด้วย(ผมอยู่คนละจังหวัดกับอา) ไปเที่ยวกลับมาก็นั่งๆนอนๆอยู่บ้านอาหลายวันมาก แฟนผมก็บ่นอยากกลับบ้านแล้ว ผมเลยบอกไปถ้าอยากกลับให้กลับไปก่อน พอถึงวันที่เค้าจะกลับเค้าทำท่าทางแบบไม่พอใจ(เพราะผมไม่ได้กลับไปด้วย) อาผมเห็นอาการเค้า อาก็ถามเค้าว่าเป็นอะไร แฟนผมกลับไม่พอใจหนักขึ้นไปอีกโวยวายพาลคนทั้งบ้าน ทีนี้ก็ทะเลาะกันหนักเลย ผมเลยต้องให้ลุงเอาแฟนผมไปส่งขึ้นรถกลับบ้าน เหตุการณ์เหตุการณ์นี้ทำให้ไม่มีใครปลื้มแฟนผมอีกเลย แล้วผมก็ไม่ได้คุยกับแฟนผมเลย หลังจากนั้นสองสามวันเหมือนแฟนผมจะคิดได้(เหมือนจะคิดได้นะ) ก็ได้โทรขอโทษทุกๆคน รวมทั้งผมด้วย พยายามโทรหาอ้อนวอนให้ผมกลับบ้าน อยู่ๆแม่ผมก็โทรมาว่าอยากกลับบ้านมารับแม่กลับบ้านที(แม่ผมติดบ่อนมากผมเลยเอาไปฝากไว้บ้านญาติคนละจังหวัด) ผมเลยจำเป็นต้องไปรับแม่กลับบ้าน กลับมาก็เจอแฟนผมนั้นแระ อาผมรู้ว่าผมกลับไปบ้านไปเจอแฟน อาผมเค้าว่าผมใหญ่เลย แทบจะตัดญาติ สุดท้ายเค้าก็บอกว่ามีปัญหาอะไรโทรมาปรึกษาเค้าได้เหมือนเดิม แต่เค้าจะไม่ช่วยเหลืออะไรนะถ้าอยู่กับแฟนคนนี้ ถามว่าผมให้อภัยแฟนผมไหมก็ไม่นะ ผมมองว่ามันเป็นใหญ่นะไม่ควรจะเกิดขึ้นเลยด้วยซ่ำเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้ ถามว่าทำไมผมเลิกกับเค้าไปเลย บ้านผมอยุ่นี้แล้วเค้าไม่ยอมไปไหน เค้าพยายามทำดีกับคนรอบข้างทำดีกับแม่ผม แม่ผมก็พูดอยู่นั้นแระเรื่องแค่นี้ก็ให้อภัยกันอยู่ด้วยกันมาต้องนานอะไรแบบนี้ พูดๆ แฟนผมเค้าก็สัญญาจะกลับตัวเป็นคนดีนู้นนี้นั้น เรื่องคดีไม่มีใครช่วย เค้าก็จะช่วยให้เต็มที่ เพราะไปพูดว่าคนอื่นเค้าไว้เยอะจนเค้าเอื่อมจนไม่มีใครอยากยุ่ง ก็อยู่ด้วยมาก็ไม่ได้มีความสุขนะ เพราะต่างคนมีปมในใจ ทุกผมโทรคุยกับญาติ(คนที่แฟนผมเค้าทะเลาะด้วย)ผมกับแฟนจะมีปัญหากัน เค้าจะหาเรื่องผเรื่องผมตลอด แล้วก็จะเอาเรื่องที่เค้าทะเลาะกับอาผมมาพูดทุกครั้งว่า วันนั้นทำไมถึงไม่ช่วยเค้า ทำไมถึงไปเข้าข้างอา จะเป็นแบบนี้ซ้ำๆ บ่อยมาก แล้วต่างคนต่างไม่ได้ทำงาน ภาระก็ยังมี และมีเพิ่มขึ้นด้วย ก็ทำให้เป็นปัญหาหนักขึ้นมาอีก ผมทนไม่ไหวหนีออกจากบ้าน แม่ก็โทรตามแม้ป่วยแม่ไม่สบายกลับมาบ้านเถอะบอกว่าแฟนผมไม่อยู่แล้ว ไปหางานทำแล้ว ผมไม่เชื่อนะผมก็ไม่กลับ แต่มีเหตุที่ผมต้องก็เรื่องคดีนั้นแระทำให้ผมไปไหนไม่ได้ แฟนผมเค้ารู้วันนัด เค้าก็ไปดักรอที่อัยการ พอเจอผมก็ทำเหมือนเดิม ขอโทษนู้นนี้นั้น ทำตัวเหมือนสำนึกผิด ผมก็คุยกับเค้า พูดเหตุผลหลายๆอย่างว่าทำไมผมถึงอยากทนไม่อยากอยู่ ก็ทำเหมือนจะเข้าใจ เค้าก็บอกเค้าจะไปหางานทำแล้ว แต่ให้ผมไปอยู่ด้วย ผมตัดรำคาญเลยตกลงไป ก็เข้ามางานในกรุงเทพน่าจะเป็นช่วงเดือนสิงหา61 เค้าก็ได้งานผมก็ขายของออนไลน์ของผมไปเรื่อยเพราะติดคดีหางานประจำทำไม่ได้
จนมาถึงวันที่อัยการสั่งฟ้อง แฟนผมเค้าก็เป็นคนจัดการเองทุกอย่างทั้งเรื่องประกัน จัดหาทนาย แล้วเค้าเลือกที่จะจ้างทนายอันดับต้นๆของประเทศ ค่าจ้างแพงมาก เงินที่เหลืออยู่ก้อนสุดท้ายก็เอาไปเป็นค่าจ้างทนาย นั้นยังไม่พอ ยังต้องผ่อนอีก 2เดือน แต่ก็โชคดีที่เลือกที่นี้ ได้ทนายที่เข้าใจในระบบงาน ไม่ต้องอธิบายเยอะ (ที่อื่นถูที่อื่นถูกจริงแต่เค้าไม่เข้าใจอธิบายอย่างไงก็ไม่เข้าใจจ้างไปคงจะเสียเงินป่าวๆ)
ตอนที่ผมโดนไล่ออก ตอนนั้นผมได้แจ้งแรงงานไว้ด้วย แรงงานมีคำสั่งให้นายจ้างจ่ายเงินทั้งหมดที่พวกผมเรียกไป นายจ้างได้อุทธรณ์ ศาลแรงงานนัดสือพยานแล้วให้ใช้ผลคดีอาญามาตัดสิ้น ตามที่นายจ้างเสนอ ตอนนี้ผมรู้สึกโล่งใจขึ้นมานิดนึง เพราะมีเวลาหาเงินอีกหลายเดือนกว่าจะขึ้นสืบพยานคดีแรงงาน แต่ในวันที่นายจ้างได้มาขึ้นศาลแรงงาน ได้ไปแจ้งความผมกับเพื่อนร่วมงานเพิ่มอีก ผมอารมณ์เสียมากตอนนั้น คดีเก่ายังจ่ายค่าทนายยังครบยังไม่ได้ขึ้นสืบพยานด้วย ฟ้องคดีใหม่มาอีก ตอนนั้นขับรถ กรุงเทพกลับบ้าน อาทิตย์เว้นอาทิตย์เลยก็ว่าได้ หาเงินไม่ทันครับ บัตรเครดิตบัตรกดเงินสดเต็มทุกใบ ผมกับแฟนก็ทะเลาะกันหนักขึ้น ทุกครั้งทีครั้งที่ทะเลาะจะไม่พ้นเรื่องอาผม ก็จะวนอยู่แบบนี้ ผมทะเลาะกันหนักจนผมต้องเก็บของหนีออกมา แล้วก็เหมือนเดิมครับ รอบนี้ให้แม่เค้าโทรมาขอโทษนู้นนั้นนี้สารพัด แล้วรู้ว่าวันนัดผมวันไหน เค้าก็จะตามไป แล้วก็โทษนู้นนี้นั้นเหมือนเดิม จากนั้นผมก็ตกลงกันนะ ต่อจากนี้ใช้เงินใครใช้เงินใครเงินมัน คดีของผมค่าทนายไม่มายุ่งแล้วผมจะหาเงินจ่ายเอง ตอนนั้นผมเลิกขายของออนไลน์เพราะทุนไม่เหลือ มีรถอยู่ก็เลยเอามาขับGrab
ขอข้ามไปเรื่องคดีเลยแล้วกัน เดือนมกราปี62 มาถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ก็ใช้เวลาหนึ่งวันเต็มๆ วันถัดมาสืบพยานจำเลย(ตัวผมเอง) อัยการขอเลื่อนวันสืบพยานออกไป อัยการให้เหตุผลว่าตำรวจเจ้าของคดีไม่สามารถมาได้เลยจำเป็นต้องเลื่อน วันนั้นผมชาไปหมดทั้งตัว เหมือนผมไปเสียเงินเสียเวลาป่าวๆ ไหนจะค่าเดินทางทนาย ค่าเดินทางผมอีก พยานที่ผมเรียกมา เสียเวลากันไปหมด ที่สำคัญเลย ผมกะว่าจบคดีแรกก็จะได้เงินจากคดีแรงงาน และผมจะได้เอาเงินตรงนี้มาสู้คดีที่สองต่อ วันนั้นแทบไม่อยากจะเดินต่อเลยครับ ตอนนี้คดีที่สองยังอยู่ที่อัยการและผมก็ยังต้องมาตามนัดที่อัยการอยู่ตลอด
ผมกับแฟนเราไม่ค่อยได้คุยกัน(ยังอยู่ด้วยกันนะ) ไม่ค่อยได้เจอหน้ากัน เลยไม่ค่อยได้ทะเลาะกัน แต่เค้าก็ยังหาเรื่องทะเลาะกับผมได้อยู่ดี วันนั้นผมไปกินเลี้ยงกับเพื่อน กลับคอนโดเกือบเช้า เค้าตื่นมาก็ถามว่าผมมีเงินเท่าไหร่ ผมก็ตอบไป มีอยู่พันสองพันนี้แระ แล้วเค้าบังคับเอาเงินนั้นไป(ใช้คำว่าบังคับนะคับ) ผมก็บอกว่าเงินนั้นเก็บไว้จ่ายค่าบัตรที่กำลังจะมาถึง เค้าก็ไม่สนเค้าบอกเค้าก็ต้องจ่ายเหมือนกัน เค้าว่าผมเห็นแก่ตัวด่าผมสารพัด ลำเลิกบุญคุณทุกอย่าง ถ้าผมไม่มีเค้าก็คงติดคุกไปนานแล้ว ญาติคนไหนก็ไม่ไปประกันให้ มีใครมาสนใจผมไหม เค้าก็จะพูดๆอยู่อย่างนี้ ทุกครั้งที่ทะเลาะกัน
ล่าสุดเค้าบอกว่า 11 เมษา ไปหาแม่เค้านะ ผมก็บอกเค้าว่าผมไม่ไปค่าใช้จ่ายเยอะ หลังสงกรานต์อัยการฟ้องแล้วหาเงินไม่ทัน เค้าก็ไม่ว่าอะไร แต่เค้าบอกว่าเค้าจะเอารถไปนะเพราะนัดกับน้องไ้ว้แล้ว (ผมขับแกร็บไม่มีรถแล้วผมจะหาเงินอย่างไง) ผมบอกให้เค้าเช่ารถกลับบ้านได้ไหม แต่เค้ากลับให้ผมเช่ารถมาขับแกร็บเอง
ผมรู้สึกเหนื่อยอย่างบอกไม่ถูก คือเค้าไม่คิดจะผมแล้วผมก็ไม่ว่านะ เพราะเค้าก็ช่วยมาเยอะ แต่ไม่ช่วยแล้วก็ไม่ควรจะขวางกันถูกไหมครับ ทุกวันนี้ที่เค้ารั้งให้ผมอยู่กับเค้าเนี่ย ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าด้วยเหตุผลอะไร ผมปัญหาอยากเล่าอยากคุย ก็กลายเป็นปัญหา กลายเป็นทะเลาะกัน ทุกวันนี้ผมเหมือนใช้ชีวิตอยู่คนเดียว ทุกวันนี้หาเงินได้ไม่เคยพอไหนจะหนี้สินที่มีไหนจะคดีมีอยู่ ทุกคนรอบไม่มีใครช่วยแก้ปัญหา มีแต่เพิ่มภาระให้ จนตอนนี้ผมเหนื่อยท้อ ไม่มีความสุขเลย นั่งกินข้าวอยู่ๆน้ำตาก็ไหก็ไหล มันเป็นอะไรที่ทรมานมากครับ มีแต่คนบอกให้ทนบอกให้สู้ ผมทนจนผมแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว
ทั้งหมดนี้มันทำให้ผมไม่อยากอยู่ต่อไปแล้ว แต่ทำไรไม่นอกจากทน ทน แล้วก็ทน